ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ คุณ เจ้าหญิงงัวเงีย, คุณ เปรียว sixtyone, น้องดาว Lady Star 919, คุณนัน turtle_cheesecake, จารย์จี GTW, คุณแอนนี่ annie <harmonica>, คุณลิ ลายลิขิต, คุณ ออมอำพัน, คุณ สมาชิกหมายเลข 1065771, เป่าชาง, คุณ อุรุเวลา, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, คุณ nasa nasa, คุณ มานีโอลา
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนหน้าค่ะ
บทนำ - บทที่ 1
http://pantip.com/topic/35939682
บทที่ 2
http://pantip.com/topic/35949094
บทที่ 3
http://pantip.com/topic/35952735
บทที่ 4
http://pantip.com/topic/35959348
บทที่ 5
http://pantip.com/topic/35965068
บทที่ 6
https://pantip.com/topic/35967281
บทที่ 7
https://pantip.com/topic/35972274
บทที่ 8
https://pantip.com/topic/35978915
บทที่ 9
https://pantip.com/topic/35985669
บทที่ 10
https://pantip.com/topic/35992032
บทที่ 11
https://pantip.com/topic/35999142
บทที่ 12
"อาอยากชวนเขตไปด้วย ไม่ได้พักร้อนมานานเป็นปีแล้วไม่ใช่รึ"
เขตหันมองผู้พูดซึ่งนั่งเด่นเป็นสง่าอยู่ที่หัวโต๊ะอย่างคาดไม่ถึง ธนาไม่เคยชวนไปพักร้อนด้วยมาก่อนเลย แล้วนี่เกิดอะไรขึ้น
"มีคนบอกขายที่แถวนั้น อาว่าจะลองไปดู คิดว่าจะซื้อที่ติดทะเลทำรีสอร์ต อยากให้เขตไปช่วยๆ ดูให้หน่อย เขตตาดี ช่วยไปดูว่าจะไหวไหม เพราะสมุยยังเรียกได้ว่าเป็นบ้านป่าเมืองดง ไม่รู้ว่าทำรีสอร์ตระดับดีหน่อยแล้วจะมีคนไปพักหรือเปล่า"
คนถูกชวนมีสีหน้ากลุ้มใจจนปิดไม่มิด รู้นิสัยของนักธุรกิจสูงวัยผู้นี้ดี ทำกิจการมาด้วยกันก็นานปี ไม่ว่าจะทำอะไร ธนามีแผนอยู่ในใจเสมอ
"ผมคงไปด้วยไม่ได้ครับอา กำลังจะไปทำบุญบ้านที่แม่ฮ่องสอน คงต้องอยู่ที่นั่นหลายวัน" คิดว่าในสภาพการณ์แบบนี้ไม่มีอะไรดีไปกว่าบอกตามตรง ในเมื่อมีข้ออ้างที่ดีอยู่แล้ว
หญิงสาวซึ่งนั่งข้างๆ ขัดขึ้นทันควัน
"ทำบุญบ้าน? ไม่เห็นพี่เขตบอกนิดเลย"
"ก็ไม่ใช่งานใหญ่โตอะไรหรอกนิด บ้านหลังนั้นยังไม่เคยทำบุญกันเลย แม้แต่ช่วงที่มีเรื่องร้ายเกิดขึ้นติดๆ กันก็ไม่มีใครคิดจะทำบุญบ้าน พี่คิดว่าทำเสียทีก็ดีเหมือนกัน"
เขาหันกลับไปทางผู้เป็นประมุขของบ้านที่หัวโต๊ะตัวยาวอีกครั้ง
"คิดว่าจะตั้งศาลพระภูมิด้วยครับ"
ธนาไม่มีความคิดเห็นในเรื่องทำนองนั้น เหตุก็เพราะไม่เคยสนใจ จึงได้เงียบเสีย ไม่คิดจะคะยั้นคะยอหนุ่มใหญ่ผู้เป็นที่หมายปองของลูกสาวอีก
"ถ้างั้นนิดไม่ไปสมุยนะคะพ่อ จะไปช่วยพี่เขตทำบุญบ้าน"
เขตหันขวับมามองผู้พูด
"อย่าเลยนิด ยุ่งยากเปล่าๆ นี่ก็ยังไม่ได้กำหนดวันแน่นอนว่าจะทำบุญวันไหน พี่ว่างเมื่อไหร่ ก็จะขึ้นไปเมื่อนั้น แล้วก็จะทำบุญกันตอนนั้นเลย"
"ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่คะ พี่เขตไปเมื่อไหร่ก็ไป ส่วนนิดบินไปเองได้ แล้วพี่เขตช่วยไปรับที่สนามบินด้วย หรือถ้าพี่เขตได้วันแน่นอนแล้ว ก็ขอนิดติดรถไปด้วย นิดไม่ได้ไปที่นั่นสองปีแล้วมั้งคะ"
เขตลอบถอนใจอย่างหนักอก จะปฏิเสธในเวลานี้ก็เกรงใจผู้เป็นบิดาของหญิงสาว รู้ว่าธนาตามใจลูกเพียงไร อีกอย่าง ธนิดาก็เคยไปที่บ้านหลังนั้นออกบ่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อครั้งที่สมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัวของเขายังมีชีวิตอยู่กันพร้อมหน้า
เขตมาถึงบ้านของธนาก็เมื่อเริ่มมืดแล้ว บ้านหลังใหญ่โต ราคาไม่ต่ำกว่าสิบล้าน ในสมัยที่บ้านจัดสรรมีราคาเริ่มต้นที่แสนบาท ที่นี่ให้ความรู้สึกตรงข้ามกับบ้านหลังเล็กๆ ที่เพิ่งจากมา ทุกครั้งที่มาที่นี่ เขตไม่เคยรู้สึกอยากอยู่นานเลยแม้แต่ครั้งเดียว มีอะไรหลายๆ อย่างเกี่ยวกับครอบครัวนี้ที่คล้ายคลึงกับครอบครัวของเขา พ่อของเขาอาจดีกว่าหน่อยที่นับจำนวนได้ว่ามีลูกกี่คน ในขณะที่ธนามีลูกนับคนไม่ถ้วน ลูกที่เกิดจากภรรยาน้อยสามคน แม่ของธนิดาเองก็ไม่ใช่ภรรยาหลวง เป็นภรรยาคนที่สอง เมื่อไม่มีลูกกับภรรยาคนแรก ก็ใช้เรื่องนั้นเป็นข้ออ้างเพื่อมีคนที่สอง ภรรยาคนแรกเป็นผู้หญิงที่พ่อแม่จัดหาไว้ให้ตามแบบครอบครัวคนจีนหัวเก่าที่ยังยึดมั่นในขนบประเพณี ธนาไม่เคยยกย่องภรรยาคนนั้นให้ออกหน้าออกตา
ภรรยาคนที่สองนี้มาจากครอบครัวที่มีทั้งฐานะและชาติตระกูล หล่อนจึงช่วยส่งเสริมความมั่นคงและความมีหน้ามีตาของผู้เป็นสามีได้ไม่น้อย ยิ่งเมื่อมีลูกด้วยกัน...แม้จะเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวก็ตาม...ฐานะของหล่อนก็ตีตื้นขึ้นมาเป็นภรรยาหลวงไปโดยปริยาย และหญิงสูงวัยผู้มีงานวันเกิดในวันนี้ก็ใช้ตำแหน่งนั้นอย่างคุ้มค่าด้วยการกดภรรยาคนอื่น ทั้งภรรยาในที่ลับและที่แจ้ง ให้อยู่ใต้อำนาจได้อย่างสิ้นเชิง
ครอบครัวของธนาไม่เคยมีความสงบ มีแต่การชิงดีชิงเด่นกันระหว่างลูกๆ ระหว่างบรรดาเมียๆ และผู้เป็นคนกลางก็แก้ปัญหาความวุ่นวายเหล่านั้นด้วยการออกไปหา 'ตัวเล็กๆ' คนอื่นต่อไปอีก เมื่อไรไปติดใครอยู่ที่ไหน ก็จะติดหนึบอยู่ที่นั่น บางครั้งก็ไปสร้างลูกคนใหม่เพิ่มขึ้นด้วย ในขณะที่ภายในบ้าน คุณสายสมร…ผู้เป็นภรรยาคนรอง ก็แสดงบทนางพญาอย่างเต็มที่
ธนิดาก็ใช่ย่อยไปกว่ากัน นิสัยของหล่อนไม่เพี้ยนผิดไปจากแม่แม้แต่น้อย
ยิ่งวันเขตยิ่งรู้ตัวว่าไม่ว่าจะพยายามอย่างไร ก็ดูเหมือนจะเลี่ยงหนีจากครอบครัวนี้ไม่ได้เอาเสียเลย
เมื่อมาถึงหน้าบ้าน ประตูบ้านยังคงเปิดไว้กว้างเหมือนเช่นเคย เป็นธรรมดาของบ้านหลังนี้ที่มีผู้คนเข้าๆ ออกๆ ไม่ขาดสาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันเสาร์อย่างเช่นวันนี้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นวันเกิดของภรรยาออกหน้าออกตาของประมุขของบ้านด้วยแล้ว เมื่อกลางวันคงมีรถเลี้ยวเข้าเลี้ยวออกหนาแน่น ดังนั้นเมื่อขับผ่านประตูเข้าไปภายใน จึงอดโล่งใจไม่ได้ที่เห็นมีรถราคาสูงลิ่วจอดอยู่ในโรงรถเพียงสามคัน เป็นรถที่จำได้ดี สองคันเป็นของธนาและภรรยา รถสีขาวอีกคันเป็นของธนิดา แสดงว่าแขกที่มาในงานวันเกิดกลับกันหมดแล้ว
และเมื่อเจ้าของบ้านชวนให้อยู่รับประทานอาหารเย็นด้วย ก็จำต้องตอบรับอย่างเสียมิได้
หลังอาหารเย็น เขตขอตัวกลับทันที อ้างว่ามีงานต้องทำในเช้าวันรุ่งขึ้น ธนิดาเดินมาส่งที่รถ ยังคงออดอ้อนขอตามไปแม่ฮ่องสอนด้วย จนเขาจำต้องยอมเพื่อตัดความรำคาญ
อารมณ์ขุ่นมัวเลือนหายไปหมดสิ้นในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้นเมื่อขับรถมาจอดชิดรั้วไม้หน้าบ้านหลังเล็กหลังเดิม แล้วเห็นร่างโปร่งในชุดเสื้อดำกางเกงดำวิ่งออกมาเปิดประตูรั้วให้
"เอารถเข้ามาข้างในมั้ยคะ" เธอถามเมื่อเขาเปิดประตูลงจากรถแล้ว
"ไม่เป็นไรหรอกต้า จอดไว้นี่แหละ มาเร็วกว่าที่นัดไว้ คงไม่เป็นไรนะ" เขาแสร้งทำเป็นยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู ทั้งที่รู้และตั้งใจจะมาเร็วกว่าที่บอกไว้เมื่อคืนอยู่แล้ว
ปณิตาเปิดประตูคอยจนนายจ้างหนุ่มใหญ่เดินเข้ามาภายในก่อน แล้วปล่อยให้เขาเป็นคนปิดประตูรั้วเอง…ราวคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้เสียเหลือเกิน
"ไม่เป็นไรค่ะคุณเขต"
ร่างอวบๆ ของเจ้าบ้านกระวีกระวาดออกมาต้อนรับที่หน้าบ้าน
"ทานอะไรมาหรือยังคะ"
คนถูกถามยิ้มแฉ่ง "ยังเลยครับคุณศรีนวล ตั้งใจจะมาทวงที่คุณศรีนวลชวนทานอาหารเย็นเมื่อวานนี่แหละครับ"
"แหม! ดีเลยค่ะ ต้าทำข้าวต้มเมื่อกี้นี้ เชิญค่ะ เชิญ" ตามองเลยชายหนุ่มไปบอกหลานสาวที่เดินตามมาข้างหลัง "ตักข้าวต้มให้คุณเขตอีกที่นะต้า"
เขตเหลียวมองเมื่อฝ่ายนั้นที่ทำท่ายอบตัวจะผ่านเข้าไปในบ้านก่อน
"ทำข้าวต้มอะไรล่ะ"
"ข้าวต้มหมูค่ะ"
และข้าวต้มหมูชามใหญ่นั้นก็ส่งกลิ่นหอมอบอวลจนเขารู้ว่าคิดไม่ผิดที่รีบออกจากบ้านมาแต่หัววันอย่างนี้ นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้นั่งทานอาหารเช้าอย่างเป็นเรื่องเป็นราว บ้านที่อยู่คนเดียวมานานปีมีแม่บ้านทำอาหารให้ เช้าๆ แทบไม่เคยมีเวลาทานอะไรอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเลยสักครั้ง ด้วยเหตุที่ต้องรีบไปทำงาน ยิ่งเมื่อไม่มีใครคนอื่นจะนั่งทานด้วย ก็ยิ่งไม่อยากอ้อยอิ่งอยู่คนเดียวที่โต๊ะว่างๆ
เหลือบดูมือเล็กๆ กำลังเลื่อนเครื่องปรุงไม่ว่าจะเป็นกระเทียมเจียว ตังฉ่าย หรือแม้แต่พริกน้ำส้ม รวมทั้งผักชีมาให้ตรงหน้า
"คุณเขตคงไม่ถือนะคะ ส่วนใหญ่เป็นของเหลือจากเมื่อวานแหละค่ะ ข้าวที่เหลือก็ต้มเป็นข้าวต้มนี่ล่ะค่ะ" ปณตาออกตัวเกรงอกเกรงใจ น่าแปลกที่เช้าวันนี้ไม่กล้าสบตาเขา ได้แต่ก้มดูถ้วยใส่กระเทียมเจียวแทน
"ถืออะไรกันล่ะ ไม่ได้ลิ้มรสข้าวต้มหอมน่ากินแบบนี้มานานเต็มทีแล้ว" คำชมนั้นจริงใจเป็นที่สุด ไม่คิดว่าจำเป็นต้องเติมเครื่องปรุงอะไรอีกด้วยซ้ำ
คนถูกชมยิ้มกว้าง เหลือบขึ้น สบตาสีน้ำตาลไหม้ที่กำลังจ้องมอง แล้วมีอันต้องหลบอีก อะไรบางอย่างในดวงตาคู่นั้นทำให้หน้าร้อนวูบวาบไปหมด คงเป็นคำพูดของอรรณพนั่นเองที่ทำให้มองหน้านายจ้างคนนี้ยากขึ้นทุกที
"เอ่อ...ข้าวเหลือจากเลี้ยงคนในงานศพแบบนี้ คุณเขตคงไม่ถือ" ป้าศรีนวลออกตัวตามหลานบ้าง
"ถืออะไรได้ละครับคุณศรีนวล อร่อยอย่างนี้ เพิ่งรู้นะนี่ ว่าต้าทำอาหารเก่งเหมือนกัน”
ไม่ชมเปล่า ยังตักข้าวต้มเต็มช้อนส่งเข้าปาก แล้วทำหน้าพึงพอใจเสียใหญ่โต ก่อนนึกอะไรขึ้นได้
“คุณศรีนวลครับ วันก่อนผมแวะไปรับของของคุณยายที่โรงพยาบาล” เขาเอ่ยคำว่า คุณยาย อย่างสนิทปาก “ผมติดรถมาด้วย ลังใหญ่เชียวครับ”
คุ้มสีทอง (บทที่ 12)
ขอบคุณ คุณ เจ้าหญิงงัวเงีย, คุณ เปรียว sixtyone, น้องดาว Lady Star 919, คุณนัน turtle_cheesecake, จารย์จี GTW, คุณแอนนี่ annie <harmonica>, คุณลิ ลายลิขิต, คุณ ออมอำพัน, คุณ สมาชิกหมายเลข 1065771, เป่าชาง, คุณ อุรุเวลา, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, คุณ nasa nasa, คุณ มานีโอลา
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนหน้าค่ะ
บทนำ - บทที่ 1 http://pantip.com/topic/35939682
บทที่ 2 http://pantip.com/topic/35949094
บทที่ 3 http://pantip.com/topic/35952735
บทที่ 4 http://pantip.com/topic/35959348
บทที่ 5 http://pantip.com/topic/35965068
บทที่ 6 https://pantip.com/topic/35967281
บทที่ 7 https://pantip.com/topic/35972274
บทที่ 8 https://pantip.com/topic/35978915
บทที่ 9 https://pantip.com/topic/35985669
บทที่ 10 https://pantip.com/topic/35992032
บทที่ 11 https://pantip.com/topic/35999142
"อาอยากชวนเขตไปด้วย ไม่ได้พักร้อนมานานเป็นปีแล้วไม่ใช่รึ"
เขตหันมองผู้พูดซึ่งนั่งเด่นเป็นสง่าอยู่ที่หัวโต๊ะอย่างคาดไม่ถึง ธนาไม่เคยชวนไปพักร้อนด้วยมาก่อนเลย แล้วนี่เกิดอะไรขึ้น
"มีคนบอกขายที่แถวนั้น อาว่าจะลองไปดู คิดว่าจะซื้อที่ติดทะเลทำรีสอร์ต อยากให้เขตไปช่วยๆ ดูให้หน่อย เขตตาดี ช่วยไปดูว่าจะไหวไหม เพราะสมุยยังเรียกได้ว่าเป็นบ้านป่าเมืองดง ไม่รู้ว่าทำรีสอร์ตระดับดีหน่อยแล้วจะมีคนไปพักหรือเปล่า"
คนถูกชวนมีสีหน้ากลุ้มใจจนปิดไม่มิด รู้นิสัยของนักธุรกิจสูงวัยผู้นี้ดี ทำกิจการมาด้วยกันก็นานปี ไม่ว่าจะทำอะไร ธนามีแผนอยู่ในใจเสมอ
"ผมคงไปด้วยไม่ได้ครับอา กำลังจะไปทำบุญบ้านที่แม่ฮ่องสอน คงต้องอยู่ที่นั่นหลายวัน" คิดว่าในสภาพการณ์แบบนี้ไม่มีอะไรดีไปกว่าบอกตามตรง ในเมื่อมีข้ออ้างที่ดีอยู่แล้ว
หญิงสาวซึ่งนั่งข้างๆ ขัดขึ้นทันควัน
"ทำบุญบ้าน? ไม่เห็นพี่เขตบอกนิดเลย"
"ก็ไม่ใช่งานใหญ่โตอะไรหรอกนิด บ้านหลังนั้นยังไม่เคยทำบุญกันเลย แม้แต่ช่วงที่มีเรื่องร้ายเกิดขึ้นติดๆ กันก็ไม่มีใครคิดจะทำบุญบ้าน พี่คิดว่าทำเสียทีก็ดีเหมือนกัน"
เขาหันกลับไปทางผู้เป็นประมุขของบ้านที่หัวโต๊ะตัวยาวอีกครั้ง
"คิดว่าจะตั้งศาลพระภูมิด้วยครับ"
ธนาไม่มีความคิดเห็นในเรื่องทำนองนั้น เหตุก็เพราะไม่เคยสนใจ จึงได้เงียบเสีย ไม่คิดจะคะยั้นคะยอหนุ่มใหญ่ผู้เป็นที่หมายปองของลูกสาวอีก
"ถ้างั้นนิดไม่ไปสมุยนะคะพ่อ จะไปช่วยพี่เขตทำบุญบ้าน"
เขตหันขวับมามองผู้พูด
"อย่าเลยนิด ยุ่งยากเปล่าๆ นี่ก็ยังไม่ได้กำหนดวันแน่นอนว่าจะทำบุญวันไหน พี่ว่างเมื่อไหร่ ก็จะขึ้นไปเมื่อนั้น แล้วก็จะทำบุญกันตอนนั้นเลย"
"ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่คะ พี่เขตไปเมื่อไหร่ก็ไป ส่วนนิดบินไปเองได้ แล้วพี่เขตช่วยไปรับที่สนามบินด้วย หรือถ้าพี่เขตได้วันแน่นอนแล้ว ก็ขอนิดติดรถไปด้วย นิดไม่ได้ไปที่นั่นสองปีแล้วมั้งคะ"
เขตลอบถอนใจอย่างหนักอก จะปฏิเสธในเวลานี้ก็เกรงใจผู้เป็นบิดาของหญิงสาว รู้ว่าธนาตามใจลูกเพียงไร อีกอย่าง ธนิดาก็เคยไปที่บ้านหลังนั้นออกบ่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อครั้งที่สมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัวของเขายังมีชีวิตอยู่กันพร้อมหน้า
เขตมาถึงบ้านของธนาก็เมื่อเริ่มมืดแล้ว บ้านหลังใหญ่โต ราคาไม่ต่ำกว่าสิบล้าน ในสมัยที่บ้านจัดสรรมีราคาเริ่มต้นที่แสนบาท ที่นี่ให้ความรู้สึกตรงข้ามกับบ้านหลังเล็กๆ ที่เพิ่งจากมา ทุกครั้งที่มาที่นี่ เขตไม่เคยรู้สึกอยากอยู่นานเลยแม้แต่ครั้งเดียว มีอะไรหลายๆ อย่างเกี่ยวกับครอบครัวนี้ที่คล้ายคลึงกับครอบครัวของเขา พ่อของเขาอาจดีกว่าหน่อยที่นับจำนวนได้ว่ามีลูกกี่คน ในขณะที่ธนามีลูกนับคนไม่ถ้วน ลูกที่เกิดจากภรรยาน้อยสามคน แม่ของธนิดาเองก็ไม่ใช่ภรรยาหลวง เป็นภรรยาคนที่สอง เมื่อไม่มีลูกกับภรรยาคนแรก ก็ใช้เรื่องนั้นเป็นข้ออ้างเพื่อมีคนที่สอง ภรรยาคนแรกเป็นผู้หญิงที่พ่อแม่จัดหาไว้ให้ตามแบบครอบครัวคนจีนหัวเก่าที่ยังยึดมั่นในขนบประเพณี ธนาไม่เคยยกย่องภรรยาคนนั้นให้ออกหน้าออกตา
ภรรยาคนที่สองนี้มาจากครอบครัวที่มีทั้งฐานะและชาติตระกูล หล่อนจึงช่วยส่งเสริมความมั่นคงและความมีหน้ามีตาของผู้เป็นสามีได้ไม่น้อย ยิ่งเมื่อมีลูกด้วยกัน...แม้จะเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวก็ตาม...ฐานะของหล่อนก็ตีตื้นขึ้นมาเป็นภรรยาหลวงไปโดยปริยาย และหญิงสูงวัยผู้มีงานวันเกิดในวันนี้ก็ใช้ตำแหน่งนั้นอย่างคุ้มค่าด้วยการกดภรรยาคนอื่น ทั้งภรรยาในที่ลับและที่แจ้ง ให้อยู่ใต้อำนาจได้อย่างสิ้นเชิง
ครอบครัวของธนาไม่เคยมีความสงบ มีแต่การชิงดีชิงเด่นกันระหว่างลูกๆ ระหว่างบรรดาเมียๆ และผู้เป็นคนกลางก็แก้ปัญหาความวุ่นวายเหล่านั้นด้วยการออกไปหา 'ตัวเล็กๆ' คนอื่นต่อไปอีก เมื่อไรไปติดใครอยู่ที่ไหน ก็จะติดหนึบอยู่ที่นั่น บางครั้งก็ไปสร้างลูกคนใหม่เพิ่มขึ้นด้วย ในขณะที่ภายในบ้าน คุณสายสมร…ผู้เป็นภรรยาคนรอง ก็แสดงบทนางพญาอย่างเต็มที่
ธนิดาก็ใช่ย่อยไปกว่ากัน นิสัยของหล่อนไม่เพี้ยนผิดไปจากแม่แม้แต่น้อย
ยิ่งวันเขตยิ่งรู้ตัวว่าไม่ว่าจะพยายามอย่างไร ก็ดูเหมือนจะเลี่ยงหนีจากครอบครัวนี้ไม่ได้เอาเสียเลย
เมื่อมาถึงหน้าบ้าน ประตูบ้านยังคงเปิดไว้กว้างเหมือนเช่นเคย เป็นธรรมดาของบ้านหลังนี้ที่มีผู้คนเข้าๆ ออกๆ ไม่ขาดสาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันเสาร์อย่างเช่นวันนี้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นวันเกิดของภรรยาออกหน้าออกตาของประมุขของบ้านด้วยแล้ว เมื่อกลางวันคงมีรถเลี้ยวเข้าเลี้ยวออกหนาแน่น ดังนั้นเมื่อขับผ่านประตูเข้าไปภายใน จึงอดโล่งใจไม่ได้ที่เห็นมีรถราคาสูงลิ่วจอดอยู่ในโรงรถเพียงสามคัน เป็นรถที่จำได้ดี สองคันเป็นของธนาและภรรยา รถสีขาวอีกคันเป็นของธนิดา แสดงว่าแขกที่มาในงานวันเกิดกลับกันหมดแล้ว
และเมื่อเจ้าของบ้านชวนให้อยู่รับประทานอาหารเย็นด้วย ก็จำต้องตอบรับอย่างเสียมิได้
หลังอาหารเย็น เขตขอตัวกลับทันที อ้างว่ามีงานต้องทำในเช้าวันรุ่งขึ้น ธนิดาเดินมาส่งที่รถ ยังคงออดอ้อนขอตามไปแม่ฮ่องสอนด้วย จนเขาจำต้องยอมเพื่อตัดความรำคาญ
อารมณ์ขุ่นมัวเลือนหายไปหมดสิ้นในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้นเมื่อขับรถมาจอดชิดรั้วไม้หน้าบ้านหลังเล็กหลังเดิม แล้วเห็นร่างโปร่งในชุดเสื้อดำกางเกงดำวิ่งออกมาเปิดประตูรั้วให้
"เอารถเข้ามาข้างในมั้ยคะ" เธอถามเมื่อเขาเปิดประตูลงจากรถแล้ว
"ไม่เป็นไรหรอกต้า จอดไว้นี่แหละ มาเร็วกว่าที่นัดไว้ คงไม่เป็นไรนะ" เขาแสร้งทำเป็นยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู ทั้งที่รู้และตั้งใจจะมาเร็วกว่าที่บอกไว้เมื่อคืนอยู่แล้ว
ปณิตาเปิดประตูคอยจนนายจ้างหนุ่มใหญ่เดินเข้ามาภายในก่อน แล้วปล่อยให้เขาเป็นคนปิดประตูรั้วเอง…ราวคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้เสียเหลือเกิน
"ไม่เป็นไรค่ะคุณเขต"
ร่างอวบๆ ของเจ้าบ้านกระวีกระวาดออกมาต้อนรับที่หน้าบ้าน
"ทานอะไรมาหรือยังคะ"
คนถูกถามยิ้มแฉ่ง "ยังเลยครับคุณศรีนวล ตั้งใจจะมาทวงที่คุณศรีนวลชวนทานอาหารเย็นเมื่อวานนี่แหละครับ"
"แหม! ดีเลยค่ะ ต้าทำข้าวต้มเมื่อกี้นี้ เชิญค่ะ เชิญ" ตามองเลยชายหนุ่มไปบอกหลานสาวที่เดินตามมาข้างหลัง "ตักข้าวต้มให้คุณเขตอีกที่นะต้า"
เขตเหลียวมองเมื่อฝ่ายนั้นที่ทำท่ายอบตัวจะผ่านเข้าไปในบ้านก่อน
"ทำข้าวต้มอะไรล่ะ"
"ข้าวต้มหมูค่ะ"
และข้าวต้มหมูชามใหญ่นั้นก็ส่งกลิ่นหอมอบอวลจนเขารู้ว่าคิดไม่ผิดที่รีบออกจากบ้านมาแต่หัววันอย่างนี้ นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้นั่งทานอาหารเช้าอย่างเป็นเรื่องเป็นราว บ้านที่อยู่คนเดียวมานานปีมีแม่บ้านทำอาหารให้ เช้าๆ แทบไม่เคยมีเวลาทานอะไรอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเลยสักครั้ง ด้วยเหตุที่ต้องรีบไปทำงาน ยิ่งเมื่อไม่มีใครคนอื่นจะนั่งทานด้วย ก็ยิ่งไม่อยากอ้อยอิ่งอยู่คนเดียวที่โต๊ะว่างๆ
เหลือบดูมือเล็กๆ กำลังเลื่อนเครื่องปรุงไม่ว่าจะเป็นกระเทียมเจียว ตังฉ่าย หรือแม้แต่พริกน้ำส้ม รวมทั้งผักชีมาให้ตรงหน้า
"คุณเขตคงไม่ถือนะคะ ส่วนใหญ่เป็นของเหลือจากเมื่อวานแหละค่ะ ข้าวที่เหลือก็ต้มเป็นข้าวต้มนี่ล่ะค่ะ" ปณตาออกตัวเกรงอกเกรงใจ น่าแปลกที่เช้าวันนี้ไม่กล้าสบตาเขา ได้แต่ก้มดูถ้วยใส่กระเทียมเจียวแทน
"ถืออะไรกันล่ะ ไม่ได้ลิ้มรสข้าวต้มหอมน่ากินแบบนี้มานานเต็มทีแล้ว" คำชมนั้นจริงใจเป็นที่สุด ไม่คิดว่าจำเป็นต้องเติมเครื่องปรุงอะไรอีกด้วยซ้ำ
คนถูกชมยิ้มกว้าง เหลือบขึ้น สบตาสีน้ำตาลไหม้ที่กำลังจ้องมอง แล้วมีอันต้องหลบอีก อะไรบางอย่างในดวงตาคู่นั้นทำให้หน้าร้อนวูบวาบไปหมด คงเป็นคำพูดของอรรณพนั่นเองที่ทำให้มองหน้านายจ้างคนนี้ยากขึ้นทุกที
"เอ่อ...ข้าวเหลือจากเลี้ยงคนในงานศพแบบนี้ คุณเขตคงไม่ถือ" ป้าศรีนวลออกตัวตามหลานบ้าง
"ถืออะไรได้ละครับคุณศรีนวล อร่อยอย่างนี้ เพิ่งรู้นะนี่ ว่าต้าทำอาหารเก่งเหมือนกัน”
ไม่ชมเปล่า ยังตักข้าวต้มเต็มช้อนส่งเข้าปาก แล้วทำหน้าพึงพอใจเสียใหญ่โต ก่อนนึกอะไรขึ้นได้
“คุณศรีนวลครับ วันก่อนผมแวะไปรับของของคุณยายที่โรงพยาบาล” เขาเอ่ยคำว่า คุณยาย อย่างสนิทปาก “ผมติดรถมาด้วย ลังใหญ่เชียวครับ”