ตอนที่ผ่านมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
https://pantip.com/topic/37439083
https://pantip.com/topic/37439146
https://pantip.com/topic/37445741
https://pantip.com/topic/37458331
https://pantip.com/topic/37477513
https://pantip.com/topic/37501007
https://pantip.com/topic/37605790
https://pantip.com/topic/37664213
https://pantip.com/topic/37691029
https://pantip.com/topic/37698419
https://pantip.com/topic/37740401
https://pantip.com/topic/37748976
กีต้าร์ล่าวิญญาณ
โดย...ล. วิลิศมาหรา
อีกสองวันจะถึงวันนัดของจอร์จ โปรดิวเซอร์และแมวมองของค่ายเพลงดัง นิคยังแต่งเพลงทั้งหมดไม่เสร็จดี ส่วนเอมี่ลงมือเก็บกวาดทำความสะอาดห้องเช่าที่เริ่มรกรุงรัง หลายวันมานี้เธอเอาเวลาไปนั่งเฝ้านิคซึ่งกลับมาแต่งเพลงได้ดีเหมือนเคย หลังจากเธอลงไปพบตาแก่เจ้าของร้านขายของเก่ามา และขอให้นิคกลับมาใช้กีต้าร์สีแดงแต่งเพลงตามเดิม เขาทำท่างุนงงแต่ก็ไม่ขัดใจเธอ ซึ่งหลังจากนั้นทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดี
ทั้งคู่ดรอปเรียนไว้ก่อนเพื่อสานความฝันให้สำเร็จ เอมี่รู้สึกตื่นเต้นยินดีไปกับเขาด้วยยิ่งกว่าเจ้าตัวเสียอีก ไม่รู้ว่านิคควบคุมสายกีต้าร์พวกนั้นแบบไหน มันจึงลื่นไหลพลิ้วไหวราวกับเสียงสายน้ำไหล บทจะขยี้เส้นสายเครื่องดนตรี ก็คล้ายกับเขายื่นมือเข้าไปบดขยี้จิตใจคนฟังจนแทบต้องบิดตัวตาม ในความรู้สึกของเธอตอนนี้ ฝีมือของนิคเทียบได้กับสุดยอดนักกีต้าร์ระดับแนวหน้าไปแล้ว มีบางครั้งที่นึกไปถึงสัญญาซื้อขายพรสวรรค์และคำพูดของชายชรา ซึ่งเคยบอกว่าเธอกับนิคกำลังเล่นเกมของแกอยู่...เกมชีวิต
มันต้องเป็นเกมของเทพเจ้าแน่ๆ จึงสามารถบันดาลเสียงร้องและฝีมือเล่นดนตรีขั้นเทพให้กับนิคแบบนี้ได้ ตาแก่นั่นอาจเป็นเทพดนตรีลงมาสนุกกับมนุษย์
แล้วถ้า...ถ้าตาแก่นั่นไม่ใช่เทพเจ้าล่ะแต่เป็นตรงกันข้าม เสียงหนึ่งดังเตือนขึ้นในสมอง!
ไม่เอาน่า ไม่ใช่หรอก...เอมี่รีบสลัดศีรษะไล่ความคิดระแวงหลอกหลอนตัวเองทิ้งไป...ไม่เห็นจะต้องคิดมากกับสัญญาประหลาดนั่น ตอนนี้เทพดนตรีอาจกำลังทดสอบสัญญาซื้อขายพรสวรรค์ของนิคอยู่ว่าเมื่อเขามีมันแล้วจะทำยังไงต่อ นึกถึงภาพคนรักยืนโดดเด่นอยู่บนเวทีคอนเสิร์ตของเขา โดยมีเธอคอยตามไปดูแลในฐานะคนรักและผู้จัดการส่วนตัวแล้วก็อดเคลิบเคลิ้มไปกับความคิดของตัวเองไม่ได้ เอมี่หยุดทำงาน นั่งลงคิดอย่างครึ้มอกครึ้มใจ
ขณะกำลังนั่งคิด ทันใดนั้นเธอก็ต้องสะดุ้งกับเสียงร้องดังลั่นของนิคจากในห้องนอน เธอผลุนผลันเข้าไปหาเขาทันที
"นิค...เป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น"
เอมี่ตกใจกับภาพในห้องและเสียงร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวดของนิค เธอร้องถามเสียงหลงก่อนเข้าประคองร่างที่ล้มลงนอนเกลือกกับพื้นห้องขึ้นมา ใบหน้าของนิคบิดเบี้ยวเหยเก มือซ้ายบีบอยู่ที่ต้นแขนขวา เขาร้องดังขึ้นเมื่อเอมี่จับถูกแขนข้างนั้น
"โอ้ย! อย่า...อย่าจับถูกแขนฉัน...ฉันเจ็บมาก" หญิงสาวรีบปล่อยมือ เปลี่ยนมาประคองตัวนิคให้เกยอยู่บนตักตัวเองแทน นิคเหยียดเกร็งแขนขวาทำท่าเหมือนขยับแขนข้างนั้นไม่ได้ นึกสงสัยว่ากล้ามเนื้อแขนเขาคงถูกใช้งานหนักเกินไปจนเกิดอักเสบขึ้นมา แต่อาการอักเสบก็ไม่น่าจะทำให้เจ็บปวดได้ขนาดนี้
"เจ็บแขนเหรอ เจ็บตรงไหน ขอฉันดูแขนเธอหน่อยสิ"
เธอลองแตะแขนอีกเบาๆ ซึ่งนิคก็ร้องลั่นขึ้นจนเธอต้องรีบชักมือกลับ นิคนิ่วหน้าข่มความเจ็บขณะพยายามถอดแขนขวาออกจากเสื้อไหมพรมแขนยาวที่สวมอยู่ เสียงกัดฟันกรอดๆ ขณะดึงแขนออกบอกถึงความเจ็บปวดอันยิ่งยวด ปลุกปล้ำช่วยปลดแขนเสื้อจากแขนเขาอย่างทุลักทุเลอยู่นานจนสำเร็จ และทันทีที่เห็นต้นแขนข้างนั้นของเขา หญิงสาวก็อุทานออกมา
"พระเจ้าช่วย..." เพราะสิ่งที่เธอเห็นก็คือ หัวไหล่และต้นแขนขวาของนิคขณะนี้แดงก่ำเหมือนกับเลือดจะออก มันแดงเถือกลงไปจนถึงข้อศอก แล้วยังแตกแขนงคล้ายใยแมงมุมลามลงมายังแขนท่อนล่างอีกด้วย โดยเฉพาะที่หัวไหล่ สีผิวออกแดงอมม่วงช้ำเลือดช้ำหนองอย่างน่ากลัว
"นิค ไหล่เธอไปโดนอะไรมา"
"ไม่ได้ไปโดนอะไรเลย...อยู่ๆ มันก็เป็นของมันขึ้นมาเอง" นิคกัดฟันพูด ใบหน้าซีดขาว
"ทีแรกมันเป็นแค่จุดแดงสองสามจุดที่ไหล่ เหมือนโดนยุงกัด...ต่อมาก็ขยายกว้างขึ้นแต่ยังไม่รู้สึกเจ็บ ฉัน...ฉันก็เลยไม่ได้สนใจมัน ไม่รู้ทำไมวันนี้มันถึงแดงขึ้นมากจนลามมาถึงแขน"
"โธ่ นิค...ทำไมเธอไม่บอกฉันตั้งแต่แรก ปล่อยไว้ได้ยังไงจนเป็นมากขนาดนี้" เอมี่ต่อว่า กังวลใจกับอาการเจ็บป่วยของนิคซึ่งมันดูประหลาดมาก อาการของเขาผิดวิสัยการบาดเจ็บธรรมดาของเนื้อเยื่อมนุษย์
"ไปหาหมอเถอะนิค เธอพอจะลุกไหวไหม หรือจะให้ฉันเรียกรถพยาบาลดี" ตัดสินใจจะพาเขาไปหาหมอดีกว่า บางทีมันอาจเป็นแค่การเจ็บป่วยธรรมดาเท่านั้น เอมี่คิดปลอบใจตัวเอง นิคพยักหน้า พยายามยันตัวลุกจากตักเธอโดยมีเอมี่ช่วยประคอง กระทั่งยืนขึ้นได้สำเร็จ เขาเซเอาไหล่ข้างที่ดีพิงผนังห้องไว้ สูดปากอย่างเจ็บปวด
"เธอรอเดี๋ยวนะ ฉันจะหาผ้ามาห่มตัวให้ ไม่ต้องสวมเสื้อกลับเข้าไปหรอก"
เธอผละจากเขาวิ่งเข้าไปฉวยผ้าห่มผืนบางจากในห้องนอนมาห่อตัวให้ ก่อนประคองคนเจ็บเดินโซซัดโซเซออกจากห้องพัก และทันทีที่ทั้งสองพ้นประตูห้องออกมา นิคก็หยุดชะงัก เสียงเขาพึมพำขึ้นอย่างประหลาดใจ
"เอ๊ะ! ทำไมอยู่ๆ ก็หายปวด"
"หือ...เธอว่าไงนะ หายปวดแล้วงั้นเหรอ" เอมี่ชะงักตาม เธอมองหน้าคนรักที่มีสีหน้างุนงงอย่างไม่เชื่อความรู้สึกตัวเอง
"ฉันหายเจ็บแล้ว เอมี่ หายเป็นปลิดทิ้งเลย"
"อ้าว! จริงเหรอ ไม่เจ็บเลยอย่างนั้นเหรอ" ถามเขาอย่างงุนงงไม่แพ้กัน นิคพยักหน้า เขาคลายมือจากการกุมต้นแขน แล้วขยับแขนข้างที่เจ็บออกจากใต้ผ้าห่มให้เธอดู "ไม่เจ็บเลย นี่ไง เธอเห็นไหม ฉันหายเจ็บแล้วล่ะ" เขาร้องอย่างดีใจ
"ดีจัง หายเจ็บก็ดีแล้ว แต่ว่า ไหน...ขอฉันดูแขนเธอหน่อยสิ"
หญิงสาวยังไม่วางใจ เธอลองจับแขนเขาดู ซึ่งนิคก็ไม่ได้แสดงท่าทีเจ็บปวดออกมาให้เห็น เอมี่อึ้ง เมื่อเห็นกับตาว่าสีผิวแขนท่อนบนของนิคที่เคยแดงก่ำกำลังจางลงอย่างรวดเร็ว รอยแดงหดหายขึ้นไปหาหัวไหล่เรื่อยๆ จนเหลือขนาดเท่าไข่ไก่บนหัวไหล่เขาเท่านั้นเอง พระเจ้าช่วย...มันเป็นไปได้ยังไง!
เพราะต้องการคำตอบให้รู้แน่ เอมี่ตัดสินใจกลับมายังซอกตึกซึ่งเดิมเคยมีร้านขายของเก่าตั้งอยู่อีกครั้ง แต่บัดนี้มันกลับว่างเปล่า หญิงสาวยืนหมุนคว้างอยู่ริมถนนท่ามกลางอากาศหนาวเย็น ผู้คนยังพากันเดินสวนไปมา รถราก็ยังวิ่งขวักไขว่เป็นปกติ แต่ร้านเป้าหมายของเธอกลับหายไป หญิงสาวกวาดสายตามองหาทุกตารางนิ้วของพื้นที่ตรงนั้นก็ไม่เห็นแม้เงา มันอันตรธานไปราวกับไม่เคยมีอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว
เอมี่ยืนอึ้งครุ่นคิด กรอกตาไปมาอย่างสับสน
บัดซบ! เล่นบ้าๆ อะไรกับฉันกันแน่ ตาเฒ่า...ก่นด่าอย่างเดือดดาลระคนหวาดระแวงในใจ
หันรีหันขวางอยู่ครู่ใหญ่ในที่สุดก็หมดหนทาง ร้ายขายของเก่าได้ล่องหนไปแล้วจริงๆ อย่างน่าฉงน ซอกตึกตรงนี้อยู่ไม่ไกลจากอะพาตร์ทเม้นต์เท่าไหร่ เธอเคยเดินผ่านทุกวัน เป็นไปไม่ได้ที่จะจำผิดที่ นึกเป็นห่วงนิคจึงหันกลับวิ่งขึ้นไปบนห้อง แต่เมื่อขึ้นมาเห็นสภาพเขาเธอก็ใจหายวาบ
"นิค เธอเป็นอะไรหรือเปล่า"
อุทานถามเมื่อเห็นเขานั่งตัวงอบนเตียง สีหน้าซึ่งเคยเริ่มมีสีซับโลหิตบ้างแล้วหลังหายปวดแขนกลับซีดขาวลงกว่าเก่าจนน่าตกใจ ดวงตาก็ดูลึกกลวงเข้าไปในเบ้า รอบขอบตาดำคล้ำลงเหมือนคนป่วยหนัก กีต้าร์สีแดงตกอยู่บนพื้นข้างๆ หญิงสาวรีบถลันเข้าไปหา ประคองใบหน้าเขาด้วยสองมือแล้วมองอย่างสังเกต
"หน้าเธอซีดจัง เพิ่งหายปวดแขนก็อย่าเพิ่งฝืนซ้อมเพลงเลยนะ พักก่อนเถอะ" เธอปราม เพราะคิดไปว่าคนรักคงเกิดเจ็บแขนขึ้นมาอีกจากฝืนเล่นกีต้าร์ทั้งที่ยังไม่ทันหายดี
"เอมี่..." นิคมองตาเธอแล้วเรียกชื่อเสียงแห้ง "เธอดูนี่สิ" เขาปลดมือเธอออกจากใบหน้า แล้วเบี่ยงตัวให้ดูที่ไหล่ข้างขวา
"มันกลับมาเป็นอีกแล้ว..." เอมี่มองตาม พอเห็นไหล่เขาก็ต้องตกใจ รีบจับตัวเขาให้หมุนมาหาเพื่อมองดูชัดๆ
"อะไรกัน..." เธอจ้องเจ้ารอยแดงขนาดใหญ่ที่กลับมาอยู่บนหัวไหล่ขวาของเขาอีกครั้งอย่างตื่นตกใจ มันกลับมาเป็นอีกได้ยังไง ทั้งที่ก่อนเธอลงไปข้างล่าง รอยแบบนี้มันเลือนหายไปเกือบหมดแล้วนี่
"แล้วยังเจ็บอีกไหมนิค" ได้แต่ถามอาการอย่างฉงนสนเท่ห์ สายตาจับจ้องอยู่ตรงร่องรอยประหลาดบนผิวเนื้อเขา ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนมันแผ่ลามลงมายังต้นแขนอีกแล้ว ขณะที่สีผิวบริเวณหัวไหลก็เริ่มเปลี่ยนจากสีแดงสดมาเป็นสีแดงอมม่วงอมเขียว เหมือนใต้ผิวมีเลือดแกมหนองขังอยู่ นิคพยักหน้ารับเศร้าๆ
"พอฉันดีดกีต้าร์แขนก็เจ็บขึ้นมาทันที มันเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ จนฉันดีดต่อไม่ไหว" เขาตอบเสียงเครือ แววตาบ่งบอกถึงความสับสนและหวาดกลัว ยกมือขึ้นบีบต้นแขนขวาตัวเองแน่นอีกครั้ง
"เกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่ เอมี่ สงสัยฉันคงต้องไปโรงพยาบาลจริงๆ แล้วล่ะ"
"อย่าดีดมันอีก นิค เอามันมาให้ฉันเถอะ เจ้ากีต้าร์ตัวนี้แหละที่ทำให้เธอป่วย"
เอมี่เจ็บปวดกับคำพูดไม่รู้อิโหน่อิเหน่ของแฟนหนุ่ม ฉวยกีต้าร์จากมือเขาเอาไปเก็บไว้ในกระเป๋ากีต้าร์ ก่อนนำมันไปซุกไว้ตรงมุมห้อง เธอเข้าใจแล้ว เกมของตาแก่กำลังเริ่ม ทั้งเสียงร้องและฝีมือเล่นกีต้าร์ที่เยี่ยมยอดก่อนหน้าเป็นเพราะอาถรรพ์ของกีต้าร์สีแดง แต่ยิ่งเล่นมันนิคก็จะยิ่งเจ็บป่วย จนในที่สุดเขาจะเสียแขนขวาไป นิคมองตามแล้วถามอย่างแปลกใจ
"เมื่อกี้เธอว่า กีต้าร์ตัวนี้ทำให้ฉันเจ็บป่วยงั้นเหรอ"
" ใช่..."
หญิงสาวเดินกลับมานั่งด้วยบนเตียงพลางถอนใจยาว ตัดสินใจว่าจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง เธออาจถูกเขาโกรธเอาก็ได้ แต่คงไม่มีทางเลือก
"เป็นเพราะฉันเอง นิค ฉันมันไม่ดีเอง" พอเริ่มต้นเล่าน้ำตาก็ซึมหัวตา นึกเจ็บใจตัวเองที่เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ เพราะความโลภคิดอยากประสบความสำเร็จโดยใช้ทางลัดแท้ๆ นิคมองหน้าคนรัก เริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลบางอย่าง
"พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง เธอทำอะไร..." เอมี่เงียบไปชั่วขณะ น้ำตาคลอเต็มตา ตั้งสติแล้วจึงเล่าให้แฟนหนุ่มฟังเรื่องที่เธอไปตกลงทำสัญญาซื้อขายพรสวรรค์กับเจ้าของร้านขายของเก่า เพื่อเพิ่มความสามารถให้กับเขา ซึ่งเป็นสาเหตุของเรื่องประหลาดต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับนิค เขาทำหน้าเหลือเชื่อแต่ก็นิ่งฟัง
"เธอหมายความว่า เพลงที่ฉันแต่งจนเจ๋งเป้งกับฝีมือเล่นดนตรีที่ดีขึ้นของฉัน มันมาจากพรสวรรค์ของเธอที่เพิ่มให้ฉัน กับอิทธิฤทธิ์ของเจ้ากีต้าร์ตัวนั้นตามสัญญาของตาแก่นั่นล่ะซี" น้ำเสียงหดหู่ของเขาทำให้เอมี่หน้าเจื่อน
"ตาแก่นั่นไม่ใช่คน กีต้าร์ตัวนั้นก็เป็นกีต้าร์มาร มันทำให้เธอเล่นดนตรีได้ดีขึ้นมากก็จริง แต่ต้องแลกกับแขนของเธอ มันเล่นเกมกับเรา เจ้ารอยประหลาดบนไหล่เธอจะเป็นมากขึ้นทุกครั้งที่เธอจับกีต้าร์ตัวนั้นมาเล่น จนในที่สุดเธอจะเสียแขน ฉันเชื่อว่าถ้าเลิกเล่นมัน เธอจะต้องหายปวดแขนแน่นอน" นิคฟังด้วยสีหน้าเคร่งขรึมลง เขาคลายมือจากต้นแขน แล้วบอกเบาๆ ว่า
"จริงของเธอ ฉันเริ่มหายปวดแขนแล้ว" เอมี่เบิกตาโต ชะโงกหน้าไปมองที่ไหล่เขาทันที
"รอยแดงเริ่มจางลงแล้ว" เธอร้องออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น จับไหล่เขาบีบพิสูจน์ ซึ่งนิคก็ไม่มีท่าทีเจ็บปวดให้เห็นอีก
"ฉันมั่นใจว่าเรากำลังโดนอาถรรพ์จากร้านตาแก่นั่นอยู่" เอมี่พึมพำ
"แล้วเราจะเป็นยังไงต่อไปล่ะเอมี่" นิคถามคำถามที่เธอเองก็ไม่รู้คำตอบ
(มีต่อ)
กีต้าร์ล่าวิญญาณ ตอนที่ 12
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
โดย...ล. วิลิศมาหรา
อีกสองวันจะถึงวันนัดของจอร์จ โปรดิวเซอร์และแมวมองของค่ายเพลงดัง นิคยังแต่งเพลงทั้งหมดไม่เสร็จดี ส่วนเอมี่ลงมือเก็บกวาดทำความสะอาดห้องเช่าที่เริ่มรกรุงรัง หลายวันมานี้เธอเอาเวลาไปนั่งเฝ้านิคซึ่งกลับมาแต่งเพลงได้ดีเหมือนเคย หลังจากเธอลงไปพบตาแก่เจ้าของร้านขายของเก่ามา และขอให้นิคกลับมาใช้กีต้าร์สีแดงแต่งเพลงตามเดิม เขาทำท่างุนงงแต่ก็ไม่ขัดใจเธอ ซึ่งหลังจากนั้นทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดี
ทั้งคู่ดรอปเรียนไว้ก่อนเพื่อสานความฝันให้สำเร็จ เอมี่รู้สึกตื่นเต้นยินดีไปกับเขาด้วยยิ่งกว่าเจ้าตัวเสียอีก ไม่รู้ว่านิคควบคุมสายกีต้าร์พวกนั้นแบบไหน มันจึงลื่นไหลพลิ้วไหวราวกับเสียงสายน้ำไหล บทจะขยี้เส้นสายเครื่องดนตรี ก็คล้ายกับเขายื่นมือเข้าไปบดขยี้จิตใจคนฟังจนแทบต้องบิดตัวตาม ในความรู้สึกของเธอตอนนี้ ฝีมือของนิคเทียบได้กับสุดยอดนักกีต้าร์ระดับแนวหน้าไปแล้ว มีบางครั้งที่นึกไปถึงสัญญาซื้อขายพรสวรรค์และคำพูดของชายชรา ซึ่งเคยบอกว่าเธอกับนิคกำลังเล่นเกมของแกอยู่...เกมชีวิต
มันต้องเป็นเกมของเทพเจ้าแน่ๆ จึงสามารถบันดาลเสียงร้องและฝีมือเล่นดนตรีขั้นเทพให้กับนิคแบบนี้ได้ ตาแก่นั่นอาจเป็นเทพดนตรีลงมาสนุกกับมนุษย์
แล้วถ้า...ถ้าตาแก่นั่นไม่ใช่เทพเจ้าล่ะแต่เป็นตรงกันข้าม เสียงหนึ่งดังเตือนขึ้นในสมอง!
ไม่เอาน่า ไม่ใช่หรอก...เอมี่รีบสลัดศีรษะไล่ความคิดระแวงหลอกหลอนตัวเองทิ้งไป...ไม่เห็นจะต้องคิดมากกับสัญญาประหลาดนั่น ตอนนี้เทพดนตรีอาจกำลังทดสอบสัญญาซื้อขายพรสวรรค์ของนิคอยู่ว่าเมื่อเขามีมันแล้วจะทำยังไงต่อ นึกถึงภาพคนรักยืนโดดเด่นอยู่บนเวทีคอนเสิร์ตของเขา โดยมีเธอคอยตามไปดูแลในฐานะคนรักและผู้จัดการส่วนตัวแล้วก็อดเคลิบเคลิ้มไปกับความคิดของตัวเองไม่ได้ เอมี่หยุดทำงาน นั่งลงคิดอย่างครึ้มอกครึ้มใจ
ขณะกำลังนั่งคิด ทันใดนั้นเธอก็ต้องสะดุ้งกับเสียงร้องดังลั่นของนิคจากในห้องนอน เธอผลุนผลันเข้าไปหาเขาทันที
"นิค...เป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น"
เอมี่ตกใจกับภาพในห้องและเสียงร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวดของนิค เธอร้องถามเสียงหลงก่อนเข้าประคองร่างที่ล้มลงนอนเกลือกกับพื้นห้องขึ้นมา ใบหน้าของนิคบิดเบี้ยวเหยเก มือซ้ายบีบอยู่ที่ต้นแขนขวา เขาร้องดังขึ้นเมื่อเอมี่จับถูกแขนข้างนั้น
"โอ้ย! อย่า...อย่าจับถูกแขนฉัน...ฉันเจ็บมาก" หญิงสาวรีบปล่อยมือ เปลี่ยนมาประคองตัวนิคให้เกยอยู่บนตักตัวเองแทน นิคเหยียดเกร็งแขนขวาทำท่าเหมือนขยับแขนข้างนั้นไม่ได้ นึกสงสัยว่ากล้ามเนื้อแขนเขาคงถูกใช้งานหนักเกินไปจนเกิดอักเสบขึ้นมา แต่อาการอักเสบก็ไม่น่าจะทำให้เจ็บปวดได้ขนาดนี้
"เจ็บแขนเหรอ เจ็บตรงไหน ขอฉันดูแขนเธอหน่อยสิ"
เธอลองแตะแขนอีกเบาๆ ซึ่งนิคก็ร้องลั่นขึ้นจนเธอต้องรีบชักมือกลับ นิคนิ่วหน้าข่มความเจ็บขณะพยายามถอดแขนขวาออกจากเสื้อไหมพรมแขนยาวที่สวมอยู่ เสียงกัดฟันกรอดๆ ขณะดึงแขนออกบอกถึงความเจ็บปวดอันยิ่งยวด ปลุกปล้ำช่วยปลดแขนเสื้อจากแขนเขาอย่างทุลักทุเลอยู่นานจนสำเร็จ และทันทีที่เห็นต้นแขนข้างนั้นของเขา หญิงสาวก็อุทานออกมา
"พระเจ้าช่วย..." เพราะสิ่งที่เธอเห็นก็คือ หัวไหล่และต้นแขนขวาของนิคขณะนี้แดงก่ำเหมือนกับเลือดจะออก มันแดงเถือกลงไปจนถึงข้อศอก แล้วยังแตกแขนงคล้ายใยแมงมุมลามลงมายังแขนท่อนล่างอีกด้วย โดยเฉพาะที่หัวไหล่ สีผิวออกแดงอมม่วงช้ำเลือดช้ำหนองอย่างน่ากลัว
"นิค ไหล่เธอไปโดนอะไรมา"
"ไม่ได้ไปโดนอะไรเลย...อยู่ๆ มันก็เป็นของมันขึ้นมาเอง" นิคกัดฟันพูด ใบหน้าซีดขาว
"ทีแรกมันเป็นแค่จุดแดงสองสามจุดที่ไหล่ เหมือนโดนยุงกัด...ต่อมาก็ขยายกว้างขึ้นแต่ยังไม่รู้สึกเจ็บ ฉัน...ฉันก็เลยไม่ได้สนใจมัน ไม่รู้ทำไมวันนี้มันถึงแดงขึ้นมากจนลามมาถึงแขน"
"โธ่ นิค...ทำไมเธอไม่บอกฉันตั้งแต่แรก ปล่อยไว้ได้ยังไงจนเป็นมากขนาดนี้" เอมี่ต่อว่า กังวลใจกับอาการเจ็บป่วยของนิคซึ่งมันดูประหลาดมาก อาการของเขาผิดวิสัยการบาดเจ็บธรรมดาของเนื้อเยื่อมนุษย์
"ไปหาหมอเถอะนิค เธอพอจะลุกไหวไหม หรือจะให้ฉันเรียกรถพยาบาลดี" ตัดสินใจจะพาเขาไปหาหมอดีกว่า บางทีมันอาจเป็นแค่การเจ็บป่วยธรรมดาเท่านั้น เอมี่คิดปลอบใจตัวเอง นิคพยักหน้า พยายามยันตัวลุกจากตักเธอโดยมีเอมี่ช่วยประคอง กระทั่งยืนขึ้นได้สำเร็จ เขาเซเอาไหล่ข้างที่ดีพิงผนังห้องไว้ สูดปากอย่างเจ็บปวด
"เธอรอเดี๋ยวนะ ฉันจะหาผ้ามาห่มตัวให้ ไม่ต้องสวมเสื้อกลับเข้าไปหรอก"
เธอผละจากเขาวิ่งเข้าไปฉวยผ้าห่มผืนบางจากในห้องนอนมาห่อตัวให้ ก่อนประคองคนเจ็บเดินโซซัดโซเซออกจากห้องพัก และทันทีที่ทั้งสองพ้นประตูห้องออกมา นิคก็หยุดชะงัก เสียงเขาพึมพำขึ้นอย่างประหลาดใจ
"เอ๊ะ! ทำไมอยู่ๆ ก็หายปวด"
"หือ...เธอว่าไงนะ หายปวดแล้วงั้นเหรอ" เอมี่ชะงักตาม เธอมองหน้าคนรักที่มีสีหน้างุนงงอย่างไม่เชื่อความรู้สึกตัวเอง
"ฉันหายเจ็บแล้ว เอมี่ หายเป็นปลิดทิ้งเลย"
"อ้าว! จริงเหรอ ไม่เจ็บเลยอย่างนั้นเหรอ" ถามเขาอย่างงุนงงไม่แพ้กัน นิคพยักหน้า เขาคลายมือจากการกุมต้นแขน แล้วขยับแขนข้างที่เจ็บออกจากใต้ผ้าห่มให้เธอดู "ไม่เจ็บเลย นี่ไง เธอเห็นไหม ฉันหายเจ็บแล้วล่ะ" เขาร้องอย่างดีใจ
"ดีจัง หายเจ็บก็ดีแล้ว แต่ว่า ไหน...ขอฉันดูแขนเธอหน่อยสิ"
หญิงสาวยังไม่วางใจ เธอลองจับแขนเขาดู ซึ่งนิคก็ไม่ได้แสดงท่าทีเจ็บปวดออกมาให้เห็น เอมี่อึ้ง เมื่อเห็นกับตาว่าสีผิวแขนท่อนบนของนิคที่เคยแดงก่ำกำลังจางลงอย่างรวดเร็ว รอยแดงหดหายขึ้นไปหาหัวไหล่เรื่อยๆ จนเหลือขนาดเท่าไข่ไก่บนหัวไหล่เขาเท่านั้นเอง พระเจ้าช่วย...มันเป็นไปได้ยังไง!
เพราะต้องการคำตอบให้รู้แน่ เอมี่ตัดสินใจกลับมายังซอกตึกซึ่งเดิมเคยมีร้านขายของเก่าตั้งอยู่อีกครั้ง แต่บัดนี้มันกลับว่างเปล่า หญิงสาวยืนหมุนคว้างอยู่ริมถนนท่ามกลางอากาศหนาวเย็น ผู้คนยังพากันเดินสวนไปมา รถราก็ยังวิ่งขวักไขว่เป็นปกติ แต่ร้านเป้าหมายของเธอกลับหายไป หญิงสาวกวาดสายตามองหาทุกตารางนิ้วของพื้นที่ตรงนั้นก็ไม่เห็นแม้เงา มันอันตรธานไปราวกับไม่เคยมีอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว
เอมี่ยืนอึ้งครุ่นคิด กรอกตาไปมาอย่างสับสน บัดซบ! เล่นบ้าๆ อะไรกับฉันกันแน่ ตาเฒ่า...ก่นด่าอย่างเดือดดาลระคนหวาดระแวงในใจ
หันรีหันขวางอยู่ครู่ใหญ่ในที่สุดก็หมดหนทาง ร้ายขายของเก่าได้ล่องหนไปแล้วจริงๆ อย่างน่าฉงน ซอกตึกตรงนี้อยู่ไม่ไกลจากอะพาตร์ทเม้นต์เท่าไหร่ เธอเคยเดินผ่านทุกวัน เป็นไปไม่ได้ที่จะจำผิดที่ นึกเป็นห่วงนิคจึงหันกลับวิ่งขึ้นไปบนห้อง แต่เมื่อขึ้นมาเห็นสภาพเขาเธอก็ใจหายวาบ
"นิค เธอเป็นอะไรหรือเปล่า"
อุทานถามเมื่อเห็นเขานั่งตัวงอบนเตียง สีหน้าซึ่งเคยเริ่มมีสีซับโลหิตบ้างแล้วหลังหายปวดแขนกลับซีดขาวลงกว่าเก่าจนน่าตกใจ ดวงตาก็ดูลึกกลวงเข้าไปในเบ้า รอบขอบตาดำคล้ำลงเหมือนคนป่วยหนัก กีต้าร์สีแดงตกอยู่บนพื้นข้างๆ หญิงสาวรีบถลันเข้าไปหา ประคองใบหน้าเขาด้วยสองมือแล้วมองอย่างสังเกต
"หน้าเธอซีดจัง เพิ่งหายปวดแขนก็อย่าเพิ่งฝืนซ้อมเพลงเลยนะ พักก่อนเถอะ" เธอปราม เพราะคิดไปว่าคนรักคงเกิดเจ็บแขนขึ้นมาอีกจากฝืนเล่นกีต้าร์ทั้งที่ยังไม่ทันหายดี
"เอมี่..." นิคมองตาเธอแล้วเรียกชื่อเสียงแห้ง "เธอดูนี่สิ" เขาปลดมือเธอออกจากใบหน้า แล้วเบี่ยงตัวให้ดูที่ไหล่ข้างขวา
"มันกลับมาเป็นอีกแล้ว..." เอมี่มองตาม พอเห็นไหล่เขาก็ต้องตกใจ รีบจับตัวเขาให้หมุนมาหาเพื่อมองดูชัดๆ
"อะไรกัน..." เธอจ้องเจ้ารอยแดงขนาดใหญ่ที่กลับมาอยู่บนหัวไหล่ขวาของเขาอีกครั้งอย่างตื่นตกใจ มันกลับมาเป็นอีกได้ยังไง ทั้งที่ก่อนเธอลงไปข้างล่าง รอยแบบนี้มันเลือนหายไปเกือบหมดแล้วนี่
"แล้วยังเจ็บอีกไหมนิค" ได้แต่ถามอาการอย่างฉงนสนเท่ห์ สายตาจับจ้องอยู่ตรงร่องรอยประหลาดบนผิวเนื้อเขา ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนมันแผ่ลามลงมายังต้นแขนอีกแล้ว ขณะที่สีผิวบริเวณหัวไหลก็เริ่มเปลี่ยนจากสีแดงสดมาเป็นสีแดงอมม่วงอมเขียว เหมือนใต้ผิวมีเลือดแกมหนองขังอยู่ นิคพยักหน้ารับเศร้าๆ
"พอฉันดีดกีต้าร์แขนก็เจ็บขึ้นมาทันที มันเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ จนฉันดีดต่อไม่ไหว" เขาตอบเสียงเครือ แววตาบ่งบอกถึงความสับสนและหวาดกลัว ยกมือขึ้นบีบต้นแขนขวาตัวเองแน่นอีกครั้ง
"เกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่ เอมี่ สงสัยฉันคงต้องไปโรงพยาบาลจริงๆ แล้วล่ะ"
"อย่าดีดมันอีก นิค เอามันมาให้ฉันเถอะ เจ้ากีต้าร์ตัวนี้แหละที่ทำให้เธอป่วย"
เอมี่เจ็บปวดกับคำพูดไม่รู้อิโหน่อิเหน่ของแฟนหนุ่ม ฉวยกีต้าร์จากมือเขาเอาไปเก็บไว้ในกระเป๋ากีต้าร์ ก่อนนำมันไปซุกไว้ตรงมุมห้อง เธอเข้าใจแล้ว เกมของตาแก่กำลังเริ่ม ทั้งเสียงร้องและฝีมือเล่นกีต้าร์ที่เยี่ยมยอดก่อนหน้าเป็นเพราะอาถรรพ์ของกีต้าร์สีแดง แต่ยิ่งเล่นมันนิคก็จะยิ่งเจ็บป่วย จนในที่สุดเขาจะเสียแขนขวาไป นิคมองตามแล้วถามอย่างแปลกใจ
"เมื่อกี้เธอว่า กีต้าร์ตัวนี้ทำให้ฉันเจ็บป่วยงั้นเหรอ"
" ใช่..."
หญิงสาวเดินกลับมานั่งด้วยบนเตียงพลางถอนใจยาว ตัดสินใจว่าจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง เธออาจถูกเขาโกรธเอาก็ได้ แต่คงไม่มีทางเลือก
"เป็นเพราะฉันเอง นิค ฉันมันไม่ดีเอง" พอเริ่มต้นเล่าน้ำตาก็ซึมหัวตา นึกเจ็บใจตัวเองที่เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ เพราะความโลภคิดอยากประสบความสำเร็จโดยใช้ทางลัดแท้ๆ นิคมองหน้าคนรัก เริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลบางอย่าง
"พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง เธอทำอะไร..." เอมี่เงียบไปชั่วขณะ น้ำตาคลอเต็มตา ตั้งสติแล้วจึงเล่าให้แฟนหนุ่มฟังเรื่องที่เธอไปตกลงทำสัญญาซื้อขายพรสวรรค์กับเจ้าของร้านขายของเก่า เพื่อเพิ่มความสามารถให้กับเขา ซึ่งเป็นสาเหตุของเรื่องประหลาดต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับนิค เขาทำหน้าเหลือเชื่อแต่ก็นิ่งฟัง
"เธอหมายความว่า เพลงที่ฉันแต่งจนเจ๋งเป้งกับฝีมือเล่นดนตรีที่ดีขึ้นของฉัน มันมาจากพรสวรรค์ของเธอที่เพิ่มให้ฉัน กับอิทธิฤทธิ์ของเจ้ากีต้าร์ตัวนั้นตามสัญญาของตาแก่นั่นล่ะซี" น้ำเสียงหดหู่ของเขาทำให้เอมี่หน้าเจื่อน
"ตาแก่นั่นไม่ใช่คน กีต้าร์ตัวนั้นก็เป็นกีต้าร์มาร มันทำให้เธอเล่นดนตรีได้ดีขึ้นมากก็จริง แต่ต้องแลกกับแขนของเธอ มันเล่นเกมกับเรา เจ้ารอยประหลาดบนไหล่เธอจะเป็นมากขึ้นทุกครั้งที่เธอจับกีต้าร์ตัวนั้นมาเล่น จนในที่สุดเธอจะเสียแขน ฉันเชื่อว่าถ้าเลิกเล่นมัน เธอจะต้องหายปวดแขนแน่นอน" นิคฟังด้วยสีหน้าเคร่งขรึมลง เขาคลายมือจากต้นแขน แล้วบอกเบาๆ ว่า
"จริงของเธอ ฉันเริ่มหายปวดแขนแล้ว" เอมี่เบิกตาโต ชะโงกหน้าไปมองที่ไหล่เขาทันที
"รอยแดงเริ่มจางลงแล้ว" เธอร้องออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น จับไหล่เขาบีบพิสูจน์ ซึ่งนิคก็ไม่มีท่าทีเจ็บปวดให้เห็นอีก
"ฉันมั่นใจว่าเรากำลังโดนอาถรรพ์จากร้านตาแก่นั่นอยู่" เอมี่พึมพำ
"แล้วเราจะเป็นยังไงต่อไปล่ะเอมี่" นิคถามคำถามที่เธอเองก็ไม่รู้คำตอบ
(มีต่อ)