ภาพเปิดกระทู้เพื่อเป็นเกียรติแก่ “ถั่งเช่า” ผู้ยอมเสียสละปลาทู (จิงดิ) เพื่อเป็นวัตถุดิบให้เราทำเมนูวันหยุดในกระทู้นี้




ซึ่งอาหารไทยอะไรเอ่ยจากหัวกระทู้ก็คือ “แกงขี้เหล็ก” นั่นเอง



แกงขี้เหล็ก

ส่วนประกอบ

1. ขี้เหล็ก 1 กิโลกรัม
2. มะพร้าวขูด 1 กิโลกรัม
3. เนื้อหมูสันนอก 6 ขีด
4. ปลาทูนึ่ง 3 ตัว
5. พริกแกงเผ็ด 3 ช้อนโต๊ะ
6. พริกแกงส้ม 3 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำปลา
8. น้ำตาล

วิธีทำ

1. ต้มใบขี้เหล็กด้วยน้ำเกลือ 1 ครั้ง แล้วต้มด้วยน้ำเปล่าจนเดือด ทิ้งน้ำอีก 2 ครั้ง จากนั้นบีบน้ำทิ้งให้หมด



2. มะพร้าวขูด 1 กิโลกรัม คั้นแยกเป็นหัว และหางกะทิ



3. นำปลาทูไปย่างบนกระทะ ให้พอเกรียม แกะเอาแต่เนื้อ



4. นำเนื้อปลาทูใส่ในครก ใส่พริกแกงเผ็ด และพริกแกงส้มคลุกเคล้าลงไปโขลกให้เข้ากัน



5. แล่หมูเป็นชิ้นบาง ย่างบนกระทะ ให้เกรียม หั่นเป็นชิ้นยาวๆ



6. ตั้งกระทะ เปิดไฟ เทหัวกะทิลงไป เมื่อกะทิเริ่มแตกมัน ใส่เนื้อปลาที่โขลกกับพริกแกงลงไป ผัดให้เข้ากัน ชิม ปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำตาล



7. เมื่อน้ำแกงเดือด ใส่ขี้เหล็กลงไป เขี่ยให้กระจาย ผัดให้เข้ากัน




8. เติมหางกะทิลงไป จากนั้นใส่เนื้อหมูย่างที่หั่นไว้ลงไป ประมาณครึ่งหนึ่ง ชิมน้ำแกง และปรุงรสอีกครั้ง รอจนเดือด ปิดไฟ





9. เมื่อจะรับประทาน ตักแกงใส่ชาม ราดด้วยหัวกะทิ และโรยหมูย่างที่เหลือลงไป




ราคาวัตถุดิบคร่าวๆ ใบขี้เหล็ก 60 บาท มะพร้าว 54 บาท หมู 72 บาท ปลาทู 75 บาท พริกแกงเผ็ด 5 บาท พริกแกงส้ม 5 บาท รวม 271 บาท

เคล็ดลับคุณแม่

1. ขี้เหล็ก ควรเลือกใบ ยอด และดอกอ่อนๆ จะได้ไม่ขมมาก
2. ขี้เหล็ก ยิ่งต้มนาน ต้มหลายน้ำ ความขมก็จะลดลง แต่ถ้าต้มมากไปใบจะเปื่อยเละ กินไม่อร่อย
3. ใช้ปลาช่อน ปลาน้ำดอกไม้ ปลาเค็ม ปลาโอฯลฯ แทนปลาทูได้
4. ถ้าไม่ใช้พริกแกงส้ม ให้ใช้พริกแกงเผ็ดร่วมกับกระชายโขลกเพิ่มเข้าไป

ขอจบกระทู้ด้วย สภาพของถั่งเช่าหลังจากที่ไม่มีปลาทูกิน เพราะทาสแมวจิ๊กเอาไปทำอาหาร   

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้