ว่างๆ มาแต่งนิยายต่อ ไม่รู้จะไปได้สักกี่น้ำ ขอตั้งแบบห้วนๆ ว่า "กรมธรรม์สังหาร" ตอนที่ 3 แล้วเน้อ

ตอนที่ ๓ — เงาในกระจกกรมธรรม์

เสียงฝนคืนนั้นไม่หยุดตกเลยแม้แต่นาทีเดียว

น้ำฝนไหลรินตามชายคาบ้านศรีอัครา จนดูราวกับบ้านทั้งหลังถูกกลืนอยู่ในม่านน้ำ
หลังเหตุการณ์วุ่นวายภายในห้องพินัยกรรม

ตำรวจเข้ามาตรวจที่เกิดเหตุในความมืดสลัวของตะเกียง เพราะไฟยังคงดับอยู่
ศักดาหายตัวไป — ทิ้งไว้เพียงมีดพกสั้นที่ด้ามแกะสลักตัวอักษร “ส.”

ส่วนจิตรา...
เธอนั่งนิ่งอยู่ในห้องรับแขก ใบหน้าซีดเผือดราวกับรูปปั้นปูนที่เปียกฝน

“คุณผู้หญิงไม่ได้สติสักครู่แล้วค่ะ” แม่บ้านกระซิบกับผู้กองสมพร
“ตั้งแต่คุณศักดาวิ่งหนีออกไปก็พูดอะไรไม่ออกเลย”

คมกริชยืนอยู่มุมห้อง มองร่างนั้นเงียบ ๆ
เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เขาควรจะรู้สึกอย่างไร — จะเป็นความสงสาร หรือความไม่ใยดีใดๆ
หญิงที่รังเกียจแม่ของเขาอย่างถึงที่สุด และไม่ยอมรับตัวตนของเขา
แต่วันนี้เธอกลับต้องมาเผชิญหน้ากับเขา คนที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของคนที่เธอรักที่สุดในชีวิต

สมพรเดินเข้ามาใกล้
“ฉันให้ลูกน้องสกัดถนนฝั่งพระรามห้าไว้หมดแล้ว ถ้ามันยังอยู่ในเมือง เราจะเจอมันแน่”
“คุณคิดว่าศักดาจะหนีไปไหน?” คมกริชถาม
ผู้กองถอนหายใจ “ไม่รู้... แต่คนแบบนั้น มักจะหนีไปหาคนที่เขาไว้ใจที่สุด”

คมกริชเงียบ คำพูดนั้นคล้ายทิ่มแทงใจเขาอยู่
เขาคิดถึงประโยคหนึ่งที่นายปรีชาเคยพูดในจดหมายที่แนบมากับกรมธรรม์ —

“ในโลกของเงินกับชีวิต ไม่มีคำว่าเลือดข้นกว่าน้ำ มีแต่คำว่า ‘ผลประโยชน์’ เท่านั้น”

เมื่อถึงรุ่งเช้า จิตราก็ยังคงปิดปากเงียบ ไม่ยอมพูดอะไร
เธอนั่งอยู่หน้ากระจกในห้องแต่งตัว สวมชุดไหมสีดำทั้งตัว
ริมฝีปากซีดเผือด ดวงตาหม่นหมอง เหม่อมองไปยังภาพสะท้อนในกระจกบานใหญ่
เธอเห็นเงาของตัวเอง... และอีกเงาหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างหลัง

“คมกริช...” เสียงเธอเบาจนแทบไม่ถึงหู
“ปรีชา... เคยกลัวใครคนหนึ่ง กลัวมากจนแค่ได้ยินชื่อเขาก็ตัวสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัวขึ้นมาทันที”

คมกริชหยุดมือ
“ใครครับ?”
“พันโทวิรุฬห์” เธอเอ่ยชื่อด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเย็นชา
“หุ้นส่วนใหญ่คนแรกของบริษัทเมืองสยามประกันชีวิต — คนที่หายตัวไปตั้งแต่ปี ๒๕๑๗...”
เธอเงยหน้าขึ้นมามองเขาผ่านเงากระจก
“ปรีชาเคยบอกฉันว่า ถ้าเขาตายอย่างไม่ธรรมดา ให้ฉันเปิดกล่องเอกสารที่ฝากไว้ที่ธนาคารกรุงตะวัน
แต่ตอนนี้... กล่องนั้นถูกเปิดไปแล้ว ก่อนเขาจะตายสองวัน”

คมกริชนั่งอยู่ที่โต๊ะในห้องพักของเขา
เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นอีกครั้ง
ในความมืดของสายฝน คมกริชเริ่มเข้าใจแล้วว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
กรมธรรม์... พินัยกรรม...
และชื่อพันโทวิรุฬห์ที่หายสาบสุญกว่าสิบปี — ทั้งหมดกำลังร้อยเรียงเข้าหากันอย่างช้าๆ
รัชนีปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตู ถือแฟ้มหนาในมือ
“คุณคมกริช เราต้องไปเดี๋ยวนี้”
“ไปไหน?”
“สำนักงานใหญ่บริษัทเมืองสยาม — ชั้นใต้ดินที่ปิดตายตั้งแต่ปี ๒๕๑๙
ฉันคิดว่าเราจะเจอคำตอบทั้งหมดที่นั่น”

ค่ำวันนั้น
รถยนต์ฟอร์ดคันเก่าของรัชนีแล่นฝ่าฝนไปตามถนนราชเทวี
แสงไฟสะท้อนบนกระจกเหมือนสายเลือดสีเหลืองทอง
อาคารสำนักงานใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ในเงามืด — ป้ายโลหะที่เขียนว่า เมืองสยามประกันชีวิต
มีสนิมเกาะเต็มจนอ่านแทบไม่ออก
ทั้งคู่ลงจากรถ เดินผ่านล็อบบี้ที่มืด และเงียบจนน่ากลัว
ไฟบางดวงกระพริบเหมือนหายใจขาดช่วง
จนกระทั่งถึงประตูลิฟต์เก่า ๆ ที่ถูกปิดผนึกด้วยเทปผ้าสีเทา
“ชั้นใต้ดินไม่มีในแบบแปลนของบริษัทเลย” รัชนีพูดเบา ๆ
“แต่ฉันเคยเห็นตอนเพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ ๆ... ตอนที่ฉันเข้ามาเป็นเลขานุการของคุณปรีชา”
เธอกดปุ่มลิฟต์ เสียงเหล็กเสียดกันดังขึ้นแสบหู
ประตูลิฟต์เปิดออกสู่ความมืดสนิท — มีเพียงกลิ่นกระดาษ และเสียงหยดน้ำ

เมื่อทั้งคู่ก้าวเข้าไป
ไฟเพดานดวงหนึ่งกระพริบขึ้น เผยให้เห็นภาพห้องเก็บเอกสารขนาดใหญ่
มีตู้เหล็กเรียงเป็นแถว แฟ้มเอกสารวางเรียงเหนือตู้ สูงจรดเพดาน
ฝุ่นหนาเกาะเต็มแฟ้มที่ระบุชื่อ “กรมธรรม์ชีวิตพิเศษ – รหัส ๑๑๐๘”
คมกริชเปิดแฟ้มเล่มหนึ่งออก —
ข้างในเป็นสำเนากรมธรรม์ที่มีชื่อผู้รับผลประโยชน์มากกว่าสิบราย
แต่ทุกฉบับมีลายเซ็นของ “พันโทวิรุฬห์” อยู่ในช่องพยาน
“เขายังมีชีวิตอยู่แน่...” รัชนีพึมพำ
ในขณะนั้นเอง เสียงบางอย่างดังขึ้นจากปลายห้อง
เหมือนเสียงรองเท้ากระทบพื้นเหล็กทีละก้าว ช้าแต่หนักแน่น
ไฟเพดานอีกดวงหนึ่งสว่างวาบ — เผยเงาชายสูงใหญ่ในชุดกันฝนทหาร
ใบหน้าแก่ชรา แต่แววตายังคงมีความเฉียบคม
“ผมเตือนคุณแล้ว...” เสียงนั้นหนักแน่นแต่ราบเรียบ
“อย่าขุดคุ้ยเรื่องที่ตายไปพร้อมกับนายปรีชา”
รัชนีหันไป “คุณ...!”
ชายผู้นั้นถอดหมวกออก —
แสงไฟสะท้อนเครื่องหมายสังกัดเก่าและรอยแผลเป็นยาวข้างขมับ
“พันโทวิรุฬห์ พันธะวัฒน์”

คมกริชจ้องเขานิ่ง
“คุณเกี่ยวอะไรกับการตายของพ่อผม?”
วิรุฬห์หัวเราะเบา ๆ “คำถามนั้น... ปรีชาเองก็เคยถามฉันก่อนที่มันจะตาย”
เขาเดินเข้ามาใกล้ วางมือบนแฟ้มกรมธรรม์
“กรมธรรม์เหล่านี้ ไม่ได้มีไว้เพื่อคุ้มครองชีวิต — แต่เพื่อคุ้มครอง ‘ความลับ’”
“ความลับ?”
“ใช่...” เขากระซิบ “บริษัทเมืองสยาม ไม่ได้ทำกำไรจากความตายของลูกค้า —
แต่จากการ ‘จัดการ’ ความตายเหล่านั้นให้อยู่ในสมการที่บริษัทควบคุมได้”

คำพูดนั้นทำให้รัชนีหน้าซีด เธอถอยหลังหนึ่งก้าว
“คุณหมายความว่า... การตายของคุณปรีชา—”
“ถูกออกแบบไว้แล้ว”  น้ำเสียงของวิรุฬห์ ช่างฟังดูเยือกเย็น โหดเหี้ยม
“เพียงแต่มีคนหนึ่งขัดแผน — คนที่มีชื่อย่อ ค.ร.”

ในวินาทีนั้นเอง ไฟทุกดวงดับลงจนมืดสนิท
เสียงปืนดังขึ้นในความมืด หนึ่งนัด
รัชนีกรีดร้อง คมกริชคว้าตัวเธอก้มลงนอนราบกับพื้น
กลิ่นควันปืนและฝุ่นเอกสารลอยคลุ้งไปทั่ว
เมื่อไฟกลับมาสว่างขึ้นมาอีกครั้ง...
พันโทวิรุฬห์พลันหายตัวไปเสียแล้ว เหลือเพียงคราบเลือดจาง ๆ ที่ปลายโต๊ะเหล็ก
และกระจกที่แตกกระจายอยู่บนพื้น

คมกริชมองเศษกระจกชิ้นหนึ่ง —
ภาพสะท้อนในนั้นคือหน้าเขาเอง แต่มีเงาอีกเงาหนึ่งซ้อนอยู่ด้านหลัง
เป็นเงาของชายในชุดทหาร...
ที่ยังยืนมองเขาอยู่ในความมืด

ในโลกของกรมธรรม์ ไม่มีใครเป็นผู้เอาประกันที่แท้จริง
ทุกคน... ล้วนอยู่ในรายชื่อผู้รับผลประโยชน์ของใครบางคนเสมอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่