9.Barcelona-Paris
เรื่องราวของการเดินทางในครั้งนี้ใกล้จบลงแล้ว ร่างกายของผู้เดินทางเองก็เหนื่อยล้าเต็มทน แต่อย่างไรก็ตามเส้นทางที่จะเล่าต่อไปนี้ก็ยังเป็นเส้นทางที่ยังคงมีความตื่นเต้นให้เราได้เผชิญอยู่เหมือนเคย ตอนนี้ขอตั้งชื่อว่า "ยาวไปยาวไป"
การเดินทางเที่ยวที่ 9
Barcelona-Perpignan-Clermont-Ferrand-Paris Departure: 20:30hr Arrival:10:55hr(+1day) Duration:14hr25min
หลังจากที่หายคันจาก Barcelona ก็ถึงเวลารำ่ลา เกาดิ กันแล้ว ผมก็เดินจากที่พักไปที่สถานีรถประจำทางแล้วตรงไปที่ชานชลาเดิมที่เคยลงรถวันแรกที่มาถึงซึ่งก็มีรถบัสเขียวที่มีเลขเส้นทางตรงกับในตั๋วจอดรออยู่ ผมถาม พขร.ว่าใช่รถคันนี้รึเปล่าที่จะไปปารีส พี่คนขับรถรุ่นราวคราวพ่อตอบว่า Three-Zero พร้อมมองไปที่ป้ายชานชลาเลขที่ 30 แต่ทำไมมันมีรถของบริษัทอื่นจอดอยู่ เลยขอคอนเฟิร์มพี่แกอีกรอบและได้คำตอบเหมือนเดิม คือ Three-Zero ที่เพิ่มเติมคือ ชูมือชึ้นแล้วยกนิ้วขึ้นมาสามนิ้วแล้วก็ประกบนิ้วชี้กับนิ้วโป้งเข้าเป็นวงกลมพร้อมกับตะโกนดังๆในจว่า "กระผมเรียนท่านผู้ชายในใจไปครั้งที่สองแล้วนะครับ" แต่เลขบอกเส้นทางรถของพี่มันตรงกับตั๋วนี่หน่า พอถามแกรอบที่สามยังไม่ทันจบคำว่า "เป็นรถคันนี้ที่จะถอยไปชานชลาหมายเลข......" ทันใดนันรถที่จอดอยู่ชานชลาหมายเลขที่ 30 ก็เคลื่อนที่ออกไป ผมเลยรีบเดินไปชานชลานั้นโดยไม่ต้องรอคำตอบที่ออกจากปากพี่พขร.เพราะดูทรงไม่ค่อยจะดีแล้ว พอถึงเวลาเช็คอินพี่พขร.กับภรรยา(เดาเอาอ)ต่างช่วยกันเชิญผดส.ขึ้นรถ ภรรยาตรวจตั๋วสามีตรวจกระเป๋าทำนองผัวหาบเมียคอนช่วยกันทำมาหากินดูน่ารักไปอีกแบบ ผมเดินเขากระเป๋าไปติก Tag พี่พขร.ก็รู้เลยว่าจะลงปารีสแน่นอน เสร็จสรรพก็ขึ้นรถแล้วออกเดินทางออกเดินทางสู่มหานครแห่งแฟชั่นวันนั้นแอบคิดในใจอีกแล้วว่าคงจะได้นอนพักผ่อนบนรถบ้าง เพราะจาก Barcelona ไปถึงพรมแดนฝรั่งเศษก็คงใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงกว่าก็คงประมาณสี่ห้าทุ่มถ้ารถเข้าเขตฝรั่งเศษและมีหยุดตรวจก็ยังไม่ดึกมาก พอเหลือบไปมอง Google Maps เห็นว่ารถผ่านพรหมแดนไปแล้วสักพักแต่กลับยังไม่มีการหยุดรถให้ตำรวจมาตรวจเหมือนรอบที่ข้ามพรมแดนจากอิตาลีเข้ามาก็แอบแปลกใจและนั่งหลับๆตื่นๆ จนจอดที่เมืองแรกของฝรั่งเศษก็ยังไม่มีอะไรแต่พอวิ่งไปอีกซักพักประมาณตีหนึ่งรถจอดที่ด่านเก็บเงินจากนั้นตำรวจก็เข้ามาตรวจในรถพร้อมหมาน่ารักมาช่วยดมกลิ่นอีกตัว ตรวจเสร็จตำรวจก็เดินลงรถไปตามเคยคิดว่าคงไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอีก แต่คาดการณ์ผิดสักพักตำรวจเดินขึ้นมาในรถอีกรอบพร้อมกระเป๋าลากใบไม่ใหญ่นักแล้วถามว่า"กระเป๋าใบนี้เป็นของใคร" หนุ่มน้อยที่นั่งเยื้องไปด้านหลังผมแสดงความเป็นเจ้าของด้วยอาการงัวเงียแต่ไม่ได้ตื่นตระหนกอะไรจากนั้นก็เดินลงจากรถไปพร้อมกับตำรวจคนนั้น อีกแล้วเหรอข้ามพรมแดนเข้าฝรั่งเศษทีไรมีเหตุการณ์ทุกที แต่ครั้งนี้รถบัสจอดรอไม่ได้วิ่งต่อ พขร.แจ้งว่าให้ ผดส.ลงจากรถพักผ่อนตามอัธยาศัยตามภาพประกอบ

จากนั้นประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงหนุ่มน้อยก็กลับมานั่งในรถตามเดิมนั่นก็แสดงว่าไม่มีเหตุน่าสงสัยกับเขา รถก็ออกวิ่งอีกทีตอนประมาณตีสองซึ่งมันทำให้ผมต้องฝันสลายกับการที่จะได้นอนพักผ่อนเพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงฟ้าก็จะสางแล้วปกติกว่าจะหลับได้ก็ใช้เวลานานอยู่ แต่อย่างไรก็ตามผมเหลือเวลาอีกแปดชั่วโมงกว่าจะถึงปารีสดังนั้นก็ยังมีเวลาเหลือสำหรับการนอนแบบหลับๆตื่นๆได้อีกยาวพอสมควร สิบโมงเช้ากว่าๆรถก็แล่นมาถึงชานเมืองปารีสแล้วเข้าจอดที่สถานีรถประจำทาง Porte Maillot ออกจากรถก็ลากกระเป๋าเดินไปประตูชัย หอไอเฟล ผ่านพิพิธภัณฑ์ลูฟว์ แล้วค่อยเข้าที่พักวันนั้นเหนื่อยมากเดินเยอะเพราะแต่ละที่อยู่ไกลกัน อากาศก็แปรปรวนเช้าครึ้มตกบ่ายร้อนอบอ้าวไม่ค่อยชินเลย
10.Paris-Brussel
11.Brussel-Amsterdam
12.Amsterdam-Frankfurt
เริ่มรวบรัดตัดตอนแล้วนะครับเพราะสองเส้นทางนี้สั้นๆไม่ค่อยมีเรื่องตื่นเต้นอะไรและเป็นการรีวิวช่วงสุดท้ายแล้วครับ
การเดินทางเที่ยวที่ 10
Paris-Brussel Departure:15:00hr Arrival:19:45hr Duration 4:45hr
วันนี้อากาศก็แปรปรวนเดี๋ยวแดดออกเดี๋ยวครึ้มสุดท้ายก่อนรถจะออกเล็กน้อยฝนก็ตกลงมาหนักพอสมควร สถานีรถประจำทาง Porte Maillot กรุงปารีสอยู่ไม่ไกลจากรถไฟใต้ดินเดินทางมาจากกลางเมืองก็ไม่ยาก ถ้าจะบอกว่าเป็นสถานีก็ไม่เชิงมันเหมือนลานจอดรถกลางแจ้งที่ไม่มีหลังคาดังนั้นพอฝนตกลงมา ผดส.ที่กำลังรอจะขึ้นรถก็จะต้องหาที่กำบังฝนอย่างทุลักทุเลไม่ว่าจะเป็นใต้ต้นไม้ หรือ อาคารขายตั๋วซึ่งก็เล็กๆดูแล้วมันก็ไม่น่าพิสมัยนักแต่มันก็ต้องแลกมาด้วยความประหยัดกว่าการเดินทางอย่างอื่น ยังโชคดีที่ฝนตกหลังที่เช็คอินแล้วไม่งั้นก็คงเปียกปอนไปทั้งตัว ออกเดินทางตรงเวลาครับแต่รถติดนิดหน่อยช่วงอยู่ในเมืองสักพักก็แล่นฉิวถึง Brussel ล่าช้านิดหน่อย

การเดินทางเที่ยวที่ 11
Brussel-Amsterdam Departure:9:45hr Arrival:12:30hr Duration 2:45hr
เส้นทางนี้สั้นสุดครับ ผมเดินทางแต่ออกจากที่พักประมาณ 8 โมงครึ่งโดยการเดินกึ่งวิ่งพร้อมลากกระเป๋าเป็นระยะทางประมาณ 3 ก.ม.แนะนำอย่าทำตามนะครับเพราะถนนตรงกลางเมืองมันเป็นหินก้อนๆแบบถนนโบราณซึ่งมันจะขรุขระมากเวลาลากกระเป๋ามันก็จะเด้งๆทำให้เราเดินยากกว่าปกติ ในที่สุดก็ถึงจุดจอดที่เป็นป้ายจอดรถข้างทางแผงตัวอยู่ระหว่างตึกออฟฟิศได้ทันก่อนรถออกและต้องรอสักพักก่อนได้เวลาเช็คอินถือว่าโชคดีเส้นทางนี้มีพขร.ท่านเดียว ดังนั้นพอเอาเราจะกระเป๋าเข้าท้องรถก็ต้องทำเองแต่เรามาทีหลังมันเต็มทำไงดี ทั่วไปเขาก็จะเปิดประตูอีกด้านเพราะมันจะผ่านหลายเมืองจะได้ไม่หลงกันแต่คราวนี้ไม่มีจอดระหว่างทางทำไงดีล่ะ มีฝรั่งสาวคนนึงลองเปิดล็อคประตูข้างอีกอันปรากฏว่าเป็นห้องเครื่อง ไงดีอยากรีบขึ้นไปจองที่นั่งก็ไม่ได้ถ้าไม่เอากระเป๋าเข้าท้องรถก่อน สาวเจ้าถามพขร.ว่าจะทำไง พขร.เดินมาเอาเท้าถีบกระเป๋าที่อัดกันอยู่ด้านหน้าให้ไหลเข้าไปด้านในแค่นี้หละครับเสร็จพิธีขึ้นรถได้จบนะไม่ยากเลย เสร็จ พขร. มาดึงดันกับ ผดส. คนนึงที่จะใช้ ID card แทน passport เพื่อเช็คอิน พขร.ไม่ยอมบอกว่าขอโทรเข้าออฟฟิศก่อน ขึ้นรถเสร็จกำลังจะออกรถปรากฏว่ามี ผดส.วัยรุ่นชายกลุ่มนึงวิ่งมาจะขึ้นรถ พขร.บ่นใส่นึดนึงแล้วก็ออกรถไป พอ พขร. ประกาศต้อนรับแล้วบอกว่า วันนี้ผมจะพาท่านไปยัง มึนเช่น (มิวนิค) ผดส.พากันผงะเล็กน้อยประมาณว่าไป Amsterdam ไม่ใช่เหรอ พขร.ก็เรียกสติได้ทันทีแล้วประกาศเส้นทางใหม่ วันนี้สงสาร พขร.ครับ ไม่รู้ว่าเส้นทางที่เขาต้องขับต่อไปหลังจากเที่ยวนี้จะเจออะไรอีกบ้างไหม
ส่วนเราก็หาทางเข้าเมืองต่อไป ไม่ยากนะแต่แพง!!! แต่ก็ดีเพราะจะได้ปั้นจักรยานจะได้มีสุขภาพแข็งแรง
การเดินทางเที่ยวที่ 12
Amsterdam-Frankfurt Departure:23:35hr Arrival:7:35hr Duration 8hr
เส้นทางนี้เหมือนกับว่าเป็น Airport bus ระหว่างเมืองกลายๆเพราะจุดจอดระหว่างทางได้แก่ Dusseldorf, Cologne south Ariport, Frankfurt Airport ตามกำหนดการจะต้องถึง Frankfurt Cental station 06:00hrซึ่งจะใช้เวลาเดินทางแค่ 6 ช.ม.กว่าๆแต่มีจุดจอดเยอะมากดังนั้นก็ต้องทำใจว่าโอกาสจะได้นอนมันน้อยมากๆ แต่ก็เอาน่าจะกลับบ้านละก็ทนๆเอาหน่อยละกัน
ว่าจะไม่อารัมภบทเยอะก็อดไม่ได้ขอหน่อยละกันไหนๆก็จะจบทริปละ จุดจอดที่ Amsterdam มีชื่อว่า Sloterdijk จริงๆมันก็เป็นชื่อสถานีรถไฟจุดจอดจริงๆอยู่ริมทางด้านนอกสถานีที่ต้องเดินออกไปอีกประมาณ 100เมตร จุดจอดเป็นแค่"ป้ายจราจร"คือไม่บอกก็ไม่รู้ว่าเป็นจุดจอดรถประทาง ถือได้ว่าแปลกที่สุดเท่าที่เดินทางมา แต่ก็ไม่ต้องเป็นห่วงเรามีเพื่อนเยอะเพราะตอนดึกๆรถบัสระหว่างเมืองจะออกเยอะ ผดส.ก็จะมานั่งกองๆกันในสถานีก่อนพอใกล้ถึงเวลาค่อยเดินไปหารถที่ป้ายจอด บรรยากาศภายในสถานีครับ

ได้เวลาเช็คอินและ Internationality Moong ครั้งสุดท้ายแล้วลุ้ย เมื่อทุกคนต่างมุงคนตรวจตั๋วก็ทนไม่ไหวครับ ตอนแรกก็ยืนคร่อมอยู่หน้าประตูแต่เมื่อดันกันเข้ามาเยอะๆเขาคงอึดอัดเลยถอยตัวเองเข้าไปในรถแล้วเปิดประตูห้องนำ้เพื่อแสดงสัญลักษณ์บางอย่างให้ ผดส.ถอยออกไปก่อน ไม่อยากบอกเลยว่าตอนนั้นยืนอยู่หน้าสุดโชคดีว่ากลิ่นห้องนำ้มันยังไม่แรงไม่งั้นคงสลบคารถพอดีหลับฝันถึงกลิ่นขี้ประสพการณ์นี้ไม่มีลืม5555 จากนั้นทุกคนก็ยอมถอยโดยดีแล้วเริ่มเช็คอินได้ต่อ ไม่รู้จะช่วย Flixbus ยังไงจะแก้ปัญหานี้ได้ทำเหมือนโรงหนังดีมะจะได้ต่อคิวกันอย่างมีระเบียบ พอขึ้นรถได้ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นครับไม่มีการหยุดรถให้ตำรวจมาตรวจทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ถึงจุดจอด Frankfurt Central station ก็อยู่ข้างๆสถานีรถไฟดูไม่ค่อยออกนอกจากว่าจะมีตู้ Container ขายตั๋วสีเขียวๆตั้งอยู่ ลาก่อน Flixbus ขอบคุณสำหรับการเดินทางครั้งนี้ไม่งั้นผมคงต้องจ่ายค่าเดินทางเยอะกว่านี้เพราะรวม 12 เที่ยวจ่ายไปทั้งสิ้น 224 ยูโร
รีวิวประสพการณ์การเดินทางโดยรถบัสเที่ยวยุโรป 12 เส้นทาง ตอนที่ 3
เรื่องราวของการเดินทางในครั้งนี้ใกล้จบลงแล้ว ร่างกายของผู้เดินทางเองก็เหนื่อยล้าเต็มทน แต่อย่างไรก็ตามเส้นทางที่จะเล่าต่อไปนี้ก็ยังเป็นเส้นทางที่ยังคงมีความตื่นเต้นให้เราได้เผชิญอยู่เหมือนเคย ตอนนี้ขอตั้งชื่อว่า "ยาวไปยาวไป"
การเดินทางเที่ยวที่ 9
Barcelona-Perpignan-Clermont-Ferrand-Paris Departure: 20:30hr Arrival:10:55hr(+1day) Duration:14hr25min
หลังจากที่หายคันจาก Barcelona ก็ถึงเวลารำ่ลา เกาดิ กันแล้ว ผมก็เดินจากที่พักไปที่สถานีรถประจำทางแล้วตรงไปที่ชานชลาเดิมที่เคยลงรถวันแรกที่มาถึงซึ่งก็มีรถบัสเขียวที่มีเลขเส้นทางตรงกับในตั๋วจอดรออยู่ ผมถาม พขร.ว่าใช่รถคันนี้รึเปล่าที่จะไปปารีส พี่คนขับรถรุ่นราวคราวพ่อตอบว่า Three-Zero พร้อมมองไปที่ป้ายชานชลาเลขที่ 30 แต่ทำไมมันมีรถของบริษัทอื่นจอดอยู่ เลยขอคอนเฟิร์มพี่แกอีกรอบและได้คำตอบเหมือนเดิม คือ Three-Zero ที่เพิ่มเติมคือ ชูมือชึ้นแล้วยกนิ้วขึ้นมาสามนิ้วแล้วก็ประกบนิ้วชี้กับนิ้วโป้งเข้าเป็นวงกลมพร้อมกับตะโกนดังๆในจว่า "กระผมเรียนท่านผู้ชายในใจไปครั้งที่สองแล้วนะครับ" แต่เลขบอกเส้นทางรถของพี่มันตรงกับตั๋วนี่หน่า พอถามแกรอบที่สามยังไม่ทันจบคำว่า "เป็นรถคันนี้ที่จะถอยไปชานชลาหมายเลข......" ทันใดนันรถที่จอดอยู่ชานชลาหมายเลขที่ 30 ก็เคลื่อนที่ออกไป ผมเลยรีบเดินไปชานชลานั้นโดยไม่ต้องรอคำตอบที่ออกจากปากพี่พขร.เพราะดูทรงไม่ค่อยจะดีแล้ว พอถึงเวลาเช็คอินพี่พขร.กับภรรยา(เดาเอาอ)ต่างช่วยกันเชิญผดส.ขึ้นรถ ภรรยาตรวจตั๋วสามีตรวจกระเป๋าทำนองผัวหาบเมียคอนช่วยกันทำมาหากินดูน่ารักไปอีกแบบ ผมเดินเขากระเป๋าไปติก Tag พี่พขร.ก็รู้เลยว่าจะลงปารีสแน่นอน เสร็จสรรพก็ขึ้นรถแล้วออกเดินทางออกเดินทางสู่มหานครแห่งแฟชั่นวันนั้นแอบคิดในใจอีกแล้วว่าคงจะได้นอนพักผ่อนบนรถบ้าง เพราะจาก Barcelona ไปถึงพรมแดนฝรั่งเศษก็คงใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงกว่าก็คงประมาณสี่ห้าทุ่มถ้ารถเข้าเขตฝรั่งเศษและมีหยุดตรวจก็ยังไม่ดึกมาก พอเหลือบไปมอง Google Maps เห็นว่ารถผ่านพรหมแดนไปแล้วสักพักแต่กลับยังไม่มีการหยุดรถให้ตำรวจมาตรวจเหมือนรอบที่ข้ามพรมแดนจากอิตาลีเข้ามาก็แอบแปลกใจและนั่งหลับๆตื่นๆ จนจอดที่เมืองแรกของฝรั่งเศษก็ยังไม่มีอะไรแต่พอวิ่งไปอีกซักพักประมาณตีหนึ่งรถจอดที่ด่านเก็บเงินจากนั้นตำรวจก็เข้ามาตรวจในรถพร้อมหมาน่ารักมาช่วยดมกลิ่นอีกตัว ตรวจเสร็จตำรวจก็เดินลงรถไปตามเคยคิดว่าคงไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอีก แต่คาดการณ์ผิดสักพักตำรวจเดินขึ้นมาในรถอีกรอบพร้อมกระเป๋าลากใบไม่ใหญ่นักแล้วถามว่า"กระเป๋าใบนี้เป็นของใคร" หนุ่มน้อยที่นั่งเยื้องไปด้านหลังผมแสดงความเป็นเจ้าของด้วยอาการงัวเงียแต่ไม่ได้ตื่นตระหนกอะไรจากนั้นก็เดินลงจากรถไปพร้อมกับตำรวจคนนั้น อีกแล้วเหรอข้ามพรมแดนเข้าฝรั่งเศษทีไรมีเหตุการณ์ทุกที แต่ครั้งนี้รถบัสจอดรอไม่ได้วิ่งต่อ พขร.แจ้งว่าให้ ผดส.ลงจากรถพักผ่อนตามอัธยาศัยตามภาพประกอบ
จากนั้นประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงหนุ่มน้อยก็กลับมานั่งในรถตามเดิมนั่นก็แสดงว่าไม่มีเหตุน่าสงสัยกับเขา รถก็ออกวิ่งอีกทีตอนประมาณตีสองซึ่งมันทำให้ผมต้องฝันสลายกับการที่จะได้นอนพักผ่อนเพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงฟ้าก็จะสางแล้วปกติกว่าจะหลับได้ก็ใช้เวลานานอยู่ แต่อย่างไรก็ตามผมเหลือเวลาอีกแปดชั่วโมงกว่าจะถึงปารีสดังนั้นก็ยังมีเวลาเหลือสำหรับการนอนแบบหลับๆตื่นๆได้อีกยาวพอสมควร สิบโมงเช้ากว่าๆรถก็แล่นมาถึงชานเมืองปารีสแล้วเข้าจอดที่สถานีรถประจำทาง Porte Maillot ออกจากรถก็ลากกระเป๋าเดินไปประตูชัย หอไอเฟล ผ่านพิพิธภัณฑ์ลูฟว์ แล้วค่อยเข้าที่พักวันนั้นเหนื่อยมากเดินเยอะเพราะแต่ละที่อยู่ไกลกัน อากาศก็แปรปรวนเช้าครึ้มตกบ่ายร้อนอบอ้าวไม่ค่อยชินเลย
10.Paris-Brussel
11.Brussel-Amsterdam
12.Amsterdam-Frankfurt
เริ่มรวบรัดตัดตอนแล้วนะครับเพราะสองเส้นทางนี้สั้นๆไม่ค่อยมีเรื่องตื่นเต้นอะไรและเป็นการรีวิวช่วงสุดท้ายแล้วครับ
การเดินทางเที่ยวที่ 10
Paris-Brussel Departure:15:00hr Arrival:19:45hr Duration 4:45hr
วันนี้อากาศก็แปรปรวนเดี๋ยวแดดออกเดี๋ยวครึ้มสุดท้ายก่อนรถจะออกเล็กน้อยฝนก็ตกลงมาหนักพอสมควร สถานีรถประจำทาง Porte Maillot กรุงปารีสอยู่ไม่ไกลจากรถไฟใต้ดินเดินทางมาจากกลางเมืองก็ไม่ยาก ถ้าจะบอกว่าเป็นสถานีก็ไม่เชิงมันเหมือนลานจอดรถกลางแจ้งที่ไม่มีหลังคาดังนั้นพอฝนตกลงมา ผดส.ที่กำลังรอจะขึ้นรถก็จะต้องหาที่กำบังฝนอย่างทุลักทุเลไม่ว่าจะเป็นใต้ต้นไม้ หรือ อาคารขายตั๋วซึ่งก็เล็กๆดูแล้วมันก็ไม่น่าพิสมัยนักแต่มันก็ต้องแลกมาด้วยความประหยัดกว่าการเดินทางอย่างอื่น ยังโชคดีที่ฝนตกหลังที่เช็คอินแล้วไม่งั้นก็คงเปียกปอนไปทั้งตัว ออกเดินทางตรงเวลาครับแต่รถติดนิดหน่อยช่วงอยู่ในเมืองสักพักก็แล่นฉิวถึง Brussel ล่าช้านิดหน่อย
การเดินทางเที่ยวที่ 11
Brussel-Amsterdam Departure:9:45hr Arrival:12:30hr Duration 2:45hr
เส้นทางนี้สั้นสุดครับ ผมเดินทางแต่ออกจากที่พักประมาณ 8 โมงครึ่งโดยการเดินกึ่งวิ่งพร้อมลากกระเป๋าเป็นระยะทางประมาณ 3 ก.ม.แนะนำอย่าทำตามนะครับเพราะถนนตรงกลางเมืองมันเป็นหินก้อนๆแบบถนนโบราณซึ่งมันจะขรุขระมากเวลาลากกระเป๋ามันก็จะเด้งๆทำให้เราเดินยากกว่าปกติ ในที่สุดก็ถึงจุดจอดที่เป็นป้ายจอดรถข้างทางแผงตัวอยู่ระหว่างตึกออฟฟิศได้ทันก่อนรถออกและต้องรอสักพักก่อนได้เวลาเช็คอินถือว่าโชคดีเส้นทางนี้มีพขร.ท่านเดียว ดังนั้นพอเอาเราจะกระเป๋าเข้าท้องรถก็ต้องทำเองแต่เรามาทีหลังมันเต็มทำไงดี ทั่วไปเขาก็จะเปิดประตูอีกด้านเพราะมันจะผ่านหลายเมืองจะได้ไม่หลงกันแต่คราวนี้ไม่มีจอดระหว่างทางทำไงดีล่ะ มีฝรั่งสาวคนนึงลองเปิดล็อคประตูข้างอีกอันปรากฏว่าเป็นห้องเครื่อง ไงดีอยากรีบขึ้นไปจองที่นั่งก็ไม่ได้ถ้าไม่เอากระเป๋าเข้าท้องรถก่อน สาวเจ้าถามพขร.ว่าจะทำไง พขร.เดินมาเอาเท้าถีบกระเป๋าที่อัดกันอยู่ด้านหน้าให้ไหลเข้าไปด้านในแค่นี้หละครับเสร็จพิธีขึ้นรถได้จบนะไม่ยากเลย เสร็จ พขร. มาดึงดันกับ ผดส. คนนึงที่จะใช้ ID card แทน passport เพื่อเช็คอิน พขร.ไม่ยอมบอกว่าขอโทรเข้าออฟฟิศก่อน ขึ้นรถเสร็จกำลังจะออกรถปรากฏว่ามี ผดส.วัยรุ่นชายกลุ่มนึงวิ่งมาจะขึ้นรถ พขร.บ่นใส่นึดนึงแล้วก็ออกรถไป พอ พขร. ประกาศต้อนรับแล้วบอกว่า วันนี้ผมจะพาท่านไปยัง มึนเช่น (มิวนิค) ผดส.พากันผงะเล็กน้อยประมาณว่าไป Amsterdam ไม่ใช่เหรอ พขร.ก็เรียกสติได้ทันทีแล้วประกาศเส้นทางใหม่ วันนี้สงสาร พขร.ครับ ไม่รู้ว่าเส้นทางที่เขาต้องขับต่อไปหลังจากเที่ยวนี้จะเจออะไรอีกบ้างไหม
ส่วนเราก็หาทางเข้าเมืองต่อไป ไม่ยากนะแต่แพง!!! แต่ก็ดีเพราะจะได้ปั้นจักรยานจะได้มีสุขภาพแข็งแรง
การเดินทางเที่ยวที่ 12
Amsterdam-Frankfurt Departure:23:35hr Arrival:7:35hr Duration 8hr
เส้นทางนี้เหมือนกับว่าเป็น Airport bus ระหว่างเมืองกลายๆเพราะจุดจอดระหว่างทางได้แก่ Dusseldorf, Cologne south Ariport, Frankfurt Airport ตามกำหนดการจะต้องถึง Frankfurt Cental station 06:00hrซึ่งจะใช้เวลาเดินทางแค่ 6 ช.ม.กว่าๆแต่มีจุดจอดเยอะมากดังนั้นก็ต้องทำใจว่าโอกาสจะได้นอนมันน้อยมากๆ แต่ก็เอาน่าจะกลับบ้านละก็ทนๆเอาหน่อยละกัน
ว่าจะไม่อารัมภบทเยอะก็อดไม่ได้ขอหน่อยละกันไหนๆก็จะจบทริปละ จุดจอดที่ Amsterdam มีชื่อว่า Sloterdijk จริงๆมันก็เป็นชื่อสถานีรถไฟจุดจอดจริงๆอยู่ริมทางด้านนอกสถานีที่ต้องเดินออกไปอีกประมาณ 100เมตร จุดจอดเป็นแค่"ป้ายจราจร"คือไม่บอกก็ไม่รู้ว่าเป็นจุดจอดรถประทาง ถือได้ว่าแปลกที่สุดเท่าที่เดินทางมา แต่ก็ไม่ต้องเป็นห่วงเรามีเพื่อนเยอะเพราะตอนดึกๆรถบัสระหว่างเมืองจะออกเยอะ ผดส.ก็จะมานั่งกองๆกันในสถานีก่อนพอใกล้ถึงเวลาค่อยเดินไปหารถที่ป้ายจอด บรรยากาศภายในสถานีครับ
ได้เวลาเช็คอินและ Internationality Moong ครั้งสุดท้ายแล้วลุ้ย เมื่อทุกคนต่างมุงคนตรวจตั๋วก็ทนไม่ไหวครับ ตอนแรกก็ยืนคร่อมอยู่หน้าประตูแต่เมื่อดันกันเข้ามาเยอะๆเขาคงอึดอัดเลยถอยตัวเองเข้าไปในรถแล้วเปิดประตูห้องนำ้เพื่อแสดงสัญลักษณ์บางอย่างให้ ผดส.ถอยออกไปก่อน ไม่อยากบอกเลยว่าตอนนั้นยืนอยู่หน้าสุดโชคดีว่ากลิ่นห้องนำ้มันยังไม่แรงไม่งั้นคงสลบคารถพอดีหลับฝันถึงกลิ่นขี้ประสพการณ์นี้ไม่มีลืม5555 จากนั้นทุกคนก็ยอมถอยโดยดีแล้วเริ่มเช็คอินได้ต่อ ไม่รู้จะช่วย Flixbus ยังไงจะแก้ปัญหานี้ได้ทำเหมือนโรงหนังดีมะจะได้ต่อคิวกันอย่างมีระเบียบ พอขึ้นรถได้ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นครับไม่มีการหยุดรถให้ตำรวจมาตรวจทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ถึงจุดจอด Frankfurt Central station ก็อยู่ข้างๆสถานีรถไฟดูไม่ค่อยออกนอกจากว่าจะมีตู้ Container ขายตั๋วสีเขียวๆตั้งอยู่ ลาก่อน Flixbus ขอบคุณสำหรับการเดินทางครั้งนี้ไม่งั้นผมคงต้องจ่ายค่าเดินทางเยอะกว่านี้เพราะรวม 12 เที่ยวจ่ายไปทั้งสิ้น 224 ยูโร