กีต้าร์ล่าวิญญาณ (มนต์เพลงซาตานรีไร้ท์) ตอน 1

บทนำ
https://pantip.com/topic/37439083




กีต้าร์ล่าวิญญาณ



โดย...ล. วิลิศมาหรา


ตอนที่ 1

มหานครนิวยอร์ก...เกาะแมนฮัตตัน ย่านมิดทาวน์

เอมี่แหงนมองอะพาร์ตเม้นต์สูงสี่ชั้นค่อนข้างเก่าที่ตัวเองกำลังจะย้ายเข้ามาพักอยู่กับนิค เพราะที่นี่ใกล้มหาวิทยาลัยมากกว่า โชคดีจริงๆ ที่ญาติของนิคมีห้องว่างอยู่แถวนี้ ซึ่งส่วนมากเป็นย่านร้านค้าแทบทั้งนั้น เขาอนุญาตให้แฟนเธอมาพักที่นี่ได้จนกว่าจะเรียนจบ เธอรู้จักกับนิคตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ปีหนึ่งคณะศิลปากร คบเขาเป็นเพื่อนยาวนานกว่าสามปี กระทั่งตกลงเป็นแฟนกันในปีที่สี่ หลังเทียวไปเทียวมาระหว่างห้องตัวเองกับห้องเขา สุดท้ายนิคก็เอ่ยชวนเธอมาพักด้วยกันกับเขาเสียเลยที่นี่ เพื่อเป็นการประหยัดค่าเช่าห้อง

วันนี้เป็นวันแรกที่เธอขนของเข้ามาอยู่กับเขา โดยมีเมลานีเพื่อนสาวผิวสีชาวบราซิลมาช่วยขน เอมี่ซึ้งในน้ำใจเพื่อนที่เอารถเก๋งคันโก้ของตัวเองมาช่วยขนย้ายสัมภาระ อันที่จริงข้าวของจากห้องเก่าก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก มีแค่กระเป๋าใส่เสื้อผ้าสองใบ กับกล่องใส่หนังสือและพวกเครื่องเขียนอีกสามสี่กล่องเท่านั้น

นิคยืนรออยู่แล้วหน้าอะพาร์ตเม้นต์ตัวเอง ทั้งสามช่วยกันขนของขึ้นไปยังห้องของนิคบนชั้นสี่อย่างทุลักทุเล เมลานีบ่นอุบเมื่อโยนกล่องกระดาษใบสุดท้ายลงบนพื้น

“เฮ้อ...หมดเสียที เหนื่อยเป็นบ้า ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมพวกเธอถึงไม่เลือกไปอยู่ในตึกที่มีลิฟต์” ร่างคมขำยืนยกมือเท้าสะเอว พ่นลมออกปาก

“ฝันไปเหอะ เราสองคนไม่ได้เกิดบนกองเงินกองทองแบบหล่อนนี่ยะ ถึงจะสามารถไปอยู่ในเขตอัปเปอร์อีสต์ไซค์แบบหล่อนได้” เอมี่ชกแขนเพื่อนเบาๆ ก่อนดึงแขนให้นั่งด้วยกันบนเตียง นิคลากกล่องทั้งหมดกองสุมไว้ชิดผนังห้องนอนด้านหนึ่ง แล้วทิ้งตัวลงบนเก้าอี้นวม เขาหัวเราะในลำคอ

“อะไรกัน เมล เดินขึ้นชั้นสี่แค่นี้ทำเป็นบ่น ทีดิ้นในผับทั้งคืนไม่เห็นเธอบ่นสักคำ ที่นี่ทั้งถูกแล้วยังใกล้ที่เรียนอีก หาที่พักแบบนี้ไม่ได้ง่ายนักหรอก แล้วห่างไปไม่เท่าไหร่ก็เป็นสวนสาธารณะ เอมี่ชอบวิ่ง ส่วนฉันก็จะออกไปร้องเพลงเปิดหมวกที่นั่น ฉันว่าที่นี่มันสมบูรณ์แบบเลยล่ะ ถ้าไม่คิดเรื่องต้องตะกายขึ้นลงชั้นสี่ทุกวันนะ เธอว่าจริงไหม”

“บ้า...ดิ้นในผับกับหอบข้าวของเดินขึ้นบันไดตั้งสี่ชั้น เธอเอามาเปรียบกันได้ยังไงยะ มันเหมือนกันเสียที่ไหน”

เมลานีสะบัดเสียงเถียง ทำปากยื่นใส่เขา แต่เมื่อหันไปพิจารณาห้องนอนขนาดใหญ่พร้อมห้องน้ำในตัว เฟอร์นิเจอร์ครบ รวมทั้งเก้าอี้บุนวมน่านั่งในห้องอีกสองตัว ข้างนอกมีโถงเอนกประสงค์กับห้องครัวแยกต่างหาก หล่อนก็พยักหน้าหงึกๆ

“อืม...ไม่รู้สินะ คงงั้นมั้ง อันที่จริงมันก็ไม่เลวนักหรอก ขอบใจที่พวกเธอไม่พูดว่า...ขอแค่ให้ได้อยู่ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ดีทั้งนั้น” มองๆ แล้วก็พูดจิกกัดคู่รัก ทำนิคกับเอมี่หัวเราะพรืดพร้อมกัน

“แน่นอน เราจะไม่พูดอะไรเฉิ่มๆ แบบนั้น แม้มันจะเป็นความจริงก็ตาม” เอมี่สัพยอกยั่วให้อิจฉา เมลานีค้อนเพื่อนตาแทบกลับ

“อย่ามาหวานใส่กันต่อหน้าฉันย่ะ รู้ใช่ไหมว่ามันแสลงใจคนโสด อ้อ แต่ฉันจะอยู่เป็นโสดอีกไม่นานนักหรอก” หล่อนบอกทำหน้าเชิด

“ใคร? ใช่คนที่เธอพามาปาร์ตี้ด้วยที่บ้านเจนนี่หรือเปล่า”

“เปล่า...คนใหม่ย่ะ มาจากดูไบ”

“อูว์...เธอเปลี่ยนรสนิยมอีกแล้ว จากผู้ดีอังกฤษมาเป็นพวกแขก”

“ช่วยไม่ได้ ก็เขาหล่อมาก” เมลานียักไหล่พูด เห็นได้ชัดว่าหล่อนชินกับการถูกล้อเลียนเรื่องนี้และไม่สะทกสะท้าน

“เหลือเกินจริงๆ แม่คุณ” เอมี่ส่ายหน้ายิ้มๆ ลุกขึ้นไปรื้อค้นของออกจากกล่องกระดาษ

“วันหลังพามาแนะนำหน่อยสิ ฉันอยากรู้จักกับเศรษฐีน้ำมันดูบ้าง”

นิคพูดขำๆ มองดูเมลานีที่ลุกตามไปช่วยเอมี่จัดของด้วยแววตาซาบซึ้ง สาวผิวสีเป็นเพื่อนเรียนที่นิสัยและการใช้ชีวิตแตกต่างจากเขากับเอมี่โดยสิ้นเชิง รู้สึกว่าหล่อนจะมาจากครอบครัวมีฐานะของบราซิล ไม่แน่ชัดว่าทางบ้านหล่อนทำงานอะไร แต่เมลานีสามารถใช้เงินทองฟุ่มเฟือยได้เต็มที่ มีรถดีๆ ใช้ พักห้องชุดหรู เที่ยวเตร่ทุกคืน แต่ถึงอย่างนั้นหล่อนกลับมีเพื่อนน้อย ขณะที่มักเปลี่ยนผู้ชายควงไม่ซ้ำหน้า เมลานีไม่ค่อยมีใครคบจริงจัง ทั้งที่จะว่าไปแล้วหล่อนเป็นคนรูปร่างหน้าตาดีมากคนหนึ่ง สวยเซ็กซี่ตามสไตล์สาวบราซิล เหตุคงเพราะเจ้าหล่อนเกิดมีรสนิยมแปลกประหลาด ชอบไปฝักใฝ่เรื่องของภูตผีวิญญาณมากเกินไปหน่อยนั่นเอง

แม่สาวทรงโตสนใจในโลกหลังความตาย ไสยศาสตร์และพิธีกรรมของพวกพ่อมดหมอผีอย่างมากจนถึงขนาดหมกมุ่น รวมทั้งเรื่องลี้ลับอย่างเรื่องยู เอฟ โอ มนุษย์ต่างดาวนอกโลกอีกด้วย ความลุ่มหลงในเรื่องเหนือธรรมชาติพวกนี้ทำให้คนอื่นๆ มองว่าหล่อนงมงายไร้สาระ เลยเกิดขัดแย้งกับคนรอบตัวอยู่บ่อยๆ

หลายครั้งที่สาวบราซิลทำท่าขนลุกขนพองเวลาผ่านไปในสถานที่ต่างๆ กับเขาและเอมี่ ซึ่งหล่อนอ้างว่ามีวิญญาณของผู้ไม่ยอมไปผุดไปเกิดสิงสู่อยู่ และตัวเองสัมผัสพวกเขาได้ทางสัมผัสที่หก หรือไม่ก็มีเรื่องเล่าชวนขนหัวลุกมาเล่าให้ฟังอยู่เรื่อย เพื่อนร่วมชั้นเรียนน้อยคนจะยอมทนฟังเรื่องเหลือเชื่อของหล่อน ซึ่งในนั้นมีเขากับแฟนสาวรวมอยู่ด้วย ไม่ใช่เพราะเชื่อไปกับหล่อนด้วย แต่เพราะนึกสงสารเห็นใจที่หล่อนไม่ค่อยมีเพื่อนต่างหาก

“แหงล่ะ...ถ้าฉันคบกับเขาเกินวันอาทิตย์นี้นะ” ร่างอวบอัดในชุดเสื้อกางเกงผ้ายืดรัดรูปหันมาบอก

“บ้าน่าเมล จบที่ใครสักคนเหอะ ทำตัวลอยไปลอยมาแบบนี้จะโดนคนนินทาเอาได้นะ” เอมี่ว่าเพื่อนตรงๆ

“ช่างยิ้ม...ใครอยากจะพูดอะไรก็ช่าง ฉันไม่สนใจหรอก จะให้ฉันเป็นแบบเธอกับนิคน่ะเหรอ ก็ให้ฉันเจอผู้ชายแบบนิคก่อนสิ แล้วฉันจะยอมจบ” เมลานีพูดแล้วยักคิ้วล้อเลียนนิค ชายหนุ่มหัวเราะหึ หึ

“ไหงวกมาลงที่ฉันล่ะ สวยๆ อย่างเธอมีหนุ่มๆ เข้าแถวให้เลือกเพียบ เธอคงไม่สนใจเอานักดนตรีโนเนมแบบพวกฉันมาเป็นแฟนให้เสียเซลฟ์หรอก”

แต่นิคก็ออกตัวอย่างฉลาด ก่อนเขาจะตกลงเป็นแฟนกับเอมี่ เมลานีก็มีท่าทีสนใจเขาอยู่เหมือนกัน แต่เมื่อรู้แน่ชัดว่าเขาคบกับเอมี่จริงจัง หล่อนก็ยอมถอยห่างแต่โดยดี เหลือเพียงความเป็นเพื่อนเท่านั้น

“แหม รีบบอกเชียวนะ ฉันพูดเล่นย่ะ ใครจะบ้าคิดอะไรแบบนั้นกับแฟนเพื่อน ฉันแค่จะบอกว่า ฉันมันคนนิสัยเสีย ชอบเบื่อง่าย เลยยังไม่อยากจริงจังกับใคร...ก็เท่านั้น”

เมลานีบอกน้ำเสียงติดประชด ดวงตาที่กรีดอายไลเนอร์ไว้คมเข้มตวัดมองเพื่อนชายอย่างเย็นชา...อย่างจะบอกว่าถือดี เอมี่เห็นเพื่อนสาวออกอาการแบบนั้นก็รีบตัดบท เธอเชื่อว่าหล่อนไม่ได้คิดอะไรกับนิคจริงเหมือนกัน

“เราสองคนซึ้งใจเธอมากที่มาช่วยขนของ เพื่อนรัก ให้ตาย! ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าเอาของมาไม่ครบ” ชวนคุยไปเรื่องอื่นเสีย ขณะสองมือสาละวนจัดเก็บอุปกรณ์วาดรูปให้เข้าที่

“ดูเหมือนเราจะลืมเก็บถาดสีที่ฉันวางซ้อนกันหน้าห้องน้ำมาด้วย แต่ไม่เป็นไร ไว้ค่อยหาซื้อเอาใหม่วันหลัง”

เอมี่บ่นงึมงำเมื่อหาของไม่เจอ คิ้วเรียวบนใบหน้าเล็กๆ ล้อมกรอบด้วยผมสีบลอนด์หยิกฟูขมวดมุ่น ก่อนคลายออกรวดเร็วอย่างคนไม่ค่อยถือสาหาความอะไรนัก นิคมองคนรักด้วยสายตาเอ็นดู เอมี่แตกต่างจากเมลานีราวน้ำกับไฟ แฟนสาวของเขาเป็นคนอ่อนโยน ใจดี รูปร่างของเธอค่อนข้างเพรียวบาง ตาสีน้ำตาลอ่อนคู่สวยใสซื่อบริสุทธิ์ เธอสวยแบบเรียบๆ ออกไปทางน่ารักมากกว่า และเขาก็ชอบแบบนี้ ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงสองคนนี้จะคบกันได้ และเท่าที่เห็น เมลานีมักเป็นฝ่ายคอยช่วยเหลือเกื้อกูลเอมี่มากกว่า แทบจะเรียกได้ว่า หล่อนดูแลเอมี่แทนเขาได้เลย เวลาที่เขาต้องห่างแฟนสาวไปไหนไกลๆ

“จะกลับไปเอาไหมล่ะ ฉันจะ...แต่ว่า...โอย ตายจริง...” สาวผิวสีถามเพื่อนก่อนครวญขึ้นมา ทำท่าเหมือนเพิ่งนึกอะไรได้ หล่อนลุกจากท่านั่ง ปัดมือเข้ากับกางเกงผ้ายืดแล้วคว้ากระเป๋ามาสะพายไหล่

“วันนี้ฉันมีนัดดินเนอร์กับฟรองซัวน่ะสิ เกือบลืมไปเลย”

“ฟรองซัว?...อย่าบอกนะว่าเธอคบซ้อนกับหนุ่มฝรั่งเศสอีกคน” เอมี่ถามเสียงหลง

“แหงสิจ๊ะแม่หนูน้อย...” ร่างอวบอัดโบกมือลา แล้วลิ่วไปที่ประตู

“ฉันกะจะทำสถิติออกเดทกับหนุ่มๆ ให้ครบทุกชาติบนโลกใบนี้เลยเชียวแหละทูนหัว” หล่อนพูดติดตลกทิ้งท้ายก่อนเปิดประตูก้าวออกไป ท่ามกลางสายตาขำขันของเพื่อนทั้งสอง


(มีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่