สำหรับท่านที่ไม่ชอบอ่านข้อความยาวๆ เชิญเลื่อนไปที่หัวข้อ "
สรุปเกรด" ด้านล่างได้เลยครับ ท่านที่ตั้งใจอ่านตั้งแต่บรรทัดแรก ผมขอออกตัวก่อนว่า ผมเป็นลูกค้าธรรมดาๆ สิ่งที่ผมได้เขียนในรีวิวนี้เป็นความรู้สึกส่วนตัว โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ถ้ามีคำผิด คำไม่สุภาพ ผมต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ..
ผมขอยอมรับตรงนี้ก่อนเลยว่า ร้านนี้เป็นร้านประจำผมครับ เนื่องจากทุกๆอย่างค่อนข้างลงตัว ทั้งการเดินทาง ราคา และรสชาติ สำหรับผมแล้วมันเป็นราเม็งที่คุ้มค่าที่สุด (สำหรับผม) ในฐานะคนรีวิวอาหาร ผมจะพยายามทำตัวให้เป็นกลาง ตัดความชอบและไม่ชอบส่วนตัวออกไป พยายามอธิบายในส่วนที่เป็นรสชาติที่ไม่ว่าใครมากินก็ต้องรับรู้รสได้เหมือนกัน เอ๊า ว่าแล้วก็เริ่มกันเล้ย...
ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ตึกจัสมินชั้น G ครับ เปิดประตูเข้าไปก็เจอทันทีเลยอยู่ขวามือ
ร้านเปิด 11 โมงถึง 3 ทุ่ม ทุกวันครับ ร้านนี้ไม่ได้มีสาขาเดียวนะครับ เหมือนผมจะเคยเห็นแถวๆสาธรก็มีอีกสาขาหนึ่ง แต่ไม่มีโอกาสได้ไปลองว่ารสชาติจะเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ส่วนร้านนี้ผมกินมาตั้งแต่ร้านเปิดใหม่ๆแล้วครับ นี่คือหลักฐานว่าผมไม่ได้โม้..
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ที่เห็นนี่ผมใช้หมดไปแล้ว 1 ใบนะครับ ในรูปเป็นใบที่ 2 และ 3 ของผมนับๆดูแล้วน่าอุดหนุนร้านไปค่อนหมื่นแล้วนะเนี่ย ><' (150 บาท ได้สแตมป์ 1 ดวงครับ)
ร้านนี้มีน้ำซุปแบบเดียวเลย คือ "ทงคตสึ" เป็นน้ำซุปกระดูกหมู ซึ่งบางสูตรอาจจะผสมนมถั่วเหลืองลงไปด้วย ซึ่งทงคตสึเป็นน้ำซุปตามแบบฉบับของราเม็ง Hakata ครับ (เทียบกับบ้านเรา อย่างส้มตำเมนูเดียวกัน ถ้ามาจากต่างถิ่นกันก็มีแบบฉบับและรสชาติไม่เหมือนกันครับ) ผมเคยดูรายการนึงเขาบอกว่า น้ำซุปราเม็งมีวัตถุดิบทั้งสิ้นประมาณ 40-60 ชนิด ทำให้ผมถึงกับอึ้งครับ ขนาดเอาแค่ข้าวผัดธรรมด๊าธรรมดา มีวัตถุดิบแค่ไม่กี่อย่าง จะทำให้อร่อยยังยากเลย แล้วนี่ตั้ง 40 ชนิด มันต้องผสมกันแบบพอดีเป๊ะจริงๆ ถ้ามีอะไรมากไปนิดหรือน้อยไปนิดมันจะทำให้ซุปทั้งชามไม่อร่อยเลยทันที
Signature ของที่นี่คือราเม็งภูเขาไฟครับ เมนูนี้เขาจะเตรียมของแห้งทุกอย่างใส่ชามหินที่ร้อนจัด เอามาเสริฟพร้อมกับเทน้ำซุปใส่ชามที่ร้อนๆทำให้เกิดการปะทุเดือดปุดๆ ควันขโมงโฉงเฉงเหมือนกับภูเขาไฟ แบบนี้เลย
พอเปิดออกมาก็จะยังเดือดๆอยู่ครับ จะร้อนมากจนต้องค่อยๆกิน กินไปเป่าไปครับ
ซึ่งเท่าที่ผมลองชิมเมนูภูเขาไฟมา 2-3 เมนู รวมถึงถามความรุ้สึกคนอื่นๆที่เคยกินเหมือนกันแล้ว ผมแนะนำ กินเมนูธรรมดาเถอะครับ เมนูปกติของร้าน หลักๆจะมี 3 แบบครับ นั่นคือ
1. โชยุ (ซุปซอสโชยุ) เป็นซุปแบบต้นตำรับของทางร้านครับ
2. ชิโอะ (ซุปเกลือ) เป็นซุปโชยุเติมเกลือเพื่อเพิ่มรสชาติครับ
3. มิโสะ (ซุปเต้าเจี้ยว) เป็นซุปโชยุเพิ่มก้อนหมูสับปรุงรส (ขออภัยถ้าเรียกผิด) เพิ่มมาให้รสชาติเข้มข้นขึ้น
สามารถใส่กระเทียม พริกไทย และน้ำมันงานพริกเผาเพิ่มได้ครับ และยังมีน้ำส้มและน้ำตาลอีกด้วยถ้าจำไม่ผิด แต่ผมไม่เคยได้ใช้เลย
เมนูที่ผมจะนำเสนอมี 2 เมนูครับ คือ (1) และ (3) ซึ่งผมไปกินคนละวันกันนะครับ โดยที่เมื่อวานผมไปกิน (3) มาก่อน และวันนี้ผมไปกิน (1) ขอรีวิวตามลำดับเวลาละกันครับ
1. Menu: ชาชู มิโสะ ราเม็ง (ราคา 199 บาท)
เป็นราเม็งน้ำซุปทงคตสึ ที่มีก้อนหมูปรุงรสมาเพิ่มรสชาติให้เข้มข้นยิ่งขึ้นครับ น้ำซุปดูเข้มข้น ในชุดมีหมู 5 ชิ้น (ถ้าสั่งแบบไม่ได้เอาชาชูเพิ่มจะมีชิ้นเดียว ราคาชามละ 149 บาท) ผักเท่าที่เห็นมี 3 ชนิดคือ ถั่วงอก หน่อไม้ ผักโรยเป็นต้นหอม ขอแนะนำให้คนหมูสับให้เข้ากันดีๆนะครับ ไม่งั้นรสชาติจะเดี๋ยวเข้มเดี๋ยวอ่อน
น้ำซุป
น้ำซุปเดิมๆความเข้มข้นปานกลางครับ มีรสเค็มและมันเป็นพื้นฐาน กลมกล่อมและอร่อยมาก เนื่องจากมีหมูปรุงรสที่รสชาติจัดจ้านมาก ผมจึงพยายามปรุงกระเทียม งาบด และน้ำมันงาพริกเผาให้น้อยหน่อย และหลังจากคนให้เข้ากับก้อนหมูปรุงรสแล้วรสชาติจะจัดขึ้นมาอีกพอตัวเลยครับ มีความเผ็ดและเค็มเพิ่มขึ้น รสชาติโดยรวมค่อนข้างจัดจ้าน สำหรับคนไทยส่วนใหญ่แล้วไม่เผ็ดมากแต่น่าจะเค็มและเลี่ยนไปนิดครับ รวมๆแล้วผมไม่แนะนำสำหรับคนที่ไม่ค่อยชอบกินราเม็งน้ำข้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว สั่งชามนี้ผมว่าซดน้ำได้ไม่เกิน 3 ช้อนแน่ๆ และผมรู้สึกว่าวันนี้น้ำซุปรสชาติจะออกเลี่ยนๆกว่าทุกครั้งที่ผมมากินสักนิด ปกติซดได้หมด แต่ครั้งนี้ซดน้ำได้ครึ่งชามก็เริ่มเลี่ยนแล้วครับ
เส้นบะหมี่
เป็นเส้นเหนียวๆยืดหยุ่นๆแบบคล้ายๆกับฮะจิบังครับ (ไม่ใช่เส้นเหนียวนุ่มเคี้ยวมันแบบที่ผมชอบ) ตัวเส้นนุ่มมาก มีความเหนียวอร่อยดีครับ ตรงกลางเส้นแอบมีแข็งนิดนึงครับไม่มาก ตอนกินรุ้สึกพอมีรสชาติ ไม่ได้จืดสนิท ตรงนี้น้ำซุปที่เข้มข้นมีส่วนช่วยเยอะเลยครับ
มูชาชู และไข่
วันนี้ยอมรับว่าไม่อร่อยเหมือนทุกครั้งครับ แต่โดยรวมก็ยังโอเคอยู่ โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นเนื้อไร้มันจะค่อนข้างแข็ง และเค็มไปนิด ส่วนตรงที่เป็นมัน หรือเนื้อที่มีมันแทรก ตรงนี้นุ่มและอร่อยครับ ส่วนไข่ก็อร่อยมากครับ ไข่ขาวมีความเหนียวที่แบบใช้ตะเกียบคีบแล้วไม่แตกง่าย แต่กัดเข้าไปแล้วนุ่ม ร่วน ไข่แดงเยิ้มและเหลวติดปลายลิ้นดีครับ มีความเค็ม มีกลิ่นซอส ผมกินแล้วคิดถึงตอนเรียนอยู่หอ แล้วได้กินไข่ปิ้งร้อนๆราดซอสภูเขาทองเลย กลิ่นได้ รสชาติไกล้เคียง แต่ไข่ในราเม็งทั้งอร่อยกว่า และกลิ่นหอมกว่า รวมถึงรสสัมผัสที่คนละเรื่องกันเลยครับ
2. Menu: ชาชู โชยุ ราเม็ง (ราคา 199 บาท)
หน้าตาเหมือนเมนูแรกทุกอย่าง ต่างกันแค่ไม่มีหมูก้อนปรุงรสมาให้ครับ น้ำซุปทงคตสึเข้มข้น มีหมู 5 ชิ้นเพราะสั่งแบบเพิ่มชาชู มีไข่ต้มที่ผมชอบมาให้ครึ่งฟองเช่นเคยครับ และก็มีสาหร่ายมาให้ 1 แผ่น เช่นเดียวกับที่อาหารไทยชอบมีผักรองจานนั่นแหละ
น้ำซุป
วันนี้รสชาติแสนอร่อยแบบเดิมได้กลับมาแล้วครับ น้ำซุปที่ดูด้วยตาแล้วเหมือนจะเข้มข้นมากแต่ที่จริงแล้วมันแค่เข้มข้นพอประมาณ มีรสเค็มและมันเป็นพื้นฐาน วันนี้ได้กลิ่นทงคตสึหอมชัดเจน ซดน้ำแล้วรสชาติกลมกล่อมกำลังดี แต่ผมเป็นคนที่ชอบกินน้ำซุปเข้มข้นมาก เลยจัดการปรุงเพิ่มโดยการบีบกระเทียม เพิ่มงาบด และเพิ่มน้ำมันงาพริกเผาลงไปอีก ได้ความเผ็ดร้อน ความเข้มข้น และความมันเพิ่มขึ้นมาอีก (สำหรับคนทั่วไป ผมว่ากินแบบเดิมๆก็อร่อยดีแล้วนะครับ แต่เพื่อนๆผมที่เคยมากินด้วยกันก็ใส่เพิ่มกันเกือบทุกคน อาจจะแค่อย่างใดอย่างนึงหรือสองอย่าง แต่กระเทียมจะเป็นสิ่งแรกๆที่คนไทยชอบปรุงเพิ่ม) สรุปคือได้รสชาติที่จัดจ้านขึ้น แต่ยังไม่เสียรสชาติเดิมไปครับ ปรุงแล้ว ยังได้กลิ่นน้ำซุป รสชาติเดิมยังอยู่ครบ แค่มีกลิ่นและรสชาติใหม่เพิ่มขึ้นมา
เส้นบะหมี่
เส้นวันนี้เหมือนๆกับเมื่อวานครับ นุ่มนอก มีความแข็งตรงกลางเส้นนิดหน่อย ถึงแม้จะเป็นเส้นแบบเหนียวและยืดหยุ่น แต่ไม่ได้รู้สึกว่าเหนียวมากเกินไปครับ อาจจะเป็นเส้นประเภทที่ผมไม่ได้ถูกใจเป็นพิเศษ เลยมองว่ามีเพียงความนุ่มและเหนียวพอประมาณ ไม่ได้มีความดึงดูดมาก
หมูชาชูและไข่
ชาชูวันนี้เปื่อยกว่าเมื่อวานครับ ส่วนที่เป็นเนื้อจับกันแน่นดี กัดแล้วความรู้สึกแรกเหมือนจะแข็งแต่ไม่ครับ ร่อนเคี้ยวง่ายไม่เปลืองแรงมาก มีรสเค็มนิดๆไม่มากเท่าเมื่อวาน ส่วนที่เป็นมันล้วนและส่วนที่มันแทรกเนื้อ รสชาติจะออกมันๆติดเค็มนิดๆครับ แต่มันเด็ดตรงที่ ส่วนนี้มันนุ่ม มันลื่ลิ้น มันละลายในปาก ความรู้สึกมันฟินไปหมดครับ ความรู้สึกคล้ายๆกับเวลาที่เรากินปลาแซลม่อนแล้วมันละลายในปากครับ ผมละสงสารคนที่ไม่ชอบกินมันจริงๆ ที่เขาไม่สามารถเข้าถึงความอร่อยและความละมุนลิ้นที่คนกินมันสัมผัสได้ พอผมกินหมูชาชูจนถึงชิ้นสุดท้าย ผมเพิ่งรู้สึกว่าผมเริ่มเคี่ยวจนเมื่อยครับ นั่นแปลว่าชาชูส่วนที่เป็นเนื้อล้วนไม่ติดมัน น่าจะยังพอมีความเหนียวอยู่บ้าง ไม่ได้เปื่อยยุ่ยไปเสียทีเดียวอย่างที่ผมกล่าวไว้ในตอนแรก
ไข่ต้มวันนี้ก็เหมือนเมื่อวานครับ รสชาติเหมือนเดิมเป๊ะ ไข่ขาวนุ่มแน่น ไข่แดงนุ่มเยิ้ม ละลายติดปลายลิ้น มีกลิ่นซอสหอมๆเค็มๆครับ กลิ่นคล้ายๆซอสภูเขาทอง (อันนี้ผมคิดเองครับ)
สรุปเกรด
กินไป 2 เมนูครับ คือชาชู มิโสะ (เมื่อวาน) และชาชู โชยุ (วันนี้) เมนูละ 199 บาท (ถ้าไม่เอาชาชูเพิ่ม 149 บาท) ทางร้านคิด VAT 7% ด้วยนะครับ น้ำและน้ำแข็งต้องสั่งเพิ่มครับ รวมๆแล้วมิโสะจะเป็นราเม็งที่รสชาติค่อนข้างจัดจ้านเข้มข้น ส่วนโชยุเป็นซุปแบบต้นตำรับทงคตสึครับ ความเข้มข้นปานกลาง กลมกล่อม ไม่จืดและไม่เข้มจนเกินไป จุดเด่นของความอร่อยคือ หมูมาชูที่มีมันแทรกอร่อยมาก ไข่อร่อยมาก และน้ำซุปที่อร่อยมาก แต่ถ้าเลือกน้ำซุปผิดก็อาจจะถึงขั้นจบเห่ครับ ผมชอบน้ำซุปที่นี่มาก ซดหมดเกลี้ยงทุกครั้ง แต่เสียดายที่สั่งน้ำซุปเพิ่มไม่ได้ครับ ไม่มีในเมนู
คนที่มาร้านนี้ครั้งแรก ผมจึงขอแนะนำสั่ง โชยุราเม็ง หรือชาชูโชยุก็ได้ ไซส์เล็ก ราคา 149 บาท และ 199 บาทครับ ลองชิมดูก่อน ถ้ายังรู้สึกว่าขาดเค็มไปนิด รอบหน้าค่อยมาซ้ำเป็นชิโอะ หรือถ้ายังไม่จัดจ้านจื๊ดจ๊าดพอ ก็มาซ้ำครั้งหน้าเป็นมิโสะครับ คะแนนที่ผมจะให้ด้านล่างนี้ ขอเอามิโสะที่กินเมื่อวานแล้วไม่ถูกใจ กับโชยุที่กินวันนี้แล้วถูกใจมาก มารวมกันแล้วหาร 2 นะครับ ซึ่งโดยส่วนตัวถ้ามากิน 10 ครั้ง จะเจอแบบไม่ถูกใจอยู่ประมาณ 2 ครั้ง เป็นปกติครับ ทุกครั้งที่ออกจากร้าน จะมีเสียงตะโกนขอบคุณจากพนักงานตั้งแต่ 2 คน ขึ้นไปทุกครั้ง เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของที่นี่ครับ ท่านที่นำรถมาสามารถจอดบนตึก และมาสแตมป์ที่ร้านได้ครับ ผมไม่แน่ใจว่าได้ฟรีกี่ ชม.
สุดท้ายนี้ สิ่งที่ผมเขียนลงไปเป็นความรู้สึกส่วนตัวนะครับ ลิ้นผมกับลิ้นคนอื่นๆอาจจะกินอาหารเดียวกันแล้วได้รสชาติออกมาไม่เหมือนกันก็ได้ ผมเป็นคนธรรมดาไม่ได้ทำงานในวงการอาหาร ไม่เคยเรียนเกี่ยวกับอาหาร และยังทำอาหารไม่เป็นอีกตะหาก ผิดพลาดประการใดขออภัยครับ
Tonkotsu Kazan Ramen
- น้ำซุป: B
- เส้นบะหมี่: B
- เครื่อง (หมู ไข่): B+
เกรดเฉลี่ย = 3.16
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ผมมีเกณฑ์การแจกเกรด โดยใช้วิจารณญาณส่วนตัว ดังนี้ครับ..

ปล. ขอแนะนำอีกเมนู ไก่คาราอะเกะ ก็ใช้ได้ครับ
ส่วนของหวาน ผมแนะนำ ไอซ์คะซังครับ แต่ค่อนข้างเยอะ ต้องมากันสัก 3 คนถึงจะกล้าสั่งครับ
[CR] Dag แล้วแจกเกรด ep.4: Tonkotsu Kazan Ramen: ราเม็งภูเขาไฟ @ตึกจัสมิน สุขุมวิท 23
ผมขอยอมรับตรงนี้ก่อนเลยว่า ร้านนี้เป็นร้านประจำผมครับ เนื่องจากทุกๆอย่างค่อนข้างลงตัว ทั้งการเดินทาง ราคา และรสชาติ สำหรับผมแล้วมันเป็นราเม็งที่คุ้มค่าที่สุด (สำหรับผม) ในฐานะคนรีวิวอาหาร ผมจะพยายามทำตัวให้เป็นกลาง ตัดความชอบและไม่ชอบส่วนตัวออกไป พยายามอธิบายในส่วนที่เป็นรสชาติที่ไม่ว่าใครมากินก็ต้องรับรู้รสได้เหมือนกัน เอ๊า ว่าแล้วก็เริ่มกันเล้ย...
ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ตึกจัสมินชั้น G ครับ เปิดประตูเข้าไปก็เจอทันทีเลยอยู่ขวามือ
ร้านเปิด 11 โมงถึง 3 ทุ่ม ทุกวันครับ ร้านนี้ไม่ได้มีสาขาเดียวนะครับ เหมือนผมจะเคยเห็นแถวๆสาธรก็มีอีกสาขาหนึ่ง แต่ไม่มีโอกาสได้ไปลองว่ารสชาติจะเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ส่วนร้านนี้ผมกินมาตั้งแต่ร้านเปิดใหม่ๆแล้วครับ นี่คือหลักฐานว่าผมไม่ได้โม้..
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ร้านนี้มีน้ำซุปแบบเดียวเลย คือ "ทงคตสึ" เป็นน้ำซุปกระดูกหมู ซึ่งบางสูตรอาจจะผสมนมถั่วเหลืองลงไปด้วย ซึ่งทงคตสึเป็นน้ำซุปตามแบบฉบับของราเม็ง Hakata ครับ (เทียบกับบ้านเรา อย่างส้มตำเมนูเดียวกัน ถ้ามาจากต่างถิ่นกันก็มีแบบฉบับและรสชาติไม่เหมือนกันครับ) ผมเคยดูรายการนึงเขาบอกว่า น้ำซุปราเม็งมีวัตถุดิบทั้งสิ้นประมาณ 40-60 ชนิด ทำให้ผมถึงกับอึ้งครับ ขนาดเอาแค่ข้าวผัดธรรมด๊าธรรมดา มีวัตถุดิบแค่ไม่กี่อย่าง จะทำให้อร่อยยังยากเลย แล้วนี่ตั้ง 40 ชนิด มันต้องผสมกันแบบพอดีเป๊ะจริงๆ ถ้ามีอะไรมากไปนิดหรือน้อยไปนิดมันจะทำให้ซุปทั้งชามไม่อร่อยเลยทันที
Signature ของที่นี่คือราเม็งภูเขาไฟครับ เมนูนี้เขาจะเตรียมของแห้งทุกอย่างใส่ชามหินที่ร้อนจัด เอามาเสริฟพร้อมกับเทน้ำซุปใส่ชามที่ร้อนๆทำให้เกิดการปะทุเดือดปุดๆ ควันขโมงโฉงเฉงเหมือนกับภูเขาไฟ แบบนี้เลย
พอเปิดออกมาก็จะยังเดือดๆอยู่ครับ จะร้อนมากจนต้องค่อยๆกิน กินไปเป่าไปครับ
ซึ่งเท่าที่ผมลองชิมเมนูภูเขาไฟมา 2-3 เมนู รวมถึงถามความรุ้สึกคนอื่นๆที่เคยกินเหมือนกันแล้ว ผมแนะนำ กินเมนูธรรมดาเถอะครับ เมนูปกติของร้าน หลักๆจะมี 3 แบบครับ นั่นคือ
1. โชยุ (ซุปซอสโชยุ) เป็นซุปแบบต้นตำรับของทางร้านครับ
2. ชิโอะ (ซุปเกลือ) เป็นซุปโชยุเติมเกลือเพื่อเพิ่มรสชาติครับ
3. มิโสะ (ซุปเต้าเจี้ยว) เป็นซุปโชยุเพิ่มก้อนหมูสับปรุงรส (ขออภัยถ้าเรียกผิด) เพิ่มมาให้รสชาติเข้มข้นขึ้น
สามารถใส่กระเทียม พริกไทย และน้ำมันงานพริกเผาเพิ่มได้ครับ และยังมีน้ำส้มและน้ำตาลอีกด้วยถ้าจำไม่ผิด แต่ผมไม่เคยได้ใช้เลย
เมนูที่ผมจะนำเสนอมี 2 เมนูครับ คือ (1) และ (3) ซึ่งผมไปกินคนละวันกันนะครับ โดยที่เมื่อวานผมไปกิน (3) มาก่อน และวันนี้ผมไปกิน (1) ขอรีวิวตามลำดับเวลาละกันครับ
1. Menu: ชาชู มิโสะ ราเม็ง (ราคา 199 บาท)
เป็นราเม็งน้ำซุปทงคตสึ ที่มีก้อนหมูปรุงรสมาเพิ่มรสชาติให้เข้มข้นยิ่งขึ้นครับ น้ำซุปดูเข้มข้น ในชุดมีหมู 5 ชิ้น (ถ้าสั่งแบบไม่ได้เอาชาชูเพิ่มจะมีชิ้นเดียว ราคาชามละ 149 บาท) ผักเท่าที่เห็นมี 3 ชนิดคือ ถั่วงอก หน่อไม้ ผักโรยเป็นต้นหอม ขอแนะนำให้คนหมูสับให้เข้ากันดีๆนะครับ ไม่งั้นรสชาติจะเดี๋ยวเข้มเดี๋ยวอ่อน
น้ำซุป
น้ำซุปเดิมๆความเข้มข้นปานกลางครับ มีรสเค็มและมันเป็นพื้นฐาน กลมกล่อมและอร่อยมาก เนื่องจากมีหมูปรุงรสที่รสชาติจัดจ้านมาก ผมจึงพยายามปรุงกระเทียม งาบด และน้ำมันงาพริกเผาให้น้อยหน่อย และหลังจากคนให้เข้ากับก้อนหมูปรุงรสแล้วรสชาติจะจัดขึ้นมาอีกพอตัวเลยครับ มีความเผ็ดและเค็มเพิ่มขึ้น รสชาติโดยรวมค่อนข้างจัดจ้าน สำหรับคนไทยส่วนใหญ่แล้วไม่เผ็ดมากแต่น่าจะเค็มและเลี่ยนไปนิดครับ รวมๆแล้วผมไม่แนะนำสำหรับคนที่ไม่ค่อยชอบกินราเม็งน้ำข้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว สั่งชามนี้ผมว่าซดน้ำได้ไม่เกิน 3 ช้อนแน่ๆ และผมรู้สึกว่าวันนี้น้ำซุปรสชาติจะออกเลี่ยนๆกว่าทุกครั้งที่ผมมากินสักนิด ปกติซดได้หมด แต่ครั้งนี้ซดน้ำได้ครึ่งชามก็เริ่มเลี่ยนแล้วครับ
เส้นบะหมี่
เป็นเส้นเหนียวๆยืดหยุ่นๆแบบคล้ายๆกับฮะจิบังครับ (ไม่ใช่เส้นเหนียวนุ่มเคี้ยวมันแบบที่ผมชอบ) ตัวเส้นนุ่มมาก มีความเหนียวอร่อยดีครับ ตรงกลางเส้นแอบมีแข็งนิดนึงครับไม่มาก ตอนกินรุ้สึกพอมีรสชาติ ไม่ได้จืดสนิท ตรงนี้น้ำซุปที่เข้มข้นมีส่วนช่วยเยอะเลยครับ
มูชาชู และไข่
วันนี้ยอมรับว่าไม่อร่อยเหมือนทุกครั้งครับ แต่โดยรวมก็ยังโอเคอยู่ โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นเนื้อไร้มันจะค่อนข้างแข็ง และเค็มไปนิด ส่วนตรงที่เป็นมัน หรือเนื้อที่มีมันแทรก ตรงนี้นุ่มและอร่อยครับ ส่วนไข่ก็อร่อยมากครับ ไข่ขาวมีความเหนียวที่แบบใช้ตะเกียบคีบแล้วไม่แตกง่าย แต่กัดเข้าไปแล้วนุ่ม ร่วน ไข่แดงเยิ้มและเหลวติดปลายลิ้นดีครับ มีความเค็ม มีกลิ่นซอส ผมกินแล้วคิดถึงตอนเรียนอยู่หอ แล้วได้กินไข่ปิ้งร้อนๆราดซอสภูเขาทองเลย กลิ่นได้ รสชาติไกล้เคียง แต่ไข่ในราเม็งทั้งอร่อยกว่า และกลิ่นหอมกว่า รวมถึงรสสัมผัสที่คนละเรื่องกันเลยครับ
2. Menu: ชาชู โชยุ ราเม็ง (ราคา 199 บาท)
หน้าตาเหมือนเมนูแรกทุกอย่าง ต่างกันแค่ไม่มีหมูก้อนปรุงรสมาให้ครับ น้ำซุปทงคตสึเข้มข้น มีหมู 5 ชิ้นเพราะสั่งแบบเพิ่มชาชู มีไข่ต้มที่ผมชอบมาให้ครึ่งฟองเช่นเคยครับ และก็มีสาหร่ายมาให้ 1 แผ่น เช่นเดียวกับที่อาหารไทยชอบมีผักรองจานนั่นแหละ
น้ำซุป
วันนี้รสชาติแสนอร่อยแบบเดิมได้กลับมาแล้วครับ น้ำซุปที่ดูด้วยตาแล้วเหมือนจะเข้มข้นมากแต่ที่จริงแล้วมันแค่เข้มข้นพอประมาณ มีรสเค็มและมันเป็นพื้นฐาน วันนี้ได้กลิ่นทงคตสึหอมชัดเจน ซดน้ำแล้วรสชาติกลมกล่อมกำลังดี แต่ผมเป็นคนที่ชอบกินน้ำซุปเข้มข้นมาก เลยจัดการปรุงเพิ่มโดยการบีบกระเทียม เพิ่มงาบด และเพิ่มน้ำมันงาพริกเผาลงไปอีก ได้ความเผ็ดร้อน ความเข้มข้น และความมันเพิ่มขึ้นมาอีก (สำหรับคนทั่วไป ผมว่ากินแบบเดิมๆก็อร่อยดีแล้วนะครับ แต่เพื่อนๆผมที่เคยมากินด้วยกันก็ใส่เพิ่มกันเกือบทุกคน อาจจะแค่อย่างใดอย่างนึงหรือสองอย่าง แต่กระเทียมจะเป็นสิ่งแรกๆที่คนไทยชอบปรุงเพิ่ม) สรุปคือได้รสชาติที่จัดจ้านขึ้น แต่ยังไม่เสียรสชาติเดิมไปครับ ปรุงแล้ว ยังได้กลิ่นน้ำซุป รสชาติเดิมยังอยู่ครบ แค่มีกลิ่นและรสชาติใหม่เพิ่มขึ้นมา
เส้นบะหมี่
เส้นวันนี้เหมือนๆกับเมื่อวานครับ นุ่มนอก มีความแข็งตรงกลางเส้นนิดหน่อย ถึงแม้จะเป็นเส้นแบบเหนียวและยืดหยุ่น แต่ไม่ได้รู้สึกว่าเหนียวมากเกินไปครับ อาจจะเป็นเส้นประเภทที่ผมไม่ได้ถูกใจเป็นพิเศษ เลยมองว่ามีเพียงความนุ่มและเหนียวพอประมาณ ไม่ได้มีความดึงดูดมาก
หมูชาชูและไข่
ชาชูวันนี้เปื่อยกว่าเมื่อวานครับ ส่วนที่เป็นเนื้อจับกันแน่นดี กัดแล้วความรู้สึกแรกเหมือนจะแข็งแต่ไม่ครับ ร่อนเคี้ยวง่ายไม่เปลืองแรงมาก มีรสเค็มนิดๆไม่มากเท่าเมื่อวาน ส่วนที่เป็นมันล้วนและส่วนที่มันแทรกเนื้อ รสชาติจะออกมันๆติดเค็มนิดๆครับ แต่มันเด็ดตรงที่ ส่วนนี้มันนุ่ม มันลื่ลิ้น มันละลายในปาก ความรู้สึกมันฟินไปหมดครับ ความรู้สึกคล้ายๆกับเวลาที่เรากินปลาแซลม่อนแล้วมันละลายในปากครับ ผมละสงสารคนที่ไม่ชอบกินมันจริงๆ ที่เขาไม่สามารถเข้าถึงความอร่อยและความละมุนลิ้นที่คนกินมันสัมผัสได้ พอผมกินหมูชาชูจนถึงชิ้นสุดท้าย ผมเพิ่งรู้สึกว่าผมเริ่มเคี่ยวจนเมื่อยครับ นั่นแปลว่าชาชูส่วนที่เป็นเนื้อล้วนไม่ติดมัน น่าจะยังพอมีความเหนียวอยู่บ้าง ไม่ได้เปื่อยยุ่ยไปเสียทีเดียวอย่างที่ผมกล่าวไว้ในตอนแรก
ไข่ต้มวันนี้ก็เหมือนเมื่อวานครับ รสชาติเหมือนเดิมเป๊ะ ไข่ขาวนุ่มแน่น ไข่แดงนุ่มเยิ้ม ละลายติดปลายลิ้น มีกลิ่นซอสหอมๆเค็มๆครับ กลิ่นคล้ายๆซอสภูเขาทอง (อันนี้ผมคิดเองครับ)
สรุปเกรด
กินไป 2 เมนูครับ คือชาชู มิโสะ (เมื่อวาน) และชาชู โชยุ (วันนี้) เมนูละ 199 บาท (ถ้าไม่เอาชาชูเพิ่ม 149 บาท) ทางร้านคิด VAT 7% ด้วยนะครับ น้ำและน้ำแข็งต้องสั่งเพิ่มครับ รวมๆแล้วมิโสะจะเป็นราเม็งที่รสชาติค่อนข้างจัดจ้านเข้มข้น ส่วนโชยุเป็นซุปแบบต้นตำรับทงคตสึครับ ความเข้มข้นปานกลาง กลมกล่อม ไม่จืดและไม่เข้มจนเกินไป จุดเด่นของความอร่อยคือ หมูมาชูที่มีมันแทรกอร่อยมาก ไข่อร่อยมาก และน้ำซุปที่อร่อยมาก แต่ถ้าเลือกน้ำซุปผิดก็อาจจะถึงขั้นจบเห่ครับ ผมชอบน้ำซุปที่นี่มาก ซดหมดเกลี้ยงทุกครั้ง แต่เสียดายที่สั่งน้ำซุปเพิ่มไม่ได้ครับ ไม่มีในเมนู
คนที่มาร้านนี้ครั้งแรก ผมจึงขอแนะนำสั่ง โชยุราเม็ง หรือชาชูโชยุก็ได้ ไซส์เล็ก ราคา 149 บาท และ 199 บาทครับ ลองชิมดูก่อน ถ้ายังรู้สึกว่าขาดเค็มไปนิด รอบหน้าค่อยมาซ้ำเป็นชิโอะ หรือถ้ายังไม่จัดจ้านจื๊ดจ๊าดพอ ก็มาซ้ำครั้งหน้าเป็นมิโสะครับ คะแนนที่ผมจะให้ด้านล่างนี้ ขอเอามิโสะที่กินเมื่อวานแล้วไม่ถูกใจ กับโชยุที่กินวันนี้แล้วถูกใจมาก มารวมกันแล้วหาร 2 นะครับ ซึ่งโดยส่วนตัวถ้ามากิน 10 ครั้ง จะเจอแบบไม่ถูกใจอยู่ประมาณ 2 ครั้ง เป็นปกติครับ ทุกครั้งที่ออกจากร้าน จะมีเสียงตะโกนขอบคุณจากพนักงานตั้งแต่ 2 คน ขึ้นไปทุกครั้ง เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของที่นี่ครับ ท่านที่นำรถมาสามารถจอดบนตึก และมาสแตมป์ที่ร้านได้ครับ ผมไม่แน่ใจว่าได้ฟรีกี่ ชม.
สุดท้ายนี้ สิ่งที่ผมเขียนลงไปเป็นความรู้สึกส่วนตัวนะครับ ลิ้นผมกับลิ้นคนอื่นๆอาจจะกินอาหารเดียวกันแล้วได้รสชาติออกมาไม่เหมือนกันก็ได้ ผมเป็นคนธรรมดาไม่ได้ทำงานในวงการอาหาร ไม่เคยเรียนเกี่ยวกับอาหาร และยังทำอาหารไม่เป็นอีกตะหาก ผิดพลาดประการใดขออภัยครับ
Tonkotsu Kazan Ramen
- น้ำซุป: B
- เส้นบะหมี่: B
- เครื่อง (หมู ไข่): B+
เกรดเฉลี่ย = 3.16
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ปล. ขอแนะนำอีกเมนู ไก่คาราอะเกะ ก็ใช้ได้ครับ
ส่วนของหวาน ผมแนะนำ ไอซ์คะซังครับ แต่ค่อนข้างเยอะ ต้องมากันสัก 3 คนถึงจะกล้าสั่งครับ