ความหมาย ของคำว่า "อิสลาม และ มุสลิม"

กระทู้นี้เป็นการอธิบายสำหรับเยาวชนผู้ไม่ใช่มุสลิม และผู้ซึ่งสนใจในศาสนาอิสลาม

ศาสนาอิสลามที่แท้จริงไม่มีนิกายใดๆทั้งสิ้นแนวความเชื่อของมุสลิมคือความศรัทธาต่อเอกพลานุภาพที่มีอำนาจอันยิ่งใหญ่ ที่ทำให้บังเกิดจักรวาล สรรพสื่งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต และควบคุมระบบ วงจรชีวิต, จักวาล ทั้งทางฟิสิกส์และทางชีวะวิทยา ให้ดำเนินไปตามระบบของมันอย่างมีระเบียบ, มนุษย์เรียกเอกพลานุภาพที่มีอำนาจอันยิ่งใหญ่นั้นว่าพระเจ้า หรือ อัลลอฮุ ถึงแม้ว่าถ้าไม่มีศาสนาใดๆบนโลกนี้ อำนาจดังกล่าวนั้นก็ยังมีสถิตย์อยู่ชั่วนิรันดร

   ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่สอนความสัมพันธ์ของมนุษย์แต่ละคนที่มีกับพระเจ้า อิสลามหมายถึงการยอมจำนนต่อพระเจ้าทั้งกายวาจาและจิตใจ ผู้ที่ยอมจำนน และสวามิภักดิ์ต่อพระเจ้าเรียกว่า"มุสลิม",มุสลิมจะต้องศรัทธาว่าท่านศาสนทูตมูฮัมมัดเป็นศาสนทูตของพระเจ้า ผู้ที่ได้รับมอบแนวทางการดำเนินชีวิต(อัลกุรอาน) จากพระเจ้ามาสั่งสอนแก่มุสลิมในเรื่องการดำเนินและการใช้ชีวิตประจำวันในสังคมมนุษย์ ตามแนวทางที่พระเจ้าทรงแนะให้ตามบัญญัติต่างๆ ในอัลกุรอาน ถ้ามุสลิมไม่มีศรัทธาต่อท่านศาสนทูตมูฮัมมัดแล้ว อัลกุรอานอันเป็นข่าวสารจากพระเจ้าจะไม่มีความหมายอะไรเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
  
อัลกุรอาน เป็นเอกสารซึ่งเป็นแหล่งวิชาการทางศาสนาอิสลาม เพียงแหล่งเดียวเท่าน้น ที่พระเจ้ากำหนดให้มุสลิมใช้ปฏิบัติตาม  พระเจ้าได้ทรงกำหนดไว้ในอัลกุรอาน คือให้มุสลิม เชื่อฟังท่านศาสนทูตมูฮัมมัดผู้ซึ่งนำวิทยปัญญาที่ได้รับจากอัลกุรอาน มาสั่งสอนแก่มวลมนุษยชาติ คำสอนและการปฏิบัติของท่านศาสนทูตมูฮัมมัด ที่เป็นตัวอย่างต่อมวลมนุษย์นั้นจะต้องอยู่ในขอบเขตุและในแนวทางที่บัญญัติไว้ในอัลกุรอานเท่านั้น, ท่านศาสดามูฮัมมัด จะบิดเบนและต่อเติมนอกเหนือไปจากแนวทางที่วางไว้ในอัลกุรอานไม่ได้อย่างเด็ดขาด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

มุสลิมต้องทำความเข้าใจเสียก่อนถึง ความแตกต่างระหว่าง คำว่า ซุนนะห์ กับ คำว่าฮาดีษ
คำว่าซุนนะห์ ตามความหมายโดยตรง หมายถีง วิธีการปฏิบัติ, แนวทางปฏิบัติทางศาสนกิจ ซึ่งปฏิบัติขึ้นเป็นตัวอย่างโดยท่านศาสนทูตมูฮัมมัดที่ปฏิบัติอยู่ท่ามกลาง บรรดาซอฮาบะห์ และได้กระทำการปฏิบัติต่อเนื่อง ตามกันมาอย่างพร้อมเพรียงกันจากชนรุ่นหนึ่งมายังชนอีกรุ่นหนึ่งลงมาถึงชนรุนหลังๆจนถึงในปัจจุบัน ส่วนมากที่สุดเป็นการปฏิบัติที่เริ่มต้นมาจาก ศาสนาของท่านศาสดาอิบรอฮิม และรวมทั้งการปฏิบัติที่ได้รับการปรับปรุงโดยท่านศาสนทูต มูฮัมมัด

หะดีษในทางตรงกันข้ามมีความหมายถึงสิ่งใหม่ ๆ ที่ออกมาเป็นคำพูด หรือข้อความ ซึ่งเป็นเรื่องบอกเล่าหรือคำบรรยาย ของ เหล่าซอฮาบะห์ สหายของท่านศาสนทูตมูฮัมมัด เป็นเรื่องบอกเล่าที่อ้างถึงคำสอน คำพูด หรือการปฏิบัติที่มีความเกี่ยวโยงกับ ท่านศาสนทูตมูฮัมมัด ว่าผู้บอกเล่า เคยได้ยินต่อๆกันมา หรือ เรื่องเล่าที่อ้างว่า ได้เคยเห็น การปฏิบัติของท่านศาสนทูตมูฮัมมัด, ฮาดีษไม่มีหลักฐานการจดบันทึก สถานที่และกาลเวลาที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน, การจดบันทึกฮาดีษ ไม่มีการรับรองจากท่านศาสนทูตมูฮัมมัด หรือ การสนับสนุนจากอัลกุรอาน
  
    มุสลิมไม่ควรจะเชื่อหรือปฏิบัติตามเรื่องบอกเล่า(ฮาดีษ) อะไรก็ตามที่ผิดวิสัยของมนุษย์หรือมีข้อความที่ขัดหรือไม่มีอยู่ในบริบทของ อัลกุรอาน เมื่อพบฮาดีษเช่นนั้นแล้ว ให้โยนหรือตัดทิ้งไป,ท่านศาสนทูตมูฮัมมัดสอนไว้ว่า ห้ามไม่ให้ผู้ใดจดบันทึกคำสอนหรือคำพูดของท่านที่นอกเหนือไปจาก บัญญัติของอัลกุรอาน ท่านศาสนทูตมูฮัมมัดได้กล่าวไว้ว่า, "บรรดาผู้ที่(ศึกษาอัลกุรอาน) อ่านและจดจำถ้อยคำในอัลกุรอานนั้น จะได้เข้าในสวรรค์ชั้นสูงสุด เหนือจากบรรดาผู้คนอิ่นๆ เว้นแต่ท่านศาสนทูตของพระเจ้า"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
  
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เป็นหลักความศรัทธา ของศาสนาอิสลามอย่างย่อๆ ตามที่พระเจ้ากำหนดไว้ในอัลกุรอานและเป็นหลักการที่มุสลิมจะต้องยึดมั่นเป็นหลักศรัทธา และจะต้องจำไว้เสมอว่าในศาสนาอิสลาม ไม่มีการแบ่งศาสนาออกเป็นนิกายต่างๆ  มุสลิมไม่สมควรที่จะแยกตัวเองว่าเป็น มุสลิมชีอะต์,ซุนนีย์ และ วะฮาบีมุสลิม หรือเป็นมุสลิมที่สังกัดอยู่ในนิกายหนึ่งนิกายใด, มุสลิมก็คือมุสลิม  ดังนั้นมุสลิมควรที่จะศึกษาและทำการเข้าใจอัลกุรอานให้ถูกต้อง เพื่อไม่ให้หลงออกนอกทางที่พระเจ้าทรงโปรดปราณ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่