นิยายแฟนตาซีเรื่อง Conflict Before The Beginning มันเกิดก่อนเริ่ม [ตอนที่ 3 แป้กที่มังกร?]

บทนำ     https://pantip.com/topic/39330773    
ตอนที่ 1  https://pantip.com/topic/39331305
ตอนที่ 2  https://pantip.com/topic/39332020

          “อ๊ากกก...!!!” [ความมืดมิด] ร่ำร้องด้วยความเจ็บปวด ลมพายุเริ่มแผลงฤทธิ์แล้ว ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นเลยสักครั้งภายในโลกแห่งนี้ ฟ้าร้องกระหึ่ม เสียงอัคนีบาตรคลั่งก็แว่วมาจากเบื้องบน 
          เพราะอาวุธสังหารเพิ่งแทงทะลุหน้าอกจากด้านหลัง มันเหนี่ยวนำให้ฟ้าผ่าลงมาย่างสดด้วย ก่อนสายโซ่ทองคำขนาดเท่านิ้วหัวแม่เท้าจะคาดปากเอาไว้มิด แต่ละข้อต่อเล็ก ๆ มีเงี่ยงตะของอกเงย เพื่อเสริมความเจ็บปวดแถม ตอนนี้เขาได้ถูกเส้นอื่น ๆ รวบทั่วร่างกลางเวหาไปซะแล้ว แขนขาตึงเป็นรูปดาวห้าแฉก ลำตัวตั้งฉากกับพื้น  
          ดวงตาของเขาเบิกกว้างมองดูปลายสามง่ามด้ามหนึ่งผ่านช่องว่างระหว่างสายโซ่ ซึ่งคละคลุ้งไปด้วยอนุภาคทมิฬที่รั่วทะลักออกจากบาดแผล แต่มันแผ่ประกายแสงเจ็ดสีขึ้นมิหยุด จึงแย่งซีนเด่นมา ด้วยรูปลักษณ์อันงดงามที่มีอักขระแห่งเทพเจ้าสลักอยู่อย่างบรรจง
          “ความมืดมิดเอ๋ย! นี่มิใช่บทบาทที่ควรจะปรากฏในเรื่องราวนี้เลย” เส้นเสียงที่แสนเย็นยะเยือกได้ปรากฏขึ้นจากด้านหลัง ระยะเกือบข้างหู
          (นี่ข้าผิดพลาดตรงไหนกันแน่?) กระแสไฟฟ้าแรงสูงก็แล่นต่อตรงถึงสมองและสปาร์คมิหยุดอยู่ข้างในนั้นแหละ ทำให้ [ความมืดมิด] ต้องเห็นภาพเหตุการณ์ที่ผ่านพ้นไปแล้วกลับคืนมา 
          “โฮกกก...!!!”x3 ตัวตนของมังกรร้ายสามเศียรจึงผุดขึ้นมาในใจทันที ทว่ามันกลับมีสภาพยับเยิน รอยแผลฉกรรจ์เต็มไปหมดแล้ว เขาเดียวงอกจากหน้าผากปานมงกุฎสูงศักดิ์ ขนาดตัวใหญ่เทียบเคียงคอนโดชุดสิบชั้น 
          เกล็ดสีเงินหนาปกคลุมตามผิวหนัง เงาจัดจนส่องแทนกระจกได้ มีปล้องเกราะแหลมตลอดช่วงตั้งแต่หลังคอ สันหลังจนถึงหางหนาม ปีกกว้างทั้งสี่เคยโบกสะบัดสง่างาม แต่ในขณะนั้นสัตว์เวทย์โบราณตนนี้กำลังอ่อนล้ายิ่งนัก เนื่องจากถูกล่ามเอาไว้กลางอากาศอย่างแน่นหนา ด้วยเหล่าตะขอเกี่ยวที่ฝังเนื้อลึกให้โลหิตสีน้ำเงินหลั่งไหลเป็นทาง ทั้งลวดสลิงดำเส้นโตมากจำนวน 
          ครั้นมีผู้มาเยือนกลุ่มใหญ่เดินทางถึงที่โลกเวิ้งว้างอันมืดมิด พร้อมกับเจ้าของสถานที่อันดับท้ายสุด เจ้ามังกรร้ายรู้สึกได้เลยลืมตาสีฟ้าคริสตัล เมื่อรวบรวมกำลังกายเพียงพอ คอยาว ๆ ทั้งสามได้ฝืนตวัดขึ้นอย่างดื้อดึง เนื้อที่โดนยึดถึงกับถูกกระชากออกไปด้วย เพื่อจ้องเขม็งด้วยความเครียดแค้น
          “อ๊ากกก...!!!”x??? เหล่าดวงวิญญาณร่างโปร่งใสที่พามาด้วยหลากหลายเผ่าพันธุ์ อาทิเช่น มนุษย์ เอลฟ์ คนแคระและอื่น ๆ พวกเขาต้องตะโกนด้วยความแตกตื่น พร้อมกันรีบบินหนีตายสี่ทิศแปดทาง เพราะปากของคิงกิโดราห์สีเงินอ้าออกกว้าง สามลำพระเพลิงฟ้าขาวก็พรวดพุ่งกวาดขึ้นมาในทันใด 
          “อา! ข้านี่แย่มาก ลืมจัดการกับอาหารมื้อนี้ซะได้” [ความมืดมิด] เลยต้องบ่นต่อตัวเอง เพราะแขกเหรื่อกึ่งหนึ่งถูกชำระล้างไปแล้ว ด้วยความเลินเล่อของเจ้าบ้าน
          “โฮกกก...!!!”x3 เจ้ามังกรร้ายกลับหันศีรษะมาด้านหลัง โดยชูลำคอเข้าใส่ร่างกายที่ยังถูกพันธนาการอยู่ จากนั้นก็พ่นไฟมนตราแผดเผาตนเอง เพื่อทำลายสิ่งรัดพันให้สูญสลายไป แม้ต้องแลกด้วยความเสียหายอันร้อนแรงก็ตาม
          พอเป็นอิสระอีกครั้ง หนามที่หางยาวเฟื้อยจึงกางออกใช้ต่างศาสตราวุธ มันเปล่งรังสีฟ้าขาวออกมาด้วยเช่นกัน ต่อมาจึงฟาดเหวี่ยงด้วยความเกรี้ยวกราด คลื่นพลังงานคล้ายจันทร์เสี้ยวอันทรงอนุภาพเลยเร่งเคลื่อนไปสู่ [ความมืดมิด] ณ เบื้องบนโดยมิรั้งรอ
          “ข้าล่ะ เบื่อพวกสัตว์เดรัจฉานจริง ๆ ไม่เคยจดจำอะไรเลย” เป้าหมายที่ถูกจู่โจมต้องเอ่ยปากขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ครั้นรังสีดาบขนาดมหึมาเพิ่งจะทะลุผ่านเขาไปดื้อ ๆ กลุ่มอนุภาคแห่งสสารมืดขุมหนึ่ง รัศมีมิคงที่ประมาณ 4-5 เมตรจึงจำแลงกายเป็นรูปแบบมนุษย์ขึ้นมา 
          ลักษณะคร่าว ๆ นั้นคล้ายภาพร่างหยาบ ๆ ด้วยดินสอถ่าน อิมเมจเลยมีเพียงศีรษะกลมกลึง แขนยาวและส่วนสูงราว 165 เซนติเมตร ลำตัวผอมกับยืนด้วยสองขาลีบ เขามีดวงตาวงรีเล็ก ๆ แนวตั้งที่เรืองรองคู่หนึ่ง ประดุจโคมไฟส่องทาง ณ ยามราตรี กะฟันขาวสะอาดเป็นประกายภายในปาก
          เมื่อทราบว่าการโจมตีเสียเปล่า ปีกกว้างทั้งสี่ได้กางออกสุดและกระพือโบกเต็มเรี่ยวแรง ละอองสีเงินตามเกล็ดจึงพัดกระจายกลางอากาศไปด้วย มังกรร้ายพ่นเปลวเพลิงฟ้าขาวอีกครั้ง เพื่อเสยขึ้นใส่ [ความมืดมิด] พร้อมกับโบยบินมาเผชิญหน้ากันตรง ๆ
          “เอาล่ะ รีบจัดการให้เสร็จเรื่องเถอะ” เขากล่าวด้วยความรำคาญ มือซ้ายยื่นออกมาและขยายขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อต้านทานสามคลื่นความร้อน ซึ่งถูกดูดกลืนในบัดดล เมื่อแตะต้องโดน
          แล้วความเวิ้งว้างด้านหลังของผู้ลองของกลับก่อกำเนิดเป็นระยางสีดำสายใหญ่นับไม่ถ้วน จากนั้นก็เร่งไปรัดรึงร่างของเจ้ามังกรร้ายซึ่งกำลังพ่นไฟสีฟ้าขาวใส่อย่างบ้าคลั่ง โดยเข้าคว้าที่ปีกกว้างก่อน จนมันชะงักงัน แล้วรัดพันต่อด้วยลำคอและเลื้อยลามไปมัดปากให้ปิดลงอย่างรวดเร็ว ช่วงลำคอเลยต้องบวมพองเป็นก้อนใหญ่ ๆ เนื่องด้วยแรงดันภายในอันไม่มีที่ไป
          พอติดแหง็กอีกหน ริมฝีปากที่เผยออยู่ทั่วทั้งระยางแต่ละเส้นได้แสดงเขี้ยวคมกริบ ลิ้นเรียวสีแดงยาว พวกมันเลยกัดกินเหยื่อทั้งแบบนั้นแหละ โดยเพิ่มเรี่ยวแรงบดขยี้มากขึ้นอีก จนสัตว์โบราณกลายเป็นลูกชิ้นเนื้อกลม ๆ รอการเชือดเฉือนเพียงสถานเดียว
          “โฮกกก...!!!”x3 เสียงกรีดร้องของเจ้ามังกรร้ายเต็มไปด้วยความทรมานอยู่สักครู่ มันเล็ดลอดออกมาจากปากที่บังคับให้ปิด แล้วก็สุดสิ้นลง เมื่อแม้แต่โครงกระดูกก็ยังมิเหลือให้แทะเล่น
          “อืมมม...!!! อร่อยใช้ได้ แต่ใกล้จะสูญพันธุ์แล้ว ต่อไปข้าคงต้องระวังมากหน่อย” [ความมืดมิด] ที่ลิ้มรสชาติไปแล้วกล่าวขึ้นมาด้วยใจรักธรรมชาติ
          “...” ตัดกลับมาในช่วงที่ [ความมืดมิด] ถูกโซ่ทองคำขึงกลางเวหาอีกครั้ง คมสามง่ามประกายเจ็ดสีก็คงค้างคาทะลุหน้าอกจากด้านหลังอยู่เลย
          (ไม่! ช่วงนี้มิตรงจุด มันจะทำให้ข้าเป็นเช่นนี้ได้อย่างไรเล่า?) เขาก็ยังคงหัวหมุนอย่างหนัก
          “ความมืดมิดเอ๋ย! ถึงแม้จะทรงอำนาจขนาดไหน แต่ในเมื่อใช้มันไม่ถูกทาง ข้าก็ขอทวงพลังของเจ้าคืนเถอะ” สำเนียงดังขึ้นมาจากข้างหูอีกคราแล้ว แต่เป็นคนละข้างกับประโยคก่อน 
          ณ วินาทีนั้นเอง เขารู้สึกมีอะไรบางอย่างแทรกซึมเข้ามาที่แผ่นหลัง โดยแพร่ไปเรื่อย ๆ ไขสันหลัง ระบบประสาทส่วนกลางและสมองอันมีแก่นกลางอยู่ พร้อมทั้งระดับมนตราภายในร่างซึ่งค่อย ๆ ลดลง ทำให้สั่นกระตุกมิหยุดและต้องพบปะกับความรวดร้าวถึงจิตวิญญาณ
          “อั่กกก...!!!” [ความมืดมิด] เลยได้ทำแค่ต้องกัดฟันทน 
          (เจ้าไม่มีสิทธิ์นี้นะ ความเร้นลับ! พวกเราก็เป็นเยี่ยงเดียวกันนั่นแหละ) และโวยวายในใจอย่างมีโทสะยิ่งชีพ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่