ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ น้องดาว Lady Star 919, จารย์จี GTW, คุณลิ ลายลิขิต, คุณ เจ้าหญิงงัวเงีย คุณนัน, turtle_cheesecake, คุณ เป่าชาง, คุณ อุรุเวลา, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทนำ - บทที่ 1
http://pantip.com/topic/35939682
บทที่ 2
http://pantip.com/topic/35949094
บทที่ 3
"ทำไมถึงเรียกว่าคุ้มสีทองคะลุง"
ปณิตาถามเมื่อเห็นป้ายบริเวณทางเข้าอาณาเขตบ้าน แม้จะค่ำมืดดึกดื่นจนมองสองข้างทางแทบไม่เห็นอะไรแล้วก็ตาม แต่แสงไฟหน้ารถส่องให้เห็นป้ายนั้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในช่วงขณะที่กำลังเลี้ยวเชื่องช้าเข้าถนนลาดยางแคบๆ บ้านหลังนั้นดูเหมือนจะไม่มีรั้วหรือกำแพงกั้นขอบเขตแต่อย่างใด คงเป็นเพราะความกว้างใหญ่ที่ครอบคลุมพื้นที่ในหุบเขากว้างๆ นั้นเกือบทั้งหมด หรือไม่ก็คงเพราะตั้งอยู่โดดเดี่ยว ห่างไกลจากตัวเมืองออกมามาก ไม่มีหลังอื่นใกล้ๆ ให้ต้องมีการแบ่งเขตแดนชัดเจน
"พรุ่งนี้เช้า คุณครูตื่นเช้าๆ นะครับ แล้วลงมายืนหน้าบ้าน มองไปทางฝั่งภูเขาหลังบ้าน แล้วคุณครูจะเห็นว่าทำไม" ผู้ถูกถามตอบเป็นนัยๆ
รถโดยสารปรับอากาศคันที่ปณิตานั่งจากกรุงเทพมาถึงจุดหมายปลายทางที่แม่ฮ่องสอนช้ากว่ากำหนดร่วมสี่ชั่วโมง เหตุก็เพราะล้อหลังของรถเกิดระเบิดระหว่างทาง กว่าคนขับจะตามช่างมาเปลี่ยนยางเสร็จเรียบร้อยก็เย็นมากแล้ว ถึงตัวอำเภอเมืองเอาก็สองทุ่ม
เมื่อถึงสถานีรถช้ากว่ากำหนดหลายชั่วโมงแบบนั้น ครูสาวไม่แน่ใจว่าคนที่มารอรับกลับไปหรือยัง นับแต่เกิดเหตุให้รถต้องเสียเวลานานหลายชั่วโมง ก็ได้แต่นั่งไม่เป็นสุขมาตลอดทางที่เหลือ คิดวางแผนหลายอย่างอยู่ในใจกรณีถึงที่หมายแล้วไม่มีใครมาคอยรับ ตั้งแต่มองหาโรงแรมในตัวเมืองพักชั่วคราว จนถึงหารถเช่าต่อไปที่บ้านของนายจ้างคนใหม่ เรื่อยไปจนถึงหาโทรศัพท์โทร.ไปที่บ้านหลังนั้น เพื่อบอกให้รู้ว่ามาถึงแล้ว และได้มาถึงช้ากว่ากำหนดเพราะเหตุใด
แต่ความกังวลทั้งหลายทั้งปวงเลือนหายไปหมดสิ้นเมื่อลงจากรถแล้วเห็นร่างใหญ่ๆ ชายสูงอายุในชุดกางเกงขายาวเก่าคร่ำคร่าสีคล้ำ เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว ซึ่งก็เก่าพอกัน แกกำลังยืนชะเง้อมองอยู่ใต้ชายคาตัวอาคารเล็กๆ หลังเดียวของสถานีรถ
ผันเองก็แน่ใจว่าหญิงสาวที่ลงจากรถเกือบเป็นคนสุดท้ายคือครูคนใหม่ที่นายส่งมาจากกรุงเทพ พิจารณาจากการแต่งตัวแล้วลงความเห็นว่าเหมือนคนกรุงมากกว่าผู้โดยสารคนอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลองกะประมาณอายุดู คงพอๆ กับที่นายบอกมา
ปณิตาถูกชะตากับชายสูงอายุผู้ทำหน้าที่ขับรถตั้งแต่แรกเห็น อะไรหลายๆ อย่างเกี่ยวกับผันทำให้คิดไปถึงตาซึ่งเสียชีวิตตั้งแต่เมื่อครั้งยังเล็ก แกเป็นคนแก่ที่ใจดีเหมือนท่าทาง แม้อายุจะมากแล้ว แต่ก็ยังแข็งแรง และอาจเป็นเพราะเรือนร่างที่ใหญ่โต ทำให้ดูเป็นคนหนักแน่น แถมยังตรงไปตรงมา ไม่มีลับลมคมใน จากที่นั่งคุยกันในรถตลอดทางกว่าชั่วโมงจากสถานีรถมาจนถึงทางเข้าบ้าน พอมองเห็นนิสัยได้ชัดเจน ทุกอย่างที่ถามเกี่ยวกับความเป็นไปภายในบ้าน และเกี่ยวกับเด็กสองคนที่จะไปเป็นครูและผู้ดูแล แกจะตอบอย่างตรงไปตรงมา แต่พอถามถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของเจ้าของบ้านหลังนั้น ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของในอดีตหรือปัจจุบัน แกกลับลังเลที่จะตอบ
"พ่อแม่ของนนท์กับนิพเป็นอะไรเสียคะ"
เขตบอกปณิตาว่าหลานสองคนของเขา คนโตเป็นผู้ชายชื่อนนท์ คนเล็กเป็นผู้หญิงชื่อ นิพาดา เรียกกันเล่นๆ ว่า นิพ
นั่นเป็นคำถามหนึ่งซึ่งเมื่อถามแล้ว ชายชราแสดงอาการกระอักกระอ่วนให้เห็น สายตาที่จ้องมองถนนตรงหน้ายิ่งจ้องเขม็งกว่าเดิม ราวกับว่าการขับรถในเวลานั้นต้องใช้สมาธิสูงมาก มากจนทำให้ไม่ได้ยินคำถาม หรือคิดหาคำตอบที่เหมาะสมไม่ได้
ครู่ใหญ่ๆ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวซึ่งนั่งอยู่บนที่นั่งผู้โดยสารเงียบไป แกจึงละสายตาจากถนนแล้วหันมามอง ความมืดภายในรถทำให้พอเห็นหน้ากันก็เพียงรางๆ แต่เธอก็ยังคงจ้องมองอย่างคอยคำตอบ
"คุณท่านไม่ได้บอกคุณครูหรอกหรือ" เสียงลึกๆ พูดภาษากลางด้วยสำเนียงท้องถิ่น
พอเดาออกว่าแกหมายถึงเขต
"ไม่กล้าถามค่ะลุง คุณเขตท่าทางดุน่าดูเลย ก็เลยไม่กล้าถาม"
ผันหันกลับไปมองถนน หัวเราะหึๆ ในลำคอเมื่อได้ยินหญิงสาวแสดงความคิดเห็นที่มีต่อนายจ้างของตน มองเห็นช่องทางเปลี่ยนเรื่องพูด
"จริงๆ แล้วคุณเขตไม่ดุหรอกครับคุณ ท่านเป็นคนจริงจัง ถึงได้ดูดุ ถ้ารู้จักท่านดี จะรู้ว่าท่านไม่ดุเลย ใจดีเสียด้วยซ้ำ ผมถึงได้ไม่ไปไหน ทั้งๆ ที่แก่จนขนาดนี้แล้ว ก็ยังอยากอยู่ทำงานให้ท่านไปเรื่อยๆ อย่างนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนล่ะก็ไม่แน่" ชายสูงอายุทิ้งท้ายไว้ให้คิด
คนฟังสนใจขึ้นมาทันที "เมื่อก่อนทำไมหรือคะ"
ปณิตาละสายตาจากป่าทึบดำมืดสองข้างทาง แล้วหันมามองชายสูงวัยซึ่งกำลังเพ่งเขม็งไปที่ถนน ความมืดทั้งสองข้างทาง และถนนตรงหน้า ทำให้แกต้องเพ่งมากกว่าปกติ
"เมื่อก่อนนี้คุณท่านไม่ใช่เจ้าของที่นี่เต็มตัวนะสิครับ"
คำตอบนั้นทำให้ครูสาวประหลาดใจ
"อ้าว...แล้วเป็นของใครล่ะคะ"
"หลังจากคุณขจรเสีย คุณเขตยกให้คุณคมเป็นคนดูแล..."
ปณิตาเพิ่งรู้เมื่อครู่นี้เองว่าขจรคือพ่อของเขต มีลูกชายสองคนคือเขตและคม คำบอกเล่านั้นฟังดูแปลกๆ
"คุณเขตยกให้คุณคมดูแล?" เสียงที่ถามสะท้อนความงุนงงชัดแจ้ง
ดูเหมือนลุงผันลังเลที่จะขยายความมากไปกว่าจะบอกว่า
"ในพินัยกรรมคุณขจรยกให้คุณเขตเป็นคนดูแลรับผิดชอบทุกอย่างในครอบครัว คุณเขตก็เลยยกบ้านหลังนั้นกับที่ดินทั้งหมดให้คุณคม ตัวท่านเองไปอยู่เสียที่กรุงเทพ"
สุ้มเสียงที่ตอบคำถามอย่างไม่เต็มอกเต็มใจนั้นทำให้ปณิตาคิดได้ว่าควรเปลี่ยนเรื่องพูดเสียง
"แล้วคุณเขตละคะ ท่านมีครอบครัวของท่านเองหรือเปล่า"
ใบหน้ากร้านมีริ้วรอยของวัยที่เริ่มร่วงโรยละจากถนนมามองคนช่างถามอีกครั้ง ปกติเรื่องส่วนตัวของคุณเขตเป็นเรื่องที่เขาและทุกคนต้องการปกป้องไว้ด้วยชีวิต แต่เมื่อเห็นสีหน้าบอกชัดว่าอยากรู้จริงๆ ประกอบกับคิดว่าคำถามนั้นเป็นเรื่องทั่วๆ ไป จึงตัดสินใจบอกตามตรง
"คุณเขตไม่มีครอบครัวหรอกครับคุณครู ท่านไม่เคยแต่งงาน"
ปณิตาแปลกใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น กะประมาณอายุของชายหนุ่มผู้เป็นนายจ้างคนใหม่อย่างรวดเร็ว เขาคงมีอายุไม่น้อยกว่าปลายๆ สามสิบ อาจจะต้นสี่สิบเสียด้วยซ้ำ
"ท่านเคยมีคนรักครับ นานมาแล้ว แต่มีอันเป็นไปต้องเลิกกัน หลังจากนั้นก็ไม่เห็นว่าท่านจะสนใจมีใครอีก" ชายสูงอายุบอกต่อ หากก็ไม่ขยายความอะไรมากกว่านั้น
คนฟังได้แต่รับรู้ อดคิดไม่ได้ว่าเมื่อครั้งที่หนุ่มกว่านี้ เขตคงมีหน้าตาดีไม่น้อย แม้แต่ทุกวันนี้ ความคมคายนั้นก็ยังคงอยู่ครบถ้วน ที่มีเพิ่มขึ้นมาให้เห็นคือความภูมิฐานตามวัย อีกทั้งดูจากอุปนิสัยของเขาเท่าที่เห็นๆ ถึงแม้จะรู้จักในเวลาสั้นๆ แม้เขาจะดูเผินๆ เป็นคนจริงจัง เข้มงวด แต่ก็ดูเป็นคนดีไม่น้อย คนเราถ้ามีความห่วงใยให้คนอื่น เท่านั้นก็เพียงพอที่จะสะท้อนให้เห็นความดีงามในบุคลิกภาพ ไม่เพียงเท่านั้น ดูเขาเป็นคนที่เก่งพอตัวทีเดียวที่เป็นเจ้าของกิจการใหญ่โตแบบนั้น พอฟังออกจากคำพูดที่ชายสูงวัยผู้นี้พูดถึงเขา บอกได้ไม่ยากว่าแกซื่อสัตย์ต่อเขาเพียงไร ในเมื่อเขามีคุณสมบัติที่เรียกว่าใช้ได้แบบนั้น ทำไมเมื่อเขาเลิกกับคนรัก จึงไม่ได้แต่งงานกับใครจนบัดนี้ คุณสมบัติอย่างเขา น่าจะเป็นที่ต้องตาต้องใจของผู้หญิงหลายๆคน จะเป็นเพราะความรักฝังใจที่มีต่อผู้หญิงซึ่งเคยเป็นคนรักหรือเปล่า ที่ทำให้เขาไม่ยอมแต่งงานเมื่อสูญเสียเธอไป ถ้านั่นคือความจริง นี่คงเป็นอีกเรื่องที่น่าประทับใจเกี่ยวกับนายจ้างคนใหม่คนนี้
คุ้มสีทอง (บทที่ 3)
ขอบคุณ น้องดาว Lady Star 919, จารย์จี GTW, คุณลิ ลายลิขิต, คุณ เจ้าหญิงงัวเงีย คุณนัน, turtle_cheesecake, คุณ เป่าชาง, คุณ อุรุเวลา, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทนำ - บทที่ 1 http://pantip.com/topic/35939682
บทที่ 2 http://pantip.com/topic/35949094
"ทำไมถึงเรียกว่าคุ้มสีทองคะลุง"
ปณิตาถามเมื่อเห็นป้ายบริเวณทางเข้าอาณาเขตบ้าน แม้จะค่ำมืดดึกดื่นจนมองสองข้างทางแทบไม่เห็นอะไรแล้วก็ตาม แต่แสงไฟหน้ารถส่องให้เห็นป้ายนั้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในช่วงขณะที่กำลังเลี้ยวเชื่องช้าเข้าถนนลาดยางแคบๆ บ้านหลังนั้นดูเหมือนจะไม่มีรั้วหรือกำแพงกั้นขอบเขตแต่อย่างใด คงเป็นเพราะความกว้างใหญ่ที่ครอบคลุมพื้นที่ในหุบเขากว้างๆ นั้นเกือบทั้งหมด หรือไม่ก็คงเพราะตั้งอยู่โดดเดี่ยว ห่างไกลจากตัวเมืองออกมามาก ไม่มีหลังอื่นใกล้ๆ ให้ต้องมีการแบ่งเขตแดนชัดเจน
"พรุ่งนี้เช้า คุณครูตื่นเช้าๆ นะครับ แล้วลงมายืนหน้าบ้าน มองไปทางฝั่งภูเขาหลังบ้าน แล้วคุณครูจะเห็นว่าทำไม" ผู้ถูกถามตอบเป็นนัยๆ
รถโดยสารปรับอากาศคันที่ปณิตานั่งจากกรุงเทพมาถึงจุดหมายปลายทางที่แม่ฮ่องสอนช้ากว่ากำหนดร่วมสี่ชั่วโมง เหตุก็เพราะล้อหลังของรถเกิดระเบิดระหว่างทาง กว่าคนขับจะตามช่างมาเปลี่ยนยางเสร็จเรียบร้อยก็เย็นมากแล้ว ถึงตัวอำเภอเมืองเอาก็สองทุ่ม
เมื่อถึงสถานีรถช้ากว่ากำหนดหลายชั่วโมงแบบนั้น ครูสาวไม่แน่ใจว่าคนที่มารอรับกลับไปหรือยัง นับแต่เกิดเหตุให้รถต้องเสียเวลานานหลายชั่วโมง ก็ได้แต่นั่งไม่เป็นสุขมาตลอดทางที่เหลือ คิดวางแผนหลายอย่างอยู่ในใจกรณีถึงที่หมายแล้วไม่มีใครมาคอยรับ ตั้งแต่มองหาโรงแรมในตัวเมืองพักชั่วคราว จนถึงหารถเช่าต่อไปที่บ้านของนายจ้างคนใหม่ เรื่อยไปจนถึงหาโทรศัพท์โทร.ไปที่บ้านหลังนั้น เพื่อบอกให้รู้ว่ามาถึงแล้ว และได้มาถึงช้ากว่ากำหนดเพราะเหตุใด
แต่ความกังวลทั้งหลายทั้งปวงเลือนหายไปหมดสิ้นเมื่อลงจากรถแล้วเห็นร่างใหญ่ๆ ชายสูงอายุในชุดกางเกงขายาวเก่าคร่ำคร่าสีคล้ำ เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว ซึ่งก็เก่าพอกัน แกกำลังยืนชะเง้อมองอยู่ใต้ชายคาตัวอาคารเล็กๆ หลังเดียวของสถานีรถ
ผันเองก็แน่ใจว่าหญิงสาวที่ลงจากรถเกือบเป็นคนสุดท้ายคือครูคนใหม่ที่นายส่งมาจากกรุงเทพ พิจารณาจากการแต่งตัวแล้วลงความเห็นว่าเหมือนคนกรุงมากกว่าผู้โดยสารคนอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลองกะประมาณอายุดู คงพอๆ กับที่นายบอกมา
ปณิตาถูกชะตากับชายสูงอายุผู้ทำหน้าที่ขับรถตั้งแต่แรกเห็น อะไรหลายๆ อย่างเกี่ยวกับผันทำให้คิดไปถึงตาซึ่งเสียชีวิตตั้งแต่เมื่อครั้งยังเล็ก แกเป็นคนแก่ที่ใจดีเหมือนท่าทาง แม้อายุจะมากแล้ว แต่ก็ยังแข็งแรง และอาจเป็นเพราะเรือนร่างที่ใหญ่โต ทำให้ดูเป็นคนหนักแน่น แถมยังตรงไปตรงมา ไม่มีลับลมคมใน จากที่นั่งคุยกันในรถตลอดทางกว่าชั่วโมงจากสถานีรถมาจนถึงทางเข้าบ้าน พอมองเห็นนิสัยได้ชัดเจน ทุกอย่างที่ถามเกี่ยวกับความเป็นไปภายในบ้าน และเกี่ยวกับเด็กสองคนที่จะไปเป็นครูและผู้ดูแล แกจะตอบอย่างตรงไปตรงมา แต่พอถามถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของเจ้าของบ้านหลังนั้น ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของในอดีตหรือปัจจุบัน แกกลับลังเลที่จะตอบ
"พ่อแม่ของนนท์กับนิพเป็นอะไรเสียคะ"
เขตบอกปณิตาว่าหลานสองคนของเขา คนโตเป็นผู้ชายชื่อนนท์ คนเล็กเป็นผู้หญิงชื่อ นิพาดา เรียกกันเล่นๆ ว่า นิพ
นั่นเป็นคำถามหนึ่งซึ่งเมื่อถามแล้ว ชายชราแสดงอาการกระอักกระอ่วนให้เห็น สายตาที่จ้องมองถนนตรงหน้ายิ่งจ้องเขม็งกว่าเดิม ราวกับว่าการขับรถในเวลานั้นต้องใช้สมาธิสูงมาก มากจนทำให้ไม่ได้ยินคำถาม หรือคิดหาคำตอบที่เหมาะสมไม่ได้
ครู่ใหญ่ๆ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวซึ่งนั่งอยู่บนที่นั่งผู้โดยสารเงียบไป แกจึงละสายตาจากถนนแล้วหันมามอง ความมืดภายในรถทำให้พอเห็นหน้ากันก็เพียงรางๆ แต่เธอก็ยังคงจ้องมองอย่างคอยคำตอบ
"คุณท่านไม่ได้บอกคุณครูหรอกหรือ" เสียงลึกๆ พูดภาษากลางด้วยสำเนียงท้องถิ่น
พอเดาออกว่าแกหมายถึงเขต
"ไม่กล้าถามค่ะลุง คุณเขตท่าทางดุน่าดูเลย ก็เลยไม่กล้าถาม"
ผันหันกลับไปมองถนน หัวเราะหึๆ ในลำคอเมื่อได้ยินหญิงสาวแสดงความคิดเห็นที่มีต่อนายจ้างของตน มองเห็นช่องทางเปลี่ยนเรื่องพูด
"จริงๆ แล้วคุณเขตไม่ดุหรอกครับคุณ ท่านเป็นคนจริงจัง ถึงได้ดูดุ ถ้ารู้จักท่านดี จะรู้ว่าท่านไม่ดุเลย ใจดีเสียด้วยซ้ำ ผมถึงได้ไม่ไปไหน ทั้งๆ ที่แก่จนขนาดนี้แล้ว ก็ยังอยากอยู่ทำงานให้ท่านไปเรื่อยๆ อย่างนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนล่ะก็ไม่แน่" ชายสูงอายุทิ้งท้ายไว้ให้คิด
คนฟังสนใจขึ้นมาทันที "เมื่อก่อนทำไมหรือคะ"
ปณิตาละสายตาจากป่าทึบดำมืดสองข้างทาง แล้วหันมามองชายสูงวัยซึ่งกำลังเพ่งเขม็งไปที่ถนน ความมืดทั้งสองข้างทาง และถนนตรงหน้า ทำให้แกต้องเพ่งมากกว่าปกติ
"เมื่อก่อนนี้คุณท่านไม่ใช่เจ้าของที่นี่เต็มตัวนะสิครับ"
คำตอบนั้นทำให้ครูสาวประหลาดใจ
"อ้าว...แล้วเป็นของใครล่ะคะ"
"หลังจากคุณขจรเสีย คุณเขตยกให้คุณคมเป็นคนดูแล..."
ปณิตาเพิ่งรู้เมื่อครู่นี้เองว่าขจรคือพ่อของเขต มีลูกชายสองคนคือเขตและคม คำบอกเล่านั้นฟังดูแปลกๆ
"คุณเขตยกให้คุณคมดูแล?" เสียงที่ถามสะท้อนความงุนงงชัดแจ้ง
ดูเหมือนลุงผันลังเลที่จะขยายความมากไปกว่าจะบอกว่า
"ในพินัยกรรมคุณขจรยกให้คุณเขตเป็นคนดูแลรับผิดชอบทุกอย่างในครอบครัว คุณเขตก็เลยยกบ้านหลังนั้นกับที่ดินทั้งหมดให้คุณคม ตัวท่านเองไปอยู่เสียที่กรุงเทพ"
สุ้มเสียงที่ตอบคำถามอย่างไม่เต็มอกเต็มใจนั้นทำให้ปณิตาคิดได้ว่าควรเปลี่ยนเรื่องพูดเสียง
"แล้วคุณเขตละคะ ท่านมีครอบครัวของท่านเองหรือเปล่า"
ใบหน้ากร้านมีริ้วรอยของวัยที่เริ่มร่วงโรยละจากถนนมามองคนช่างถามอีกครั้ง ปกติเรื่องส่วนตัวของคุณเขตเป็นเรื่องที่เขาและทุกคนต้องการปกป้องไว้ด้วยชีวิต แต่เมื่อเห็นสีหน้าบอกชัดว่าอยากรู้จริงๆ ประกอบกับคิดว่าคำถามนั้นเป็นเรื่องทั่วๆ ไป จึงตัดสินใจบอกตามตรง
"คุณเขตไม่มีครอบครัวหรอกครับคุณครู ท่านไม่เคยแต่งงาน"
ปณิตาแปลกใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น กะประมาณอายุของชายหนุ่มผู้เป็นนายจ้างคนใหม่อย่างรวดเร็ว เขาคงมีอายุไม่น้อยกว่าปลายๆ สามสิบ อาจจะต้นสี่สิบเสียด้วยซ้ำ
"ท่านเคยมีคนรักครับ นานมาแล้ว แต่มีอันเป็นไปต้องเลิกกัน หลังจากนั้นก็ไม่เห็นว่าท่านจะสนใจมีใครอีก" ชายสูงอายุบอกต่อ หากก็ไม่ขยายความอะไรมากกว่านั้น
คนฟังได้แต่รับรู้ อดคิดไม่ได้ว่าเมื่อครั้งที่หนุ่มกว่านี้ เขตคงมีหน้าตาดีไม่น้อย แม้แต่ทุกวันนี้ ความคมคายนั้นก็ยังคงอยู่ครบถ้วน ที่มีเพิ่มขึ้นมาให้เห็นคือความภูมิฐานตามวัย อีกทั้งดูจากอุปนิสัยของเขาเท่าที่เห็นๆ ถึงแม้จะรู้จักในเวลาสั้นๆ แม้เขาจะดูเผินๆ เป็นคนจริงจัง เข้มงวด แต่ก็ดูเป็นคนดีไม่น้อย คนเราถ้ามีความห่วงใยให้คนอื่น เท่านั้นก็เพียงพอที่จะสะท้อนให้เห็นความดีงามในบุคลิกภาพ ไม่เพียงเท่านั้น ดูเขาเป็นคนที่เก่งพอตัวทีเดียวที่เป็นเจ้าของกิจการใหญ่โตแบบนั้น พอฟังออกจากคำพูดที่ชายสูงวัยผู้นี้พูดถึงเขา บอกได้ไม่ยากว่าแกซื่อสัตย์ต่อเขาเพียงไร ในเมื่อเขามีคุณสมบัติที่เรียกว่าใช้ได้แบบนั้น ทำไมเมื่อเขาเลิกกับคนรัก จึงไม่ได้แต่งงานกับใครจนบัดนี้ คุณสมบัติอย่างเขา น่าจะเป็นที่ต้องตาต้องใจของผู้หญิงหลายๆคน จะเป็นเพราะความรักฝังใจที่มีต่อผู้หญิงซึ่งเคยเป็นคนรักหรือเปล่า ที่ทำให้เขาไม่ยอมแต่งงานเมื่อสูญเสียเธอไป ถ้านั่นคือความจริง นี่คงเป็นอีกเรื่องที่น่าประทับใจเกี่ยวกับนายจ้างคนใหม่คนนี้