ทำไมผมอายุปูนนี้แล้ว (78 ปี) ผมถึงออกกำลังกาย เดินวิ่งบนสายพาน 2km ทุกวัน

เมื่อผมอายุ 58 ปี เส้นเลือดตีบที่หัวใจของผมในขณะที่อยู่บนเครื่องบินตอนไปฮ่องกง ฝรั่งเรียกว่า heart attack’s ตัวเย็นเฉียบคล้ายไม่มีอากาศ แต่ฟื้นเมื่อเส้นเลือดเริ่มไหลกลับ (ทราบภายหลังว่าเส้นเลือดใหญ่ตัน 99 เปอร์เซ็นต์ (โชคดีที่วิ่งผ่านเส้นเลือดเล็กได้) ระหว่างนั้นเจ็บบนหน้าอกตลอด จึงรีบกลับกรุงเทพ
คุณหมอให้ทำบอลลูนทันทีเมื่อถึงกรุงเทพแล้ว ไม่ให้กลับบ้าน ตอนทำเสร็จต้องงอขาเพื่อหนีบเส้นเลือดใหญ่ตรงง่ามขาและมีกระสอบทรายหนักอึ่งเลยทับอยู่บนขาอ่อน จุดประสงค์เพื่อไม่ให้เคลื่อนไหว และให้จุดที่ฉีดเข็มเข้าไปตรงเส้นเลือดใหญ่ให้แข็งตัวและไม่ให้เลือดไหลออกมา ถูกบังคับให้อยู่ในท่านั้นตลอดเป็นเวลา 7 ชั่วโมง
ตอนนั้นแหละไม่มีอะไรทำเลยคิดโน้นคิดนี่ และพบสัจจะธรรมของชีวิตว่า ก่อน heart attack’s เราเล่นกอล์ฟอย่างเดียว และระวังเรื่องอาหาร ทั้งสองอย่างก็ยังไม่พอ เพราะกอล์ฟไม่ใช่กีฬาที่ออกเหงื่อเยอะ และเรื่องเงินทองก็มีความรู้สึกน้อยลงกับความอยาก จึงวางแผนกระจายรายได้ให้เพื่อนร่วมงานหมดเพราะตอนนั้นมีพออยู่แล้วและเพื่อประโยชน์กับตัวเราเองให้มีความเครียดกับงานน้อยลง
การรอดชีวิตได้ตอนนั้นพร้อมทั้งสังเวชตนเองที่อยู่ในสภาพนั้น แต่โชคดีที่ไม่จบลงบนเครื่องบินไทยอินเตอร์ตอนนั้น คล้ายมีใครมาบอกว่าเธอโชคดีที่รอดได้นะ คราวหน้าไม่แน่นะ เลยสัญญากับตนเองว่าจะต้องเปลี่ยนแนวชีวิตใหม่ และไม่เกเรที่หนีการออกกำลังกายอีก และต้องออกกำลังกายเพิ่มขึ้นมาก ๆ อีกทั้งต้องสม่ำเสมอเป็นอาจิณด้วย (มาทราบเอาภายหลังว่าการออกกำลังกายแบบ aerobic คือ กีฬาที่เหงื่อโซกเลยถึงจะเรียกว่าออกกำลังกายที่เป็นประโยชน์ต่อการยืดอายุ กอลฟ์กับปิงปองไม่ใช่แน่) และต่อมาก็เป็นขาประจำของคุณหมอท่านนั้นในการตรวจร่างกายทุกสามเดือน
ทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นเมื่อยี่สิบปีก่อนครับ และได้ออกกำลังกายเริ่มตั้งแต่ช่วงนั้นเป็นต้นมา ตอนนี้ปฏิบัติได้เป็นเวลายี่สิบปีแล้ว น้อยครั้งที่เบี้ยว
จึงอยากจะให้พวกเราทราบถึงประโยชน์ที่ดีจริงๆ ที่เปลี่ยน style ของชีวิตหลังจากที่รอดจากการเสียชีวิตได้ในครั้งนั้น การที่ออกกำลังกายแบบเหงื่อไหลท่วมตัว (aerobic) ทำนานๆ เข้าก็จะมีความสนุก เพราะผมดู YouTube ด้วยขณะวิ่งเดินบนสายพาน ความรอบรู้ต่อโลกเราก็สูงขึ้น และแจ่มใสในความนึกคิดตอนออกกำลังกาย
ในช่วงยี่สิบปีนั้นหลังจากทำบอลลูนแล้ว ต่อมาผมก็โชคไม่ดี โดยได้เข้าสู่ขบวนการผ่าตัดมาสามครั้ง-
ครั้งแรก เลือดคลั่งในสมองเพราะตกบันไดแปดขั้น ด้วยความเลินเล่อ เพราะเดิมอยู่คอนโดมาสามสิบปีแล้ว แล้วมาอยู่บ้านครั้งแรกที่มีบันได ต้องเจาะกะโหลกที่ศรีษะเพื่อดูดเลือดออกเพื่อไม่ให้ไปกดดันที่ก้านสมอง
ครั้งที่สอง ผ่าตัดต่อมลูกหมาก อันนี้เจ็บน้อยหน่อย เพราะใช้ส่องกล้องผ่านหุ่นยนต์
ครั้งที่สาม ผ่าตัดส่วนหนึ่งของปอดออก เพราะสงสัยเป็นเนื้อร้าย หมอบอกว่าโหงวเฮ้งของเนื้อดูไม่ค่อยดี จึงแนะนำให้ตัดออก ตอนนี้ปอดข้างหนึ่งเหลือสามในสี่แล้ว หลังแล็ปตรวจเนื้อชิ้นนั้นคุณหมอดีใจมากวิ่งเข้ามาในห้องผมแบบดีใจร่วมกันว่าแล๊ปบอกว่าไม่ใช่เนื้อร้าย ดีใจมาก แต่ก็ช้ำใจที่ต้องเจ็บตัวเพื่อให้ทราบว่าไม่ใช่เนื้อร้าย (ตอนนั้นไม่กล้าถามว่าแล้วทำไมคุณหมอแนะให้ตัดออก แต่คิดในแง่ดีว่าเพราะท่านหวังดี หากว่ามันเป็นเนื้อร้ายจริง ก็จะช่วยชีวิตได้ดีกว่า) ตอนนี้ปอดก็ปกติดีแล้ว ร้องเพลงที่ผู้ฟังก็บอกว่าพอฟังได้นะ
ประโยชน์ที่ออกกำลังกายเดินวิ่งสายพานวันละชั่วโมงเรียกเหงื่อ แบบ aerobic มาเป็นเวลา 20 ปีแล้วนั้น ก็มีผลดีต่อการผ่าตัดสามครั้งนี้ เพราะผมฟื้นตัวเร็วมากหลังผ่าตัดทั้งสามครั้งเลย ตอนผ่าตัดหลังเพื่อผ่าตัดปอด วันรุ่งขึ้นลงไปกินโจ๊กที่ฟูดคอร์ทเลย เพราะเขาลือกันว่าหลังผ่าตัดอย่ายึดเขตแดนบนเตียงเป็นหลัก
ที่แชร์ประสบการณ์มานั้นนอกจากเพื่อยอตัวเองแล้ว แต่ก็มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เป็นอุทาหรณ์ให้พวกเราที่ท่องเว็บได้มีข้อมูลอันสำคัญว่าการออกกำลังกายแบบเหงื่อโซกและสม่ำเสมอนั้นเป็นยาวิเศษที่ไม่ต้องกินยา และทราบดีว่าข้อมูลแบบนี้จากคนไข้มีน้อยมากในเว็บไทย
นี่เป็นเรื่องจริงจากประสบการณ์ของคนวัยสูงคนหนึ่งที่มิได้หวังลาภยศหรือเงินทองในการมาแชร์เรื่องทั้งหมดนี้ครับ เพียงจะให้ท่านได้ใช้ดุลพินิจของท่านเองจากข้อมูลที่มากขึ้นจากประสบการณ์ของคนไทยสูงวัยคนหนึ่ง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่