บทนำ
https://pantip.com/topic/39330773 ตอนที่ 1
https://pantip.com/topic/39331305
ตอนที่ 2
https://pantip.com/topic/39332020 ตอนที่ 3
https://pantip.com/topic/39333626
ตอนที่ 4
https://pantip.com/topic/39333762 ตอนที่ 5
https://pantip.com/topic/39336452
ตอนที่ 6
https://pantip.com/topic/39339433 ตอนที่ 7
https://pantip.com/topic/39342387
ตอนที่ 8
https://pantip.com/topic/39345239
กลุ่มหมอกหนาเริ่มลามจากทางทิศตะวันออกอย่างเงียบ ๆ ในยามราตรีอันมีแสงจันทร์อ่อนจาง ทั้งยังไล่เลียบพื้นดินมาก่อน โดยฝ่าฟันโคนต้นไม้กับหญ้าคาที่ขึ้นหรอมแหรมไปเรื่อย ๆ ทำให้คณะเดินทางค้าข้าทาส ซึ่งปักหลักพักแรมอยู่ไม่ได้สะกิดใจเลยสักนิดเดียว
“เนื้อย่างของท่านมาดิชให้รสชาติแบบดั้งเดิมจริง ๆ” สาลีบี้กล่าวชมเชย ขณะที่ใช้แขนเสื้อปาดเลือดของสเต็กระดับเกือบแรร์ออกจากมุมปาก แล้วพ่อค้าผู้นี้ก็ยืดตัวลุกขึ้นยืน สองมือดันด้านหลังเอวให้เอนกาย เพื่อคลายเส้นสายอันปวดเมื่อย
“หืม! มันเอร็ดอร่อยดีอยู่หรอก ถ้ากินนาน ๆ ครั้งน่ะ แต่บ่อย ๆ ครั้งเข้า นี่มิไหวจริง ๆ ปู่น่าจะใส่ใจเรื่องสุขอนามัยให้มากหน่อย เดี๋ยวท้องไส้ก็ไปไม่รอดหรอก” อัศวินหนุ่มในเกราะหนังเอ่ยปากขึ้น เขากำลังดูดนิ้วตามมือข้างซึ่งใช้จับอาหารเข้าปาก สิ่งที่เหลืออยู่เลยมีแต่คราบน้ำลายจากปลายลิ้น
“ดีโน่ เจ้าเสียมารยาทยิ่งนัก” สาลีบี้ต้องหันมาตักเตือนคนของเขาอย่างรีบร้อน
“หืม! ข้าแค่หวังดีเท่านั้น ท่านมาดิช หากมีอะไรล่วงเกินไป ต้องขออภัยด้วย นักผจญภัยชั้นแนวหน้าเป็นเช่นนี้เอง คิดอย่างไรก็พูดออกมาตรง ๆ” ดีโน่ได้ปักดาบคมเดียวของเขาลงบนพื้นก่อน แล้วจึงพูดคุยกับชายชราด้วยความร่าเริง
“ฮา ๆ พวกเจ้านั่นแหละ ที่จะมิมีลมหายใจในเพลารุ่งขึ้น ถ้าไม่อาจผ่านพ้นจากค่ำคืนนี้ไปได้” ดวงตาของเฒ่ามาดิชเรียวคมดั่งของอินทรีย์ ตอนที่เอ่ยปากขึ้นด้วยอารมณ์เฉื่อยช้า มันทำให้อีกฝ่ายเสียหน้าทีเดียว คิ้วของอัศวินหนุ่มจึงขมวดเป็นปม สายตาก็เอาเรื่องมากนัก
“นี่ล้อเล่นกันเก่งจริง ๆ ข้าว่าท่านควรจะเดินสายเล่าเรื่องราวไปทั่วแผ่นดิน อย่างพวกนิทานหลอน ๆ หลอกเด็ก คงมีคนฟังเยอะแยะน่าดู” พอรับทราบ สาลีบี้จึงอดกล่าวเหน็บแนมไม่ได้ เนื่องจากเริ่มรำคาญใจแล้ว
“นี่ข้าเห็นท่านแก่จัด จนแทบจะปิดฝาโลงแล้ว ถึงได้ใช้วาจาดี ๆ กล่าวด้วย” ดีโน่จ้องหน้าของมาดิชเขม็ง รวมกับรีบดึงศาสตราวุธขึ้นจากพื้นมาพาดที่หัวไหล่ซ้าย เพื่อใช้สภาวะในการข่มขู่อีกฝ่ายหนึ่ง มาดิชเลยต้องดึงแส้อ่อนทองเหลืองออกมาจากข้างเอว เขาตวัดเบา ๆ ทำให้ขดวงใหญ่ ๆ กลายเส้นยาว ๆ พร้อมทำการจู่โจม ทว่าดวงตากลับมุ่งข้ามคู่กรณีไป
“หรือจะเอา?!” ดีโน่ถึงกับผุดลุกขึ้นทันที ปลายดาบยื่นชี้หน้าของตาเฒ่าที่นั่งขัดสามาธิอยู่ตรงข้ามกองไฟ
“ดีโน่! เตรียมลุยเร็ว ตอนนี้ท่าไม่ดีแล้ว” ทว่าจอมเวทย์สาวที่นั่งอยู่บริเวณเบื้องหลังได้แจ้งเตือน
เธอก็เร่งทรงร่างระหงขึ้นเฉกเช่นกัน มือซ้ายถือคทาเวทย์ควงไปมา ปานดรัมเมเยอร์ เมื่อเก็บเซตเครื่องสำอางใส่กระเป่าแขวนที่ข้าวเอวขวาเรียบร้อย ทั้ง ๆ ที่ยังเติมไม่เสร็จดี อีกข้างหยิบลูกแก้วใสซึ่งวางเอาไว้บนก้อนหินใหญ่ มันส่องแสงสว่างจ้าเป็นสัญญาณเตือนภัย ทีมนักผจญภัยทุกคนจึงพร้อมจะประชันกับข้าศึก
“หมอกพวกนี้มาได้ยังไงกัน?” นักสอดแนมคลุมหน้าเพิ่งจะค้นพบเหตุการณ์ประหลาด มีดพร้าที่เคยใช้เกาแผ่นหลังเลยตั้งท่าด้วยความชำนาญ
“ท่านสาลีบี้ รีบมาหลบด้านหลังข้าเร็ว” นักคุ้มกันอ้วนท้วมเร่งทะยานร่างมาบดบังนายจ้างทันที เพราะสังเกตเห็นพยุหะของลูกศรในสภาพสุดเก่าเก็บพุ่งเข้ามาเป็นห่าฝนเต็มท้องฟ้า โดยยกโล่ยักษ์ขึ้นมาป้องกัน
“ช่วยพวกข้าด้วย/จะถึงคราวตายอยู่แล้ว/ฯลฯ” เหล่าสินค้าที่มีชีวิตกรีดร้องออกมากันเกรียวกราว ณ สองคันรถ ทั้งเสียงกระแทกกรงขังจากภายใน เมื่อการจู่โจมอย่างกะทันหันทะลุหลังคาลงมาโดน
“อ๊ากกก...!!!”x??? มีผู้บาดเจ็บล้มตายอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นพนักงานเปลือยครึ่งท่อนบนที่ถือกระบองยาวนั่นเอง พวกเขาที่เหลือรอด เพราะเข้ามาหลบใต้รถคุมขังสินค้า ส่วนผู้มีความสามารถในการต่อสู้สูงเพียงพอได้ปัดป่ายเอาไว้ทันท่วงที
มาดิชแกว่งไกวแส้อ่อนของเขาเป็นวงเวียนเหนือศีรษะในท่านั่ง เพื่อให้แรงลมสลาตันต้านของที่ร่วงหล่น ดีโน่กลับหลังหันและวาดอาวุธขึ้นด้านบน โดยแผ่พุ่งออร่าแห่งคมดาบไปด้วยพร้อมกัน ทำให้กลุ่มลูกศรต้องแหลกลาญตาม สำหรับคนในวงการธุรกิจ เช่น สาลีบี้ เขาได้นั่งคุกเข่า หลับตาปี๋และสองมือประสานหัวเท่านั้น ภายใต้การป้องกันของโล่ใหญ่
“ม่านมนตราคดเคี้ยวเอ้ย! ด้วยวาจาแห่งข้า จงก่อกำเนิดขึ้นด้วยเถิด” จอมเวทย์สาวพึมพำ เพื่อร่ายคาถาอย่างว่องไวที่สุด ผลึกปลายคทาเปล่งแสงสีเขียวเป็นหางว่าว เธอหมุนมันเหนือเศียรไปครบรอบ สนามพลังครอบคลุมทั่วจึงถึงกำเนิดขึ้นที่เบื้องบน จากวงแหวนเล็ก ๆ จนกางทั้งอาณาเขต
“ฟิ้ว! ๆ ๆ ๆ ... ๆ” ทำให้ลูกศรที่มาเพิ่มได้ตกอยู่ในอำนาจ โดยเลี้ยวกลับสู่ที่มา พอผ่านพ้นช่วงเวลาหนึ่ง การจู่โจมระยะไกลเลยจบลงแล้ว
ในจังหวะนั้น มีเสียงฝีเท้าจำนวนมากดังมาจากทิศตะวันออก ณ แนวหมอกหนาที่โดดเด่นเห็นชัดแล้ว แถมยังปรากฏสำเนียงหนัก ๆ เน้น ๆ ประเภทชุดเกราะเหล็กไปกระทบกระทั่งกับอะไรแข็ง ๆ สักอย่างด้วย จากนั้นเหล่าเงาร่างเป็นพรวนก็วิ่งทะลวงฝ่าออกไปอย่างดุดัน
“กี๊! เพื่อความยุติธรรมแด่โลกใบนี้ วันนี้พวกข้าจะปราบอริราชให้ได้” โดยบุคคลนำหน้าสุดตะโกนประกาศด้วยเสียงสนั่นใจ ดาบยาวบิ่นในมือขวาชี้ขึ้นฟ้า ทว่าสภาพนั้นดูมิได้แม้ได้น้อย เพราะเป็นอันเดดระยะสุดท้าย
ถึงชุดเกราะรบแนวพาลาดินจะครบครันแค่ไหนก็ตาม แต่มิอาจผลักดันให้มีความสูงส่งไปได้เลย เนื่องด้วยสีขาวหม่น ๆ และไม่ได้ทำนุบำรุงมาเป็นชาติ แถมด้วยสภาพทางกายภาพประหนึ่งซอมบี้แช่ฟอร์มาลีน เนื้อบนร่างจึงเหวอะหวะอยู่แบบนั้น ผิวหนังเลยมิเหลือซาก อาทิ เปลือกตาและโหนกแก้ม ดวงเนตรโปนไร้ประกาย
“กี๊! พวกเราบุกได้” สมาชิกที่มาร่วมแจมกันมิหยุด พวกมันก็เป็นสไตล์นี้เหมือนกัน โดยกำลังพุ่งเข้าใส่กองคาราวานค้าทาสเป็นเส้นสายแบบตาลีตาเหลือก อาวุธในมือแตกต่างและพร้อมมูลตามความถนัด
“บ้าน่า! กองทัพอันเดดรึ? แถวนี้ไม่เคยมีสนามรบมาก่อนเลยนะ แล้วมาได้ยังไงกัน?” ดีโน่พอมองเห็นรูปลักษณ์ของอีกฝ่าย ความมึนงงจึงผุดออกมาในสมองทันที กลุ่มของพวกเขาจึงต้องมุ่งไปทำหน้าที่โดยพลัน ตามฟอร์เมชั่นของปาร์ตี้
“เตรียมพร้อมนะ?” ส่วนมาดิชได้ดีดตัวขึ้นมายืนตั้งท่าต่อสู้ เขาเอ่ยปากออกมาเบา ๆ
“วางใจข้าได้เลย” ดิวทราโผล่ร่างออกมาจากเคราขาวตอบอย่างมั่นใจ คันธนูจิ๋วพาดลูกศรเมล็ดโอ๊คและดึงสายเต็มเหนี่ยว เพื่อโชว์เสริมด้วย แล้วก็มุดกลับไปที่เดิม
“รีบคุ้มกันข้าเร็ว พวกเจ้ารีบด่วนเลยนะ เดี๋ยวข้าจะจับไปขายเป็นข้าทาสซะเลยนี่” สาลีบี้ชี้หน้าใส่เหล่าพนักงานที่กำลังดูอาการบาดเจ็บบนร่างกายตนเองและเพื่อนพ้อง ทำให้พวกเขารีบตั้งขบวนไม้พลอง เพื่อขวางกั้นเบื้องหน้าของผู้เป็นนาย โดยลากผู้ที่ไม่ไหวมารวมเอาไว้ด้านหลังแนว
“กี๊!/ย๊ากกก...!!!” นักรบซอมบี้รายแรกได้กระโดดขึ้นบนฟ้าและฟาดคมดาบลงมาด้วยสองมือแห้ง ๆ ให้ปะทะกับอาวุธของดีโน่แล้ว ออร่าของแต่ละฝ่ายปะทะกันอย่างรุนแรง
(มันใช้เวทย์แห่งแสงหรือเนี่ย?) อัศวินหนุ่มนึกในใจอย่างไม่น่าเชื่อ
เขารับการโจมตีตรง ๆ แล้วจึงย่อหัวเข่าลงพร้อมกัน เพื่อสลายพลังสู่พื้นดิน ทั้งยังใช้ฝ่าเท้าขวาเสริมเวทย์เพิ่มสมรรถภาพถีบยันหน้าท้องของอีกฝ่าย ทำให้ศัตรูกระเด็นถดถอยตามแรงกระแทก ต่อมาก็ฟันดาบขว้างซ้ายต่อ เพราะหอกยาวของอันเดดอีกตนได้มาบวกเพิ่มด้วย
“ไปเมืองผีซะเถิด” นักสอดแนมคลุมผ้าได้พุ่งร่างมาที่ด้านข้างซ้ายของอีกฝ่ายอย่างฉับไว มีดพร้าเล่มใหญ่เลยเหวี่ยงเฉียงขึ้นออกจากตัว เพื่อเชือดลำคอไร้ชีวิตจนเกือบหัวขาด ทว่ารอยแผลกลับค่อย ๆ ประสานตัวกันใหม่ดั่งเดิม
“ย๊ากกก...!!!” ดีโน่จึงต้องฟาดฟันต่อจากบนลงล่างให้ขาดเป็นสองซีก
“เอ็มม่าเร่งเตรียมเวทย์ชำระวิญญาณเร็ว” และออกคำสั่งจอมเวทย์คนเดียวในกลุ่ม
“ข้ารู้อยู่แล้วน่า” เอ็มม่ากล่าวออกมาภายใต้การป้องกันรอบทิศจากสมาชิกทั้งปาร์ตี้ โดยแนบคทาที่หน้าอก ลูกแก้วใสที่ฝ่ามืออีกข้างก็ยื่นออกไปเบื้องหน้า
“โจอี้! เจ้าจงขึ้นไปเหยียบที่บ่าของข้า” ผู้ชายในชุดพรานป่าเอ่ยปากขึ้น หนึ่งในสองของสมาชิกที่เหลือ เขาประสานฝ่ามือทั้งคู่เอาไว้ตรงหน้าท้อง เพื่อให้เพื่อนข้าง ๆ กายในเสื้อผ้าแนวเดียวกันกระโดดอยู่มาบนร่าง
“ได้เลย พาก้า! ฮา ๆ เดี๋ยวข้าจะแสดงความแม่นยำให้พวกมันเห็นเอง” หอคอยเฉพาะกิจจึงถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว จากนั้นผู้มีมุมมองกว้างกว่าได้เร่งพาดลูกศรอาคมบนสาย แล้วปล่อยออกมิยั้งมือ เพื่อซื้อเวลาแก่จอมเวทย์สาว ธนูจู่โจมแนวโค้งเข้าใส่เป้าหมายระยะไกล พอมาใกล้ ๆ ถึงเป็นแนวเฉียงตรง
“ดาหน้ากันเข้ามาเลย” โจจี้ฮึกเหิมกล่าวแบบมุ่งมั่น หน้าไม้ในมือโจมตีเป็นชุด ๆ หลายระลอก ซ้ายและขวาตามสถานการณ์
“กี๊!” ในขณะที่เหล่าซอมบี้นักรบอันมีพวกมากได้แบ่งขบวนออกเป็นสามกอง ครั้นต้องการกับทีมนักผจญภัย ขบวนพลองยาวที่คุ้มกันสาลีบี้และสุดท้าย พวกมาดิชซึ่งยืนหยัดอย่างโดดเดี่ยว เพราะเขาเป็นคนนอก เลยไม่มีใครคิดจะช่วยเหลือทั้งนั้น
“เจอนี่ไปซะ พวกเจ้าขาดความอบอุ่นนักใช่ไหม? ฮา ๆ” มาดิชกล่าวขึ้นอย่างมาดมั่น
โดยหวดแส้อ่อนลง ณ กองไฟและม้วนพันเศษฟืนที่ร้อนฉ่า เพื่อแจกจ่ายให้แด่ผู้มาเยือนแบบทั่วถึงกัน ส่วนตนที่หลุดเข้าถึงระยะประชิดแล้ว พอเบี่ยงตัวหลบลูกตุ่มหนามซึ่งเหวี่ยงลงสู่พื้นได้ กำปั้นเคลือบพลังเวทย์จึงซัดใส่ใบหน้าของอีกฝ่ายเต็ม ๆ จนศีรษะช่วงบนแหว่งหายไปเลย
นิยายแฟนตาซีเรื่อง Conflict Before The Beginning มันเกิดก่อนเริ่ม [ตอนที่ 9 ซอมบี้ทวงแค้น]
ตอนที่ 2 https://pantip.com/topic/39332020 ตอนที่ 3 https://pantip.com/topic/39333626
ตอนที่ 4 https://pantip.com/topic/39333762 ตอนที่ 5 https://pantip.com/topic/39336452
ตอนที่ 6 https://pantip.com/topic/39339433 ตอนที่ 7 https://pantip.com/topic/39342387
ตอนที่ 8 https://pantip.com/topic/39345239
กลุ่มหมอกหนาเริ่มลามจากทางทิศตะวันออกอย่างเงียบ ๆ ในยามราตรีอันมีแสงจันทร์อ่อนจาง ทั้งยังไล่เลียบพื้นดินมาก่อน โดยฝ่าฟันโคนต้นไม้กับหญ้าคาที่ขึ้นหรอมแหรมไปเรื่อย ๆ ทำให้คณะเดินทางค้าข้าทาส ซึ่งปักหลักพักแรมอยู่ไม่ได้สะกิดใจเลยสักนิดเดียว
“เนื้อย่างของท่านมาดิชให้รสชาติแบบดั้งเดิมจริง ๆ” สาลีบี้กล่าวชมเชย ขณะที่ใช้แขนเสื้อปาดเลือดของสเต็กระดับเกือบแรร์ออกจากมุมปาก แล้วพ่อค้าผู้นี้ก็ยืดตัวลุกขึ้นยืน สองมือดันด้านหลังเอวให้เอนกาย เพื่อคลายเส้นสายอันปวดเมื่อย
“หืม! มันเอร็ดอร่อยดีอยู่หรอก ถ้ากินนาน ๆ ครั้งน่ะ แต่บ่อย ๆ ครั้งเข้า นี่มิไหวจริง ๆ ปู่น่าจะใส่ใจเรื่องสุขอนามัยให้มากหน่อย เดี๋ยวท้องไส้ก็ไปไม่รอดหรอก” อัศวินหนุ่มในเกราะหนังเอ่ยปากขึ้น เขากำลังดูดนิ้วตามมือข้างซึ่งใช้จับอาหารเข้าปาก สิ่งที่เหลืออยู่เลยมีแต่คราบน้ำลายจากปลายลิ้น
“ดีโน่ เจ้าเสียมารยาทยิ่งนัก” สาลีบี้ต้องหันมาตักเตือนคนของเขาอย่างรีบร้อน
“หืม! ข้าแค่หวังดีเท่านั้น ท่านมาดิช หากมีอะไรล่วงเกินไป ต้องขออภัยด้วย นักผจญภัยชั้นแนวหน้าเป็นเช่นนี้เอง คิดอย่างไรก็พูดออกมาตรง ๆ” ดีโน่ได้ปักดาบคมเดียวของเขาลงบนพื้นก่อน แล้วจึงพูดคุยกับชายชราด้วยความร่าเริง
“ฮา ๆ พวกเจ้านั่นแหละ ที่จะมิมีลมหายใจในเพลารุ่งขึ้น ถ้าไม่อาจผ่านพ้นจากค่ำคืนนี้ไปได้” ดวงตาของเฒ่ามาดิชเรียวคมดั่งของอินทรีย์ ตอนที่เอ่ยปากขึ้นด้วยอารมณ์เฉื่อยช้า มันทำให้อีกฝ่ายเสียหน้าทีเดียว คิ้วของอัศวินหนุ่มจึงขมวดเป็นปม สายตาก็เอาเรื่องมากนัก
“นี่ล้อเล่นกันเก่งจริง ๆ ข้าว่าท่านควรจะเดินสายเล่าเรื่องราวไปทั่วแผ่นดิน อย่างพวกนิทานหลอน ๆ หลอกเด็ก คงมีคนฟังเยอะแยะน่าดู” พอรับทราบ สาลีบี้จึงอดกล่าวเหน็บแนมไม่ได้ เนื่องจากเริ่มรำคาญใจแล้ว
“นี่ข้าเห็นท่านแก่จัด จนแทบจะปิดฝาโลงแล้ว ถึงได้ใช้วาจาดี ๆ กล่าวด้วย” ดีโน่จ้องหน้าของมาดิชเขม็ง รวมกับรีบดึงศาสตราวุธขึ้นจากพื้นมาพาดที่หัวไหล่ซ้าย เพื่อใช้สภาวะในการข่มขู่อีกฝ่ายหนึ่ง มาดิชเลยต้องดึงแส้อ่อนทองเหลืองออกมาจากข้างเอว เขาตวัดเบา ๆ ทำให้ขดวงใหญ่ ๆ กลายเส้นยาว ๆ พร้อมทำการจู่โจม ทว่าดวงตากลับมุ่งข้ามคู่กรณีไป
“หรือจะเอา?!” ดีโน่ถึงกับผุดลุกขึ้นทันที ปลายดาบยื่นชี้หน้าของตาเฒ่าที่นั่งขัดสามาธิอยู่ตรงข้ามกองไฟ
“ดีโน่! เตรียมลุยเร็ว ตอนนี้ท่าไม่ดีแล้ว” ทว่าจอมเวทย์สาวที่นั่งอยู่บริเวณเบื้องหลังได้แจ้งเตือน
เธอก็เร่งทรงร่างระหงขึ้นเฉกเช่นกัน มือซ้ายถือคทาเวทย์ควงไปมา ปานดรัมเมเยอร์ เมื่อเก็บเซตเครื่องสำอางใส่กระเป่าแขวนที่ข้าวเอวขวาเรียบร้อย ทั้ง ๆ ที่ยังเติมไม่เสร็จดี อีกข้างหยิบลูกแก้วใสซึ่งวางเอาไว้บนก้อนหินใหญ่ มันส่องแสงสว่างจ้าเป็นสัญญาณเตือนภัย ทีมนักผจญภัยทุกคนจึงพร้อมจะประชันกับข้าศึก
“หมอกพวกนี้มาได้ยังไงกัน?” นักสอดแนมคลุมหน้าเพิ่งจะค้นพบเหตุการณ์ประหลาด มีดพร้าที่เคยใช้เกาแผ่นหลังเลยตั้งท่าด้วยความชำนาญ
“ท่านสาลีบี้ รีบมาหลบด้านหลังข้าเร็ว” นักคุ้มกันอ้วนท้วมเร่งทะยานร่างมาบดบังนายจ้างทันที เพราะสังเกตเห็นพยุหะของลูกศรในสภาพสุดเก่าเก็บพุ่งเข้ามาเป็นห่าฝนเต็มท้องฟ้า โดยยกโล่ยักษ์ขึ้นมาป้องกัน
“ช่วยพวกข้าด้วย/จะถึงคราวตายอยู่แล้ว/ฯลฯ” เหล่าสินค้าที่มีชีวิตกรีดร้องออกมากันเกรียวกราว ณ สองคันรถ ทั้งเสียงกระแทกกรงขังจากภายใน เมื่อการจู่โจมอย่างกะทันหันทะลุหลังคาลงมาโดน
“อ๊ากกก...!!!”x??? มีผู้บาดเจ็บล้มตายอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นพนักงานเปลือยครึ่งท่อนบนที่ถือกระบองยาวนั่นเอง พวกเขาที่เหลือรอด เพราะเข้ามาหลบใต้รถคุมขังสินค้า ส่วนผู้มีความสามารถในการต่อสู้สูงเพียงพอได้ปัดป่ายเอาไว้ทันท่วงที
มาดิชแกว่งไกวแส้อ่อนของเขาเป็นวงเวียนเหนือศีรษะในท่านั่ง เพื่อให้แรงลมสลาตันต้านของที่ร่วงหล่น ดีโน่กลับหลังหันและวาดอาวุธขึ้นด้านบน โดยแผ่พุ่งออร่าแห่งคมดาบไปด้วยพร้อมกัน ทำให้กลุ่มลูกศรต้องแหลกลาญตาม สำหรับคนในวงการธุรกิจ เช่น สาลีบี้ เขาได้นั่งคุกเข่า หลับตาปี๋และสองมือประสานหัวเท่านั้น ภายใต้การป้องกันของโล่ใหญ่
“ม่านมนตราคดเคี้ยวเอ้ย! ด้วยวาจาแห่งข้า จงก่อกำเนิดขึ้นด้วยเถิด” จอมเวทย์สาวพึมพำ เพื่อร่ายคาถาอย่างว่องไวที่สุด ผลึกปลายคทาเปล่งแสงสีเขียวเป็นหางว่าว เธอหมุนมันเหนือเศียรไปครบรอบ สนามพลังครอบคลุมทั่วจึงถึงกำเนิดขึ้นที่เบื้องบน จากวงแหวนเล็ก ๆ จนกางทั้งอาณาเขต
“ฟิ้ว! ๆ ๆ ๆ ... ๆ” ทำให้ลูกศรที่มาเพิ่มได้ตกอยู่ในอำนาจ โดยเลี้ยวกลับสู่ที่มา พอผ่านพ้นช่วงเวลาหนึ่ง การจู่โจมระยะไกลเลยจบลงแล้ว
ในจังหวะนั้น มีเสียงฝีเท้าจำนวนมากดังมาจากทิศตะวันออก ณ แนวหมอกหนาที่โดดเด่นเห็นชัดแล้ว แถมยังปรากฏสำเนียงหนัก ๆ เน้น ๆ ประเภทชุดเกราะเหล็กไปกระทบกระทั่งกับอะไรแข็ง ๆ สักอย่างด้วย จากนั้นเหล่าเงาร่างเป็นพรวนก็วิ่งทะลวงฝ่าออกไปอย่างดุดัน
“กี๊! เพื่อความยุติธรรมแด่โลกใบนี้ วันนี้พวกข้าจะปราบอริราชให้ได้” โดยบุคคลนำหน้าสุดตะโกนประกาศด้วยเสียงสนั่นใจ ดาบยาวบิ่นในมือขวาชี้ขึ้นฟ้า ทว่าสภาพนั้นดูมิได้แม้ได้น้อย เพราะเป็นอันเดดระยะสุดท้าย
ถึงชุดเกราะรบแนวพาลาดินจะครบครันแค่ไหนก็ตาม แต่มิอาจผลักดันให้มีความสูงส่งไปได้เลย เนื่องด้วยสีขาวหม่น ๆ และไม่ได้ทำนุบำรุงมาเป็นชาติ แถมด้วยสภาพทางกายภาพประหนึ่งซอมบี้แช่ฟอร์มาลีน เนื้อบนร่างจึงเหวอะหวะอยู่แบบนั้น ผิวหนังเลยมิเหลือซาก อาทิ เปลือกตาและโหนกแก้ม ดวงเนตรโปนไร้ประกาย
“กี๊! พวกเราบุกได้” สมาชิกที่มาร่วมแจมกันมิหยุด พวกมันก็เป็นสไตล์นี้เหมือนกัน โดยกำลังพุ่งเข้าใส่กองคาราวานค้าทาสเป็นเส้นสายแบบตาลีตาเหลือก อาวุธในมือแตกต่างและพร้อมมูลตามความถนัด
“บ้าน่า! กองทัพอันเดดรึ? แถวนี้ไม่เคยมีสนามรบมาก่อนเลยนะ แล้วมาได้ยังไงกัน?” ดีโน่พอมองเห็นรูปลักษณ์ของอีกฝ่าย ความมึนงงจึงผุดออกมาในสมองทันที กลุ่มของพวกเขาจึงต้องมุ่งไปทำหน้าที่โดยพลัน ตามฟอร์เมชั่นของปาร์ตี้
“เตรียมพร้อมนะ?” ส่วนมาดิชได้ดีดตัวขึ้นมายืนตั้งท่าต่อสู้ เขาเอ่ยปากออกมาเบา ๆ
“วางใจข้าได้เลย” ดิวทราโผล่ร่างออกมาจากเคราขาวตอบอย่างมั่นใจ คันธนูจิ๋วพาดลูกศรเมล็ดโอ๊คและดึงสายเต็มเหนี่ยว เพื่อโชว์เสริมด้วย แล้วก็มุดกลับไปที่เดิม
“รีบคุ้มกันข้าเร็ว พวกเจ้ารีบด่วนเลยนะ เดี๋ยวข้าจะจับไปขายเป็นข้าทาสซะเลยนี่” สาลีบี้ชี้หน้าใส่เหล่าพนักงานที่กำลังดูอาการบาดเจ็บบนร่างกายตนเองและเพื่อนพ้อง ทำให้พวกเขารีบตั้งขบวนไม้พลอง เพื่อขวางกั้นเบื้องหน้าของผู้เป็นนาย โดยลากผู้ที่ไม่ไหวมารวมเอาไว้ด้านหลังแนว
“กี๊!/ย๊ากกก...!!!” นักรบซอมบี้รายแรกได้กระโดดขึ้นบนฟ้าและฟาดคมดาบลงมาด้วยสองมือแห้ง ๆ ให้ปะทะกับอาวุธของดีโน่แล้ว ออร่าของแต่ละฝ่ายปะทะกันอย่างรุนแรง
(มันใช้เวทย์แห่งแสงหรือเนี่ย?) อัศวินหนุ่มนึกในใจอย่างไม่น่าเชื่อ
เขารับการโจมตีตรง ๆ แล้วจึงย่อหัวเข่าลงพร้อมกัน เพื่อสลายพลังสู่พื้นดิน ทั้งยังใช้ฝ่าเท้าขวาเสริมเวทย์เพิ่มสมรรถภาพถีบยันหน้าท้องของอีกฝ่าย ทำให้ศัตรูกระเด็นถดถอยตามแรงกระแทก ต่อมาก็ฟันดาบขว้างซ้ายต่อ เพราะหอกยาวของอันเดดอีกตนได้มาบวกเพิ่มด้วย
“ไปเมืองผีซะเถิด” นักสอดแนมคลุมผ้าได้พุ่งร่างมาที่ด้านข้างซ้ายของอีกฝ่ายอย่างฉับไว มีดพร้าเล่มใหญ่เลยเหวี่ยงเฉียงขึ้นออกจากตัว เพื่อเชือดลำคอไร้ชีวิตจนเกือบหัวขาด ทว่ารอยแผลกลับค่อย ๆ ประสานตัวกันใหม่ดั่งเดิม
“ย๊ากกก...!!!” ดีโน่จึงต้องฟาดฟันต่อจากบนลงล่างให้ขาดเป็นสองซีก
“เอ็มม่าเร่งเตรียมเวทย์ชำระวิญญาณเร็ว” และออกคำสั่งจอมเวทย์คนเดียวในกลุ่ม
“ข้ารู้อยู่แล้วน่า” เอ็มม่ากล่าวออกมาภายใต้การป้องกันรอบทิศจากสมาชิกทั้งปาร์ตี้ โดยแนบคทาที่หน้าอก ลูกแก้วใสที่ฝ่ามืออีกข้างก็ยื่นออกไปเบื้องหน้า
“โจอี้! เจ้าจงขึ้นไปเหยียบที่บ่าของข้า” ผู้ชายในชุดพรานป่าเอ่ยปากขึ้น หนึ่งในสองของสมาชิกที่เหลือ เขาประสานฝ่ามือทั้งคู่เอาไว้ตรงหน้าท้อง เพื่อให้เพื่อนข้าง ๆ กายในเสื้อผ้าแนวเดียวกันกระโดดอยู่มาบนร่าง
“ได้เลย พาก้า! ฮา ๆ เดี๋ยวข้าจะแสดงความแม่นยำให้พวกมันเห็นเอง” หอคอยเฉพาะกิจจึงถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว จากนั้นผู้มีมุมมองกว้างกว่าได้เร่งพาดลูกศรอาคมบนสาย แล้วปล่อยออกมิยั้งมือ เพื่อซื้อเวลาแก่จอมเวทย์สาว ธนูจู่โจมแนวโค้งเข้าใส่เป้าหมายระยะไกล พอมาใกล้ ๆ ถึงเป็นแนวเฉียงตรง
“ดาหน้ากันเข้ามาเลย” โจจี้ฮึกเหิมกล่าวแบบมุ่งมั่น หน้าไม้ในมือโจมตีเป็นชุด ๆ หลายระลอก ซ้ายและขวาตามสถานการณ์
“กี๊!” ในขณะที่เหล่าซอมบี้นักรบอันมีพวกมากได้แบ่งขบวนออกเป็นสามกอง ครั้นต้องการกับทีมนักผจญภัย ขบวนพลองยาวที่คุ้มกันสาลีบี้และสุดท้าย พวกมาดิชซึ่งยืนหยัดอย่างโดดเดี่ยว เพราะเขาเป็นคนนอก เลยไม่มีใครคิดจะช่วยเหลือทั้งนั้น
“เจอนี่ไปซะ พวกเจ้าขาดความอบอุ่นนักใช่ไหม? ฮา ๆ” มาดิชกล่าวขึ้นอย่างมาดมั่น
โดยหวดแส้อ่อนลง ณ กองไฟและม้วนพันเศษฟืนที่ร้อนฉ่า เพื่อแจกจ่ายให้แด่ผู้มาเยือนแบบทั่วถึงกัน ส่วนตนที่หลุดเข้าถึงระยะประชิดแล้ว พอเบี่ยงตัวหลบลูกตุ่มหนามซึ่งเหวี่ยงลงสู่พื้นได้ กำปั้นเคลือบพลังเวทย์จึงซัดใส่ใบหน้าของอีกฝ่ายเต็ม ๆ จนศีรษะช่วงบนแหว่งหายไปเลย