นิยายแฟนตาซีเรื่อง Conflict Before The Beginning มันเกิดก่อนเริ่ม [ตอนที่ 1 ทางลัดสู่ตอนจบ]

บทนำ https://pantip.com/topic/39330773          

         “หือออ...!!! นี่มันคืออะไรน่ะ!?” เขาอึ้งซะจนต้องเปรยขึ้นแทบไม่ได้ยิน อุณหภูมิรอบ ๆ เกือบจะถึงจุดเยือกแข็งอยู่แล้วด้วย
          ครั้นพยุงตัวมาเป็นนั่งคุกเข่าจากท่วงท่าเดิม ซึ่งโอนเอนไปเบื้องหน้ามาก แต่กลับหยุดนิ่งลงได้ ทั้ง ๆ ที่ใบหน้าอยู่ห่างจากพื้นราบแค่คืบเดียว ตอนนี้กำลังมองดูช่วงแขนของตนอย่างพินิจพิจารณา ครั้นเพิ่งจะรับทราบถึงการคงอยู่ของด้ายไหมเงิน 
          พวกมันเชื่อมโยงตามข้อต่อทั่วร่าง ประหนึ่งตุ๊กตาหุ่นเชิดของใครสักคน เขาเริ่มไล่สายตามาเรื่อย ๆ จากนิ้ว ข้อมือ ศอกและหัวไหล่ พอก้มลงจึงพบว่าช่วงล่างก็มีเช่นกัน ลมหายใจขาว ๆ เลยล่องลอยไปโดนเข้า แต่มันกลับเสมือนภาพลวงตา ทำให้ต้องใช้มืออีกข้างหนึ่งเร่งฟันขวาง เพื่อยืนยันความจริง 
          “...” แต่พอไม่โดนอะไร เขาเลยต้องรีบเงยหน้าขึ้นฟ้าตามสายอย่างสุดสับสน หากพบเจอเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น สีหน้าจึงค่อนข้างเอ๋อเหรอทีเดียว นี่เป็นเพราะถูกเหนี่ยวรั้งส่ง ๆ จากด้านหลังหนึ่งที่ จึงมิต้องหกล้มคะมำให้เสียฟอร์ม 
          (ว่ายังไงล่ะ ผู้กล้าเอ๋ย! หึ ๆ นี่อยากให้ข้าช่วยจัดการแทนไหม?) เมื่อสักครู่นี้ คลื่นโทรจิตที่เขาเคยสดับฟังแค่ไม่กี่ครั้งในวัฏจักรชีวิตอันยาวนาน มันบุกรุกเข้ามาภายในดวงวิญญาณอย่างมิทันได้ตั้งตัว
              “บ้าน่า!?” ทำให้ต้องสะท้านใจโดยอัตโนมัติ 
          ความพลาดพลั้งเลยได้ปรากฏขึ้นแก่สายตาของเหล่าศัตรูจำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งกำลังทยอยเคลื่อนพลเข้าหาช้า ๆ จากทุกทิศทาง ในจังหวะที่ฝ่าเท้าซ้ายจะระเบิดพลังเวทย์ลงบนพื้นราบ กะเปิดฉากจู่โจมก่อนน่ะ ทั้ง ๆ ที่มีกำลังเพียงลำพัง ณ โลกอันสิ้นแสงใบนี้
          “เหวอออ...!!!” เสียงร้องจึงหลุดออกจากปาก ขณะที่กำลังถลามาข้างหน้าสุดตัว
          “... ฮา ๆ ความมืดมิดเอ๋ย! ยอมแพ้เถอะน่า เพื่อเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่า ๆ ของพวกเรา ข้าจะจัดการส่งเจ้าไปสบายดี ๆ เอง” ทาง [แสงสว่าง] ผู้เป็นคู่อริที่สุดก็ต้องป่าวประกาศดัง ๆ ณ ฝั่งตรงข้าม เมื่อเสียจริตนิดหน่อย เพราะอุตสาห์หยุดกึกลงทันควัน เพื่อตั้งท่าต่อสู้รอดูท่าทีแล้วแท้ ๆ แต่อีกฝ่ายกลับกระทำตัวเปิ่น ๆ แทนที่ 
          จากนั้นเลยเดินนำหน้าเข้าหาคู่กรณีต่อ เนื่องจากยังมีระยะห่างอยู่ไม่น้อย เขาจึงหมุนลำแขนด้วยความเร็วสูงไปพลาง ๆ ก่อน ซึ่งได้พลังงานสีขาวมาเคลือบกำปั้นขวาให้หนา ๆ เข้าไว้ มือซ้ายที่ว่างจัดก็ยึดจับหัวไหล่ข้างเดียวกันตามความถนัด
          (ทำไมข้าถึงไม่ล้มลงล่ะ?) กระนั้น [ความมืดมิด] กลับยังประหลาดใจสุด ๆ เลยมิคิดอะไรนอกเหนือ เพราะกำลังเผชิญหน้ากับสิ่งที่กล่าวไปแล้ว ณ ตอนต้นนั่นเอง
              “...”
          (อ้าว! พวกมันหายไปไหนกัน?) ทว่าอีกสักครู่หนึ่ง เหล่าเส้นเอ็นได้ถูกกระตุกทุก ๆ สาย จนขาดผึงและเร่งคืนสู่ที่มา ทำให้เขารู้สึกโว่ง ๆ ตัวยังไงก็ไม่รู้ด้วย เมื่อแผ่กระแสจิตไล่ตามประกบแล้ว แต่ก็มิพบเจอกับสิ่งใดเลย
          “ความมืดมิด! เจ้าต้องรู้ถึงจุดยืนของตนเองได้สักที โอ้! ข้าน่าจะจบเรื่องนี้มาตั้งนานแล้ว” [อำนาจเร้นลับ] ที่เดินส่ายหน้าเลยต้องเอ่ยปากอย่างเอือมระอา พอพบเห็นสภาพ
          เขานำเป็นอันดับสองจากทั้งคณะ ทั่วร่างก๊าซเพรียว ๆ แผ่ออร่าสีรุ้งปะปนกันมั่ว เส้นระยางมากสายที่มิใช่ขาแข้งก็สั่นพริ้วไปทางด้านหลัง สามง่ามด้ามยาวซึ่งติดไม้ติดมือมาด้วยเลยต้องกระชับมั่น ในท่วงท่าเตรียมจะพุ่งหลาว คมศาสตราจึงเปล่งรังสีพิสดารเอาไว้คอยท่าแล้ว 
          “แกล้งปัญญาอ่อนเลยรึ? หึ! จงยอมรับชะตากรรมซะเถิด ว่าจะต้องรับโทษเยี่ยงไรกันบ้าง?” [ความยุติธรรม] ก็กรอกดวงตาขึ้นบนแบบมีน้ำโห ทั้งสองกำลังไล่ตามหลังของ [แสงสว่าง] มาโดยมิห่างกันเท่าไรนัก 
          ท่านนี้อยู่เยื้องหลังทางขวาไปนิดหน่อย การแต่งกายราวกับยมราชของจีน รูปร่างสูงท้วมให้มั่นคงปานภูผา เขาจงใจลากแส้หนามพู่หนึ่งให้ครูดขีดกับพื้น จนเกิดประกายไฟแปลบปลาบ ปลายลิ้นแหลม ๆ ตวัดสูงเกินขอบดวงตา เมื่อปาดโลหิตบนแก้มขวา แล้วมาเลียกระจับปากต่อ เพื่อแต้มสีชาดที่เริ่มจืดจาง
          “ส่วนข้าที่เป็นสหายสนิทแล้ว ก็จะแข็งใจลงทัณฑ์เจ้าเอง ฮา ๆ” [ความอุตสาหะ] เลยอดร่วมวงด้วยมิได้ หลังจากดัดลำคอแน่นปึ๊กดังกร๊อบแกร๊บมาตั้งหลาย ๆ หน 
          มารใบหน้าเหี้ยม กะคมเขี้ยวโง้งเป็นตับบนเหงือกแสดงความดุร้ายหมายขวัญ ท่าทางขี้เหล้าก็หายไปอย่างสิ้นซากแล้ว กายาแสนล่ำบึกจึงเข้าสมทบตาม โดยโพสท่าโชว์กล้ามเนื้อแขนทั้งสองข้างเต็มแม็กซ์ ประมาณ นักเพาะกายโรคจิตเชียวล่ะ เมื่อรักษาความเร็วให้เกาะกลาง ๆ กลุ่มเข้าไว้
          “หวังว่าสิ่งนี้จะกระตุ้นให้เจ้าคิดเป็นได้บ้างนะ จงรับนี่ไปซะ!” พออาวุธหลุดจากปลายมือของ [อำนาจเร้นลับ]  สำเนียงกรีดฟ้าจึงดังสนั่นขึ้นมาในทันใด
          “เฮ้ยยย...!!! ไม่แฟร์เลยนี่หว่า” เนื่องจาก [ความมืดมิด] รู้สึกตัวก่อนโดนเข้า เขาเลยสามารถโยกหลบการขว้างปาอย่างสุดกำลัง มันเร่งโบยบินมาถึง ณ ชั่วอึดใจเดียว ออร่าควงสว่านสามแฉกจึงได้ผ่านพ้นไปแล้ว 
              “อั่ก! บ้าชิบ!” ทว่ามหาภัยด้ามนี้เพิ่งจะเฉือนช่วงหัวไหล่ซ้ายไปแถบหนึ่ง โดยยังยึดอยู่แค่ผิวหนังบาง ๆ ต่อเชื่อมกัน อนุภาคทมิฬภายในร่างเลยรั่วไหลออกมามาก จากนั้นมันก็แวบกลับมาอยู่ในมือของ [อำนาจเร้นลับ] ดั่งเดิม  
          “อา! เป็นไงเป็นกันสิ ข้ามิสนใจอะไรอีกแล้ว” เมื่อรีบกระชากก้อนเนื้อหยุ่น ๆ สีดำ ๆ ซึ่งเกือบหลุดเข้ามานาบปิดบาดแผลได้บ้าง ที่เหลือก็ปล่อยให้ร่างกายสานต่อเอง [ความมืดมิด] จึงเร่งมุ่งไปข้างหน้าอย่างกับพยัคฆ์ไว้ลาย 
          "ลุยกันเถอะ เจ้าเพื่อนยาก!/กรี๊ดดด...!!!” โดยมิลืมเรียกอาวุธคู่กายให้ปรากฏขึ้นด้วย คาตานะเปลือยเล่มหนึ่งเลยแหวกท่อนแขนขวาออกมา ควันทะมึนก็พวยพุ่งควบคู่ คมประกายเงาและเสียงหวีดร้อง ณ ปากปีศาจบนสันดาบสื่อถึงความรู้สึกแสนอันตราย
          “จงเบิกทางให้ข้าซะ คร่าวิญญาณ!” เมื่ออวดลวดลายสีแดงระเรื่อที่ใบดาบเสร็จ ด้ามจับก็เลื่อนมาถึงฝ่ามือพอดี [ความมืดมิด] เลยยึดมั่นและรีบฟาดฟันลงไปโดยมิรั้งรอ แถบพลังขนาดมหึมาจึงได้ทะลักออกจากรอยตัดอย่างสุดเกรี้ยวกราด
          “ศึกนี้ล่ะ! ข้าจะต้องตัดสินเจ้าให้ได้” มีเสียงตะโกนคุ้น ๆ ดังขึ้นมาจากฝั่งตรงข้ามและสำเนียงของอนุภาคถูกเร่งประทุถึงค่าวิกฤต แล้วคลื่นพลังสังหารของทั้งสองฝ่ายก็หักหาญกันตรง ๆ ระหว่างกึ่งกลาง ทำให้สภาวะสะเทือนเลือนลั่นจริง ๆ ด้วยเอฟเฟคเท่าที่มี
          “นี่ยังกล้ามาเสนอหน้าอีกรึ? เจ้าขี้แพ้เอ้ย!/ฮา ๆ จะมีต่อแน่ ตราบใดที่ใจของข้ายังต้องการสู้” โดยเสี้ยวจันทร์ทมิฬของ [ความมืดมิด] ได้พันตูกับลำแสงหมัดพิฆาตจาก [แสงสว่าง] แบบสูสีก้ำกึ่ง ก่อนจะเบนเบี่ยงให้ลัดขอบฟ้าไปคนละทิศทาง
          “จัดการได้!” [อำนาจเร้นลับ] รีบออกคำสั่ง พร้อมกับขว้างสามง่ามขึ้นไปบนฟากฟ้าอีกครั้ง มันแยกออกเป็นมากจำนวน เพื่อระดมปูพรมต่อ [ความมืดมิด] แบบเต็มที่
          “ย๊ากกก...!!!x8” ทำให้ผู้จู่โจมระลอกแรกต้องเร่งออกตัวบุก โดยพวกข้างหน้ามาเป็นส่วนโค้งเข้าอย่างรวดเร็วกว่า ส่วนด้านหลังของเป้าหมายยังรักษาแนววิ่งเดิมเอาไว้ก่อน วงล้อมเป็นชั้น ๆ จึงกำลังหดเล็กลงเรื่อย ๆ ดั่งดวงจันทร์เสี้ยวลงอย่างต่อเนื่อง
          “ไปให้พ้น! ถ้าอยากลุยกับข้านัก ก็เข้ามาตรง ๆ เลยสิ อย่ามากลีลาน่า” [ความมืดมิด] กล่าวขึ้นอย่างแข็งกร้าวขณะที่ทะยานร่างกวัดแกว่งคมดาบ เพื่อปัดซ้ายป่ายขวาเหล่าสามง่ามจากเบื้องบน ทำให้เกิดการระเบิดตูมตามทั่วทั้งบริเวณ
          “นี่คือลิขิตของฟ้าดิน! เจ้ามีแต่ต้องคล้อยตามเท่านั้น” [แสงสว่าง] คือรายแรกสุดที่จะต้องเข้าโรมรันกันอีกครา เขาวาร์ปมาเฉียง ๆ ก่อนเพื่อน พอสามง่ามบินหมดสต๊อกและประกบฝ่ามือทั้งคู่เหนือศีรษะ แถบพลังงานสีขาวจึงแผ่พุ่งสู่ฟากฟ้าอันดำมืด แล้วกวาดลงมาโจมตีอย่างดุดัน
          “นั่นข้าจะเป็นคนตัดใจสินเอง” [ความมืดมิด] เลยต้องดีดกายเตรียมโต้ตอบ สองมือเร่งกวาดตัวดาบขึ้นด้วยความเฉียบคม พลังเวทย์ควบแน่นจัด ครั้นปะทะกัน ทำให้มิติช่วงนั้นต้องแตกร้าวกันทันที
          มือซ้ายของ [แสงสว่าง] จึงยื่นเข้าคว้าจับปลายดาบทมิฬ ส่วนอีกข้างก็เงื้อมขึ้นและปล่อยหมัดควงสว่านเข้าที่ใบหน้าอีกฝ่ายอย่างฉับไวที่สุด พลังงานพุ่งออกเป็นเลเซอร์ลำใหญ่ ๆ วาดเลี้ยวตามวิถีกำปั้น ทาง [ความมืดมิด] ก็เบี่ยงศีรษะหลบประหนึ่งผีคอยาว อาวุธในมือเลยบิดเป็นวงแคบ ๆ และเปล่งรังสีสังหาร เพื่อให้หลุดจากการยึดกุม แล้วก็เร่งแทงตีโต้เข้าไปที่หน้าอกคู่อริ 
          “เจ้าพ่ายแพ้แน่ ความมืดมิดเอ๋ย!” [แสงสว่าง] กล่าวขึ้น เมื่อสลายตัวเป็นอนุภาคระยิบระยับ แล้วล่าถอยออกมาระยะหนึ่ง
          “อย่าดีแต่ปากไปเลย ย๊ากกก...!!!” [ความมืดมิด] ก็เหวี่ยงดาบขึ้นฟ้าด้วยสองมือ จนด้ามมาอยู่ด้านหลังศีรษะ เพื่อตามไปปิดบัญชีด้วยในพริบตาเดียว
          นอกจากตัวละครที่เคยกล่าวถึงไปแล้ว สารพันศาสตราเวทย์ได้ควงด้วยความเชี่ยวชาญ กระทั่งเก้าอี้พับ สากกะเบือ กะล้อรถบรรทุกก็ยังปรากฏขึ้น ครั้นพวกเขากำลังกระโจนใส่ [ความมืดมิด] กลางอากาศครือ ๆ กันนั่นแหละ เพดานบินก็สูง ๆ ต่ำ ๆ ด้วยความพร้อมเพรียง
          “ย๊ากกก...!!!”x13 แนวรบชุดที่สองกำลังเข้าร่วมประสานทางภาคพื้นดินพร้อม ๆ กันกับกลุ่มแรกกลางอากาศ ขณะที่ [แสงสว่าง] และ [ความมืดมิด] ยังซัดกันนัวเนียอยู่กับที่ แล้วพวกแถวถัด ๆ ไปก็จู่โจมด้วยเวทมนต์จากระยะไกล ปานเทกระจาดในทุก ๆ ด้าน จึงเป็นอันจบเทิร์น 
          “อั่ก!/ฮา ๆ วันนี้แหละ พวกเจ้าต้องจดจำชื่อของข้าเอาไว้” [ความมืดมิด] เลยคำรามขึ้นสุดเสียงด้วยปากกว้าง ๆ พอเปล่งพลังดาบผลักดันร่างของ [แสงสว่าง] ให้กระเด็นหลุดออกจากวงล้อมไป พร้อมกับเร่งถีบพื้นเต็มเรี่ยวแรง ก่อนเข้าไปประจัญบานด้วย 
          ซึ่งแรงกดดันของอีกฝ่ายตรงข้ามนั้นเหนือชั้นกว่าอย่างทาบมิติด อาทิเช่น [อำนาจเร้นลับ] ทะยานร่างขับสามง่ามเข้าใส่ตรง ๆ [ความอุตสาหะ] ซัดคลื่นฝ่ามือเพลิงขนาดเท่าบ้านมาให้ ทั้งแส้มารเก้าแขนงของ [ความยุติธรรม] ได้ถูกกางออกปานปากของจอมอสูรร้าย แล้วฉวัดเฉวียนอ้อมมาทางด้านข้าง เพื่อสำแดงฤทธิ์เดชก่อนผู้อื่น 
          นี่แหละคือหนทางที่ลัดสุด ๆ แล้ว เพื่อตัดตรงสู่ฉากจบ Happy Ending น่ะ ตามความปรารถนาของข้าแด่ทุก ๆ ท่าน
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่