ตอนที่ผ่านมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
https://pantip.com/topic/37439083
https://pantip.com/topic/37439146
https://pantip.com/topic/37445741
https://pantip.com/topic/37458331
https://pantip.com/topic/37477513
https://pantip.com/topic/37501007
https://pantip.com/topic/37605790
https://pantip.com/topic/37664213
https://pantip.com/topic/37691029
กีต้าร์ล่าวิญญาณ
ร่างชายแปลกหน้าซึ่งนั่งคุดคู้อยู่ข้างแมวสีดำตัวเขื่องค่อยๆ ยืดตัวลุกขึ้นยืน แสงจากโคมไฟหัวเตียงส่องให้มองเห็นรูปร่างสูงผอมและหน้าตาหม่นหมองของเขาชัดเจน เขาสวมชุดหนังสีดำ ประดับกระดุมและหมุดโลหะทั้งที่ตัวเสื้อและกางเกงคับรัดติ้ว อย่างที่พวกนักดนตรีวงร็อคแอนด์โรลมักใส่กัน ส่วนเจ้าสัตว์หน้าขนที่หมอบอยู่ข้างเขาก็จ้องมายังเธอด้วยดวงตาสีเหลืองลุกวาว มันครางต่ำลึกในลำคอให้ได้ยิน
ฮื่อออ...คราวววว
เอมี่โดดผึงลงจากเตียงทันทีที่ร่างชายลึกลับขยับก้าวเข้ามาหา พลางร้องเอะอะเรียกหานิค
“แกเป็นใคร เข้ามาได้ยังไง...นิค นิค เธออยู่ไหน มีใครก็ไม่รู้อยู่ในห้องเรา” หญิงสาวเหลียวมองซ้ายขวาหาที่พึ่ง เธอถอยหนีไปทางหน้าประตูห้องน้ำ...นิคอาจอยู่ข้างในนั้น
“อย่ากลัวฉัน เอมี่ ฉันมาดี” ร่างในชุดหนังคงรู้ว่าเธอกำลังหวาดกลัวขนาดหนักจึงหยุดการเคลื่อนไหว เขายกสองมือขึ้นแบออกระดับอก แล้วส่งเสียงสากแหบแห้งบอกเธอแทน
“แกเข้ามาได้ยังไง ออกไปนะ ไม่งั้นฉันจะแจ้งตำรวจ” แต่เอมี่ยังไม่วางใจในผู้ชายซึ่งจู่ๆ ก็เข้ามาอยู่ในห้องนอนเธอได้อย่างน่าสงสัย เหลือบมองไปทางประตูห้องน้ำที่เปิดแง้มไว้ก็รู้ว่านิคคงไม่ได้อยู่ข้างในนั้นแน่ เขาหายไป ทิ้งเธอให้เผชิญกับผู้ชายท่าทางไม่น่าไว้ใจตามลำพัง...หรือว่า...หรือว่าเขาจะเป็นอะไรไป
พอคิดแบบนั้น ด้วยความเป็นห่วงคนรัก เอมี่จึงตัดสินใจถลันเข้าหาบานประตูห้องนอนทันที หวังเปิดออกไปดูให้รู้แน่ว่านิคได้รับอันตรายอยู่ข้างนอกนั่นหรือเปล่า
ม้าววว... กรรส์
แต่ไม่ทันเจ้าสัตว์สี่ขาขนสีดำที่กระโจนพรวดมายืนดักหน้าเธอเสียก่อน มันยืนแยกเขี้ยวขู่ฟ่ออยู่หน้าประตูห้องนอน จ้องดวงตาสีเหลืองสว่างจ้ามาที่เธอเขม็ง ท่าทางดุร้ายน่ากลัวของมันทำให้เอมี่หยุดชะงัก ถอยกรูดกลับมาที่เตียงใหม่ ซึ่งตรงนั้นร่างในชุดหนังยืนนิ่งรออยู่
“เอมี่ฟังฉันก่อน ฉันมาดี”
เสียงแหบแห้งบอกเธออีกครั้ง แต่หญิงสาวไม่ยอมฟัง และเมื่อถอยหนีไปไหนไม่ได้อีกเพราะติดเตียงนอน เธอก็หันมองไปรอบข้างหาความช่วยเหลือ นิคไม่อยู่ ไม่รู้ว่าหายไปไหน เหลือบมองนาฬิกาติดข้างผนังก็บอกเวลาว่าดึกมากแล้ว โทรศัพท์อยู่ไกลออกไปที่โต๊ะหัวเตียง แถมยังมีร่างลึกลับขวางอยู่อีกต่างหาก แบบนี้เห็นทีจะหมดหนทางขอความช่วยเหลือ
เอมี่หวาดกลัวจนตัวสั่น คิดหาทางเอาตัวรอดจากสถานการณ์อันไม่น่าไว้ใจโดยเร่งด่วน ในที่สุดก็ต้องทำใจดีสู้เสือ
“แก...คะ...คุณเป็นใคร ต้องการอะไรจากฉัน” กลั้นใจถามปากคอสั่น
“บอกแล้วไงว่าฉันมาดี...ฉันแค่มาส่งข่าว”
“ข่าว...ข่าวอะไร พระเจ้า...ช่วยบอกฉันมาก่อนว่าคุณเป็นใคร ต้องการอะไรจากฉันกันแน่ นิค...แล้วนิคล่ะอยู่ที่ไหน คุณทำอะไรเขาหรือเปล่า”
“ชู่ว์...ใจเย็นเอมี่ ยังก่อน ตอนนี้ยังไม่มีใครเป็นอะไร มองดูฉันสิ มองดูฉันให้ดีๆ” ชายชุดหนังไม่ตอบ แต่กลับบอกให้เธอมองมาที่ตัวเอง เอมี่สะกดความหวาดหวั่นเพ่งมองใบหน้าของร่างสูงผอม มีบางอย่างดึงดูดสายตาเธอ พลันก็ฉุกคิดขึ้นมาได้
“อัลแบโต้...คุณคืออัลแบโต้พี่ชายฟรั้งใช่ไหม” เธอเบิกตาโตจ้องหน้าเขาก่อนโพล่งถาม ต้องใช่แน่ๆ...ด้วยโครงหน้าคร้ามเข้มหล่อเหลาอย่างชายชาวโรมัน ถึงแม้จะซูบตอบกว่าของผู้ชายอีกคน แต่ทั้งรูปหน้าและรายละเอียดส่วนอื่น ไม่ว่าจะเป็นคิ้ว ตา หรือริมฝีปาก คล้ายคลึงกับหนุ่มนักเขียนชาวอิตาลีมาก เขาตอกย้ำคำพูดเธอด้วยการพยักหน้ารับ
“ใช่ ฉันเอง”
“พระเจ้าช่วย! เป็นคุณจริงหรือนี่ คุณไปอยู่ที่ไหนมาตั้งนาน รู้มั้ย ฟรั้งเขาตามหาคุณมาตลอด จนเขาคิดว่าคุณตายไปแล้ว ที่แท้คุณมาอยู่ที่ตึกนี้นี่เอง” พอรู้ว่าเขาคือพี่ชายของฟรังโก้จริงๆ หญิงสาวก็ตกตะลึงไปพักหนึ่งก่อนรัวคำถามใส่เขา แต่ยังไม่ทันรู้คำตอบก็นึกถึงอีกเรื่องซึ่งน่าสงสัยไม่แพ้กัน
“เอ๊ะ...แล้วคุณเข้ามาในห้องฉันได้ยังไง!”
“อย่ากังวลเรื่องนั้นเลยเอมี่ บอกแล้วว่าฉันมาดี ส่วนฉันจะอยู่หรือตายก็ไม่สำคัญอะไรด้วย ฉันมาที่นี่แค่อยากมาบอกเธอเรื่องหนึ่งเท่านั้น ฟังฉันให้ดีแม่หนูน้อย...ระวัง ไม่ใช่นิคแต่เป็นเธอ...จำไว้ ไม่ใช่นิคแต่เป็นเธอ...”
“คุณพูดเรื่องอะไร...ฉันไม่เข้าใจ ให้ฉันระวังอะไร ไม่ใช่นิคแต่เป็นฉัน...คุณหมายความว่ายังไง เราสองคนจะมีปัญหากันงั้นเหรอ” ถามเขารัวเร็วแทบไม่หายใจ แต่อีกฝ่ายส่ายหน้า ไหล่ทั้งคู่ตกลู่ลง ทำท่าเหมือนคนท้อแท้สิ้นหวัง
“ฉันบอกเธอได้แค่นี้”
“บ้าน่า...คุณลอบเข้ามาหาฉันถึงในห้องนอนเพื่อจะมาบอกแค่นี้เองเหรอ คุณกำลังเล่นอะไรอยู่ ไม่ตลกนะอัล ผ่าเถอะ! ช่วยบอกทุกอย่างกับฉันมาเดี๋ยวนี้” เธอสบถออกมาอย่างหงุดหงิดที่เขาไม่ตอบให้กระจ่างเลยสักเรื่อง
เมี้ยววว!
ขณะกำลังคาดคั้นเอาคำตอบจากอัลแบโต้ พลันแมวสีดำปลอดซึ่งยืนจังก้าขวางหน้าประตูอยู่ก็ส่งเสียงร้องขึ้น มันร้องเสียงแหลมเล็กเหมือนส่งสัญญาณบอกบางอย่างกับชายชุดหนัง เขาหันไปมองมันก่อนหันกลับมาทำหน้าสลด
“ฉันหมดเวลาแล้วล่ะเอมี่...ต้องไปแล้ว”
บอกอำลาอย่างไม่ให้คนฟังได้ทันตั้งตัว และเมื่อจบคำอำลา เอมี่ก็ต้องแตกตื่นแทบสิ้นสติ ยืนเบิกตาโพลงจ้องมองร่างชายผู้กำลังยืนพูดอยู่กับเธออย่างไม่เชื่อสายตา เพราะบัดนี้ร่างของเขากำลังละลายลง
ใช่...ไม่มีคำไหนจะอธิบายได้ดีไปมากกว่านี้ เพราะสิ่งที่ตาเธอเห็นก็คือ มันเริ่มจากปลายรองเท้าบูทยาวครึ่งน่องของเขาก่อน ที่ค่อยๆ เหลวเละกลายเป็นของเหลวสีดำ มันเหลวปนกับสีแดงที่ไหลเยิ้มแทรกออกมา ของเหลวกระดำกระด่างเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานมากขึ้นทุกขณะ ตามการหลอมเหลวที่ลามสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ท่ามกลางเสียงครวญครางบ่งบอกถึงความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสของร่างที่กำลังหลอมละลาย จนในที่สุดเสียงสุดท้ายก็หายไปพร้อมใบหน้าซึ่งจมลงในกองของเหลวสีแดงคล้ำนั้น
เอมี่มองตะลึงปากอ้าตาค้าง...
นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น...ร่างคนทั้งคนเหลวเละกลายเป็นกองของเหลวสีแดง...สีแดงแบบนี้เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
ขณะกำลังตกอยู่ในอาการตื่นตะลึง ทันใดนั้นเธอก็ต้องหวีดร้องออกมาสุดเสียง เมื่อแมวดำซึ่งยืนขวางอยู่หน้าประตูขยายร่างใหญ่โตขึ้นจนเท่ามนุษย์ แล้วกระโจนพรวดเข้ามาหา
“ว้าย...นิคช่วยด้วย!”
“เอมี่ ตื่น ตื่น...ที่รัก เธอแค่ฝันร้ายเท่านั้น ตื่นได้แล้ว”
เอมี่รู้สึกถึงแรงสั่นเขย่าร่างตัวเอง พร้อมเสียงเรียกชื่อเธอดังลั่นของนิค หญิงสาวอ้าปากหายใจหอบ หัวใจเต้นรัวแรงจนหน้าอกระบม ทั้งร่างชุ่มไปด้วยเหงื่อจนชุดนอนที่สวมอยู่เปียกชื้น เธอลืมตาขึ้นจ้องใบหน้าที่ก้มลงมาดูด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“นิค...” ครางเรียกชื่อเขาพลางยกมือที่ยังสั่นแตะใบหน้าคมซึ้งของคนรัก...เธอแค่ฝันไป นิคยังอยู่กับเธอไม่ได้หายไปไหน ภาพเลวร้ายทั้งหมดไม่ได้เกิดขึ้นจริง
“ฉันฝันไปหรอกหรือนี่” อุทานออกมาอย่างโล่งใจเป็นที่สุด ดีใจจนน้ำตาซึม นิคจับมือเธอมากุมไว้แล้วพูดปลอบ
“ฉันต้องปลุกเธอ เพราะเธอร้องเรียกให้ฉันช่วยดังลั่น คงฝันร้ายสุดๆ เลยสินะ ไหนเล่าให้ฟังซิ เธอฝันว่าไง”
“มากเลยล่ะ ฉันฝันเห็นอัลแบโต้น่ะสิ นิค” หญิงสาวกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงลำคอขณะเล่า
“หืม...เธอฝันถึงพี่ชายของฟรั้งเหรอ รู้ได้ยังไงว่าเป็นเขา แล้วเขาทำอะไรเธอถึงร้องให้ช่วย”
“เปล่า เขาไม่ได้ทำอะไรฉัน เขาบอกฉันในความฝันว่าเขาคืออัลแบโต้ หน้าตาท่าทางเขาคล้ายกับฟรั้งมาก โอย...มันช่างเป็นฝันที่เหมือนจริงอะไรอย่างนั้น เขามาบอกว่าให้ฉันระวังอะไรสักอย่าง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าคืออะไร เพราะยังไม่ทันได้พูดกันให้รู้เรื่อง เขาก็ละลายไปเสียก่อน”
“ให้ตาย...เธอฝันได้พิสดารมาก ฝันว่าคนละลายได้เชียวนะ” นิคเย้าแล้วหัวเราะขำ
“ฉันฝันแบบนั้นจริงๆ นิค อัลแบโต้กำลังยืนคุยอยู่กับฉัน จู่ๆ เขาก็ค่อยๆ ละลายกลายเป็นของเหลวสีแดง...เหมือน...เหมือน...พระเจ้าช่วย! ฉันนึกออกแล้ว สีเหมือนกีต้าร์ตัวนั้น” เอมี่ไม่ขำตาม เธอเล่าน้ำเสียงขึงขัง
“โอเคๆ ฉันฟังเธออยู่ แต่ฉันว่าเธอคงกินเป็ดย่างมากไปมั้ง จนเกิดอาหารไม่ย่อย ฝันร้ายมักเป็นตามหลังอาการท้องอืด ฉันเคยอ่านเจอ” นิคปลอบขวัญ พยายามไม่หัวเราะเมื่อเห็นท่าทางกังวลจริงจังของแฟนสาว
“บ้า...ฉันไม่ได้กินเยอะขนาดนั้นสักหน่อย แต่ฉันอาจดื่มเบียร์มากไปก็ได้ นอกจากนั้นฉันยังฝันเห็นแมวสีดำตัวที่เราเจอบนกำแพงข้างร้านขายของเก่าด้วยนะ ในฝันมันไม่น่ารักเลย ตัวมันใหญ่เท่าตัวคน ท่าทางน่ากลัวมากยังกับแมวผีแน่ะ มันจะเข้ามาทำร้ายฉันด้วย”
“แมวตัวนั้นน่ะเหรอ อืม...นี่ ฉันว่าเธอคงเมาเบียร์ค้างตอนฝันแน่ๆ ถึงฝันเป็นตุเป็นตะได้ขนาดนี้” นิคว่า เอมี่มองค้อนที่เห็นเขากลั้นหัวเราะจนตัวกระเพื่อม
“ อืม...รู้อะไรไหมนิค ถึงยังไงฉันก็อยากพิสูจน์ เดี๋ยวฉันจะขอดูรูปอัลแบโต้จากฟรั้ง ฉันอยากมั่นใจว่าผู้ชายในความฝันของฉันใช่เขาจริงๆ”
จบตอน
กีต้าร์ล่าวิญญาณ ตอนที่ 9
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ร่างชายแปลกหน้าซึ่งนั่งคุดคู้อยู่ข้างแมวสีดำตัวเขื่องค่อยๆ ยืดตัวลุกขึ้นยืน แสงจากโคมไฟหัวเตียงส่องให้มองเห็นรูปร่างสูงผอมและหน้าตาหม่นหมองของเขาชัดเจน เขาสวมชุดหนังสีดำ ประดับกระดุมและหมุดโลหะทั้งที่ตัวเสื้อและกางเกงคับรัดติ้ว อย่างที่พวกนักดนตรีวงร็อคแอนด์โรลมักใส่กัน ส่วนเจ้าสัตว์หน้าขนที่หมอบอยู่ข้างเขาก็จ้องมายังเธอด้วยดวงตาสีเหลืองลุกวาว มันครางต่ำลึกในลำคอให้ได้ยิน
ฮื่อออ...คราวววว
เอมี่โดดผึงลงจากเตียงทันทีที่ร่างชายลึกลับขยับก้าวเข้ามาหา พลางร้องเอะอะเรียกหานิค
“แกเป็นใคร เข้ามาได้ยังไง...นิค นิค เธออยู่ไหน มีใครก็ไม่รู้อยู่ในห้องเรา” หญิงสาวเหลียวมองซ้ายขวาหาที่พึ่ง เธอถอยหนีไปทางหน้าประตูห้องน้ำ...นิคอาจอยู่ข้างในนั้น
“อย่ากลัวฉัน เอมี่ ฉันมาดี” ร่างในชุดหนังคงรู้ว่าเธอกำลังหวาดกลัวขนาดหนักจึงหยุดการเคลื่อนไหว เขายกสองมือขึ้นแบออกระดับอก แล้วส่งเสียงสากแหบแห้งบอกเธอแทน
“แกเข้ามาได้ยังไง ออกไปนะ ไม่งั้นฉันจะแจ้งตำรวจ” แต่เอมี่ยังไม่วางใจในผู้ชายซึ่งจู่ๆ ก็เข้ามาอยู่ในห้องนอนเธอได้อย่างน่าสงสัย เหลือบมองไปทางประตูห้องน้ำที่เปิดแง้มไว้ก็รู้ว่านิคคงไม่ได้อยู่ข้างในนั้นแน่ เขาหายไป ทิ้งเธอให้เผชิญกับผู้ชายท่าทางไม่น่าไว้ใจตามลำพัง...หรือว่า...หรือว่าเขาจะเป็นอะไรไป
พอคิดแบบนั้น ด้วยความเป็นห่วงคนรัก เอมี่จึงตัดสินใจถลันเข้าหาบานประตูห้องนอนทันที หวังเปิดออกไปดูให้รู้แน่ว่านิคได้รับอันตรายอยู่ข้างนอกนั่นหรือเปล่า
ม้าววว... กรรส์
แต่ไม่ทันเจ้าสัตว์สี่ขาขนสีดำที่กระโจนพรวดมายืนดักหน้าเธอเสียก่อน มันยืนแยกเขี้ยวขู่ฟ่ออยู่หน้าประตูห้องนอน จ้องดวงตาสีเหลืองสว่างจ้ามาที่เธอเขม็ง ท่าทางดุร้ายน่ากลัวของมันทำให้เอมี่หยุดชะงัก ถอยกรูดกลับมาที่เตียงใหม่ ซึ่งตรงนั้นร่างในชุดหนังยืนนิ่งรออยู่
“เอมี่ฟังฉันก่อน ฉันมาดี”
เสียงแหบแห้งบอกเธออีกครั้ง แต่หญิงสาวไม่ยอมฟัง และเมื่อถอยหนีไปไหนไม่ได้อีกเพราะติดเตียงนอน เธอก็หันมองไปรอบข้างหาความช่วยเหลือ นิคไม่อยู่ ไม่รู้ว่าหายไปไหน เหลือบมองนาฬิกาติดข้างผนังก็บอกเวลาว่าดึกมากแล้ว โทรศัพท์อยู่ไกลออกไปที่โต๊ะหัวเตียง แถมยังมีร่างลึกลับขวางอยู่อีกต่างหาก แบบนี้เห็นทีจะหมดหนทางขอความช่วยเหลือ
เอมี่หวาดกลัวจนตัวสั่น คิดหาทางเอาตัวรอดจากสถานการณ์อันไม่น่าไว้ใจโดยเร่งด่วน ในที่สุดก็ต้องทำใจดีสู้เสือ
“แก...คะ...คุณเป็นใคร ต้องการอะไรจากฉัน” กลั้นใจถามปากคอสั่น
“บอกแล้วไงว่าฉันมาดี...ฉันแค่มาส่งข่าว”
“ข่าว...ข่าวอะไร พระเจ้า...ช่วยบอกฉันมาก่อนว่าคุณเป็นใคร ต้องการอะไรจากฉันกันแน่ นิค...แล้วนิคล่ะอยู่ที่ไหน คุณทำอะไรเขาหรือเปล่า”
“ชู่ว์...ใจเย็นเอมี่ ยังก่อน ตอนนี้ยังไม่มีใครเป็นอะไร มองดูฉันสิ มองดูฉันให้ดีๆ” ชายชุดหนังไม่ตอบ แต่กลับบอกให้เธอมองมาที่ตัวเอง เอมี่สะกดความหวาดหวั่นเพ่งมองใบหน้าของร่างสูงผอม มีบางอย่างดึงดูดสายตาเธอ พลันก็ฉุกคิดขึ้นมาได้
“อัลแบโต้...คุณคืออัลแบโต้พี่ชายฟรั้งใช่ไหม” เธอเบิกตาโตจ้องหน้าเขาก่อนโพล่งถาม ต้องใช่แน่ๆ...ด้วยโครงหน้าคร้ามเข้มหล่อเหลาอย่างชายชาวโรมัน ถึงแม้จะซูบตอบกว่าของผู้ชายอีกคน แต่ทั้งรูปหน้าและรายละเอียดส่วนอื่น ไม่ว่าจะเป็นคิ้ว ตา หรือริมฝีปาก คล้ายคลึงกับหนุ่มนักเขียนชาวอิตาลีมาก เขาตอกย้ำคำพูดเธอด้วยการพยักหน้ารับ
“ใช่ ฉันเอง”
“พระเจ้าช่วย! เป็นคุณจริงหรือนี่ คุณไปอยู่ที่ไหนมาตั้งนาน รู้มั้ย ฟรั้งเขาตามหาคุณมาตลอด จนเขาคิดว่าคุณตายไปแล้ว ที่แท้คุณมาอยู่ที่ตึกนี้นี่เอง” พอรู้ว่าเขาคือพี่ชายของฟรังโก้จริงๆ หญิงสาวก็ตกตะลึงไปพักหนึ่งก่อนรัวคำถามใส่เขา แต่ยังไม่ทันรู้คำตอบก็นึกถึงอีกเรื่องซึ่งน่าสงสัยไม่แพ้กัน
“เอ๊ะ...แล้วคุณเข้ามาในห้องฉันได้ยังไง!”
“อย่ากังวลเรื่องนั้นเลยเอมี่ บอกแล้วว่าฉันมาดี ส่วนฉันจะอยู่หรือตายก็ไม่สำคัญอะไรด้วย ฉันมาที่นี่แค่อยากมาบอกเธอเรื่องหนึ่งเท่านั้น ฟังฉันให้ดีแม่หนูน้อย...ระวัง ไม่ใช่นิคแต่เป็นเธอ...จำไว้ ไม่ใช่นิคแต่เป็นเธอ...”
“คุณพูดเรื่องอะไร...ฉันไม่เข้าใจ ให้ฉันระวังอะไร ไม่ใช่นิคแต่เป็นฉัน...คุณหมายความว่ายังไง เราสองคนจะมีปัญหากันงั้นเหรอ” ถามเขารัวเร็วแทบไม่หายใจ แต่อีกฝ่ายส่ายหน้า ไหล่ทั้งคู่ตกลู่ลง ทำท่าเหมือนคนท้อแท้สิ้นหวัง
“ฉันบอกเธอได้แค่นี้”
“บ้าน่า...คุณลอบเข้ามาหาฉันถึงในห้องนอนเพื่อจะมาบอกแค่นี้เองเหรอ คุณกำลังเล่นอะไรอยู่ ไม่ตลกนะอัล ผ่าเถอะ! ช่วยบอกทุกอย่างกับฉันมาเดี๋ยวนี้” เธอสบถออกมาอย่างหงุดหงิดที่เขาไม่ตอบให้กระจ่างเลยสักเรื่อง
เมี้ยววว!
ขณะกำลังคาดคั้นเอาคำตอบจากอัลแบโต้ พลันแมวสีดำปลอดซึ่งยืนจังก้าขวางหน้าประตูอยู่ก็ส่งเสียงร้องขึ้น มันร้องเสียงแหลมเล็กเหมือนส่งสัญญาณบอกบางอย่างกับชายชุดหนัง เขาหันไปมองมันก่อนหันกลับมาทำหน้าสลด
“ฉันหมดเวลาแล้วล่ะเอมี่...ต้องไปแล้ว”
บอกอำลาอย่างไม่ให้คนฟังได้ทันตั้งตัว และเมื่อจบคำอำลา เอมี่ก็ต้องแตกตื่นแทบสิ้นสติ ยืนเบิกตาโพลงจ้องมองร่างชายผู้กำลังยืนพูดอยู่กับเธออย่างไม่เชื่อสายตา เพราะบัดนี้ร่างของเขากำลังละลายลง
ใช่...ไม่มีคำไหนจะอธิบายได้ดีไปมากกว่านี้ เพราะสิ่งที่ตาเธอเห็นก็คือ มันเริ่มจากปลายรองเท้าบูทยาวครึ่งน่องของเขาก่อน ที่ค่อยๆ เหลวเละกลายเป็นของเหลวสีดำ มันเหลวปนกับสีแดงที่ไหลเยิ้มแทรกออกมา ของเหลวกระดำกระด่างเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานมากขึ้นทุกขณะ ตามการหลอมเหลวที่ลามสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ท่ามกลางเสียงครวญครางบ่งบอกถึงความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสของร่างที่กำลังหลอมละลาย จนในที่สุดเสียงสุดท้ายก็หายไปพร้อมใบหน้าซึ่งจมลงในกองของเหลวสีแดงคล้ำนั้น
เอมี่มองตะลึงปากอ้าตาค้าง...นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น...ร่างคนทั้งคนเหลวเละกลายเป็นกองของเหลวสีแดง...สีแดงแบบนี้เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
ขณะกำลังตกอยู่ในอาการตื่นตะลึง ทันใดนั้นเธอก็ต้องหวีดร้องออกมาสุดเสียง เมื่อแมวดำซึ่งยืนขวางอยู่หน้าประตูขยายร่างใหญ่โตขึ้นจนเท่ามนุษย์ แล้วกระโจนพรวดเข้ามาหา
“ว้าย...นิคช่วยด้วย!”
“เอมี่ ตื่น ตื่น...ที่รัก เธอแค่ฝันร้ายเท่านั้น ตื่นได้แล้ว”
เอมี่รู้สึกถึงแรงสั่นเขย่าร่างตัวเอง พร้อมเสียงเรียกชื่อเธอดังลั่นของนิค หญิงสาวอ้าปากหายใจหอบ หัวใจเต้นรัวแรงจนหน้าอกระบม ทั้งร่างชุ่มไปด้วยเหงื่อจนชุดนอนที่สวมอยู่เปียกชื้น เธอลืมตาขึ้นจ้องใบหน้าที่ก้มลงมาดูด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“นิค...” ครางเรียกชื่อเขาพลางยกมือที่ยังสั่นแตะใบหน้าคมซึ้งของคนรัก...เธอแค่ฝันไป นิคยังอยู่กับเธอไม่ได้หายไปไหน ภาพเลวร้ายทั้งหมดไม่ได้เกิดขึ้นจริง
“ฉันฝันไปหรอกหรือนี่” อุทานออกมาอย่างโล่งใจเป็นที่สุด ดีใจจนน้ำตาซึม นิคจับมือเธอมากุมไว้แล้วพูดปลอบ
“ฉันต้องปลุกเธอ เพราะเธอร้องเรียกให้ฉันช่วยดังลั่น คงฝันร้ายสุดๆ เลยสินะ ไหนเล่าให้ฟังซิ เธอฝันว่าไง”
“มากเลยล่ะ ฉันฝันเห็นอัลแบโต้น่ะสิ นิค” หญิงสาวกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงลำคอขณะเล่า
“หืม...เธอฝันถึงพี่ชายของฟรั้งเหรอ รู้ได้ยังไงว่าเป็นเขา แล้วเขาทำอะไรเธอถึงร้องให้ช่วย”
“เปล่า เขาไม่ได้ทำอะไรฉัน เขาบอกฉันในความฝันว่าเขาคืออัลแบโต้ หน้าตาท่าทางเขาคล้ายกับฟรั้งมาก โอย...มันช่างเป็นฝันที่เหมือนจริงอะไรอย่างนั้น เขามาบอกว่าให้ฉันระวังอะไรสักอย่าง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าคืออะไร เพราะยังไม่ทันได้พูดกันให้รู้เรื่อง เขาก็ละลายไปเสียก่อน”
“ให้ตาย...เธอฝันได้พิสดารมาก ฝันว่าคนละลายได้เชียวนะ” นิคเย้าแล้วหัวเราะขำ
“ฉันฝันแบบนั้นจริงๆ นิค อัลแบโต้กำลังยืนคุยอยู่กับฉัน จู่ๆ เขาก็ค่อยๆ ละลายกลายเป็นของเหลวสีแดง...เหมือน...เหมือน...พระเจ้าช่วย! ฉันนึกออกแล้ว สีเหมือนกีต้าร์ตัวนั้น” เอมี่ไม่ขำตาม เธอเล่าน้ำเสียงขึงขัง
“โอเคๆ ฉันฟังเธออยู่ แต่ฉันว่าเธอคงกินเป็ดย่างมากไปมั้ง จนเกิดอาหารไม่ย่อย ฝันร้ายมักเป็นตามหลังอาการท้องอืด ฉันเคยอ่านเจอ” นิคปลอบขวัญ พยายามไม่หัวเราะเมื่อเห็นท่าทางกังวลจริงจังของแฟนสาว
“บ้า...ฉันไม่ได้กินเยอะขนาดนั้นสักหน่อย แต่ฉันอาจดื่มเบียร์มากไปก็ได้ นอกจากนั้นฉันยังฝันเห็นแมวสีดำตัวที่เราเจอบนกำแพงข้างร้านขายของเก่าด้วยนะ ในฝันมันไม่น่ารักเลย ตัวมันใหญ่เท่าตัวคน ท่าทางน่ากลัวมากยังกับแมวผีแน่ะ มันจะเข้ามาทำร้ายฉันด้วย”
“แมวตัวนั้นน่ะเหรอ อืม...นี่ ฉันว่าเธอคงเมาเบียร์ค้างตอนฝันแน่ๆ ถึงฝันเป็นตุเป็นตะได้ขนาดนี้” นิคว่า เอมี่มองค้อนที่เห็นเขากลั้นหัวเราะจนตัวกระเพื่อม
“ อืม...รู้อะไรไหมนิค ถึงยังไงฉันก็อยากพิสูจน์ เดี๋ยวฉันจะขอดูรูปอัลแบโต้จากฟรั้ง ฉันอยากมั่นใจว่าผู้ชายในความฝันของฉันใช่เขาจริงๆ”