คืองงเรื่องการลดน้ำหนัก

ปกติร่างกายคนปกติจะใช้พลังงานคร่าวๆ ประมาณ 2000 kcal (ผู้หญิงประมาณ 1800 kcal) มากน้อยกว่านี้ขึ้นกับกิจกรรม สารอาหารที่ใช้ไม่หมดจะถูกสะสมในรูปต่างๆ ดังนี้ กลูโคสในกระแสเลือด ไกลโคเจนในกล้ามเนื้อและตับ ไขมันที่พุงและใต้ผิวหนัง จากนี้จะพยายามอธิบายให้ง่ายที่สุด และละเว้นการใช้ศัพท์เทคนิคที่เข้าใจยากเกินไป

1. ไม่กินข้าวเลยได้มั้ย น้ำหนักจะลดมั้ย
- น้ำหนักจะลดลงแค่ช่วงแรก แต่ที่ลดส่วนใหญ่จะไม่ใช่ไขมัน แต่เป็นน้ำกับกล้ามเนื้อมากกว่า และเพราะร่างกายเรามันฉลาดมาก การที่อดอาหารนานๆ ร่างกายจะคิดว่าเราขาดแคลนอาหาร ทำให้เข้าสู่สภาวะการจำศีล เมื่อเข้าสู่สภาวะนี้ร่างกายจะใช้พลังงานน้อยลง และสะสมพลังงานมากขึ้น ทำให้อ้วนง่ายกว่าเดิมทั้งๆ ที่กินเท่าเดิม หรือที่เค้าชอบเรียกกันว่าระบบเผาผลาญพังนั้นแหละ นี่เป็นเหตุผลที่ไม่ควรอดอาหาร เพราะการจะทำให้ระบบเผาผลาญกลับมาเหมือนเดิมนี่ค่อนข้างใช้เวลานาน

2. ถ้าคุณรู้การลดหนักมาส่วนนึง จะรู้ปัญหาว่าทำไมอ้วน หลักๆ คือพวกหมู่คาร์โบไฮเดรต(แป้งและน้ำตาล) ดังนั้นถามว่าไม่กินแป้งเลยจะผอมลงมั้ย
- น้ำหนักจะลดลง แต่ที่ลดลงส่วนใหญ่ไม่ใช่ไขมัน แต่จะเป็นกล้ามเนื้อ เพราะการที่ร่างกายจะเอาพลังงานสำรอง(ไขมัน)มาใช้ จะต้องใช้พลังงานจากไกลโคเจน(ที่สะสมจากแป้ง)ด้วย ไม่งั้นร่างกายจะใช้พลังงานจากกล้ามเนื้อแทนทำให้ร่างกายใช้พลังงานได้น้อยลงไปอีกเพราะกล้ามเนื้อยิ่งขนาดใหญ่เราก็ใช้พลังงานมากขึ้นในการเคลื่อนไหว นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงห้ามงดคาร์โบไฮเดรต

3. มีคนเคยบอกมาว่ากินพวกข้าวไม่ขัดสีจะทำให้ผอมกว่า ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ทั้งๆที่ข้าวทั้งสองก็ให้พลังงานพอๆ กัน
- ข้าวไม่ขัดสีจะมีค่า GI ที่ต่ำกว่า เพราะข้าวไม่ขัดสีจะมีพวกไฟเบอร์อยู่ด้วย ทำให้การย่อยข้าวไม่ขัดสีเป็นไปอย่างช้าๆ (ร่างกายไม่สามารถย่อยไฟเบอร์ได้ ดังนั้นการย่อยจึงช้าลง) การที่การย่อยเป็นไปอย่างช้าๆ นั้นส่งผลให้ร่างกายได้รับพลังงานช้าและ ถึงสุดท้ายจะได้พลังงานเท่ากัน แต่เราจะใช้พลังงานได้ทันกับที่รับเข้ามา การกินข้าวขาวจะทำให้เราได้รับพลังงานครั้งเดียวมากๆ  ส่งผลให้อินซูลินหลั่งออกมาเพื่อจะลดปริมาณกลูโคลในเลือดลง และนำไปสะสมก่อนที่เราจะใช้พลังงานได้หมด

4. การลดน้ำหนักแบบไหนถึงจะลดไขมันได้ดีที่สุด
- อย่างที่บอก ไขมันจะถูกใช้ได้ต้องมีไกลโคเจน ดังนั้นอย่างแรกคือห้ามงดคาร์โบไฮเดรต ต่อมาคือสิ่งที่คนชอบเรียกกันว่าคาร์ดิโอ(หรือคนชอบคิดว่าคือการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องนั้นละ) การออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องช่วงแรกๆ (น้อยกว่า 10 นาที) ร่างกายจะใช้พลังงานจากกลูโคสในกระแสเลือดก่อน จากนั้นเมื่อเข้าสู่นาทีที่ 11 (จริงๆ มันแล้วแต่คนนะ) ร่างกายจะเริ่มใช้พลังงานจากไกลโคเจนและไขมัน ซึ่งสัดส่วนตรงนี้ขึ้นอยู่กับอัตราการเต้นของหัวใจ ช่วงที่ไขมันจะใช้เป็นสัดส่วนเยอะที่สุดคือ หัวใจเต้นอยู่ในช่วง 60% - 70% ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด - Max Heart rate (MHR หาได้จากเอา 220 - อายุ) ช่วงนี้เรียกว่า fat burn zone แต่คนทั่วๆ ไปที่ไม่ออกกำลังกายเลย ทำยังไงก็เกินช่วงนี้ ก็ปล่อยให้เกินไปได้ และการออกกำลังกายในช่วง 70%-80% ช่วยบริหารหัวใจให้แข็งแรงมากขึ้นด้วย ทำให้เราออกกำลังกายใน fat burn zone ได้เข้มข้นขึ้น แต่พยายามอย่าให้เกิน 80% เพราะหลังจากนี้ ร่างกายจะใช้พลังงานจากไกลโคเจนอย่างเดียว

5. ทำไมควรจะกินผักผลไม้เยอะๆ ในช่วงลดน้ำหนัก
- เพราะผักผลไม้ส่วนใหญ่จะมีไฟเบอร์อยู่มาก และพวกไฟเบอร์พวกนี้ทำให้อิ่มนาน(นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมควรกินข้าวไม่ขัดสี) ที่สำคัญไฟเบอร์พวกนี้จะทำให้ร่างกายดูดซึมไขมันได้น้อยลงด้วย

6. การกินน้ำเยอะๆ ไม่ดี
- อันนี้มันอยู่ที่วิธีการกิน อย่างที่รู้กัน เราควรกินน้ำวันละ 3 ลิตร (2 ขวดใหญ่) แต่เราต้องกินเรื่อยๆ ทั้งวัน ไม่ใช่ยัดๆ ให้ครบ 3 ลิตร

7. ทำไมทำแบบด้านบนมาตั้งนานแล้วน้ำหนักไม่ลดลงเลย
- น้ำหนักไม่ใช่ตัววัดสำคัญที่บ่งบอกว่าเราหุ่นดีรึเปล่า เพราะว่า ในปริมาณน้ำหนักที่เท่ากัน ไขมันจะเยอะกว่ากล้ามเนื้อมาก เมื่อเราใช้ไขมันไปกับการออกกำลังกาย กล้ามเนื้อเราจะแข็งแรงมากขึ้น ขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งทำให้เราอาจจะหุ่นดีขึ้นโดยที่น้ำหนักไม่ค่อยลดลงเลยก็ได้ ดังนั้นให้ดูที่สัดส่วนจะดีกว่าการดูน้ำหนัก

8. ไม่อยากเวท ไม่อยากวิ่ง กลัวแขนขาใหญ่
- การที่กล้ามเนื้อจะใหญ่ขึ้นได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยนะครับ ไม่ใช่แค่เวทๆ วิ่งๆ แล้วมันจะใหญ่ขึ้นได้ง่ายๆ มันมีหลายปัจจัย ต้องออกกำลังกายหนักพอ ต้องการโปรตีนให้เพียงพอ ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ ต้องห้ามกินแอลกอฮอล์(หรืออย่างน้อยก็ต้องน้อยลง) ดังนั้นเวทไปเถอะ วิ่งไปเถอะ ไม่ต้องกลัวแขนขาใหญ่หรอก

นี่น่าจะรวมคำถามที่ควรจะถามไว้ครบหมดแล้วนะเท่าที่คิดออก แต่ถ้าไม่เข้าใจตรงไหน หริอจะถามอะไรเพิ่มเติมก็เชิญครับผม ตอบได้จะตอบครับ