โฆษกพท.ชี้พปชร.ตีรวนไม่แก้รธน.
https://www.innnews.co.th/politics/news_525960/
นาย
อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่สภาผู้แทนราษฎร กำลังจะตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า
พรรคเพื่อไทยและพรรคฝ่ายค้านไม่ได้สร้างเงื่อนไขใดที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตรงกันข้ามกับท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ ที่ตั้งใจตีรวนตั้งแต่ยังไม่ได้ตั้งกรรมาธิการวิสามัญ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย เพราะชนชั้นใดร่างรัฐธรรมนูญก็เพื่อชนชั้นนั้น ถึงขั้นเปิดปากรับสารภาพว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีไซน์มาเพื่อให้พรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐบาลเท่านั้น ถ้าไม่ได้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ โอกาสที่จะได้เป็นรัฐบาลคงไม่มี ผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากรัฐธรรมนูญ ก็จะต้องพิทักษ์หวงแหนรัฐธรรมนูญฉบับนี้อย่างถึงที่สุด จนเริ่มมีปฏิบัติการไอโอในลักษณะว่า ถ้าแก้รัฐธรรมนูญเมื่อไหร่ ความขัดแย้งรอบใหม่จะกลับมา ซึ่งไม่น่าจะเป็นความจริง เพราะจากสภาพปัญหาที่แท้จริงตั้งแต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีผลบังคับใช้ ไม่ได้ทำให้ความขัดแย้งที่ผ่านมาลดลงแต่อย่างใด
ในทางกลับกันกลับมีปัญหาทั้งการตีความและการบังคับใช้รัฐธรรมนูญในหลายมิติ ตอนร่างโฆษณาเกินจริงว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง แต่พอมาใช้จึงพบความจริงว่า เป็นแค่รัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงเก๊ คือปราบโกงได้ไม่จริง หรือปราบโกงแบบเลือกปฏิบัติ หรือไม่ หากปล่อยให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีผลบังคับใช้ต่อไปนอกจากความขัดแย้งจะไม่ลดลง กลับจะเพิ่มขึ้น ทุกฝ่ายควรลดเงื่อนไข เพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้เป็นรัฐธรรมนูญ ของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง
'ปิยบุตร'ดันตั้งกมธ.ศึกษาผลกระทบคำสั่งม.44
https://www.dailynews.co.th/politics/740115
"ปิยบุตร”ดันตั้งกมธ.ศึกษาผลกระทบคำสั่งม.44 เสนอตัวร่วม กมธ.แก้รัฐธรรมนูญด้วย ชี้อย่าเพิ่งโฟกัส ใครนั่งประธานแก้รัฐธรรมนูญ ให้ตั้งกมธ.ได้ก่อน
เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ที่พรรคอนาคตใหม่ นาย
ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมในการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2) ในวันที่ 6 พ.ย.นี้ว่า
ในวันการประชุมสภาฯ วันที่ 6 พ.ย.นี้ มีญัตติสำคัญๆ ที่ต้องพิจารณา ในส่วนของพรรคอนาคตใหม่ ได้เตรียมตัวเรื่องญัตติขอให้ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ เพื่อศึกษาผลกระทบการใช้อำนาจ และการออกประกาศ คำสั่ง และมาตรา 44 ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งตนเป็นคนเสนอญัตตินี้ขึ้นมา เราเตรียมผู้อภิปรายไว้ทั้งหมด 10 คน โดยจะอภิปรายภาพรวมทั้งหมด ซึ่งตนจะเป็นคนเปิดประเด็นเองว่าคำสั่งของ คสช. ส่งผลกระทบอะไรบ้าง จากนั้นจะเป็นการพูดถึงเรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชน เสรีภาพของสื่อ เรื่องการทวงคืนผืนป่า เรื่องที่ดิน และสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงการออกคำสั่งเพื่อเอื้อกับกลุ่มทุนขนาดใหญ่ การแทรกแซงองค์กรอิสระ และองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ตนคิดว่าญัตตินี้มีความสำคัญ เพราะตลอด 5 ปีของการปกครองของคสช. เราไม่มีสภาฯ ที่จะวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของคสช. ได้อย่างเต็มที่ ครั้งนี้อาจจะเรียกได้ว่าเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจคสช. ย้อนหลังถึงผลงานในอดีต ที่ยังส่งผลกระทบถึงปัจจุบัน นี่คือเหตุผลประการที่หนึ่ง
นาย
ปิยบุตร กล่าวว่า ส่วนเหตุผลประการที่สองคือ ศักดิ์ศรีของสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้ง ในวันนี้เป็นการเข้าสู่ระบบปกติ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จึงมีอำนาจและความชอบธรรมอย่างเต็มที่ ที่จะกลับมาพิจารณาทบทวนว่า การออกคำสั่งของคสช. นั้น มีความชอบธรรมหรือไม่เพียงใด และต้องมีการแก้ไขยกเลิก หรือเยียวยาผู้ที่เสียหายอย่างไร ต้นคิดว่าอาจจะใช้เวลาพอสมควรสำหรับญัตตินี้ ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้านหลายพรรคก็อยากจะเข้ามามีส่วนร่วมในประเด็นนี้ เป็นไปได้ว่าอาจจะยาวไปจนถึงวันพฤหัสบดี ที่ 7 พ.ย.
เมื่อถามว่าญัตตินี้ถือเป็นประเด็นหนึ่งที่ใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคฝ่ายค้านตั้งใจเจาะจงไปที่ตัวบุคคลหรือไม่ นาย
ปิยบุตร กล่าวว่า ญัตตินี้จะเน้นไปที่คำสั่งคสช. ก่อน ยังไม่เน้นตัวบุคคล แต่เป็นการอุ่นเครื่องเพื่อเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจครม.ในเดือนธ.ค. ประชาชนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องในอดีต ตนขอชี้แจงว่า คำสั่งคสช. ยังส่งผลกระทบถึงปัจจุบัน สิ่งสำคัญคือคำสั่งเหล่านี้เราไม่สามารถโต้แย้งได้ศาลได้เลย เพราะมีรัฐธรรมนูญรองรับ
ส่วนประเด็นเรื่องสัดส่วนของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ เพื่อศึกษาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ถูกเสนอตั้งนั้นได้วางแผนจัดสรรอย่างไร นาย
ปิยบุตร กล่าวว่า สำหรับ กมธ.ชุดนี้ หากเสียงข้างมากของสภาฯ โหวตให้ตั้ง ก็คงจะแบ่งตามสัดส่วนเดิม คือ พรรคอนค. จะได้ประมาณ 6 ที่นั่ง แต่ทั้งนี้ต้องดูที่ประชุมว่าจะเสนออย่างไร
เมื่อถามว่ามีความหวังในการตั้งกมธ. สำเร็จหรือไม่นั้น เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า เท่าที่ตนได้พูดคุยกับส.ส.หลากหลายพรรค ก็เห็นตรงกันว่าเราควรต้องพูดเรื่องนี้เพราะเรามาจากการเลือกตั้งของประชาชน และคำสั่งคสช. ไม่ได้กระทบกับกลุ่มการเมืองใดกลุ่มการเมืองหนึ่งเท่านั้น แต่ยังกระทบเป็นวงกว้างต่อพี่น้องประชาชน เช่น สิ่งแวดล้อม ป่าไม้ และที่ดิน รวมไปถึงข้าราชการที่ถูกโยกย้ายด้วยคำสั่งคสช. ตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ก็มีความเห็นว่าจะตั้งอนุกรรมาธิการเพื่อศึกษาปัญหาเรื่องนี้ แต่จะเป็นการทำงานในชุดของตนอย่างเดียว ตนจึงอยากให้มีการตั้ง กมธ. วิสามัญ ขึ้นมา เพื่อจะเปิดโอกาสให้ส.ส.จากทุกพรรค และบุคคลภายนอกมาทำงานร่วมกัน
เมื่อถามถึงญัตติการขอตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ เพื่อศึกษาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายปิบุตร เปิดเผยว่า หากญัตติเพื่อศึกษาผลกระทบคำสั่งของคสช. มีเยอะ ญัตติตั้งกมธ.แก้ไขรัฐธรรมนูญ อาจจะถูกเลื่อนไปเป็นสัปดาห์หน้า เท่าที่ประเมินพบว่ามีโอกาสสูงที่จะตั้งกมธ.แก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะมีหลายพรรคการเมืองเสนอเข้าไป หากตั้งได้แล้วก็ต้องมีบุคคลภายนอก และตัวแทนจากส.ส.ของแต่ละพรรคเข้าร่วมตามสัดส่วน แต่ครม.ไม่ควรมีส่วนเสนอชื่อคนที่จะเข้ามาในกมธ.ชุดนี้ เพราะมีความแตกต่างจาก คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาศึกษา ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ. ศ. 2563 เพราะรัฐมนตรีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารงบประมาณ แต่รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของสภาฯ ดังนั้นส.ส.ควรเป็นผู้เสนอชื่อแทน ซึ่งพรรคอนาคตใหม่ จะได้ประมาณ 6 ที่นั่ง ซึ่งจะมีทั้งส.ส.และบุคคลภายนอก เช่น อดีตนักการเมือง นักวิชาการ และนักรณรงค์ที่เคลื่อนไหวในประเด็นนี้ และยืนยันว่า บุคคลทั้งหมดจะไม่มีความเกี่ยวข้องกับคนที่ร่างรัฐธรรมนูญหลังรัฐประหาร เบื้องต้นยังไม่ได้ตกลงกันอย่างชัดเจน
"ต้องยอมรับว่า ที่ผมมาเป็นส.ส. ก็เพื่อเข้ามาผลักดันเรื่องกฎหมาย และการแก้รัฐธรรมนูญ คิดว่าจะเสนอตัวเองเข้าไปนั่งในกมธ.ชุดนี้ด้วย" นาย
ปิยบุตรกล่าว และว่า ส่วนนาย
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ก็กำลังคิดจะที่จะเข้าร่วมด้วย แต่ยังติดภารกิจที่ปรึกษา กมธ.งบประมาณฯ อยู่
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อยากให้ตำแหน่งประธานกมธ.แก้ไขรัฐธรรมนูญมาจากส.ส.ของพรรค พปชร. นั้น นาย
ปิยบุตร กล่าวว่า ในท้ายที่สุดการตัดสินว่าใครจะได้เป็นประธานฯ ก็จะอยู่ที่กมธ.ทั้งหมดลงมติเลือก ตามที่ผ่านมาก็มักจะตกลงกันได้ก่อน แต่หากตกลงกันไม่ได้ก็คงต้องลงมติในที่ประชุม ไม่มีกติกาบอกว่าตำแหน่งประธานฯ จะต้องมาจากพรรคการเมืองซีกรัฐบาล เพราะพรรครัฐบาลมีหลายพรรค และพรรคการเมืองที่ได้ส.ส.เป็นอันดับหนึ่งในสภาฯ คือพรรคเพื่อไทย (พท.)
ต่อข้อถามว่า ช่วงที่ผ่านมามีการเสนอชื่อนาย
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้มานั่งตำแหน่งประธานกมธ.แก้ไขรัฐธรรมนูญ นาย
ปิยบุตร แสดงความเห็นว่า สิ่งสำคัญในตอนนี้คือ การตั้งกมธ.ให้ได้ก่อน ถ้าประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญถูกเปลี่ยนไปโฟกัสว่า ใครเป็นประธานฯ สังคมก็อาจจะคลางแคลงใจว่าไม่มุ่งเน้นประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญ แต่ไปถกเถียงตีกันว่าใครจะเป็นประธานฯ .
JJNY : 4in1 พท.ชี้พปชร.ตีรวนไม่แก้รธน./ปิยบุตรดันตั้งกมธ.ศึกษาผลกระทบม.44/ชวนลั่นต้องแก้รธน./IMFติงไม่ควรแจกอย่างเดียว
https://www.innnews.co.th/politics/news_525960/
พรรคเพื่อไทยและพรรคฝ่ายค้านไม่ได้สร้างเงื่อนไขใดที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตรงกันข้ามกับท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ ที่ตั้งใจตีรวนตั้งแต่ยังไม่ได้ตั้งกรรมาธิการวิสามัญ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย เพราะชนชั้นใดร่างรัฐธรรมนูญก็เพื่อชนชั้นนั้น ถึงขั้นเปิดปากรับสารภาพว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีไซน์มาเพื่อให้พรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐบาลเท่านั้น ถ้าไม่ได้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ โอกาสที่จะได้เป็นรัฐบาลคงไม่มี ผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากรัฐธรรมนูญ ก็จะต้องพิทักษ์หวงแหนรัฐธรรมนูญฉบับนี้อย่างถึงที่สุด จนเริ่มมีปฏิบัติการไอโอในลักษณะว่า ถ้าแก้รัฐธรรมนูญเมื่อไหร่ ความขัดแย้งรอบใหม่จะกลับมา ซึ่งไม่น่าจะเป็นความจริง เพราะจากสภาพปัญหาที่แท้จริงตั้งแต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีผลบังคับใช้ ไม่ได้ทำให้ความขัดแย้งที่ผ่านมาลดลงแต่อย่างใด
ในทางกลับกันกลับมีปัญหาทั้งการตีความและการบังคับใช้รัฐธรรมนูญในหลายมิติ ตอนร่างโฆษณาเกินจริงว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง แต่พอมาใช้จึงพบความจริงว่า เป็นแค่รัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงเก๊ คือปราบโกงได้ไม่จริง หรือปราบโกงแบบเลือกปฏิบัติ หรือไม่ หากปล่อยให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีผลบังคับใช้ต่อไปนอกจากความขัดแย้งจะไม่ลดลง กลับจะเพิ่มขึ้น ทุกฝ่ายควรลดเงื่อนไข เพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้เป็นรัฐธรรมนูญ ของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง
'ปิยบุตร'ดันตั้งกมธ.ศึกษาผลกระทบคำสั่งม.44
https://www.dailynews.co.th/politics/740115
"ปิยบุตร”ดันตั้งกมธ.ศึกษาผลกระทบคำสั่งม.44 เสนอตัวร่วม กมธ.แก้รัฐธรรมนูญด้วย ชี้อย่าเพิ่งโฟกัส ใครนั่งประธานแก้รัฐธรรมนูญ ให้ตั้งกมธ.ได้ก่อน
เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ที่พรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมในการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2) ในวันที่ 6 พ.ย.นี้ว่า
ในวันการประชุมสภาฯ วันที่ 6 พ.ย.นี้ มีญัตติสำคัญๆ ที่ต้องพิจารณา ในส่วนของพรรคอนาคตใหม่ ได้เตรียมตัวเรื่องญัตติขอให้ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ เพื่อศึกษาผลกระทบการใช้อำนาจ และการออกประกาศ คำสั่ง และมาตรา 44 ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งตนเป็นคนเสนอญัตตินี้ขึ้นมา เราเตรียมผู้อภิปรายไว้ทั้งหมด 10 คน โดยจะอภิปรายภาพรวมทั้งหมด ซึ่งตนจะเป็นคนเปิดประเด็นเองว่าคำสั่งของ คสช. ส่งผลกระทบอะไรบ้าง จากนั้นจะเป็นการพูดถึงเรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชน เสรีภาพของสื่อ เรื่องการทวงคืนผืนป่า เรื่องที่ดิน และสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงการออกคำสั่งเพื่อเอื้อกับกลุ่มทุนขนาดใหญ่ การแทรกแซงองค์กรอิสระ และองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ตนคิดว่าญัตตินี้มีความสำคัญ เพราะตลอด 5 ปีของการปกครองของคสช. เราไม่มีสภาฯ ที่จะวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของคสช. ได้อย่างเต็มที่ ครั้งนี้อาจจะเรียกได้ว่าเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจคสช. ย้อนหลังถึงผลงานในอดีต ที่ยังส่งผลกระทบถึงปัจจุบัน นี่คือเหตุผลประการที่หนึ่ง
นายปิยบุตร กล่าวว่า ส่วนเหตุผลประการที่สองคือ ศักดิ์ศรีของสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้ง ในวันนี้เป็นการเข้าสู่ระบบปกติ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จึงมีอำนาจและความชอบธรรมอย่างเต็มที่ ที่จะกลับมาพิจารณาทบทวนว่า การออกคำสั่งของคสช. นั้น มีความชอบธรรมหรือไม่เพียงใด และต้องมีการแก้ไขยกเลิก หรือเยียวยาผู้ที่เสียหายอย่างไร ต้นคิดว่าอาจจะใช้เวลาพอสมควรสำหรับญัตตินี้ ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้านหลายพรรคก็อยากจะเข้ามามีส่วนร่วมในประเด็นนี้ เป็นไปได้ว่าอาจจะยาวไปจนถึงวันพฤหัสบดี ที่ 7 พ.ย.
เมื่อถามว่าญัตตินี้ถือเป็นประเด็นหนึ่งที่ใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคฝ่ายค้านตั้งใจเจาะจงไปที่ตัวบุคคลหรือไม่ นายปิยบุตร กล่าวว่า ญัตตินี้จะเน้นไปที่คำสั่งคสช. ก่อน ยังไม่เน้นตัวบุคคล แต่เป็นการอุ่นเครื่องเพื่อเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจครม.ในเดือนธ.ค. ประชาชนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องในอดีต ตนขอชี้แจงว่า คำสั่งคสช. ยังส่งผลกระทบถึงปัจจุบัน สิ่งสำคัญคือคำสั่งเหล่านี้เราไม่สามารถโต้แย้งได้ศาลได้เลย เพราะมีรัฐธรรมนูญรองรับ
ส่วนประเด็นเรื่องสัดส่วนของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ เพื่อศึกษาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ถูกเสนอตั้งนั้นได้วางแผนจัดสรรอย่างไร นายปิยบุตร กล่าวว่า สำหรับ กมธ.ชุดนี้ หากเสียงข้างมากของสภาฯ โหวตให้ตั้ง ก็คงจะแบ่งตามสัดส่วนเดิม คือ พรรคอนค. จะได้ประมาณ 6 ที่นั่ง แต่ทั้งนี้ต้องดูที่ประชุมว่าจะเสนออย่างไร
เมื่อถามว่ามีความหวังในการตั้งกมธ. สำเร็จหรือไม่นั้น เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า เท่าที่ตนได้พูดคุยกับส.ส.หลากหลายพรรค ก็เห็นตรงกันว่าเราควรต้องพูดเรื่องนี้เพราะเรามาจากการเลือกตั้งของประชาชน และคำสั่งคสช. ไม่ได้กระทบกับกลุ่มการเมืองใดกลุ่มการเมืองหนึ่งเท่านั้น แต่ยังกระทบเป็นวงกว้างต่อพี่น้องประชาชน เช่น สิ่งแวดล้อม ป่าไม้ และที่ดิน รวมไปถึงข้าราชการที่ถูกโยกย้ายด้วยคำสั่งคสช. ตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ก็มีความเห็นว่าจะตั้งอนุกรรมาธิการเพื่อศึกษาปัญหาเรื่องนี้ แต่จะเป็นการทำงานในชุดของตนอย่างเดียว ตนจึงอยากให้มีการตั้ง กมธ. วิสามัญ ขึ้นมา เพื่อจะเปิดโอกาสให้ส.ส.จากทุกพรรค และบุคคลภายนอกมาทำงานร่วมกัน
เมื่อถามถึงญัตติการขอตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ เพื่อศึกษาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายปิบุตร เปิดเผยว่า หากญัตติเพื่อศึกษาผลกระทบคำสั่งของคสช. มีเยอะ ญัตติตั้งกมธ.แก้ไขรัฐธรรมนูญ อาจจะถูกเลื่อนไปเป็นสัปดาห์หน้า เท่าที่ประเมินพบว่ามีโอกาสสูงที่จะตั้งกมธ.แก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะมีหลายพรรคการเมืองเสนอเข้าไป หากตั้งได้แล้วก็ต้องมีบุคคลภายนอก และตัวแทนจากส.ส.ของแต่ละพรรคเข้าร่วมตามสัดส่วน แต่ครม.ไม่ควรมีส่วนเสนอชื่อคนที่จะเข้ามาในกมธ.ชุดนี้ เพราะมีความแตกต่างจาก คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาศึกษา ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ. ศ. 2563 เพราะรัฐมนตรีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารงบประมาณ แต่รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของสภาฯ ดังนั้นส.ส.ควรเป็นผู้เสนอชื่อแทน ซึ่งพรรคอนาคตใหม่ จะได้ประมาณ 6 ที่นั่ง ซึ่งจะมีทั้งส.ส.และบุคคลภายนอก เช่น อดีตนักการเมือง นักวิชาการ และนักรณรงค์ที่เคลื่อนไหวในประเด็นนี้ และยืนยันว่า บุคคลทั้งหมดจะไม่มีความเกี่ยวข้องกับคนที่ร่างรัฐธรรมนูญหลังรัฐประหาร เบื้องต้นยังไม่ได้ตกลงกันอย่างชัดเจน
"ต้องยอมรับว่า ที่ผมมาเป็นส.ส. ก็เพื่อเข้ามาผลักดันเรื่องกฎหมาย และการแก้รัฐธรรมนูญ คิดว่าจะเสนอตัวเองเข้าไปนั่งในกมธ.ชุดนี้ด้วย" นายปิยบุตรกล่าว และว่า ส่วนนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ก็กำลังคิดจะที่จะเข้าร่วมด้วย แต่ยังติดภารกิจที่ปรึกษา กมธ.งบประมาณฯ อยู่
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อยากให้ตำแหน่งประธานกมธ.แก้ไขรัฐธรรมนูญมาจากส.ส.ของพรรค พปชร. นั้น นายปิยบุตร กล่าวว่า ในท้ายที่สุดการตัดสินว่าใครจะได้เป็นประธานฯ ก็จะอยู่ที่กมธ.ทั้งหมดลงมติเลือก ตามที่ผ่านมาก็มักจะตกลงกันได้ก่อน แต่หากตกลงกันไม่ได้ก็คงต้องลงมติในที่ประชุม ไม่มีกติกาบอกว่าตำแหน่งประธานฯ จะต้องมาจากพรรคการเมืองซีกรัฐบาล เพราะพรรครัฐบาลมีหลายพรรค และพรรคการเมืองที่ได้ส.ส.เป็นอันดับหนึ่งในสภาฯ คือพรรคเพื่อไทย (พท.)
ต่อข้อถามว่า ช่วงที่ผ่านมามีการเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้มานั่งตำแหน่งประธานกมธ.แก้ไขรัฐธรรมนูญ นายปิยบุตร แสดงความเห็นว่า สิ่งสำคัญในตอนนี้คือ การตั้งกมธ.ให้ได้ก่อน ถ้าประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญถูกเปลี่ยนไปโฟกัสว่า ใครเป็นประธานฯ สังคมก็อาจจะคลางแคลงใจว่าไม่มุ่งเน้นประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญ แต่ไปถกเถียงตีกันว่าใครจะเป็นประธานฯ .