ตอนที่ ๔ — ห้องนิรภัยหมายเลข ๑๑๐๘
สายฝนที่ตกต่อเนื่องสามวัน ทำให้กรุงเทพฯ เหมือนเมืองที่กำลังลอยอยู่เหนือเงาโคลน
กลิ่นดินเปียกและควันรถคลุ้งปนอยู่กับกลิ่นน้ำมันเครื่องจากท่อระบายน้ำ
ท้องฟ้าสีเทาอมเหลืองคล้ายกระดาษเก่าๆ ที่โดนไฟเผาแต่ยังไหม้ไม่หมด
คมกริชนั่งนิ่งอยู่ในห้องพักเล็ก ๆ ของรัชนี ย่านบางรัก
เสียงวิทยุทรานซิสเตอร์ข้างเตียงรายงานข่าว
“พันโทวิรุฬห์ พันธะวัฒน์ อดีตนายทหารบำนาญและหุ้นส่วนบริษัทเมืองสยามประกันชีวิต
เสียชีวิตในเหตุระเบิดภายในโกดังร้างย่านคลองเตยเมื่อคืนที่ผ่านมา...”
คมกริชฟังเงียบ ๆ
ข่าวรายงานเหมือนทุกครั้ง — สั้น กระชับ และเต็มไปด้วยคำโกหก
รัชนีปิดวิทยุ “เขาตายเร็วเกินไป...”
เธอกระซิบ “เร็วจนเหมือนมีใครต้องการลบชื่อเขาออกจากสังคม ออกจากโลก”
คมกริชยังคงจ้องออกไปนอกหน้าต่าง
“คุณเห็นไหม ในแฟ้มที่เราเจอเมื่อคืน — ทุกกรมธรรม์ที่มีลายเซ็นพันโทวิรุฬห์... มีรหัสเดียวกันหมด”
รัชนีพยักหน้า “รหัส ๑๑๐๘”
“ใช่” เขาเหม่อ “ตัวเลขนั้นอาจไม่ใช่แค่รหัสกรมธรรม์ แต่มันอาจเป็นที่อยู่ของอะไรบางอย่าง”
ช่วงบ่ายวันนั้น
พวกเขาไปที่ธนาคาร “กรุงตะวัน” ซึ่งจิตราเคยเอ่ยถึง
ภายในห้องนิรภัยใต้ดินของธนาคารมีกลิ่นเหล็กเย็นๆ และเศษฝุ่นที่เกาะอยู่ตามซอกตู้ และบนเอกสารที่กองเต็มห้อง
เจ้าหน้าที่ชายวัยกลางคนเปิดแฟ้มตรวจ “กล่องนิรภัยหมายเลข ๑๑๐๘ ถูกเปิดไปเมื่อสามวันก่อนครับ โดยคนชื่อ... พันโทวิรุฬห์”
คมกริชขมวดคิ้ว “แล้วมีใครเปิดอีกหลังจากนั้นไหม?”
ชายคนนั้นส่ายหน้า “ไม่มีครับ แต่กล่องถูกล็อกซ้ำใหม่โดยบุคคลไม่ทราบชื่อ ใช้กุญแจชุดเดียวกัน”
“ผมขอดูได้ไหม”
เจ้าหน้าที่ลังเล ก่อนจะพาเดินไปยังช่องสุดท้ายของแถวที่ห่างจากแสงไฟ
หมายเลข ๑๑๐๘ ถูกปิดผนึกด้วยเทปสีเทาใหม่เอี่ยม
รอยตราประทับโลหะของธนาคารยังอุ่นอยู่ราวกับเพิ่งหล่อขึ้นใหม่ๆ
คมกริชเอื้อมมือแตะเทปนั้น — เขารู้สึกเย็นยะเยียบ จนมือแทบชา
เมื่อเปิดกล่องออก
ข้างในมีเพียงสมุดบันทึกปกหนังเก่าๆ กับรูปถ่ายใบหนึ่ง
รูปถ่ายเป็นภาพขาวดำของชายสามคนในชุดสูท
ด้านหลังเขียนว่า
“๒๕๑๖ — ปรีชา, วิรุฬห์, และ... ร.อ. กิตติ”
รัชนีมองชื่อสุดท้าย “กิตติ? ฉันเคยได้ยินชื่อนี้... เป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งกรมธรรม์พิเศษสำหรับข้าราชการ”
คมกริชเปิดสมุดบันทึก หน้าแรกมีลายมือของนายปรีชา —
“ความตายไม่ใช่จุดจบของกรมธรรม์ แต่คือการเริ่มต้นของผลประโยชน์ใหม่”
หน้าอื่น ๆ เต็มไปด้วยรหัสตัวเลข ชื่อบุคคล และวันที่
หลายชื่อถูกขีดฆ่าด้วยหมึกแดง
บางหน้ามีข้อความเขียนซ้ำ ๆ เหมือนคนเสียสติ
“๑๑๐๘ — ห้องนิรภัยแท้จริงอยู่ที่นั่น”
รัชนีหันไปถามเจ้าหน้าที่ธนาคาร “ห้องนิรภัยของที่นี่มีแค่หมายเลขใช่ไหม?”
“ครับ ไม่มีห้องแยก... แต่—” ชายคนนั้นหยุดกึก “ถ้าเป็นเมื่อก่อน ปี ๒๕๑๖ ยังมีห้องนิรภัยเดิมของทหารอยู่ใต้ชั้นนี้อีกหนึ่งชั้น...”
คมกริชสบตารัชนี “เราต้องลงไป”
พวกเขาใช้ทางเดินหลังห้องเก็บเอกสาร
บันไดเหล็กเก่าลงสู่ชั้นล่างสุด มืดจนแทบมองไม่เห็นทาง
แสงไฟฉายส่องไปเห็นผนังปูนเปียกชื้น มีป้ายโลหะขึ้นสนิมเขียนว่า “Restricted – Military Use Only”
รัชนีตัวสั่น “นี่มัน...”
คมกริชพึมพำ “ห้องนิรภัยจริง ๆ — ของกรมสวัสดิการทหาร...”
ประตูเหล็กบานใหญ่ปิดตายด้วยแม่กุญแจสมัยโบราณ
เขาสอดกุญแจที่ได้จากในสมุดบันทึกเข้าไป — เสียงโลหะหมุนดัง “แกร๊ก”
ประตูเปิดออก... กลิ่นควันและกลิ่นกระดาษเก่าๆ ลอยตีหน้า
ภายในห้องมืดนั้น มีตู้เหล็กเรียงราย และกลางห้องมีโต๊ะไม้เก่า
บนโต๊ะมีไฟฉายตั้งไว้ — และซองเอกสารสีดำใบหนึ่ง
คมกริชเปิดซองนั้น
ในนั้นมีเอกสารกรมธรรม์ฉบับหนึ่งที่เขียนชื่อ
ปรีชา ศรีอัครา
และช่อง “ผู้รับผลประโยชน์” มีเพียงชื่อเดียว —
คมกริช รัตนวัฒน์
แต่ที่น่าประหลาดคือ...
เอกสารลงวันที่ “๒๕๑๗” — ก่อนเขาเกิดสองปี
รัชนีมองหน้ากระดาษด้วยสีหน้าซีด “เป็นไปไม่ได้...”
“พ่อผมทำกรมธรรม์ไว้ก่อนผมเกิด... แล้วใส่ชื่อผม?”
“หรือบางที...” รัชนีมองเขา “เขาอาจจะรู้ว่าคุณต้องเกิดขึ้นมา — เพื่อเหตุผลบางอย่าง”
เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากข้างนอกห้อง
คมกริชคว้ารัชนีหลบหลังตู้เหล็ก
เงาของใครบางคนเดินเข้ามาช้า ๆ —
แสงไฟฉายสะท้อนบนม่านตา
หญิงร่างสูงในชุดดำก้าวเข้ามา...
“คุณจิตรา!” รัชนีอุทานเสียงแผ่ว
จิตรายืนอยู่ด้านหลังแสงไฟนั้น ในมือ ถือเอกสารอีกชุดหนึ่งแน่น
“ฉันรู้ว่าพวกคุณต้องมาที่นี่” เธอพูดช้า ๆ “เพราะที่นี่... คือที่ที่ปรีชาฝังความจริงทั้งหมด”
“คุณรู้อยู่แล้ว?” คมกริชถาม
“รู้ — แต่ไม่ได้รู้ทั้งหมด” ดวงตาเธอวูบไหว
“หลังปรีชาแต่งงานกับฉัน เขายังทำกรมธรรม์อีกหลายฉบับ โดยใช้ชื่อรหัสคนในครอบครัวฉันทั้งหมด
เขาบอกว่าทำเพื่อปกป้องเรา... แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้ว มันคือกับดัก”
เธอยื่นเอกสารให้คมกริช
“นี่คือกรมธรรม์ของศักดา... มีชื่อผู้รับผลประโยชน์คนเดียว — พันโทวิรุฬห์”
คมกริชอ่านอย่างไม่เชื่อสายตา
รัชนีหน้าเสีย “หมายความว่า... พันโทวิรุฬห์วางแผนไว้ตั้งแต่ต้น?”
“ใช่” จิตราเอ่ยเสียงเย็น
“เขาให้ปรีชาเซ็นทุกอย่าง เพื่อเปลี่ยนเส้นทางของเงินประกันทั้งหมดเข้าบัญชีบริษัทเงา
และเมื่อปรีชาเริ่มลังเล... เขาก็จัดการให้กรมธรรม์นั้น ‘สุกงอม’ ด้วยการฆ่าเจ้าของมัน”
“แล้วศักดา?”
“ศักดารู้ความจริงเมื่อคืนนี้...” เสียงจิตราสั่น
“เขาหนีออกไปเพราะรู้ว่าตัวเองจะเป็นรายต่อไป”
เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัดจากทางเดินนอกห้อง
ทั้งสามสะดุ้งพร้อมกัน
คมกริชคว้าไฟฉายวิ่งออกไป —
แต่ทันทีที่ถึงประตู เขาก็เห็นร่างชายคนหนึ่งล้มอยู่กับพื้น
เป็น
ศักดา
เลือดแดงซึมเต็มอก เสื้อฝนเปียกชุ่ม
เขาเงยหน้าขึ้นมองคมกริช “มัน... มันยังไม่จบ... พันโท... พันโทยัง... ยัง...ไม่ตาย”
แล้วลมหายใจสุดท้ายก็ขาดหายไปพร้อมเสียงฟ้าผ่า
คมกริชคุกเข่าลงข้างศพ
มือหนึ่งถือไฟฉาย อีกมือถือเอกสารที่เปื้อนเลือด
ตัวเลขบนกระดาษสะท้อนกับแสงไฟ — “๑๑๐๘”
ข้างตัวศักดามีเทปบันทึกเสียงขนาดเล็กตกอยู่
เขาหยิบขึ้นมาใส่เครื่องเล่น
เสียงในเทปคือเสียงของชายแก่ที่คมชัด
“ถ้าคุณได้ยินเสียงจากเทปม้วนนี้ แปลว่าผมไม่มีชีวิตอยู่แล้ว
ห้องนิรภัยหมายเลข ๑๑๐๘ ไม่ได้มีไว้เพื่อเก็บเงิน... มันมีไว้เพื่อเก็บรายชื่อของทุกคนที่ฆ่าตัวเองเพื่อผลประโยชน์กรมธรรม์
และบางคน... ไม่ได้ฆ่าตัวตาย”
เสียงนั้นหยุดลงด้วยเสียงปืนอีกนัด — เสียงเดียวกับที่เขาได้ยินเมื่อคืน
คมกริชหลับตาแน่น
“พ่อ... พ่อรู้อะไร... และพ่อซ่อนอะไรไว้กันแน่”
เขาได้ยินเสียงรัชนีเรียกเบา ๆ จากด้านหลัง
“คมกริช... ดูนี่สิ”
เธอชี้ไปที่ผนังด้านในสุดของห้อง
ใต้คราบปูนเก่า ๆ มีรอยขีดเป็นตัวหนังสือสลักไว้ด้วยมีด
“กรมธรรม์สังหาร – ห้องสุดท้าย”
และลูกศรเล็ก ๆ ชี้ลงสู่พื้นปูน...
ตรงนั้นมีฝาเหล็กกลมๆ ขนาดใหญ่ซ่อนอยู่ —
เมื่อเปิดออกมา ก็เผยให้เห็นบันไดแคบ ๆ พาไปสู่ห้องใต้ดินอีกชั้นหนึ่ง
คมกริชส่องแสงไฟฉายในมือลงไปในความมืดนั้น
“ข้างล่างนั่น... คือที่ๆ พ่อซ่อนคำตอบสุดท้ายไว้”
เสียงฝนตกหนักขึ้นอีกครั้ง ราวกับเมืองทั้งเมืองกำลังซักล้างเลือดและความลับในเวลาเดียวกัน
แต่ไม่มีใครรู้เลยว่า ข้างใต้ห้องนิรภัยนั้น... ยังมีอีกชั้นหนึ่ง ที่ไม่อยู่ในแผนที่ของใครเลย
จบตอนที่ ๔ — ห้องนิรภัยหมายเลข ๑๑๐๘
ว่างๆ มาแต่งนิยายต่อ ไม่รู้จะไปได้สักกี่น้ำ ขอตั้งแบบห้วนๆ ว่า "กรมธรรม์สังหาร" ขอนำส่ง ตอนที่ 4 ครับ
สายฝนที่ตกต่อเนื่องสามวัน ทำให้กรุงเทพฯ เหมือนเมืองที่กำลังลอยอยู่เหนือเงาโคลน
กลิ่นดินเปียกและควันรถคลุ้งปนอยู่กับกลิ่นน้ำมันเครื่องจากท่อระบายน้ำ
ท้องฟ้าสีเทาอมเหลืองคล้ายกระดาษเก่าๆ ที่โดนไฟเผาแต่ยังไหม้ไม่หมด
คมกริชนั่งนิ่งอยู่ในห้องพักเล็ก ๆ ของรัชนี ย่านบางรัก
เสียงวิทยุทรานซิสเตอร์ข้างเตียงรายงานข่าว
“พันโทวิรุฬห์ พันธะวัฒน์ อดีตนายทหารบำนาญและหุ้นส่วนบริษัทเมืองสยามประกันชีวิต
เสียชีวิตในเหตุระเบิดภายในโกดังร้างย่านคลองเตยเมื่อคืนที่ผ่านมา...”
คมกริชฟังเงียบ ๆ
ข่าวรายงานเหมือนทุกครั้ง — สั้น กระชับ และเต็มไปด้วยคำโกหก
รัชนีปิดวิทยุ “เขาตายเร็วเกินไป...”
เธอกระซิบ “เร็วจนเหมือนมีใครต้องการลบชื่อเขาออกจากสังคม ออกจากโลก”
คมกริชยังคงจ้องออกไปนอกหน้าต่าง
“คุณเห็นไหม ในแฟ้มที่เราเจอเมื่อคืน — ทุกกรมธรรม์ที่มีลายเซ็นพันโทวิรุฬห์... มีรหัสเดียวกันหมด”
รัชนีพยักหน้า “รหัส ๑๑๐๘”
“ใช่” เขาเหม่อ “ตัวเลขนั้นอาจไม่ใช่แค่รหัสกรมธรรม์ แต่มันอาจเป็นที่อยู่ของอะไรบางอย่าง”
ช่วงบ่ายวันนั้น
พวกเขาไปที่ธนาคาร “กรุงตะวัน” ซึ่งจิตราเคยเอ่ยถึง
ภายในห้องนิรภัยใต้ดินของธนาคารมีกลิ่นเหล็กเย็นๆ และเศษฝุ่นที่เกาะอยู่ตามซอกตู้ และบนเอกสารที่กองเต็มห้อง
เจ้าหน้าที่ชายวัยกลางคนเปิดแฟ้มตรวจ “กล่องนิรภัยหมายเลข ๑๑๐๘ ถูกเปิดไปเมื่อสามวันก่อนครับ โดยคนชื่อ... พันโทวิรุฬห์”
คมกริชขมวดคิ้ว “แล้วมีใครเปิดอีกหลังจากนั้นไหม?”
ชายคนนั้นส่ายหน้า “ไม่มีครับ แต่กล่องถูกล็อกซ้ำใหม่โดยบุคคลไม่ทราบชื่อ ใช้กุญแจชุดเดียวกัน”
“ผมขอดูได้ไหม”
เจ้าหน้าที่ลังเล ก่อนจะพาเดินไปยังช่องสุดท้ายของแถวที่ห่างจากแสงไฟ
หมายเลข ๑๑๐๘ ถูกปิดผนึกด้วยเทปสีเทาใหม่เอี่ยม
รอยตราประทับโลหะของธนาคารยังอุ่นอยู่ราวกับเพิ่งหล่อขึ้นใหม่ๆ
คมกริชเอื้อมมือแตะเทปนั้น — เขารู้สึกเย็นยะเยียบ จนมือแทบชา
เมื่อเปิดกล่องออก
ข้างในมีเพียงสมุดบันทึกปกหนังเก่าๆ กับรูปถ่ายใบหนึ่ง
รูปถ่ายเป็นภาพขาวดำของชายสามคนในชุดสูท
ด้านหลังเขียนว่า
“๒๕๑๖ — ปรีชา, วิรุฬห์, และ... ร.อ. กิตติ”
รัชนีมองชื่อสุดท้าย “กิตติ? ฉันเคยได้ยินชื่อนี้... เป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งกรมธรรม์พิเศษสำหรับข้าราชการ”
คมกริชเปิดสมุดบันทึก หน้าแรกมีลายมือของนายปรีชา —
“ความตายไม่ใช่จุดจบของกรมธรรม์ แต่คือการเริ่มต้นของผลประโยชน์ใหม่”
หน้าอื่น ๆ เต็มไปด้วยรหัสตัวเลข ชื่อบุคคล และวันที่
หลายชื่อถูกขีดฆ่าด้วยหมึกแดง
บางหน้ามีข้อความเขียนซ้ำ ๆ เหมือนคนเสียสติ
“๑๑๐๘ — ห้องนิรภัยแท้จริงอยู่ที่นั่น”
รัชนีหันไปถามเจ้าหน้าที่ธนาคาร “ห้องนิรภัยของที่นี่มีแค่หมายเลขใช่ไหม?”
“ครับ ไม่มีห้องแยก... แต่—” ชายคนนั้นหยุดกึก “ถ้าเป็นเมื่อก่อน ปี ๒๕๑๖ ยังมีห้องนิรภัยเดิมของทหารอยู่ใต้ชั้นนี้อีกหนึ่งชั้น...”
คมกริชสบตารัชนี “เราต้องลงไป”
พวกเขาใช้ทางเดินหลังห้องเก็บเอกสาร
บันไดเหล็กเก่าลงสู่ชั้นล่างสุด มืดจนแทบมองไม่เห็นทาง
แสงไฟฉายส่องไปเห็นผนังปูนเปียกชื้น มีป้ายโลหะขึ้นสนิมเขียนว่า “Restricted – Military Use Only”
รัชนีตัวสั่น “นี่มัน...”
คมกริชพึมพำ “ห้องนิรภัยจริง ๆ — ของกรมสวัสดิการทหาร...”
ประตูเหล็กบานใหญ่ปิดตายด้วยแม่กุญแจสมัยโบราณ
เขาสอดกุญแจที่ได้จากในสมุดบันทึกเข้าไป — เสียงโลหะหมุนดัง “แกร๊ก”
ประตูเปิดออก... กลิ่นควันและกลิ่นกระดาษเก่าๆ ลอยตีหน้า
ภายในห้องมืดนั้น มีตู้เหล็กเรียงราย และกลางห้องมีโต๊ะไม้เก่า
บนโต๊ะมีไฟฉายตั้งไว้ — และซองเอกสารสีดำใบหนึ่ง
คมกริชเปิดซองนั้น
ในนั้นมีเอกสารกรมธรรม์ฉบับหนึ่งที่เขียนชื่อ ปรีชา ศรีอัครา
และช่อง “ผู้รับผลประโยชน์” มีเพียงชื่อเดียว — คมกริช รัตนวัฒน์
แต่ที่น่าประหลาดคือ...
เอกสารลงวันที่ “๒๕๑๗” — ก่อนเขาเกิดสองปี
รัชนีมองหน้ากระดาษด้วยสีหน้าซีด “เป็นไปไม่ได้...”
“พ่อผมทำกรมธรรม์ไว้ก่อนผมเกิด... แล้วใส่ชื่อผม?”
“หรือบางที...” รัชนีมองเขา “เขาอาจจะรู้ว่าคุณต้องเกิดขึ้นมา — เพื่อเหตุผลบางอย่าง”
เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากข้างนอกห้อง
คมกริชคว้ารัชนีหลบหลังตู้เหล็ก
เงาของใครบางคนเดินเข้ามาช้า ๆ —
แสงไฟฉายสะท้อนบนม่านตา
หญิงร่างสูงในชุดดำก้าวเข้ามา...
“คุณจิตรา!” รัชนีอุทานเสียงแผ่ว
จิตรายืนอยู่ด้านหลังแสงไฟนั้น ในมือ ถือเอกสารอีกชุดหนึ่งแน่น
“ฉันรู้ว่าพวกคุณต้องมาที่นี่” เธอพูดช้า ๆ “เพราะที่นี่... คือที่ที่ปรีชาฝังความจริงทั้งหมด”
“คุณรู้อยู่แล้ว?” คมกริชถาม
“รู้ — แต่ไม่ได้รู้ทั้งหมด” ดวงตาเธอวูบไหว
“หลังปรีชาแต่งงานกับฉัน เขายังทำกรมธรรม์อีกหลายฉบับ โดยใช้ชื่อรหัสคนในครอบครัวฉันทั้งหมด
เขาบอกว่าทำเพื่อปกป้องเรา... แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้ว มันคือกับดัก”
เธอยื่นเอกสารให้คมกริช
“นี่คือกรมธรรม์ของศักดา... มีชื่อผู้รับผลประโยชน์คนเดียว — พันโทวิรุฬห์”
คมกริชอ่านอย่างไม่เชื่อสายตา
รัชนีหน้าเสีย “หมายความว่า... พันโทวิรุฬห์วางแผนไว้ตั้งแต่ต้น?”
“ใช่” จิตราเอ่ยเสียงเย็น
“เขาให้ปรีชาเซ็นทุกอย่าง เพื่อเปลี่ยนเส้นทางของเงินประกันทั้งหมดเข้าบัญชีบริษัทเงา
และเมื่อปรีชาเริ่มลังเล... เขาก็จัดการให้กรมธรรม์นั้น ‘สุกงอม’ ด้วยการฆ่าเจ้าของมัน”
“แล้วศักดา?”
“ศักดารู้ความจริงเมื่อคืนนี้...” เสียงจิตราสั่น
“เขาหนีออกไปเพราะรู้ว่าตัวเองจะเป็นรายต่อไป”
เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัดจากทางเดินนอกห้อง
ทั้งสามสะดุ้งพร้อมกัน
คมกริชคว้าไฟฉายวิ่งออกไป —
แต่ทันทีที่ถึงประตู เขาก็เห็นร่างชายคนหนึ่งล้มอยู่กับพื้น
เป็น ศักดา
เลือดแดงซึมเต็มอก เสื้อฝนเปียกชุ่ม
เขาเงยหน้าขึ้นมองคมกริช “มัน... มันยังไม่จบ... พันโท... พันโทยัง... ยัง...ไม่ตาย”
แล้วลมหายใจสุดท้ายก็ขาดหายไปพร้อมเสียงฟ้าผ่า
คมกริชคุกเข่าลงข้างศพ
มือหนึ่งถือไฟฉาย อีกมือถือเอกสารที่เปื้อนเลือด
ตัวเลขบนกระดาษสะท้อนกับแสงไฟ — “๑๑๐๘”
ข้างตัวศักดามีเทปบันทึกเสียงขนาดเล็กตกอยู่
เขาหยิบขึ้นมาใส่เครื่องเล่น
เสียงในเทปคือเสียงของชายแก่ที่คมชัด
“ถ้าคุณได้ยินเสียงจากเทปม้วนนี้ แปลว่าผมไม่มีชีวิตอยู่แล้ว
ห้องนิรภัยหมายเลข ๑๑๐๘ ไม่ได้มีไว้เพื่อเก็บเงิน... มันมีไว้เพื่อเก็บรายชื่อของทุกคนที่ฆ่าตัวเองเพื่อผลประโยชน์กรมธรรม์
และบางคน... ไม่ได้ฆ่าตัวตาย”
เสียงนั้นหยุดลงด้วยเสียงปืนอีกนัด — เสียงเดียวกับที่เขาได้ยินเมื่อคืน
คมกริชหลับตาแน่น
“พ่อ... พ่อรู้อะไร... และพ่อซ่อนอะไรไว้กันแน่”
เขาได้ยินเสียงรัชนีเรียกเบา ๆ จากด้านหลัง
“คมกริช... ดูนี่สิ”
เธอชี้ไปที่ผนังด้านในสุดของห้อง
ใต้คราบปูนเก่า ๆ มีรอยขีดเป็นตัวหนังสือสลักไว้ด้วยมีด
“กรมธรรม์สังหาร – ห้องสุดท้าย”
และลูกศรเล็ก ๆ ชี้ลงสู่พื้นปูน...
ตรงนั้นมีฝาเหล็กกลมๆ ขนาดใหญ่ซ่อนอยู่ —
เมื่อเปิดออกมา ก็เผยให้เห็นบันไดแคบ ๆ พาไปสู่ห้องใต้ดินอีกชั้นหนึ่ง
คมกริชส่องแสงไฟฉายในมือลงไปในความมืดนั้น
“ข้างล่างนั่น... คือที่ๆ พ่อซ่อนคำตอบสุดท้ายไว้”
เสียงฝนตกหนักขึ้นอีกครั้ง ราวกับเมืองทั้งเมืองกำลังซักล้างเลือดและความลับในเวลาเดียวกัน
แต่ไม่มีใครรู้เลยว่า ข้างใต้ห้องนิรภัยนั้น... ยังมีอีกชั้นหนึ่ง ที่ไม่อยู่ในแผนที่ของใครเลย
จบตอนที่ ๔ — ห้องนิรภัยหมายเลข ๑๑๐๘