นิยายแฟนตาซีเรื่อง Conflict Before The Beginning มันเกิดก่อนเริ่ม [ตอนที่ 8 คู่นักผจญภัยขี้แพ้]

บทนำ     https://pantip.com/topic/39330773    ตอนที่ 1  https://pantip.com/topic/39331305
ตอนที่ 2  https://pantip.com/topic/39332020    ตอนที่ 3  https://pantip.com/topic/39333626
ตอนที่ 4 https://pantip.com/topic/39333762     ตอนที่ 5  https://pantip.com/topic/39336452 
ตอนที่ 6 https://pantip.com/topic/39339433     ตอนที่ 7 https://pantip.com/topic/39342387
 
              “ถ้ามีอะไรก็บอกป้าได้นะ? พอล” เจ้าของร้านอาหารเอ่ยปากขึ้น ด้วยท่าทีใจดีหนักหนา ส่วนสูง 160 เซนติเมตร อายุประมาณ 40 ปีเศษ ๆ
              เธอเท้าแขนอยู่บนเคาเตอร์ ภายในไม่มีลูกค้าเหลืออีกแล้ว เพราะกำลังจะถึงเวลาปิดทำการ เพียงแสงเทียนตามเชิงกำแพงเท่านั้นที่ยังฉายให้ทรรศนาสภาพแวดล้อม ผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลทาบทับกับชุดกระโปรงโทนเขียวแก่ มันเข้ากับใบหน้าตกกระและผมยาวเฉดเหลืองทองที่มัดเป็นมวยอยู่ด้านหลังศีรษะเป็นอย่างดี
              “ขอบคุณมาก ที่มอบอาหารให้พวกเราเยี่ยงนี้ คุณป้ามามาส” อีกฝ่ายก็ตอบรับอย่างสุภาพ ในอ้อมแขนหอบถุงกระดาษซึ่งภายในมีเนื้อย่างเสียบไม้เอาไว้แน่น
              เขาเป็นชายหนุ่ม รูปร่างสมส่วนที่สูง 180 เซนติเมตร หากแต่ไม่มีแขนซ้าย ทว่ากลับมีรอยยิ้มอันเจิดจ้า ผมสั้นหนาน้ำเงินเข้ม ใบหน้าบาก เนื่องจากมีแถบแผลเป็นเฉียง ๆ จากหน้าผากด้านซ้ายถึงดั้งจมูก แต่งกายซอมซ่อด้วยเสื้อเชิ้ตสีฟ้าซีดเซียวและกางเกงเอี๊ยมดำขายาวที่มีสายรั้งบ่าแค่ข้างเดียว 
              “คราวหน้าก็อย่ามาเหยียบที่นี่อีกล่ะ เจ้าขอทานเอ้ย!” เยื้องเข้าไปด้านในของเคาเตอร์ ประตูกั้นทางบานคู่เล็ก ๆ ได้ถูกผลักออกอย่างอารมณ์เสีย เมื่อมีชายแก่อายุ 55 ปีก้าวออกมาและว่ากล่าวใส่ตรง ๆ 
              เขาเป็นสามีของสาวใหญ่ผู้ใจดี ร่างใหญ่โต กล้ามล่ำบึก สูงเกือบสองเมตร หนวดโค้งเหนือริมฝีปากคล้ายหางสุกร ตำแหน่งความรับผิดชอบในร้านคือเชฟทำอาหารนั่นเอง ทั้งหมวกทรงยาวกับชุดคนครัวขาวซึ่งสวมบนร่างแม้จะปุปะไปบ้าง มีผ้าสีอื่นชุนอยู่ด้วย แต่ก็สะอาดสะอ้านตามหลักอนามัย
              “...” ทำให้พอลต้องกรอกดวงตาขึ้นทีเดียว ส่วนสีหน้าเงียบงัน เพราะคุ้นเคยต่อการดูถูกอยู่แล้ว
              “อ๊ากกก...!!!” แล้วเจ้าของเสียงด่าทอก็ต้องร้องลั่นทันที
              “คุณเนี่ยน่า! พูดจาไม่สร้างสรรค์เอาซะเลย” เนื่องด้วยป้ามามาสใช้ฟุตเวิร์คพาร่างถอยหลังไปด้านข้าง ในชั่วอึดใจเดียว เพื่อแทงข้อศอกซ้าย ณ สีข้างของสามีเข้าเต็ม ๆ เธอเป็นนักผจญภัยซึ่งเกษียณตนเองก่อนเวลาอันควร ทำให้เป้าหมายถึงกับทรุดตัวลงมาคุกเข่า ไม้มือกดพิกัดที่โดนด้วยความเจ็บปวด
              “ป้าต้องขอโทษด้วยนะ” เธอกล่าวกับชายหนุ่มด้วยสีหน้าแย่ ๆ 
              “ฮา ๆ เฮียเขาแค่ปากตรงกับใจน่ะ ข้าคงต้องขอตัวก่อน เดี๋ยวเซนจะท้องกิ่วจนทะลุกันพอดี” พอลได้หัวเราะอย่างเป็นธรรมชาติ จากนั้นก็โค้งศีรษะร่ำลา พร้อมกับเดินออกจากประตูไป
              “...” เขายืนดูอยู่หน้าร้านสักช่วงครู่ อารมณ์เรียบเฉยดั่งมองดูภาพเหมือนของตนเอง
              (สักวันหนึ่งนะ ข้าจะมาวางเพลิงเผาที่นี่ให้วอดวาย คู่ผัวตัวเมียต้องได้กอดคอตายไปพร้อมกัน) เขานึกในใจด้วยความเก็บกด
              “สงสารรึ? ไสส่งหรือ? สมัยที่ข้าเป็นนักผจญภัยระดับหน้า ไม่มีใครกล้ามาปฏิบัติต่อหน้าเยี่ยงนี้” พอลพึมพำเบา ๆ แทบไม่ได้ยิน สีหน้าบูดบึ้งแวบหนึ่ง แล้วเลือนหายกลับมาเป็นปกติ ครั้นฉีกรอยยิ้มบนใบหน้าเสร็จ เขาก็มุ่งตรงสู่ที่พักโดยมิรอช้า
              ระว่างทางตามถนนสายหลักซึ่งยังมีผู้คนเดินร่อนในงานตลาดนัด เขารู้สึกถึงสายตาจากรอบ ๆ ข้างอันหลากหลายอารมณ์อยู่เนื่อย ๆ ทั้งยืนมองระยะไกล บ้างซุบซิบกันดั่งเห็นของแปลกเข้าให้ คนรู้จักมักคุ้นพอพานพบ พวกเขาก็เร่งชิ่งหนีหน้าโดยด่วน สายตาของบางรายสื่อความสมเพศ กะปะปนเย้ยหยัน
              “...” กระนั้นพอลกลับก้าวเดินตรงแน่วอย่างเงยหน้าขึ้น เพื่อสู้ฟ้าดิน
              ที่พักของเขาเป็นห้องแถวเล็ก ๆ ชั้นสองในโซนสลัมนอกเมือง มันอาจจะเก่าเก็บมอซอ แต่ก็พออาศัยนอนได้ เมื่อเดินขึ้นบันไดมาแล้ว เขาจึงรีบผ่านระเบียงยาวซึ่งฝั่งตรงข้ามเป็นบ่อนพนันและซ่องประเวณี เสียงประกอบฉากเลยแว่วให้ฟังลอดกำแพงบาง ๆ แทบจะตลอดทั้งวัน
              “เซน พี่กลับมาแล้ว” พอลได้เปิดประตูเข้าไปในห้อง
              “อย่าทำอะไรบ้า ๆ นะ” พอเหลือบเห็นเท่านั้นแหละ เขาละถุงกระดาษใส่อาหารในอ้อมอกทิ้งลงกับพื้นทันที โดยเปล่งพลังเวทย์ที่ฝ่าเท้า เพื่อทะยานเข้าหาเพื่อนร่วมห้อง
              “พี่พอล นี่เป็นเรื่องของข้า ท่านไม่เข้าใจหรอก” อีกฝ่ายจึงเอ่ยปากตอบอย่างไร้วิญญาณ ทั้งยังส่ายหน้าไปมาด้วยความทุกข์ทน ขณะที่ยืนอยู่บนเก้าอี้ เส้นเชือกในมือกำลังผูกคอของตนเอง โดยว่าจะฆ่าตัวตายให้หมดเรื่องราวกัน
              ผู้คิดสั้นรายนี้อายุน้อยกว่าพอลนิดหน่อย รูปร่างความสูงพอ ๆ กัน เพรียวบาง แต่อวัยวะครบถ้วนและหล่อเหลากว่ามากแทบเทียบไม่ติด เขาสวมชุดคลุมจอมเวทย์เต็มยศเป็นครั้งสุดท้าย ผมสีเทาอ่อนยาวถึงแผ่นหลัง ถุงใต้ดวงตาสีครามดำคล่ำสุด ๆ
              “เจ้าบ้าเอ้ย!” ครั้นพอลกระโดดเข้าประชิดตัวได้ 
              หมัดของแขนเพียงข้างเดียวก็ตะบันใส่ใบหน้าอย่างจัง ทำให้การอัตวินิบาตกรรมของเซนถูกขัดขวางเอาไว้ก่อน เขากระเด็นไปตามแรงกระแทก เก้าอี้ที่ยืนอยู่ชนกับร่างซึ่งถลาเข้ามาด้วย ผู้โจมตีก็เข้าสมทบต่อกลางอากาศซะด้วย จนตอนนี้นอนกอดกันบนพื้นห้องทีเดียว 
              “ท่านไม่มีสิทธิ์ห้ามข้านะ” เซนซึ่งนอนอยู่ใต้ร่างตะโกนออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด หัวเข่าซ้ายตั้งขึ้น เพื่อเสียบหน้าท้องของพอลอย่างว่องไว
              “โอ๊ยยย...!!! เจ้าไม่เรี่ยวแรงพอจะต่อกรกับข้าหรอก เซน” อีกฝ่ายอยู่ใกล้เกินควรจึงหลบมิพ้น ทว่าความบอบช้ำที่ได้ไม่มากมายเท่าไรนัก แขนขวาของพอลเลยเร่งคว้าจับหัวไหล่ เพื่อบังคับให้เซนต้องพลิกตัวอย่างเด็ดขาด 
              “ข้ามิคิดอยู่แล้ว ท่านเกี่ยวอะไรด้วย” มือซ้ายของเซนรีบพุ่งไปยันใบหน้าของอีกฝ่ายเป็นการแก้เกมส์ 
              ทว่าเขาที่เคยเป็นจอมเวทย์มาก่อนไม่ปัญญาด้านกำลังเลยสักนิด จึงพ่ายแพ้ไปในที่สุด ครั้นหน้าอกกระทบกับพื้นห้องเต็มเหนี่ยว ศีรษะก็ถูกอุ้งมือของพอลที่เจ้าอารมณ์กดเอาไว้แนบติดกัน ส่วนลำตัวของผู้อยู่ด้านบนได้นั่งค่อมหลังให้ผนึกเคลื่อนไหวด้วยน้ำหนักตัว
              “แฮก! ๆ ๆ ท่านข่มเหงข้า พอล เรนด้า” เซนหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้า 
              “ก็ใครให้เจ้าคิดกระทำโง่เขลาแบบนี้เล่า? เซน กีโดรน” พอลตะคอกสุดเสียง โดยจับศีรษะของอีกฝ่ายเคาะกับพื้นห้องเป็นจังหวะจะโคน ร่างท่อนบนเลยโยกตามการลงแรงไปด้วย
              “พวกเจ้าเริงรักกันเบา ๆ หน่อยสิ นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว เดี๋ยวจะแจ้งเจ้าของซะเลยนี่” เนื่องจากประตูห้องได้เปิดอ้าซ่าเอาไว้โต้ง ๆ คนในห้องเคียงข้างซึ่งรับทราบถึงสำเนียงโครมครามจึงมาสอดแนมด้วยความใคร่รู้ ภายในนั้นมืดสลัว ๆ เลยเกิดเข้าใจผิดขึ้นมาเต็ม ๆ
              “เด็กสมัยนี้นิยมเพศเดียวกันจริง ๆ เลยนะ คราวหลังปิดประตูด้วยล่ะ อุจาดสายตานัก” ผู้สังเกตการณ์อีกรายกล่าวขึ้นอย่างจริงจัง ขณะที่เฝ้ามองจากภายนอก พอกระทำแทนเสร็จ พวกเขาก็ชักชวนกันกลับที่มาของแต่ละคน 
              “.../...” ทำให้เหล่าผู้ถูกคิดกำลังหาความสุขกันเงียบกริบเชียวล่ะ
              “อับอายบ้างไหม? เป็นเพราะเจ้าคนเดียว วันพรุ่งนี้คงมีข่าวลือเรื่องนี้ว่อนกันให้แซดอีกแน่” พอลได้กระแทกหน้าของเซนอีกครั้งหนึ่งและบดบี้แก้มกับพื้นห้องมิหยุด สีหน้าของเขามิพอใจเป็นอย่างมาก
              “ฮึ่ม! ข้ามิสนอันใดอีกแล้ว จะฆ่าตัวตายกันทั้งที ยังกลัวถูกคิดว่ามีอารมณ์ทางเพศผิดเพี้ยนอีกทำไม?” เซนผู้ถูกจับกดเปล่งเสียงออกมาอย่างคับแค้น โดยใช้หางตาจับจ้องอีกฝ่าย
              “บัดซบที่สุด! จะไปตายห่าที่ไหน มันก็แล้วแต่เจ้า แต่ห้ามฆ่าตัวตายภายในห้องนี้ เพราะข้าต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปอีก” พอลโมโหมาก เขาลุกพรวดพราดขึ้นมาทันที ทั้งยังแถมการสะกิดหน้าท้องด้วยหน้าเท้าซ้ายไปอีกหนึ่งขา
              “อั่ก! พี่พอล ท่านไม่เข้าใจหัวอกของข้าหรอก” เซนจึงต้องเอ่ยปาก ระหว่างพยุงตัวให้คุกเข่าลง มือขวายื่นมาด้านหลัง เพื่อกดต้นคอเอาไว้ด้วยความปวดเมื่อย 
              “ฮึ่ม! ที่ข้าต้องกลายมาเป็นเยี่ยงนี้ ก็เพราะท่านนั่นแหละ” แต่จู่ ๆ เซนก็ของขึ้นอย่างกะทันหัน
              “อ๊ากกก...!!!” ครั้นจบประโยคปั๊บ ร่างกายของเซนก็ลอยไปบวกกับฝาพนังต่อเลย
              “ที่พูดเนี่ย ไม่ได้ดูสภาพของข้าเลยรึ? แหกตามองซะ แขนด้วน หน้าบาก วงจรเวทย์ภายในร่างก็ไม่เหลือเค้าเดิมอีกต่างหาก หนักหนากว่าเจ้าเห็น ๆ” เพราะไปสะกิดต่อมความพิโรธของพอลเข้า เขากระโดดถีบขาคู่ให้โดนยอดอกของอีกฝ่าย
              “ท่านสัญญากับข้าเอาไว้ ทว่าในตอนนั้นกลับไม่ปฏิบัติตาม” เซนตะโกนก้องออกมา ขณะที่กำลังนอนตะแคงกับพื้นห้อง
              “ข้าต้องทำสิ่งที่ควร ตามหน้าที่ของนักผจญภัย” พอลจึงต้องตะคอกแย้งกลับโดยรั้งรอ 
              “เจ้าก็แค่สูญเสียความสามารถทางมนตราไปเท่านั้น แต่ครบสามสิบสอง ยังสามารถดำเนินชีวิตตามปกติได้อยู่เลย แล้วจะเอายังไงอีกล่ะ? ฮะ! เจ้าเวรเอ้ย!” จากนั้นเขาเลยพุ่งไปตบหัวกบาลของอีกฝ่ายเสริมด้วย         
“โอ๊ยยย...!!! ท่านหยามข้ามากไปแล้วนะ” ฝ่ายจิตตกจึงร่ำร้องด้วยความแสบสัน ในท่วงท่าหมอบคลานสี่ขา มือก็ดันพื้นสุดแขน
              “ดูเจ้าสิ อยากสิ้นชีพเองรึ? แค่รวดร้าวระดับเท่านี้ยังทนทานไม่ได้เลย ฮึ่ม! ไหนจะกล้าลองเผชิญหน้ากับความตายตรง ๆ ที่พล่ามมาน่ะ มันก็แค่เรียกร้องเป็นจุดสนใจเท่านั้นแหละ” พอลเหยียบสายตาลงไปพินิจอีกฝ่ายอย่างเสียดสี ทั้งยังยิ้มน้ำลายรดพื้นห้องข้าง ๆ กายของเซน
              “... ไม่หลงเหลือความหวังกระไรอีกแล้ว เพียงแค่ประจุเล็ก ๆ ก็ยังไม่ผุดขึ้นในใจเลย ฮือ! ๆ เมื่อมิอาจใช้เวทมนต์ ข้าจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไรกัน?” เซนถึงกับร่ำไห้ออกมา น้ำตาหลั่งไหลทางเป็นทางหยดแหมะ ๆ ลงสู่พื้นห้อง
              “... เซน กีโดรน นั่นคือสิ่งที่ต้องค้นหาให้พบ มันคือเควสของเจ้า” พอลกล่าวขึ้นอย่างเคร่งขรึม เมื่อกอดอกด้วยแขนขวาข้างเดียว
              “เพราะแม้แต่ตัวของข้า ก็ยังไม่สามารถหาทางออกให้ตนเองได้เลย” โดยชี้แจงอย่างตรงไปตรงมาให้แด่อีกฝ่าย
              “ฮา ๆ พูดพรำมาซะดีเลยนะ สองเรามันก็ครือ ๆ กัน พวกไม่มีคุณค่าพอ” เซนจึงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับขดตัวเป็นกองอยู่กับพื้นดั่งขยะมีชีวิต
              “เฮ้อออ...!!! นี่เป็นความเสี่ยงของนักผจญภัยที่ทุกคนต้องยอมรับ พวกเราผ่านภารกิจเสี่ยงตายด้วยกันมาไม่น้อย ทำไมเจ้าถึงคิดไม่ได้กันนะ” พอลเลยต้องถอดถอนใจคำหนึ่ง โดยว่าจะเข้าไปประคองเพื่อนร่วมชะตากรรมขึ้น เพื่อยืนหยัดใหม่อีกครั้งหนึ่ง
              ทว่าในทันใดนั้นเอง ณ เพดานห้องซึ่งมืดสนิท กลับมีมือสีดำจำนวนมากอันทมิฬกว่าปรากฏลงอย่างฉับพลัน พวกมันพุ่งไปที่ร่างของเซนบนพื้นห้องพร้อม ๆ กันด้วยความเร่งรวด ยั้วเยี้ยเต็มช่องว่างฝั่งติดกำแพง ขณะที่อีกฝ่ายยังไม่รับรู้ถึงเภทภัยเลยแม้แต่น้อย 
              “เซนรีบหนีไปซะ” เมื่อเจอเข้าตรงหน้า พอลเลยตะโกนขึ้นด้วยเสียงแปดหลอด แล้วรีบทะยานร่างเข้าหา เพื่อจะไปช่วยเหลือ จนถึงข้างกายของเซน นั่นเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้พวกเขาโดนเหล่าหัตถ์แห่งความมือมากข้างยึดจับมาด้วยกัน โดยพยายามแข็งขืนสุดกำลังแล้วนะ แต่ก็สลัดไม่หลุดรอด
              “ไม่...!!!/อะไรกันเนี่ย? อ๊ากกก...!!!” สำเนียงร่ำร้องด้วยความเสียใจและความตระหนกจึงบังเกิดตามไปทั่วสถานที่ เมื่อเหล่ามือสีดำทะมึนได้ง้างปากของพวกเขา เพื่อล้วงเข้ามาในร่างกายไปเป็นพรวน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่