ปลายฟ้ากับปริศนาฆาตกรรม [Case 1 : ฆาตกรรมที่พิพิธภัณฑ์] - ตอนที่ 9 ศพข้างไดโนเสาร์

สวัสดีครับทุกท่าน เอาตอนใหม่มาให้อ่านกันอีกแล้วสำหรับชุดเรื่องยาวของปลายฟ้า (ส่วนเรื่องอื่นรออกันหน่อยนะครับ) จากช่วงท้ายตอนที่แล้วเราจะเห็นว่ามีคนตายเพิ่มอีกคน ในตอนนี้เรามาดูรายละเอียดการตายกันครับ

โปรดทราบก่อนอ่าน

******สำหรับคนที่ติดตามอ่านการสืบคดีของปลายฟ้าในระบบเรื่องสั้น [ปลายฟ้ากับคดีปริศนา] ที่ผมลงให้อ่านกันในถนนนักเขียนอยู่ตอนนี้  ต้องแจ้งก่อนว่าตัวเรื่องนี้เป็นเรื่องราวก่อนคดีที่ 1 ฆาตกรรมกลางทะเล ของชุดนั้นเลยแหละครับ  (และต่อจากชุด "ปลาย นักสืบจำเป็น" ที่เคยตีพิมพ์เมื่อนานมาแล้ว) โดยตัวเรื่องนี้มีลักษณะเป็นแบบนิยายเรื่องยาวหลายตอนจบอีกด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ผมไม่ค่อยเขียนเรื่องยาวๆเท่าไร ลองอ่านกันดูครับ ส่วนใครที่เคยอ่านแล้วก็ลองอ่านอีกรอบก็ได้นะครับ
*******

ลิ้งตอนที่ผ่านมาครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ตอนที่ 9 : ศพข้างไดโนเสาร์
    
    ปลายฟ้ายืนยิ้มอย่างอารมณ์ดีอยู่ที่หน้าอาคารพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ตั้งแต่เช้า

    อย่างที่รู้กัน หากหนุ่มผู้นี้อารมณ์ดี มันต้องมีเรื่องที่ทำให้เขามีความสุขอย่างยิ่ง ซึ่งเรื่องแบบนี้สำหรับปลายฟ้ามีไม่กี่เรื่อง และเดาได้ไม่ยาก

    ในที่นี้คือ เรื่องผู้หญิง และจำเพาะเจาะจงว่าต้องเป็นผู้หญิงสวยหน้าตาดีอีกด้วย

    วันนี้สิรินทร์จะมาที่นี่นั่นเอง ปลายฟ้าผู้เป็นคนประสานงานด้วยจึงออกอาการกระดี๊กระด๊าดีใจ เพราะได้เจอสาวสวยอีกครั้ง

    หนุ่มผมตั้งยืนรอไม่นาน สิรินทร์ก็เดินตรงเข้ามาหา เนื่องจากทางสาวเจ้าได้โทรมานัดเจอตามเวลาไว้ก่อนแล้ว

    แต่ถึงจะโทรหา ปลายฟ้าก็ไม่รู้ว่าเบอร์โทรศัพท์มือถือของสิรินทร์คือเบอร์อะไร เพราะเธอใช้โทรศัพท์ของที่ทำงานตัวเองโทรหาตามเบอร์ของชายหนุ่มในนามบัตรที่ให้ไว้

    ปลายฟ้ายังคงไม่รู้เบอร์มือถือของสิรินทร์ต่อไป

    แต่ประเด็นนี้ตอนนี้ไม่สำคัญเท่าไรแล้ว เพราะหนุ่มผมตั้งก็ยังมีความสุขที่ได้เจอสิรินทร์อยู่ดี

    “สวัสดีครับริน” ปลายฟ้าเอ่ยทัก

    “สวัสดีค่ะ” สาวสวยยิ้มรับ “ต้องรบกวนอีกแล้วนะคะ”

    นักวิชาการหนุ่มฉีกยิ้ม “ไม่เป็นไรครับ ยินดีช่วยเสมอ”

    “ขอบคุณค่ะ วันนี้จะมาดูพื้นที่ส่วนนั้นอีกที พร้อมทั้งเอาแบบมาให้ดูด้วย”

    “ครับ งั้นเราไปกันเถอะ”

    ทั้งคู่จึงเดินเข้าไปในอาคารพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ซึ่งตอนเดินผ่านเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ปลายฟ้าก็รับรู้ถึงสายตาของประชาสัมพันธ์สาวที่มองมา แน่นอนว่าสายตาคู่นั้นต้องเป็นของกนกวรรณเพื่อนสาวของเขา แต่ว่าเขาก็ไม่ได้เข้าไปพูดอะไรกับเธอ เพียงพยักหน้ารับรู้ไว้เท่านั้น

    “วันนี้คงไม่มีเรื่องแบบวันก่อนนะ” สิรินทร์พูดขึ้นต่อ

    “คงไม่มีหรอก” ปลายฟ้าตอบ “ขอบใจรินด้วยนะที่ส่งรูปมาให้”

    “ไม่เป็นไรค่ะ ดีที่รูปของเด็กที่ตายไม่น่ากลัวเท่าไร ไม่งั้นคงไม่กล้าส่งหรอก”

     “เหรอ... นั่นสิเนอะ” หนุ่มผมตั้งยิ้ม ๆ ท่าทางมีความสุขมากทีเดียวพอได้อยู่กับสาวสวยสองต่อสองอย่างนี้

    พอทั้งคู่เข้าไปในอาคารพิพิธภัณฑ์ย่อมต้องผ่านนิทรรศการประจำชั้น

    “สวัสดีครับอาจารย์ปลายฟ้า” สุภาพ เจ้าหน้าที่ดูแลประจำนิทรรศการเอ่ยทักทาย

    แน่นอนว่าตอนนี้พวกเขากำลังเดินผ่านนิทรรศการวิทยาศาสตร์มหัศจรรย์

    “สวัสดีครับ” ปลายฟ้าตอบ “ต้องกลับมาทำงานแล้วสินะ”

    “ครับ พอเกิดเรื่องขึ้น ปิดพิพิธภัณฑ์ไปตั้งหลายวัน ผมล่ะคิดถึงนิทรรศการเหลือเกิน”

    “ขนาดนั้นเชียว เอาเถอะ ตั้งใจก็ดี ขั้นจะได้ขึ้นเร็ว ๆ”

    “ครับผม” สุภาพตอบ แล้วมองไปทางสิรินทร์ “มาอีกแล้วนะครับคุณสิรินทร์”

    เนื่องจากเคยได้คุยกับสิรินทร์ตอนที่เที่ยวชมและตอนเกิดเรื่องขึ้น สุภาพจึงพอคุ้นเคยกับสิรินทร์บ้าง

    “ค่ะ” หญิงสาวยิ้มรับ “ยังตั้งใจทำงานเหมือนเดิมนะคะ น่าจะให้รางวัล ปลายก็ช่วยดันหน่อยสิ” เธอหันไปทางนักวิชาการหนุ่ม

    “ไม่หรอกครับ มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว” สุภาพตอบแบบเขิน ๆ

    “ไงผมจะสนับสนุนด้วยละกัน” ปลายฟ้าบอกบ้าง

    “ขอบคุณมาก ๆ ครับ”

    “แล้วตั้งแต่เกิดเรื่อง มีอะไรผิดปกติไหม?” ปลายฟ้าถาม

    “ผิดปกติหรือ.. หมายถึงเรื่องอะไรครับ?”

    “ก็มีอะไรที่ผิดไปจากเดิม อย่างเช่น ใครที่ทำอะไรเปลี่ยนไป”

    “อ้อ... คงไม่มีครับ ทุกคนยังเหมือนเดิม” สุภาพตอบ “มีอะไรหรือครับอาจารย์ปลายฟ้า?”

    หนุ่มผมตั้งมองหน้าสุภาพ “ไม่มีอะไรหรอก พอดีเห็นเกิดเรื่องขึ้น กลัวทุกคนจะเปลี่ยนไป”

    “ครับ”

    ปลายฟ้าพูดคุยกับสุภาพอีกสักพักก็เดินผ่านโซนนิทรรศการวิทยาศาสตร์มหัศจรรย์นี้ไป แน่นอนว่าหากเดินผ่านนิทรรศการวิทยาศาสตร์มหัศจรรย์ก็ต้องเดินผ่านนิทรรศการระบบสุริยะที่อยู่ฝั่งตรงข้ามด้วย

    นักวิชาการหนุ่มหันมองนิทรรศการนั้นวูบหนึ่ง พบว่าสาธิตเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลนิทรรศการนี้ไม่อยู่เช่นเคย แล้วจึงเดินผ่านไปไม่ได้สนใจอะไรนัก เพราะรู้ว่าปกติสาธิตต้องทำงานที่อาคารดวงดาวควบคู่ไปด้วย มักฝากให้สุภาพช่วยดูแลนิทรรศการระบบสุริยะอยู่บ่อย ๆ

    เดินได้ไม่ถึงยี่สิบก้าว ก็มาถึงนิทรรศการเปิดโลกเทคโนโลยี หลังจากปิดบริการไปหลายวัน วันนี้ก็เปิดให้บริการตามปกติแล้ว

    และหากนิทรรศการนี้เปิดแล้ว เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลนิทรรศการนี้ก็ต้องมาประจำด้วย

    ปลายฟ้าหันมองผ่านกระจกดูภายในนิทรรศการ พบเห็นปรีชานั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์ประจำ จึงพูดกับสิรินทร์ว่า

    “ริน... รีบไหมครับ?”

    “ไม่นะ ปลายมีอะไรเหรอ?” สิรินทร์สงสัย

    “ขอไปคุยกับพี่ปรีชาก่อนน่ะ แล้วเราค่อยมาตรวจเช็คพื้นที่กันทีหลังนะ”

    “อืม.. ได้”

    ปลายฟ้ามองเธอ “แล้วรินไม่กลัวเหรอ?”

    “กลัวอะไรคะ?”

    “ก็ห้องนั้นเคยมีคนตาย รินไม่กลัวเหรอ?”

    “ไม่ค่ะ” สิรินทร์ตอบอย่างมั่นใจ “ก็ตอนนี้ไม่มีแล้ว”

    “ครับ” ชายหนุ่มยิ้มรับ

    ทั้งคู่เดินเข้านิทรรศการเปิดโลกเทคโนโลยีทางประตูหน้า โดยในตอนนี้นิทรรศการถูกทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ไม่เหลือคราบเลือดหรือร่องรอยต่าง ๆ อยู่ รวมทั้งได้ทำพิธีกรรมทางศาสนาช่วยปัดเป่าแล้วด้วย

    พอปลายฟ้าเข้าไปข้างใน ปรีชาก็เอ่ยทักทันที

    “สวัสดีครับอาจารย์ปลายฟ้า”

    “อาจารย์มาก็ดีเลย ผมกำลังหลอน ๆ อยู่เนี่ย..”

    “หลอนหรือ..“ ปลายฟ้ามองเขา คงนึกในใจว่า ‘มิน่าล่ะ ถึงรีบทักทันที’

    “สวัสดีคุณสิรินทร์ด้วยนะครับ” ปรีชาหันไปทักหญิงสาวบ้าง

    “สวัสดีค่ะ” เธอยิ้มรับ

    “เป็นไงบ้างพี่ เห็นสุภาพเค้าบอกคิดถึงนิทรรศการใจจะขาด พี่คิดอย่างมันบ้างหรือเปล่า?” ปลายฟ้าถาม

    “แหม... อาจารย์ก็พูดแซวไป นิทรรศการไอ้สุภาพมันไม่มีคนตายอย่างผมนี่ ตอนนี้ผมก็เสียวสันหลังอยู่ ถ้าอาจารย์ไม่มาคงต้องหลอนคนเดียวต่อไป”

    “เอาน่าพี่ คำสั่งเบื้องบนยังไงก็ต้องทำตาม พี่อย่าได้เครียดไปเลย”

    “ไม่เครียดเลยครับ แต่หลอน!” ปรีชาเน้นคำว่า ‘แต่หลอน’ ซะดัง

    “ครับ” ปลายฟ้ายิ้มแหย่ ๆ “ไว้ผมจะมาหาบ่อย ๆ นะครับ”

    “แล้วอาจารย์มานี่ มีอะไรหรือเปล่าครับ?” ปรีชาว่าต่อ

    “พอดีจะมาตรวจดูพื้นที่เปรียบเทียบแบบกับรินน่ะครับ พอดีเห็นพี่อยู่คนเดียว กลัวเหงาก็เลยเข้ามาทักซะหน่อย” ปลายฟ้าบอก “แล้วตำรวจเค้าเรียกตัวพี่อีกรึเปล่า?”

    “ก็มีนะ แต่ก็ไม่มีอะไรแล้ว ตอนแรกเค้าคิดว่าผมเป็นคนทำ เพราะเป็นคนดูแลห้อง ถือกุญแจอยู่ แต่พอไม่มีหลักฐานอะไรบ่งชี้ เลยยอมปล่อยมา ..ผมเองก็บอกเค้าแล้วว่าไม่ได้ทำ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย หลัง ๆ เค้าเลยเรียกมาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเท่านั้น”

    “แล้วเรื่องเครื่องโปรเจ็คเตอร์กับกล้องอินฟราเรดที่หายไปล่ะครับ?”

    “รู้สึกว่าตำรวจก็พยายามสืบอยู่” ปรีชาพูดแล้วหยุดไปสักพัก คล้ายกำลังนึกถึงอะไรบางอย่าง แล้วพูดต่อว่า “แล้วอาจารย์คิดว่าใครเป็นทำ?”

    “ยังนึกไม่ออกเลย แต่ถ้ามีของหายไปด้วยก็แสดงว่าของนั้นต้องเกี่ยวข้องอะไรบางอย่าง”

    “ผมก็คิดแบบนั้น ผมว่าคนเอาไปมันต้องการเงินนะ เพราะทั้งสองอย่างขายได้หลายตังก์ทีเดียว”

    “ก็เป็นไปได้” ปลายฟ้ามองปรีชา “แล้วพี่คิดว่าใครล่ะที่ต้องการเงินช่วงนี้?”

    “ก็รู้มาบ้าง แต่ยังไม่แน่ใจเท่าไร”

    “บอกได้ไหมครับว่าใคร?”

    “ขอไม่บอกนะครับอาจารย์” ปรีชาพูด “ผมยังไม่แน่ใจ”

    “ไม่เป็นไรครับ ยังไงถ้ามีอะไรก็บอกผมด้วยนะครับ”

    พวกเขาพูดคุยกันอีกสักพัก ปลายฟ้าและสิรินทร์ก็ออกจากนิทรรศการนี้ไป

    หญิงสาวเดินตรวจดูพื้นที่ว่างตรงข้ามนิทรรศการเปิดโลกเทคโนโลยี หยิบเอกสารแบบของนิทรรศการที่จะสร้างขึ้นมาดู แล้วส่งให้ปลายฟ้าชุดหนึ่ง

    “แบบจะตามนี้ค่ะ” สิรินทร์พูดพร้อมชี้จุดต่าง ๆ ใบแบบเปรียบเทียบกับพื้นที่จริง

    “ครับ” ปลายฟ้าดูตาม แต่เหมือนไม่ได้สนใจแบบหรือพื้นที่สักเท่าไร หากไปสนใจตัวสิรินทร์มากกว่า

    หนุ่มผมตั้งมองดูสิรินทร์อย่างมีความสุข ท่าทางเคลิบเคลิ้มคล้ายเพ้อฝัน ไม่รู้ว่าตอนนี้จินตนาการไปถึงไหนแล้วด้วย ซึ่งถ้ามีนแฟนสาวรู้ รับรองความฝันพังทลายแน่!

    เขาตรวจดูพื้นที่และเช็กแบบอย่างเคลิบเคลิ้มไปได้สักพัก เจ้าตัวก็รู้สึกว่าถึงเวลาที่ต้องทำอะไรบางอย่าง

    ได้เวลาขอเบอร์มือถือของสิรินทร์แล้ว

    แม้มีการติดต่อกันหลายครั้ง แต่ปลายฟ้าก็ยังไม่รู้เบอร์มือถือของสิรินทร์ เพราะทุกครั้งเธอจะใช้โทรศัพท์ที่ทำงานในการติดต่อ และตอนนั้นที่ปลายฟ้าตั้งใจจะขอเบอร์ก็พลาดไป มีนกลับโทรมาเสียก่อน ทำให้ครั้งนีเมื่อมีโอกาส เขาย่อมไม่ทิ้งโอกาสเป็นแน่

    สิรินทร์พูดถึงแบบที่จะจัดสร้างไปเรื่อย ๆ แล้วในจังหวะหนึ่งเมื่อเธอหันหน้ามา ปลายฟ้าก็พูดขึ้นทันทีว่า

    “ริน..”

    “มีอะไรเหรอ... สงสัยแบบตรงไหนหรือเปล่า?” สิรินทร์ถาม

    “ไม่ใช่หรอก”

    “แล้วมีอะไร?” เธอมองหน้า ส่งสายตาเหมือนจะสงสัย

    แต่พอปะทะสายตาอันหวานเจี๊ยบของสิรินทร์ ปลายฟ้าชะงักงันนิ่งไปจังหวะหนึ่ง ถึงเขาจะเจ้าชู้เพียงใดขี้หลีเพียงไหน พอเจอประกายตาแวววับแบบนี้ก็เกือบเพลี่ยงพล้ำไปเหมือนกัน

    “ริน เราขอ...”

    “เกิดเรื่องแล้ว!!”

    ไม่ทันที่ปลายฟ้าพูดจบ ก็มีเสียงอันดังของเจ้าแม่ประจำตึกอย่างวาสนาแทรกสวนขึ้นมาเสียก่อน เธอวิ่งออกมาจากลิฟท์ด้านหลัง ซึ่งไม่ได้มีแค่เธอคนเดียวยังมีปรเมศที่เดินตามมาด้วย

    แน่นอนว่าการขอเบอร์มือถือของปลายฟ้าล้มเหลวจากการขัดจังหวะครั้งนี้

    เจ้าตัวก็รู้ เขาหันพูดกับวาสนาที่วิ่งหน้าตาตื่นมาว่า

    “มีอะไรเหรอ?”

    แม้เมื่อกี้วาสนาจะส่งเสียงดัง แต่พอจะตอบคำถาม กลับตะกุกตะกัก คล้ายสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จนปลายฟ้าต้องหันไปถามปรเมศที่มาด้วยกันแทนว่า “มีอะไรหรือ?”

    “ปิยะพรโดนฆ่าตายครับ” ปรเมศตอบด้วยสีหน้าไม่ดีนัก

    “หา!” นักวิชาการหนุ่มร้อง “ที่ไหน?”

    “ห้องนิทรรศการโลกดึกดำบรรพ์”

    “งั้นเดี๋ยวฉันจะไปดูก่อน พวกคุณโทรแจ้งตำรวจได้เลย”

    “เอ่อ.. ครับ” ปรเมศผงกศีรษะตอบรับ

    แล้วปลายฟ้าก็หันหลังกลับ รีบขึ้นบันไดทันที ราวกับลืมเรื่องขอเบอร์มือถือของสิรินทร์ไปชั่วขณะ


(มีต่อครับ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่