นิยายแฟนตาซีเรื่อง Conflict Before The Beginning มันเกิดก่อนเริ่ม [ตอนที่ 9 ซอมบี้ทวงแค้น]

บทนำ     https://pantip.com/topic/39330773    ตอนที่ 1  https://pantip.com/topic/39331305
ตอนที่ 2  https://pantip.com/topic/39332020    ตอนที่ 3  https://pantip.com/topic/39333626
ตอนที่ 4 https://pantip.com/topic/39333762     ตอนที่ 5  https://pantip.com/topic/39336452 
ตอนที่ 6 https://pantip.com/topic/39339433     ตอนที่ 7 https://pantip.com/topic/39342387
ตอนที่ 8 https://pantip.com/topic/39345239

              กลุ่มหมอกหนาเริ่มลามจากทางทิศตะวันออกอย่างเงียบ ๆ ในยามราตรีอันมีแสงจันทร์อ่อนจาง ทั้งยังไล่เลียบพื้นดินมาก่อน โดยฝ่าฟันโคนต้นไม้กับหญ้าคาที่ขึ้นหรอมแหรมไปเรื่อย ๆ ทำให้คณะเดินทางค้าข้าทาส ซึ่งปักหลักพักแรมอยู่ไม่ได้สะกิดใจเลยสักนิดเดียว
              “เนื้อย่างของท่านมาดิชให้รสชาติแบบดั้งเดิมจริง ๆ” สาลีบี้กล่าวชมเชย ขณะที่ใช้แขนเสื้อปาดเลือดของสเต็กระดับเกือบแรร์ออกจากมุมปาก แล้วพ่อค้าผู้นี้ก็ยืดตัวลุกขึ้นยืน สองมือดันด้านหลังเอวให้เอนกาย เพื่อคลายเส้นสายอันปวดเมื่อย
              “หืม! มันเอร็ดอร่อยดีอยู่หรอก ถ้ากินนาน ๆ ครั้งน่ะ แต่บ่อย ๆ ครั้งเข้า นี่มิไหวจริง ๆ ปู่น่าจะใส่ใจเรื่องสุขอนามัยให้มากหน่อย เดี๋ยวท้องไส้ก็ไปไม่รอดหรอก” อัศวินหนุ่มในเกราะหนังเอ่ยปากขึ้น เขากำลังดูดนิ้วตามมือข้างซึ่งใช้จับอาหารเข้าปาก สิ่งที่เหลืออยู่เลยมีแต่คราบน้ำลายจากปลายลิ้น
              “ดีโน่ เจ้าเสียมารยาทยิ่งนัก” สาลีบี้ต้องหันมาตักเตือนคนของเขาอย่างรีบร้อน
              “หืม! ข้าแค่หวังดีเท่านั้น ท่านมาดิช หากมีอะไรล่วงเกินไป ต้องขออภัยด้วย นักผจญภัยชั้นแนวหน้าเป็นเช่นนี้เอง คิดอย่างไรก็พูดออกมาตรง ๆ” ดีโน่ได้ปักดาบคมเดียวของเขาลงบนพื้นก่อน แล้วจึงพูดคุยกับชายชราด้วยความร่าเริง
              “ฮา ๆ พวกเจ้านั่นแหละ ที่จะมิมีลมหายใจในเพลารุ่งขึ้น ถ้าไม่อาจผ่านพ้นจากค่ำคืนนี้ไปได้” ดวงตาของเฒ่ามาดิชเรียวคมดั่งของอินทรีย์ ตอนที่เอ่ยปากขึ้นด้วยอารมณ์เฉื่อยช้า มันทำให้อีกฝ่ายเสียหน้าทีเดียว คิ้วของอัศวินหนุ่มจึงขมวดเป็นปม สายตาก็เอาเรื่องมากนัก
              “นี่ล้อเล่นกันเก่งจริง ๆ ข้าว่าท่านควรจะเดินสายเล่าเรื่องราวไปทั่วแผ่นดิน อย่างพวกนิทานหลอน ๆ หลอกเด็ก คงมีคนฟังเยอะแยะน่าดู” พอรับทราบ สาลีบี้จึงอดกล่าวเหน็บแนมไม่ได้ เนื่องจากเริ่มรำคาญใจแล้ว
              “นี่ข้าเห็นท่านแก่จัด จนแทบจะปิดฝาโลงแล้ว ถึงได้ใช้วาจาดี ๆ กล่าวด้วย” ดีโน่จ้องหน้าของมาดิชเขม็ง รวมกับรีบดึงศาสตราวุธขึ้นจากพื้นมาพาดที่หัวไหล่ซ้าย เพื่อใช้สภาวะในการข่มขู่อีกฝ่ายหนึ่ง มาดิชเลยต้องดึงแส้อ่อนทองเหลืองออกมาจากข้างเอว เขาตวัดเบา ๆ ทำให้ขดวงใหญ่ ๆ กลายเส้นยาว ๆ พร้อมทำการจู่โจม ทว่าดวงตากลับมุ่งข้ามคู่กรณีไป
              “หรือจะเอา?!” ดีโน่ถึงกับผุดลุกขึ้นทันที ปลายดาบยื่นชี้หน้าของตาเฒ่าที่นั่งขัดสามาธิอยู่ตรงข้ามกองไฟ
              “ดีโน่! เตรียมลุยเร็ว ตอนนี้ท่าไม่ดีแล้ว” ทว่าจอมเวทย์สาวที่นั่งอยู่บริเวณเบื้องหลังได้แจ้งเตือน 
              เธอก็เร่งทรงร่างระหงขึ้นเฉกเช่นกัน มือซ้ายถือคทาเวทย์ควงไปมา ปานดรัมเมเยอร์ เมื่อเก็บเซตเครื่องสำอางใส่กระเป่าแขวนที่ข้าวเอวขวาเรียบร้อย ทั้ง ๆ ที่ยังเติมไม่เสร็จดี อีกข้างหยิบลูกแก้วใสซึ่งวางเอาไว้บนก้อนหินใหญ่ มันส่องแสงสว่างจ้าเป็นสัญญาณเตือนภัย ทีมนักผจญภัยทุกคนจึงพร้อมจะประชันกับข้าศึก
              “หมอกพวกนี้มาได้ยังไงกัน?” นักสอดแนมคลุมหน้าเพิ่งจะค้นพบเหตุการณ์ประหลาด มีดพร้าที่เคยใช้เกาแผ่นหลังเลยตั้งท่าด้วยความชำนาญ
              “ท่านสาลีบี้ รีบมาหลบด้านหลังข้าเร็ว” นักคุ้มกันอ้วนท้วมเร่งทะยานร่างมาบดบังนายจ้างทันที เพราะสังเกตเห็นพยุหะของลูกศรในสภาพสุดเก่าเก็บพุ่งเข้ามาเป็นห่าฝนเต็มท้องฟ้า โดยยกโล่ยักษ์ขึ้นมาป้องกัน
              “ช่วยพวกข้าด้วย/จะถึงคราวตายอยู่แล้ว/ฯลฯ” เหล่าสินค้าที่มีชีวิตกรีดร้องออกมากันเกรียวกราว ณ สองคันรถ ทั้งเสียงกระแทกกรงขังจากภายใน เมื่อการจู่โจมอย่างกะทันหันทะลุหลังคาลงมาโดน
              “อ๊ากกก...!!!”x??? มีผู้บาดเจ็บล้มตายอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นพนักงานเปลือยครึ่งท่อนบนที่ถือกระบองยาวนั่นเอง พวกเขาที่เหลือรอด เพราะเข้ามาหลบใต้รถคุมขังสินค้า ส่วนผู้มีความสามารถในการต่อสู้สูงเพียงพอได้ปัดป่ายเอาไว้ทันท่วงที 
              มาดิชแกว่งไกวแส้อ่อนของเขาเป็นวงเวียนเหนือศีรษะในท่านั่ง เพื่อให้แรงลมสลาตันต้านของที่ร่วงหล่น ดีโน่กลับหลังหันและวาดอาวุธขึ้นด้านบน โดยแผ่พุ่งออร่าแห่งคมดาบไปด้วยพร้อมกัน ทำให้กลุ่มลูกศรต้องแหลกลาญตาม สำหรับคนในวงการธุรกิจ เช่น สาลีบี้ เขาได้นั่งคุกเข่า หลับตาปี๋และสองมือประสานหัวเท่านั้น ภายใต้การป้องกันของโล่ใหญ่
              “ม่านมนตราคดเคี้ยวเอ้ย! ด้วยวาจาแห่งข้า จงก่อกำเนิดขึ้นด้วยเถิด” จอมเวทย์สาวพึมพำ เพื่อร่ายคาถาอย่างว่องไวที่สุด ผลึกปลายคทาเปล่งแสงสีเขียวเป็นหางว่าว เธอหมุนมันเหนือเศียรไปครบรอบ สนามพลังครอบคลุมทั่วจึงถึงกำเนิดขึ้นที่เบื้องบน จากวงแหวนเล็ก ๆ จนกางทั้งอาณาเขต
              “ฟิ้ว! ๆ ๆ ๆ ... ๆ” ทำให้ลูกศรที่มาเพิ่มได้ตกอยู่ในอำนาจ โดยเลี้ยวกลับสู่ที่มา พอผ่านพ้นช่วงเวลาหนึ่ง การจู่โจมระยะไกลเลยจบลงแล้ว
ในจังหวะนั้น มีเสียงฝีเท้าจำนวนมากดังมาจากทิศตะวันออก ณ แนวหมอกหนาที่โดดเด่นเห็นชัดแล้ว แถมยังปรากฏสำเนียงหนัก ๆ เน้น ๆ ประเภทชุดเกราะเหล็กไปกระทบกระทั่งกับอะไรแข็ง ๆ สักอย่างด้วย จากนั้นเหล่าเงาร่างเป็นพรวนก็วิ่งทะลวงฝ่าออกไปอย่างดุดัน 
              “กี๊! เพื่อความยุติธรรมแด่โลกใบนี้ วันนี้พวกข้าจะปราบอริราชให้ได้” โดยบุคคลนำหน้าสุดตะโกนประกาศด้วยเสียงสนั่นใจ ดาบยาวบิ่นในมือขวาชี้ขึ้นฟ้า ทว่าสภาพนั้นดูมิได้แม้ได้น้อย เพราะเป็นอันเดดระยะสุดท้าย
              ถึงชุดเกราะรบแนวพาลาดินจะครบครันแค่ไหนก็ตาม แต่มิอาจผลักดันให้มีความสูงส่งไปได้เลย เนื่องด้วยสีขาวหม่น ๆ และไม่ได้ทำนุบำรุงมาเป็นชาติ แถมด้วยสภาพทางกายภาพประหนึ่งซอมบี้แช่ฟอร์มาลีน เนื้อบนร่างจึงเหวอะหวะอยู่แบบนั้น ผิวหนังเลยมิเหลือซาก อาทิ เปลือกตาและโหนกแก้ม ดวงเนตรโปนไร้ประกาย 
              “กี๊! พวกเราบุกได้” สมาชิกที่มาร่วมแจมกันมิหยุด พวกมันก็เป็นสไตล์นี้เหมือนกัน โดยกำลังพุ่งเข้าใส่กองคาราวานค้าทาสเป็นเส้นสายแบบตาลีตาเหลือก อาวุธในมือแตกต่างและพร้อมมูลตามความถนัด 
              “บ้าน่า! กองทัพอันเดดรึ? แถวนี้ไม่เคยมีสนามรบมาก่อนเลยนะ แล้วมาได้ยังไงกัน?” ดีโน่พอมองเห็นรูปลักษณ์ของอีกฝ่าย ความมึนงงจึงผุดออกมาในสมองทันที กลุ่มของพวกเขาจึงต้องมุ่งไปทำหน้าที่โดยพลัน ตามฟอร์เมชั่นของปาร์ตี้ 
              “เตรียมพร้อมนะ?” ส่วนมาดิชได้ดีดตัวขึ้นมายืนตั้งท่าต่อสู้ เขาเอ่ยปากออกมาเบา ๆ 
              “วางใจข้าได้เลย” ดิวทราโผล่ร่างออกมาจากเคราขาวตอบอย่างมั่นใจ คันธนูจิ๋วพาดลูกศรเมล็ดโอ๊คและดึงสายเต็มเหนี่ยว เพื่อโชว์เสริมด้วย แล้วก็มุดกลับไปที่เดิม
              “รีบคุ้มกันข้าเร็ว พวกเจ้ารีบด่วนเลยนะ เดี๋ยวข้าจะจับไปขายเป็นข้าทาสซะเลยนี่” สาลีบี้ชี้หน้าใส่เหล่าพนักงานที่กำลังดูอาการบาดเจ็บบนร่างกายตนเองและเพื่อนพ้อง ทำให้พวกเขารีบตั้งขบวนไม้พลอง เพื่อขวางกั้นเบื้องหน้าของผู้เป็นนาย โดยลากผู้ที่ไม่ไหวมารวมเอาไว้ด้านหลังแนว
              “กี๊!/ย๊ากกก...!!!” นักรบซอมบี้รายแรกได้กระโดดขึ้นบนฟ้าและฟาดคมดาบลงมาด้วยสองมือแห้ง ๆ ให้ปะทะกับอาวุธของดีโน่แล้ว ออร่าของแต่ละฝ่ายปะทะกันอย่างรุนแรง
              (มันใช้เวทย์แห่งแสงหรือเนี่ย?) อัศวินหนุ่มนึกในใจอย่างไม่น่าเชื่อ
              เขารับการโจมตีตรง ๆ แล้วจึงย่อหัวเข่าลงพร้อมกัน เพื่อสลายพลังสู่พื้นดิน ทั้งยังใช้ฝ่าเท้าขวาเสริมเวทย์เพิ่มสมรรถภาพถีบยันหน้าท้องของอีกฝ่าย ทำให้ศัตรูกระเด็นถดถอยตามแรงกระแทก ต่อมาก็ฟันดาบขว้างซ้ายต่อ เพราะหอกยาวของอันเดดอีกตนได้มาบวกเพิ่มด้วย
              “ไปเมืองผีซะเถิด” นักสอดแนมคลุมผ้าได้พุ่งร่างมาที่ด้านข้างซ้ายของอีกฝ่ายอย่างฉับไว มีดพร้าเล่มใหญ่เลยเหวี่ยงเฉียงขึ้นออกจากตัว เพื่อเชือดลำคอไร้ชีวิตจนเกือบหัวขาด ทว่ารอยแผลกลับค่อย ๆ ประสานตัวกันใหม่ดั่งเดิม 
“ย๊ากกก...!!!” ดีโน่จึงต้องฟาดฟันต่อจากบนลงล่างให้ขาดเป็นสองซีก 
              “เอ็มม่าเร่งเตรียมเวทย์ชำระวิญญาณเร็ว” และออกคำสั่งจอมเวทย์คนเดียวในกลุ่ม
              “ข้ารู้อยู่แล้วน่า” เอ็มม่ากล่าวออกมาภายใต้การป้องกันรอบทิศจากสมาชิกทั้งปาร์ตี้ โดยแนบคทาที่หน้าอก ลูกแก้วใสที่ฝ่ามืออีกข้างก็ยื่นออกไปเบื้องหน้า 
              “โจอี้! เจ้าจงขึ้นไปเหยียบที่บ่าของข้า” ผู้ชายในชุดพรานป่าเอ่ยปากขึ้น หนึ่งในสองของสมาชิกที่เหลือ เขาประสานฝ่ามือทั้งคู่เอาไว้ตรงหน้าท้อง เพื่อให้เพื่อนข้าง ๆ กายในเสื้อผ้าแนวเดียวกันกระโดดอยู่มาบนร่าง 
              “ได้เลย พาก้า! ฮา ๆ เดี๋ยวข้าจะแสดงความแม่นยำให้พวกมันเห็นเอง” หอคอยเฉพาะกิจจึงถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว จากนั้นผู้มีมุมมองกว้างกว่าได้เร่งพาดลูกศรอาคมบนสาย แล้วปล่อยออกมิยั้งมือ เพื่อซื้อเวลาแก่จอมเวทย์สาว ธนูจู่โจมแนวโค้งเข้าใส่เป้าหมายระยะไกล พอมาใกล้ ๆ ถึงเป็นแนวเฉียงตรง
              “ดาหน้ากันเข้ามาเลย” โจจี้ฮึกเหิมกล่าวแบบมุ่งมั่น หน้าไม้ในมือโจมตีเป็นชุด ๆ หลายระลอก ซ้ายและขวาตามสถานการณ์
               “กี๊!” ในขณะที่เหล่าซอมบี้นักรบอันมีพวกมากได้แบ่งขบวนออกเป็นสามกอง ครั้นต้องการกับทีมนักผจญภัย ขบวนพลองยาวที่คุ้มกันสาลีบี้และสุดท้าย พวกมาดิชซึ่งยืนหยัดอย่างโดดเดี่ยว เพราะเขาเป็นคนนอก เลยไม่มีใครคิดจะช่วยเหลือทั้งนั้น 
              “เจอนี่ไปซะ พวกเจ้าขาดความอบอุ่นนักใช่ไหม? ฮา ๆ” มาดิชกล่าวขึ้นอย่างมาดมั่น 
              โดยหวดแส้อ่อนลง ณ กองไฟและม้วนพันเศษฟืนที่ร้อนฉ่า เพื่อแจกจ่ายให้แด่ผู้มาเยือนแบบทั่วถึงกัน ส่วนตนที่หลุดเข้าถึงระยะประชิดแล้ว พอเบี่ยงตัวหลบลูกตุ่มหนามซึ่งเหวี่ยงลงสู่พื้นได้ กำปั้นเคลือบพลังเวทย์จึงซัดใส่ใบหน้าของอีกฝ่ายเต็ม ๆ จนศีรษะช่วงบนแหว่งหายไปเลย 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่