รีวิวประสพการณ์การเดินทางโดยรถบัสเที่ยวยุโรป 12 เส้นทาง ตอนที่ 1

สำหรับเส้นทางที่จะรีวิวประสพการณ์การเดินทางโดยรถบัสรวมทั้งสิ้น 12 เส้นทางโดยจะแบ่งเป็น 3 ตอนตามรายละเอีดด้านล่างนี้ครับ

ตอนที่ 1 รีวิว เส้นทาง 1-6   https://pantip.com/topic/36563595
ตอนที่ 2 รีวิว เส้นทาง 7-8   https://pantip.com/topic/36563619
ตอนที่ 3 รีวิว เส้นทาง 9-12 https://pantip.com/topic/36563636

แยกออกกระทู้นี้มาจาก "รีวิวการใช้บริการ Flixbus ในเส้นทางยุโรป" https://pantip.com/topic/36553567





1. Stockholm-Copenhagen
เป็นการเดินทางเที่ยวเเรกโดย Flixbus ครับ ที่ Stockholm สถานีขนส่งจะติดกับสถานีรถไฟหาไม่ยาก มีฟรี Wifi ให้ใช้ได้ด้วยครับ สถานนี้จะมีจอแสดงเที่ยวรถต่างๆพร้อมเลขที่ชาญชลาดังนั้นจะหาไม่ยากครับแค่เราสังเกตจากจอครับ ก่อนเวลาเดินทางก 15 นาทีก็สามารถเดินไปที่รถและรอเช็คอินได้เลย ผู้โดยสารส่วนมากจะไม่ใช่คนสวีเดนแท้ๆครับเป็นนักท่องเที่ยวเอเชีย หรือชาวต่างชาติที่อพยบมา ประมาณ 90% ของคันรถเดาจากสีผมสีตานะครับ 555 จาก Stockholm ไป Copenhagen เป็น Night bus รถออกประมาณ 5 ทุ่ม คนหลับยากก็อาจจะเหนื่อหน่อยแต่พนักงานขับรถและถนนดีเลยค่อนข้างนั่งก็สบาย พอใกล้ 8 โมงเช้าก็จะข้ามแดนจาก สวีเดน ไป เดนมาร์ค พขร.ก็จะประกาศให้เตรียมเอกสารแสดงตนแต่ก็ไม่ได้หยุดรถเพื่อตรวจอะไรคงเป็นการสุ่มตรวจ พอตอนเช้าถึงCopenhagen จุดจอดเป็นเพียงป้ายจอดข้างทางเวลาลงระวังจักรยานด้วยนะครับจะหาว่าไม่เตือน


การเดินทางครั้งนี้ประหยัดค่าที่พักแต่ก็เหนื่อยหน่อยเพราะอาจจะได้นอนไม่เต็มที่ สำหรับผู้หญิงเดินทางคนเดียวอาจจะไม่สะดวกใจนักเพราะเที่ยวนี้เป็นรถกลางคืน

2.Copenhagen-Berlin
     เส้นทางนี้จะทรหดนิดหน่อยครับ สถานี Copenhagen เป็นแค่ป้ายข้างทางตามภาพตัวอย่างด้านบนเลยครับดังนั้นกลางคืนมันจะมืดๆ รถออกประมาณเที่ยงคืนแต่โชคดีที่ Hostel ไม่ไกลจากป้ายจอดดังนั้นพอใกล้เวลาจึงค่อยเดินออกไป แนะนำว่าใครจะใช้ Night bus เส้นทางนี้ควรหาที่พักใกล้ๆป้ายจอดครับเพราะอย่างน้อยเรายังสิงห์อยู่ใน Hostel เพราะมันที่ไม่มีที่รอและมืดใกลชุมชน ถามว่าอันตรายไหม คหสต.ถ้ายังอยู่ในโซน Scandinavia ผมว่าชายหรือหญิงเวลากลางคืนก็ปลอดภัยแต่ถ้าคนมันไม่พลุกพล่านเราก็อาจจะหวาดๆหน่อย
     รถออกประมาณเที่ยงคืน จากนั้นประมาณตีสอง(กำลังจะหลับได้ที่) รถบัสจะเข้าแล่นเข้าไปในเรือเฟอร์รีและจอดให้เราเข้าไปนั่งบนเรือใช้เวลานั่งเรือประมาณ 45 นาทีจากนั้นก็ผู้โดยสารก็กลับเข้าไปนั่งในรถบัสตามเดิม รถแล่นสักพักก็จะมีประกาศว่าเข้าพรหมแดนเยอรมันให้เตรียมเอกสารแสดงตนแต่ก็ไม่มีการหยุดรถให้ตำรวจเข้ามาตรวจ จำไม่ได้ว่ามีจอดอีก 1 เมืองก่อนถึงเบอลินเพราะเริ่มเดินทางหลายวันและล้าพอสมควร แต่พอถึงเบอลินก็สู้ต่อครับลากกระเป๋าเที่ยวต่อเลยเพราะมีเวลาเหลือประมาณ 6 ชั่วโมงก่อนต่อรถไป Prague ถือว่าเป็นเส้นทางที่ทรหดพอสมควรครับ


3.Berlin-Prague
     สถานีรถบัส  Berlin จะอยู่นอกเมืองมากพอสมควรและสถานีรถบัสที่แยกออกมาจากสถานีรถไฟและไกลจากกันมาก แต่สถานีนี้ก็อยู่ไม่ไกลจากรถไฟใต้ดินเดินแค่ประมาณ 500 เมตร ผมไม่ได้จองตั๋วมาก่อนเพราะดูคร่าวๆแล้วว่ามันมีหลายเที่ยวและไม่น่าเต็มจึงตัดสินใจว่าขอเที่ยวเบอร์ลินให้พอก่อนค่อยออกตั๋ว ครั้งนี้ถือว่าวางแผนไม่ดีเพราะพอกลับไปสถานีดันเชื่อมไวไฟไม่ได้(ไม่มีบริการฟรีที่สถานีแต่จะเชื่อมสัญญาณจากรถ Flixbus ที่จอดๆรอผู้โดยสารอยู่ เลยต้องซื้อที่ตู้ขายตั๋วโดยแจ้งเลขที่เวาเชอร์ที่เหลืออยู่กับพนักงานออกตั๋วและจ่ายค่าบริการ 2 ยูโรและจะได้เป็นตั๋วกระดาษ
     จากนั้นก็ไปรอเตรียมขึ้นรถที่นี่มีการจอดรถ Flixbus หลายชานชลาแต่ไงเราก็สังเกตจากเลขรถก็ได้ ออกเดินทางประมาณ 5 โมงเย็น และจอด Dresden จากนั้นเดินทางข้ามไปยังฝั่งประเทศเช็ครถบัสจะวิ่งผ่านเมืองเล็กๆก่อนถึงปรากเพื่อให้ตำรวจสังเกตในรถแต่ไม่มีการจอดรถให้ตำรวจเข้ามาตรวจในรถ จากนั้นรถก็เเล่นต่อไปเมืองปรากถึงประมาณ 3 ทุ่มกว่าๆ เดินเข้าไปสถานีจะไปถามทางเจ้าหน้าที่ไป Hostel เขาไม่ตอบบอกว่าให้ข้อมูลฌพาะรถบัสเท่านั่นเอิ่มอย่างนี่ก็มีด้วย เอาไงดีถามคนข้างทางก็ดูจะไม่รู้ว่าที่ Hostelที่หามามันอยู่ที่ไหน จริงๆที่ปรากก็ไม่ได้จอง Hostel ไว้แค่หาข้อมูลไว้คร่าวๆดูทรงไม่ดีเลยพัก Hostel ที่อยู่ข้างๆสถานีรถประจำทางนี่แหละจบการเดินทางเที่ยวนี้

4.Prague-Zagreb
     เส้นทางนี้จะใช้เป็น Day bus แต่เป็นการเดินทางระยะยาว โดยใช้เวลาประมาณ 9 ชั่วโมงและผ่านหลายประเทศที่สุดแต่ก็ไม่ยากนะครับ ที่ปรากคุณเลือกขึ้นรถได้ 2 ที่ คือ UAN Florenc bus station หรือ ป้ายจอดที่สถานีรถไฟ คหสต.พักแถว UAN Florenc จะดีเพราะเดินไปเมืองเที่ยวเมืองเก่าได้ง่ายๆและก็เดินทางไปที่อื่นด้วรถบัสก็สะดวกแต่ก็เหมือนที่อื่นๆคือสถานีรถบัสอย่าว่าใกล้เลยคือมันติดกันกับรถใต้ดินยังไงก็สะดวก รถออก 9:30 เตรียมแย่งชิงเช็คอินตามปกติ เส้นทางนี้มีอาหารว่างขายบนรถจะมีแจ้งในรถ เส้นทางนี้จะแวะจอดที่เมืองเล็กๆของเช็คแล้ววิ่งเข้าออสเตรียไม่มีการตรวจสอบอะไรจากนั้นก็ไปจอดที่กรุงเวียนนา  ยังไม่พอครับรถจะวิ่งผ่านประเทศสโลเวเนียก่อนแล้วค่อยไปโครเอเชียช่วงรอยต่อสองประเทศนี้ต้องมีการลงจากรถและประทับตราออกจากสโลวีเนียแล้วกลับเข้าไปในรถวิ่งไปอีกด่านห่างนิดเดียวแล้วลงไปประทับตราเข้าประเทศโครเอเชีย ไม่ยากครับเขาไม่ถามอะไรก็แค่ตรวจดูว่าเรามีประเภทไหน ซึ่ง Schengen Visa แบบ Multiple entries สามารถใช้เข้าประเทศโครเอเชียได้ครับแต่ต้องมีพิธีการนิดหน่อย แอบกังวลนิดๆแต่ก็ผ่านไปได้และถึงกรุงซาเกรบโดยสวัสดิภาพ



5. Zagreb-Ljubljana
     ไหนๆก็ไหนๆละขอเเวะสโวเวเนียหน่อยเก็บประเทศเพิ่ม555โลภ เส้นทางนี้สั้นมากแค่ประมาณ 2ชม เลยซื้อตั๋วราคา 11 ยูโร สถานีรถประจำทาง Zagreb อยู่ติดสถานีรถรางก็เดินทางจากในเมืองมาสะดวกเช่นเดิม สถานีนี้จะไม่ได้มีป้ายแจ้งว่ารถคันไหนจอดเลขที่อะไรต้องไปถามเจ้าหน้าที่ขายตั๋วเอาครับ(จริงๆคือมาช้าใกล้รถออกเลยไม่ได้เห็นจอเเสดงเลขที่ชานชลาก็ไม่รุ) ขึ้นรถปกติแล่นแป๊บนึงถึงชายแดนข้ามไปสโลเวเนียที่ด่านนี้ลงครั้งเดียวประทับตราออกจากโครเอเชียที่เคาวน์เตอร์แรกเดินไปอีกหน้าต่างก็ประทับเข้าสโลเวเนียอุ๊ด่านนี้ง่ายอะ เดินทางประมาณ 2 ชมก็ถึงกรุงลูเบลียน่าเดินชมกรุงประมาณ 1 ชมแล้วมารอขึ้นรถไปอิตาลี

6. Ljubljana-Venice
    เป็นเส้นทางไม่ยาวแต่เรื่องยาวน่าสนใจครับ มาติดตามกัน ที่ Ljubljana จะเป็นป้ายจอดประจำ Flixbus มีสัญลักษณ์เป็นป้ายเขี่ยวๆบอกอยู่ข้างสถานีรถไฟ ข้อสังเกตที่เมืองไหนเป็นจุดรับส่งผู้โดยสารเป็นแค่ป้ายมันมักจะก็จะเป็นป้ายประจำของแต่ละบริษัทและปักเรียงๆกันไปแต่ก็มีข้อยกเว้นเด่วค่อยเล่าตอนท้ายๆครับ
    เรื่องแรกครับเส้นทางนี้เป็นเส้นทางแรกที่ผมซื้อตั๋วผ่าน Flixbus App สาเหตุที่ไม่ได้ใช้มาก่อนคือไม่ได้เปลี่ยนปีปฏิทินจาก พศ เป็น คศ ดังนั้นใครจะซื้อตั๋วผ่าน App ก็เช็คจุดนี้ให้ดี
    เรื่องที่สองใน App จะมีบอกจุดจอดรับ-ส่งผู้โดยสารแต่จะบอกหลังออกตั๋วแล้ว เท่าที่ใช้มาก่อนออกตั๋วเราจะไม่รู้จุดจอดรับส่งระหว่างทาง....
    เรื่องที่สาม ระหว่างพรมแดนเข้าอิตาลีจะมีการหยุดรถเพื่อให้ตำรวจเข้ามาตรวจเอกสารในรถ!!!!! น่าจะทุกคันซึ่งจะต่างจากพรมแดนประเทศอื่นๆ ตำรวจจะเดินขึ้นมาในรถดูพาสปอร์ตดูหน้าเราสักพักเก็บพาสปอร์ตเราไป ทำกับผู้โดยสารทุกคนใครน่าสงสัยจะมีการพูดคุยกันเล็กน้อยในรถ จากนั้นเขาจะนำเล่มเราไปตรวจข้างนอกแล้วเราก็รอ สรุปทุกคนรอดไม่มีใครต้องลงจากรถครับแต่ระยะเวลาที่ใช้ของกระบวนการทั้งหมดประมาณชั่วโมงกว่าดังนั้นให้กะเวลาเผื่อไว้ด้วยอย่าชะล่าใจเพราะท่านอาจจะถึงในเมืองคำ่กว่าปกติ กรณีนี้ผมมีกำหนดถึงเวนีสประมาณหนึ่งทุ่มแต่ก็ช้าออกไปเป็นสองทุ่มกว่าดีที่เป็นช่วงเข้าฤดูร้อนมันจึงยังไม่คำ่มาก
    เรื่องที่สี่ เรื่องมีอยู่ว่า ขณะที่รถวิ่งออกจากเมือง Trieste ที่เป็นจุดจอดแรกหลังจากเข้าประเทศอิตาลีได้มีรถแท็กซี่คันหนึ่งวิ่งมาอย่างเร็วและปาดหน้ารถบัสมีการโบกมือแสดงสัญญาณอะไรบางอย่าง จากนั้นพนักงานก็หยุดรถ มีชายสูงอายุคนหนึ่งวิ่งขึ้นมาในรถด้วยท่าทางกระหืดกระหอบจากนั้นแกก็วิ่งมาที่นั่งฟากตรงข้ามด้านข้างผมแล้วก็กวาดมือหาะไรบางอย่างแต่ไม่เจอ ทันไดนั้นชายแก่ได้ใช้มือกำคอเสื้อชายที่นั่งอยู่ด้านข้างตะโกนถามเสียงดังว่า พาสปอร์ตชั้นอยู่ไหน (แปลไทย) เขาทำหน้าตกใจไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่กี่อึดใจชายชราคงจำได้ว่าตัวเองไม่ได้นั่งตรงนั้นแล้วก็วิ่งไปที่นั่งเก่าขอตนจบพบว่าพาสปอร์ตที่ลืมไว้นั้นก็ยังอยู่แล้วชายชราก็ลงรถไปโดยไม่ได้ขอโทษชายที่โดนกำคอเสื้อแต่อย่างใด พอรถเคลื่อนออกชายคนนั้นนั่งนิ่งสักพักผมหันไปหาเขาเขาก็ส่ายหน้าทำงงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้นคือพาสปอร์ตตัวเองหายแต่มาทำพฤติกรรมแย่ๆใส่คนอื่นทามมาย  สักพักเขาคงคิดได้อีกว่าที่ที่เขานั่งนั้นเขาไม่ได้นั่งมาแต่แรกแต่เพิ่งมาย้ายตอนที่จอด Trieste นั้นแหละ มันคงเป็นที่ซวยๆเขาเลยย้ายที่อีกครั้ง
     เรื่องที่ห้า จุดจอดที่เมืองเวนีสมีสองที่ครับ ที่แรกข้างสถานี Venice Mestre ง่ายๆคือสถานีในตัวแผ่นดินจะเป็นป้ายจอดติดข้างสถานีรถไฟครับ ที่สองเป็นป้ายจอดชื่อ Tronchetto จะอยู่ในเกาะเดินไปสองร้อยเมตรก็จะถึงท่าเรือเพื่อเข้าไปในตัวเมือง เวนิส ง่ายๆ
จบเส้นทางนี้ครับ อย่าเพิ่งเบื่อมีเรื่องตื่นเต้นอีกเยอะรออยู่อีกสำหรับเส้นทางที่เหลือครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่