สวัสดีค่าาาา วันนี้เราจะมาแนะนำการลดความอ้วนด้วยหลักจิตวิทยานะคะ
ทำได้ง่ายๆแถมได้ผลอีกด้วยนะเอ้อ!!
การลดความอ้วนที่ถูกต้องแล้ว นอกจากจะควบคุมอาหาร กินของที่ดีมีประโยชน์ ออกกำลังกายเพื่อเพิ่มการเผาพลาญ นอนให้พอแล้วนั้น
ถ้ามีการเพิ่มทริกทางจิตวิทยาอีกสักนิด เพื่อหลอกสมอง ไม่ให้โหยหาอาหารอ้วนๆ ทันจะทำให้เราไปถึงจุดหมาย คือหุ่นในฝันได้ง่ายขึ้น จริงๆนะ
ขอบอกว่ารวบรวมข้อมูลมา ตั้ง 3 วัน ก็เลยอยากแบ่งปันน่ะค่ะ (ไม่ใช่อะไร เรากำลังจะลดความอ้วนเลยอยากหาแนวรวมด้วย 5555)
ถ้าผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยด้วยนะเจ้าคะ สงสัยอะไร หรือเราอธิบายไม่เคลียร์ ถามได้เลยน้าาา
มาๆ มาเริ่มกันเล้ยยยย
###################
#บางครั้งเราไม่ได้กินเพราะหิวนะจ๊ะ
แต่ที่กินเอาๆ เข้าไปอาจเป็นเพียงแค่การอยากเคี้ยว หรือเบื่อไม่มีไรทำก็เลยหาอะไรกิน (อันนี้สาวๆน่าจะเป็นกันเยอะ) มันเลยทำให้เราเติบโต (ด้านข้างกันมากขึ้น)
#ดังนั้นเรามาลองดูหลักจิตวิทยาง่ายๆ
#ที่จะช่วยให้เราสามารถลดน้ำหนักได้ง่ายขึ้นชิลขึ้นกันดีกว่า
1. อย่ากินเมื่อกำลังโกรธ/เครียด/เบื่อ
เคยไหมเบื่อไม่มีไรทำก็หาอะไรกิน หรือเวลาเครียดมากๆ มือก็คว้าขนม น้ำหวานเข้าปากแบบไม่หยัง แบบนี้ไม่ดีไม่งามเลยนะเธอออออ
ถึงจะฟินระยะสั้นแต่ห่วงยางเกาะเหนียวแน่นระยะยาวชัวร์
เพราะงั้นถ้าอารมณ์แปรปรวนพวกเธอ (รวมทั้งฉันด้วย) ควรหากิจกรรมหนุกๆทำ เช่น ออกกำลังกาย, วาดรูป, ปลูกต้นไม้อะไรก็ว่าไป ที่ทำแล้วมีความสุข ห่างไกลอาหารขยะ โอเค้!
2. อาหารหลากหลายคือความอันตราย
กรณีนี้มีบุฟเฟ่ย์เป็นพยานได้ค่ะ ใครที่ไปกินบุฟเฟย์หรือหมูกระทะปาร์ตี้แล้วยังสามารถกินได้เท่าเวลากินอาหารจานเดียวได้นิ ถือว่ายอดคน (เพราะฉันก็ยังทำไม่ได้เลย T^T)
เพราะฉะนั้นทางแก้ง่ายแสนง่าย ก็เวลากินข้าว สั่งกับข้าวไม่เกิน 2 อย่างค่ะ ความสามารถในการเจริญอาหารของเราจะไม่ทำงาน หรือถ้ายังทำงานอยู่ประสิทธิภาพก็จะลดลงแน่นอน
3. กินกันหลายคนยิ่งกินได้มาก
อันนี้ชัดเจนคล้ายข้อข้างบนเลยค่ะ เวลากินคนเดียว ข้าว+กับข้าวราดมาเลยก็ได้ จะอย่าง 2 อย่างก็ว่าไป แค่นี้ก็อิ่ม
แต่พอมีเพื่อนมากินด้วย ข้าวคนละจาน + กับอีก 2 – 3 อย่าง (เริ่มเยอะละ) ยัง ยังไม่พอ ถ้ามีปาร์ตี้เป็นกลุ่ม 7 คนขึ้นไป อาหารเต็มโต๊ะก็เกลี้ยงค่ะ
อย่าได้ถามว่าไอ้ที่กินไปน่ะกี่จาน
การคำนวณแคลอรี่ คือ ความจริงอันโหดร้าย เพราะมันเยอะมาก
แต่ถ้าจะให้ตัดขาดจากสังคมเลยก็กระไรอยู่ เพราะงั้นควบคุมสตินิดนึงเวลาไปกินข้าวกับเพื่อนเป็นกลุ่มนะจ๊ะ
4. ทฤษฎี ถ้า...งั้น...
งงล่ะซี้+++ ว่ามันคือทฤษฎีอะไร (ข้อนี้ขอแบบมีสาระกันบ้างเนาะ)
ทฤษฎีนี้ เป็นการสร้างเงื่อนไขให้สมองและจิตใต้สำนึกไว้ล่วงหน้า โดยเราต้องคิดเป็นภาพก่อนว่า จะทำเรื่องนั้น “ที่ไหน” และ”เมื่อไหร่”
เช่น ที่ร้านขายเครื่องดื่ม
ถ้าฉันอยากกิน “กาแฟเย็น” งั้น ฉันจะสั่ง “ชาร้อน” มาแทน
การตั้งโปรแกรมอย่างนี้ จะเหมือนเราเข้ารหัสให้สมองเกิดการจดจำ เมื่อเกิดสถานการณ์แบบนี้ขึ้นเมื่อไหร่ สมองก็จะสั่งให้เราทำตามโปรแกรมที่ได้ตั้งไว้ เพราะสมองจำเหตุการณ์เป็นภาพและจะฝั่งลึกลงไปในจิตใต้สำนึก
ปล. แม้ว่าเราจะยุ่งแค่ไหนก็ตาม สมองก็จะเกิดการสั่งงานโดนอัตโนมัติตามเงื่อนไขที่เราสร้างไว้
5. การดมกลิ่นเปเปอร์มิ้นท์
การดมกลิ่น “เปเปอร์มิ้นท์” หรือแถวบ้านเรียก “ใบสาระแหน่”เป็นประจำ จะช่วยลดความความหิวได้
แถมการใช้ยาสีฟัน / หมากฝรังกลิ่นมิ้นท์ จะทำให้ลมหายใจสะอาดสดชื่น จึงช่วยลดความอยากอาหาร
ข้อนี้ง่ายแสนง่าย แถมได้ผลดีด้วยนะ เพราะงั้นอย่าลืมพกลูกอมหรือหมากฝรั่งรสมิ้นท์แบบไม่มีน้ำตาลติดกระเป๋าไว้นะจ๊ะสาวๆ
6. กินอาหารในจานสีน้ำเงิน
#รู้ยัง! ว่าการกินอาหารในจานสีน้ำเงิน และยิ่งถ้าเป็นจานใบเล็กแถมนั่งกินด้วยจะยิ่งได้ผลเพิ่มขึ้น
เนื่องจาก สมองของเราน่ะ จำว่าสีน้ำเงินไม่ใช่สีของอาหารที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ สมองจึงสั่งการว่ามันเป็นสารเคมี เป็นสิ่งแปลกปลอม จึงทำให้เราอยากอาหารน้อยลงในปริยาย
และการนำอาหารเทใส่จานจะส่งผลด้านจิตวิทยาให้เรารู้สึกว่า กินอาหารนั้นเป็น 1 มื้อ ยิ่งการใส่อาหารในจานใบเล็กจนเต็มจาน จะทำให้เรารู้สึกว่าปริมาณอาหารนั้นมากกว่าการใส่จานใบใหญ่ จึงรู้สึกอิ่มมากกว่าแม้ว่าจะกินอาหารในปริมาณเท่ากันก็ตาม อันนี้ก็เป็นการหลอกสมองที่ได้ผลจริงจังมากๆ
7. กิน Dark Chocolate
แหมๆ บางทีเวลาลดควมอ้วน การอยากกินขนมมันเป็นเรื่องปกติมาก เพราะงั้นถ้าคิดถึงขนมให้คิดถึง ดาร์ก ช็อกโกแลต นะจ๊ะ
เพราะมันนอกจากจะอร่อยแล้วยังช่วยลดระดับไขมัน คลอเลสเตอรอล และความอยากของหวาน (ประโยชน์เริ่ดเลอมาก) แถมลดความเครียดอีกด้วยนะ เอาซี้+++ เจ๋งปะล่ะ
นอกจากนี้ยังช่วยลดอารมณ์แปรปรวนในช่วงมีรอบเดือน จึงทำให้เราไม่หลุดกินแบบบ้ากระหน่ำอี๊ก
8. แปะรูปหุ่นในฝันไว้หน้าตู้เย็น
คือเป้าหมายมีไว้พุ่งชน การแปะรูปหุ่นแจ่มๆไว้ที่ตู้เย็น จะเหมือนเป็นการตอกย้ำเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ เพราะงั้นเวลาเราหยิบอาหารในตู้เย็นจะทำให้เรามีการไตร่ตรองมากขึ้น
9. จัดห้องให้เป็นระเบียบ
อันนี้เป็นหลักจิตวิทยาอีกข้อที่เหมือนจะไม่เกี่ยว แต่จริงๆแล้วเกี่ยวมากๆ เพราะการอยู่ในที่ที่มีความเป็นระเบียบ สะอาดสะอ้าน จะทำให้สุขภาพจิตดี และมีผลต่อการเลือกกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น
ในการกลับกัน ถ้าอยู่ในห้องรกๆ จะทำให้ขี้เกียจ, เบื่อ, มีแนวโน้มกินอาหารขยะมากขึ้นนั้นเอง สังเกตได้ง่ายช่วงไหนสอบ ห้องรก ชีทเต็มโต๊ะ อาหารขยะ ขนมนมเนย น้ำหวานก็จัดเต็มเช่นกันจ้า 555
10. ให้รางวัลตัวเองบ้าง
#อันนี้จริงจัง การให้รางวัลตัวเองจะทำให้เราไม่เครียดกับการลดความอ้วนมากจนเกินไปนัก (ถ้าเครียดมากเราจะหลุดตั้งแต่แรกๆแล้วกลับมาสวาปามอย่างบ้าคลั่งแน่นอน) เลยทำให้เราสุขภาพจิตดีไม่กดดันและสามารถทำลดความอ้วนจนถึงเป้าหมายได้
///////////////
สุดท้ายอย่าลืมออกกำลังกายนะจ๊ะ
การออกกำลังกายนอกจากจะช่วยเพิ่มการเผาพลาญแล้ว ยังช่วยลดความเครียด และช่วยหลั่งสารแห่งความสุขเพิ่มขึ้นอีกด้วย
++++++++++++++++++++
ข้อมูลมาจาก #เพจรู้ยัง
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=983373205096074&id=934427066657355
ลองเข้าไปอ่านได้นะคะ สำหรับใครที่สนใจ
ขอบอกว่า จขกท. ตั้งใจทำมากๆ อยากแบ่งปันสิ่งดีๆที่คิดว่าเป็นประโยชน์ให้แก่เพื่อนๆน่ะค่ะ
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ
####10 วิธี ลดความอ้วนด้วยหลักจิตวิทยา####
ทำได้ง่ายๆแถมได้ผลอีกด้วยนะเอ้อ!!
การลดความอ้วนที่ถูกต้องแล้ว นอกจากจะควบคุมอาหาร กินของที่ดีมีประโยชน์ ออกกำลังกายเพื่อเพิ่มการเผาพลาญ นอนให้พอแล้วนั้น
ถ้ามีการเพิ่มทริกทางจิตวิทยาอีกสักนิด เพื่อหลอกสมอง ไม่ให้โหยหาอาหารอ้วนๆ ทันจะทำให้เราไปถึงจุดหมาย คือหุ่นในฝันได้ง่ายขึ้น จริงๆนะ
ขอบอกว่ารวบรวมข้อมูลมา ตั้ง 3 วัน ก็เลยอยากแบ่งปันน่ะค่ะ (ไม่ใช่อะไร เรากำลังจะลดความอ้วนเลยอยากหาแนวรวมด้วย 5555)
ถ้าผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยด้วยนะเจ้าคะ สงสัยอะไร หรือเราอธิบายไม่เคลียร์ ถามได้เลยน้าาา
มาๆ มาเริ่มกันเล้ยยยย
###################
#บางครั้งเราไม่ได้กินเพราะหิวนะจ๊ะ
แต่ที่กินเอาๆ เข้าไปอาจเป็นเพียงแค่การอยากเคี้ยว หรือเบื่อไม่มีไรทำก็เลยหาอะไรกิน (อันนี้สาวๆน่าจะเป็นกันเยอะ) มันเลยทำให้เราเติบโต (ด้านข้างกันมากขึ้น)
#ดังนั้นเรามาลองดูหลักจิตวิทยาง่ายๆ
#ที่จะช่วยให้เราสามารถลดน้ำหนักได้ง่ายขึ้นชิลขึ้นกันดีกว่า
1. อย่ากินเมื่อกำลังโกรธ/เครียด/เบื่อ
เคยไหมเบื่อไม่มีไรทำก็หาอะไรกิน หรือเวลาเครียดมากๆ มือก็คว้าขนม น้ำหวานเข้าปากแบบไม่หยัง แบบนี้ไม่ดีไม่งามเลยนะเธอออออ
ถึงจะฟินระยะสั้นแต่ห่วงยางเกาะเหนียวแน่นระยะยาวชัวร์
เพราะงั้นถ้าอารมณ์แปรปรวนพวกเธอ (รวมทั้งฉันด้วย) ควรหากิจกรรมหนุกๆทำ เช่น ออกกำลังกาย, วาดรูป, ปลูกต้นไม้อะไรก็ว่าไป ที่ทำแล้วมีความสุข ห่างไกลอาหารขยะ โอเค้!
2. อาหารหลากหลายคือความอันตราย
กรณีนี้มีบุฟเฟ่ย์เป็นพยานได้ค่ะ ใครที่ไปกินบุฟเฟย์หรือหมูกระทะปาร์ตี้แล้วยังสามารถกินได้เท่าเวลากินอาหารจานเดียวได้นิ ถือว่ายอดคน (เพราะฉันก็ยังทำไม่ได้เลย T^T)
เพราะฉะนั้นทางแก้ง่ายแสนง่าย ก็เวลากินข้าว สั่งกับข้าวไม่เกิน 2 อย่างค่ะ ความสามารถในการเจริญอาหารของเราจะไม่ทำงาน หรือถ้ายังทำงานอยู่ประสิทธิภาพก็จะลดลงแน่นอน
3. กินกันหลายคนยิ่งกินได้มาก
อันนี้ชัดเจนคล้ายข้อข้างบนเลยค่ะ เวลากินคนเดียว ข้าว+กับข้าวราดมาเลยก็ได้ จะอย่าง 2 อย่างก็ว่าไป แค่นี้ก็อิ่ม
แต่พอมีเพื่อนมากินด้วย ข้าวคนละจาน + กับอีก 2 – 3 อย่าง (เริ่มเยอะละ) ยัง ยังไม่พอ ถ้ามีปาร์ตี้เป็นกลุ่ม 7 คนขึ้นไป อาหารเต็มโต๊ะก็เกลี้ยงค่ะ
อย่าได้ถามว่าไอ้ที่กินไปน่ะกี่จาน
การคำนวณแคลอรี่ คือ ความจริงอันโหดร้าย เพราะมันเยอะมาก
แต่ถ้าจะให้ตัดขาดจากสังคมเลยก็กระไรอยู่ เพราะงั้นควบคุมสตินิดนึงเวลาไปกินข้าวกับเพื่อนเป็นกลุ่มนะจ๊ะ
4. ทฤษฎี ถ้า...งั้น...
งงล่ะซี้+++ ว่ามันคือทฤษฎีอะไร (ข้อนี้ขอแบบมีสาระกันบ้างเนาะ)
ทฤษฎีนี้ เป็นการสร้างเงื่อนไขให้สมองและจิตใต้สำนึกไว้ล่วงหน้า โดยเราต้องคิดเป็นภาพก่อนว่า จะทำเรื่องนั้น “ที่ไหน” และ”เมื่อไหร่”
เช่น ที่ร้านขายเครื่องดื่ม
ถ้าฉันอยากกิน “กาแฟเย็น” งั้น ฉันจะสั่ง “ชาร้อน” มาแทน
การตั้งโปรแกรมอย่างนี้ จะเหมือนเราเข้ารหัสให้สมองเกิดการจดจำ เมื่อเกิดสถานการณ์แบบนี้ขึ้นเมื่อไหร่ สมองก็จะสั่งให้เราทำตามโปรแกรมที่ได้ตั้งไว้ เพราะสมองจำเหตุการณ์เป็นภาพและจะฝั่งลึกลงไปในจิตใต้สำนึก
ปล. แม้ว่าเราจะยุ่งแค่ไหนก็ตาม สมองก็จะเกิดการสั่งงานโดนอัตโนมัติตามเงื่อนไขที่เราสร้างไว้
5. การดมกลิ่นเปเปอร์มิ้นท์
การดมกลิ่น “เปเปอร์มิ้นท์” หรือแถวบ้านเรียก “ใบสาระแหน่”เป็นประจำ จะช่วยลดความความหิวได้
แถมการใช้ยาสีฟัน / หมากฝรังกลิ่นมิ้นท์ จะทำให้ลมหายใจสะอาดสดชื่น จึงช่วยลดความอยากอาหาร
ข้อนี้ง่ายแสนง่าย แถมได้ผลดีด้วยนะ เพราะงั้นอย่าลืมพกลูกอมหรือหมากฝรั่งรสมิ้นท์แบบไม่มีน้ำตาลติดกระเป๋าไว้นะจ๊ะสาวๆ
6. กินอาหารในจานสีน้ำเงิน
#รู้ยัง! ว่าการกินอาหารในจานสีน้ำเงิน และยิ่งถ้าเป็นจานใบเล็กแถมนั่งกินด้วยจะยิ่งได้ผลเพิ่มขึ้น
เนื่องจาก สมองของเราน่ะ จำว่าสีน้ำเงินไม่ใช่สีของอาหารที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ สมองจึงสั่งการว่ามันเป็นสารเคมี เป็นสิ่งแปลกปลอม จึงทำให้เราอยากอาหารน้อยลงในปริยาย
และการนำอาหารเทใส่จานจะส่งผลด้านจิตวิทยาให้เรารู้สึกว่า กินอาหารนั้นเป็น 1 มื้อ ยิ่งการใส่อาหารในจานใบเล็กจนเต็มจาน จะทำให้เรารู้สึกว่าปริมาณอาหารนั้นมากกว่าการใส่จานใบใหญ่ จึงรู้สึกอิ่มมากกว่าแม้ว่าจะกินอาหารในปริมาณเท่ากันก็ตาม อันนี้ก็เป็นการหลอกสมองที่ได้ผลจริงจังมากๆ
7. กิน Dark Chocolate
แหมๆ บางทีเวลาลดควมอ้วน การอยากกินขนมมันเป็นเรื่องปกติมาก เพราะงั้นถ้าคิดถึงขนมให้คิดถึง ดาร์ก ช็อกโกแลต นะจ๊ะ
เพราะมันนอกจากจะอร่อยแล้วยังช่วยลดระดับไขมัน คลอเลสเตอรอล และความอยากของหวาน (ประโยชน์เริ่ดเลอมาก) แถมลดความเครียดอีกด้วยนะ เอาซี้+++ เจ๋งปะล่ะ
นอกจากนี้ยังช่วยลดอารมณ์แปรปรวนในช่วงมีรอบเดือน จึงทำให้เราไม่หลุดกินแบบบ้ากระหน่ำอี๊ก
8. แปะรูปหุ่นในฝันไว้หน้าตู้เย็น
คือเป้าหมายมีไว้พุ่งชน การแปะรูปหุ่นแจ่มๆไว้ที่ตู้เย็น จะเหมือนเป็นการตอกย้ำเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ เพราะงั้นเวลาเราหยิบอาหารในตู้เย็นจะทำให้เรามีการไตร่ตรองมากขึ้น
9. จัดห้องให้เป็นระเบียบ
อันนี้เป็นหลักจิตวิทยาอีกข้อที่เหมือนจะไม่เกี่ยว แต่จริงๆแล้วเกี่ยวมากๆ เพราะการอยู่ในที่ที่มีความเป็นระเบียบ สะอาดสะอ้าน จะทำให้สุขภาพจิตดี และมีผลต่อการเลือกกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น
ในการกลับกัน ถ้าอยู่ในห้องรกๆ จะทำให้ขี้เกียจ, เบื่อ, มีแนวโน้มกินอาหารขยะมากขึ้นนั้นเอง สังเกตได้ง่ายช่วงไหนสอบ ห้องรก ชีทเต็มโต๊ะ อาหารขยะ ขนมนมเนย น้ำหวานก็จัดเต็มเช่นกันจ้า 555
10. ให้รางวัลตัวเองบ้าง
#อันนี้จริงจัง การให้รางวัลตัวเองจะทำให้เราไม่เครียดกับการลดความอ้วนมากจนเกินไปนัก (ถ้าเครียดมากเราจะหลุดตั้งแต่แรกๆแล้วกลับมาสวาปามอย่างบ้าคลั่งแน่นอน) เลยทำให้เราสุขภาพจิตดีไม่กดดันและสามารถทำลดความอ้วนจนถึงเป้าหมายได้
///////////////
สุดท้ายอย่าลืมออกกำลังกายนะจ๊ะ
การออกกำลังกายนอกจากจะช่วยเพิ่มการเผาพลาญแล้ว ยังช่วยลดความเครียด และช่วยหลั่งสารแห่งความสุขเพิ่มขึ้นอีกด้วย
++++++++++++++++++++
ข้อมูลมาจาก #เพจรู้ยัง
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=983373205096074&id=934427066657355
ลองเข้าไปอ่านได้นะคะ สำหรับใครที่สนใจ
ขอบอกว่า จขกท. ตั้งใจทำมากๆ อยากแบ่งปันสิ่งดีๆที่คิดว่าเป็นประโยชน์ให้แก่เพื่อนๆน่ะค่ะ
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ