ปลายฟ้ากับปริศนาฆาตกรรม [Case 1 : ฆาตกรรมที่พิพิธภัณฑ์] - ตอนที่ 12 หาข้อมูล

สวัสดีครับทุกท่าน ไหนๆก็ท้ายปีแล้ว เอานิยายมาลงให้อ่านกันก่อนปีใหม่เลยละกันนนะครับ ขอให้มีความสุขทุกท่านนะครับ
***จริงๆ ตอนนี้เป็นตอนที่ 13 นะครับ ผมพิมพ์ผิดเอง***

โปรดทราบก่อนอ่าน

******สำหรับคนที่ติดตามอ่านการสืบคดีของปลายฟ้าในระบบเรื่องสั้น [ปลายฟ้ากับคดีปริศนา] ที่ผมลงให้อ่านกันในถนนนักเขียนอยู่ตอนนี้  ต้องแจ้งก่อนว่าตัวเรื่องนี้เป็นเรื่องราวก่อนคดีที่ 1 ฆาตกรรมกลางทะเล ของชุดนั้นเลยแหละครับ  (และต่อจากชุด "ปลาย นักสืบจำเป็น" ที่เคยตีพิมพ์เมื่อนานมาแล้ว) โดยตัวเรื่องนี้มีลักษณะเป็นแบบนิยายเรื่องยาวหลายตอนจบอีกด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ผมไม่ค่อยเขียนเรื่องยาวๆเท่าไร ลองอ่านกันดูครับ ส่วนใครที่เคยอ่านแล้วก็ลองอ่านอีกรอบก็ได้นะครับ*******


ลิ้งตอนที่ผ่านมาครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ตอนที่ 13 : หาข้อมูล


    แม้เมื่อคืนไปเที่ยวที่ร้าน E.T. จนดึก แต่ปลายฟ้าก็ไม่ได้ตื่นสาย

    วันนี้เขามาทันเข้างานอย่างไม่มีปัญหา

    หนุ่มผมตั้งขับมอเตอร์ไซค์คันเก่งมาถึงพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติก่อนเวลาเข้างานห้านาที

    เมื่อจอดรถและเซ็นชื่อลงเวลาเรียบร้อยแล้ว ปลายฟ้าก็เดินยิ้มกรุ้มกริ่มไปที่อาคารพิพิธภัณฑ์ แค่มองก็รู้สึกได้ว่าเขามีความสุขแค่ไหน และไม่จำเป็นต้องเดาว่าเป็นเพราะอะไร

    แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องผู้หญิง เขามีความสุขจากการได้เบอร์โทรศัพท์มือถือของสิรินทร์ที่ให้มาเมื่อคืนนั่นเอง

    ชายหนุ่มหยิบมือถือขึ้นมาดูเบอร์โทรศัพท์ของหญิงสาวที่บันทึกไว้อยู่หลายครั้ง คล้ายต้องการจะโทรออก

    แต่เขายังไม่ได้โทร

    อาจเป็นเพราะตอนนี้เช้าเกินไป เวลายังไม่เหมาะสมหากโทรไปคุยเล่น จึงทำได้เพียงมองเบอร์โทรศัพท์มือถือ ยืนยิ้มพร้อมจินตนาการไปก่อนเท่านั้น

    ซึ่งในเวลานี้ปลายฟ้าต้องการทำบางอย่างก่อน

    เขามุ่งไปยังนิทรรศการเปิดโลกดึกดำบรรพ์

    เนื่องจากในสมองของเขาไม่ได้มีแต่เรื่องผู้หญิง อย่างไรก็ต้องมีเรื่องอื่นติดใจค้างอยู่บ้าง สำหรับตอนนี้เป็นเรื่องที่เขาสงสัยว่าเหตุใดปิยะพรถึงต้องพาตัวเองมาตายที่โซนไดโนเสาร์ และทำไมไม่เคลื่อนตัวหนีไปทางอื่น

    โดยข้อสงสัยเหล่านี้ ปลายฟ้าได้ตั้งสมมติฐานไว้บ้างแล้ว

    แม้สมมติฐานจะสามารถตั้งได้หลายข้อ แต่ข้อสมมติฐานที่ปลายฟ้าให้ความสำคัญในตอนนี้ และต้องการได้ข้อสรุปมีเพียงข้อเดียว

    เขาคิดว่าปิยะพรตั้งใจจะทิ้งไดอิ้งเม็สเซ็จแน่ ๆ ซึ่งมันเป็นข้อความที่ผู้ตายทิ้งไว้เพื่อบ่งบอกอะไรบางอย่างเกี่ยวกับการฆาตกรรมหรือตัวฆาตกร

    ดังนั้น ปลายฟ้าจึงต้องมาที่นี่ เพื่อพิสูจน์ว่าสมมติฐานของตนเป็นจริง และหาความหมายของไดอิ้งเม็สเซ็จนั้นให้ได้

    เนื่องจากห้องนิทรรศการโลกดึกดำบรรพ์ปิดให้บริการชั่วคราว ปลายฟ้าต้องไปขอกุญแจที่ป้อม รปภ. มาเปิดเอง

    เมื่อเขาเปิดระบบต่าง ๆ ภายในนิทรรศการเรียบร้อยแล้ว ก็เดินตรงไปที่โซนไดโนเสาร์ของนิทรรศการทันที

    ชายหนุ่มยืนจ้องพื้นที่บริเวณนั้น นิ่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

    ‘ตรงนี้ที่ปิยะพรตาย’ เขานึกถึงท่าทางของปิยะพรตอนที่ตาย ’..ไม่เชิงนอน ไม่เชิงนั่ง ขาข้างหนึ่งเหมือนคุกเข่า อีกขายืดไปด้านหลัง หน้าคว่ำลงข้างไดโนเสาร์ตัวนี้ มือสองข้างทาบอยู่ที่หลังไดโนเสาร์ด้วย’


    ปลายฟ้านิ่งคิดถึงต่อ ‘ท่าทางบวกกับรอยเลือดที่ยาวเป็นทางมาทางนี้ บ่งบอกชัดเลยว่า ปิยะพรต้องการมาที่นี่จริง ๆ ...แต่ว่าทำไมเธอต้องมาตรงนี้ล่ะ เพราะอะไร?’

    จากนั้นก็หันมองโมเดลไดโนเสาร์ตัวที่เคยมีศพปิยะพรอยู่ข้าง ๆ

    “หรือมันจะเกี่ยวข้องกับไดโนเสาร์ตัวนี้” หนุ่มผมตั้งพูดขึ้นพร้อมอ่านป้ายชื่อโมเดลไดโนเสาร์ตัวนั้น “...เซลิโดซอร์”

    ไดโนเสาร์ตัวที่ปิยะพรนอนตายข้าง ๆ คือ พันธุ์ที่ชื่อว่า เซลิโดซอร์

    ‘ทำไมต้องมาที่เจ้าตัวนี้ล่ะ ตัวอื่นใกล้กว่าก็มี มันต้องเฉพาะตัวนี้หรือ?’

    จากนั้นเขาก็จดรายละเอียดของไดโนเสาร์พันธุ์เซลิโดซอร์ลงที่สมุดบันทึกของตัวเอง เมื่อเรียบร้อยก็ตรวจดูพื้นที่แถวนั้นอีกเล็กน้อย จึงค่อยปิดนิทรรศการเดินออกจากห้องไป

    พอเขาออกมาก็พบเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนที่ด้านหน้านิทรรศการโลกดึกดำบรรพ์

    วาสนานั่นเอง

    “นึกว่าใครมาเปิด ที่แท้อาจารย์ปลายฟ้านี่เอง” เธอพูดทันทีที่เห็นนักวิชาการหนุ่ม

    เนื่องจากทางฝ่ายบริหารมีคำสั่งให้ปิดบริการเพียงแต่นิทรรศการโลกดึกดำบรรพ์เท่านั้น นิทรรศการอื่นที่อยู่ชั้นสามต้องเปิดตามปกติ ทำให้นิทรรศการเทคโนโลยีชีวภาพที่วาสนาดูแลยังเปิดให้บริการ

    “ครับ” ปลายฟ้าพยักหน้ารับ “พอดีมาดูอะไรนิดหน่อย”

    “เหรอ.. คงมาสืบเรื่องคดีสินะคะ” วาสนาบอกพร้อมจ้องหน้าชายหนุ่ม

    “ก็คงราว ๆ นั้นครับ”

    “แล้วได้อะไรบ้างไหมคะ?” เจ้าหน้าที่หญิงถาม

    “ยังไม่ได้อะไรเท่าไรเลย” หนุ่มผมตั้งบอก “พี่วาสนาพอมีข้อมูลอะไรหรือเปล่าครับ?”

    “เอ... ไม่มีนะ เรื่องที่ปิยะพรจะบอกตำรวจ พี่เองก็ไม่รู้ เค้าไม่ได้บอกอะไรไว้เลย”

    “แล้วพี่เห็นใครที่ทำอะไรแปลก ๆ ในช่วงนี้ไหมครับ?”

    “แปลก ๆ หรือ ไม่รู้สิ” วาสนาทำท่าคิด “แต่เหมือนปรีชามันจะรู้อะไรบางอย่าง”

    “ใช่เรื่องที่มีคนร้อนเงินหรือเปล่าครับ?”

    “เรื่องนั้นแหละ อาจารย์ก็รู้ด้วยเหรอ?” วาสนาถาม

    “ก็พอรู้บ้างน่ะครับ” ปลายฟ้าผงกศีรษะรับ “แล้วพี่วาสนารู้ไหมว่าเป็นใคร?”

    วาสนาส่ายหน้า “ไม่รู้นะ มันไม่บอกอะไร อาจารย์คงต้องลองไปถามดูเองค่ะ”

    “ผมเคยถามแล้ว แต่พี่ปรีชาก็ไม่ยอมบอก ว่าจะไปถามอีกทีอยู่เหมือนกัน”

    “ค่ะ ถ้าได้อะไร ก็บอกด้วยนะคะ”

    “ได้ครับ ผมว่าเราไปหาที่นั่งกันก่อนดีกว่า ยืนนาน ๆ ชักจะเมื่อยแล้ว”

    ทั้งสองจึงก้าวเดินพลางพูดคุยกันไปเรื่อย ๆ แล้วเข้าไปในนิทรรศการเทคโนโลยีชีวภาพด้วยกัน

    วาสนานั่งลงที่โต๊ะประจำของตัวเอง ส่วนปลายฟ้านั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

    “อาจารย์ปลายฟ้าตั้งใจจะสืบคดีนี้จริง ๆ ใช่ไหมคะ?” วาสนาเอ่ยคำถามนี้อีกครั้ง

    “ครับ ผมจะหาฆาตกรของคดีนี้ แต่ว่าตอนนี้ยังไม่มีอะไรบ่งชี้ตัวฆาตกรเลย”

    “พยายามเข้านะคะ จะช่วยอีกแรง” หญิงสาวคลี่ยิ้มเล็กน้อย

    “ขอบคุณครับ” ปลายฟ้ายิ้มรับ เขามองเห็นสิ่งหนึ่งที่โต๊ะของวาสนา แล้วพูดขึ้นต่อว่า “พี่วาสนาสูบบุหรี่ด้วยหรือครับ?”

    เจ้าแม่ประจำตึกนิ่งเล็กน้อย ค่อยตอบกลับว่า

    “ไม่หรอก พี่ไม่สูบบุหรี่”

    “ผมก็ว่าอยู่ว่าพี่ไม่สูบ พอดีผมเห็นที่เขี่ยบุหรี่อันนั้นเลยถาม”

    “อ้อ.. ที่เขี่ยบุหรี่อันนี้เหรอ” วาสนาหยิบมันขึ้นมาดู “พอดีมีคนเค้าให้มาน่ะ พี่เลยวางไว้ที่โต๊ะเฉย ๆ เอาไว้ใส่ของจุกจิกบ้าง”

    “ก็ดีครับ” นักวิชาการหนุ่มมองเธอ “ใครให้พี่เหรอ?”

    วาสนานิ่งเงียบไป ค่อยเอ่ยต่อว่า “พี่ว่าอย่าไปสนใจเลย เรามาพูดเรื่องอื่นดีกว่า อย่างเช่นเรื่อง สาวสวยที่ชื่อ สิรินทร์ ที่อาจารย์พามาน่ะ”

    “แหะ ๆ” ปลายฟ้ายิ้มแหย ๆ แล้วเปลี่ยนประเด็นถามต่อ “ผมว่าเรื่องนั้นก็เอาไว้ก่อนดีกว่า ผมถามพี่วาสนาเรื่องอื่นละกัน อย่างเรื่องที่ปิยะพรจะไปบอกตำรวจเนี่ย.. มีคนอื่นรู้รึเปล่าครับ?”

    เธอนิ่งคิด “ก็มีนะ พอดีวันนั้นพี่ไปเล่าเรื่องปิยะพรที่จะไปแจ้งตำรวจให้คนอื่นฟังที่โรงอาหาร”

    “คนอื่นที่ว่ามีใครบ้างครับ?” นักวิชาการหนุ่มถาม

    “ก็มีพี่ ปรีชา สุภาพ สาธิต ปรเมศ แล้วก็กนกวรรณ”

    ปลายฟ้าพยักหน้าเล็กน้อย ครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วพูดต่อว่า “งั้นถ้าเราเอาประเด็นที่ว่าปิยะพรตาย เพราะฆาตกรรู้ว่าเธอจะไปให้ข้อมูลกับตำรวจเลยฆ่าปิดปาก มันก็มีโอกาสที่ฆาตกรจะเป็นหนึ่งในคนที่อยู่โรงอาหารตอนนั้น”

    วาสนาเงียบ ยังไม่ได้พูดอะไร

    แล้วนักวิชาการหนุ่มก็พูดขึ้นต่ออีก “..ถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากให้ไม่ใช่หนึ่งในนั้นนะ ไม่อยากให้เป็นพวกเราเลย”

    “พี่ก็คิดเหมือนกัน”

    ปลายฟ้ายิ้มเล็ก ๆ มองหน้าเจ้าแม่ประจำตึก นิ่งไปเล็กน้อยค่อยพูดต่อ “พี่วาสนา เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับ แล้วว่าง ๆ จะมาคุยอีก”

    “ได้อยู่แล้ว มาบ่อย ๆ ก็ได้นะ อย่าให้พี่เหงา” วาสนาพูดพร้อมทำท่ายั่วเล็กน้อย

    แน่นอนว่าอย่างวาสนาไม่สามารถยั่วปลายฟ้าได้ เขาจึงผงกศีรษะให้พร้อมพูดตอบเพียง “ครับ” แล้วก้าวเดินออกจากนิทรรศการเทคโนโลยีชีวภาพไป


(มีต่อครับ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่