เรื่องของเรายาวมากนะคะ ออกแนวจะเล่าชีวิต แต่อยากให้รู้ตั้งวิธีการแต่แรกค่ะ ก่อนอื่นนะคะ จะเล่าตั้งแต่ชีวิตวัยเด็กเลยนะคะ คือเราเป็นคนที่ตัวเล็กมากตั้งแต่เด็กๆ บ้านเป็นคนเชื้อสายจีน แล้วก็ชอบเด็กจ้ำม้ำๆ เวลาญาติมาที่บ้านทีไร แม่จะโดนว่าทุกที ว่าเลี้ยงเราไม่ดี ยังกะเด็กตะเกียบ เพราะฉะนั้น ก็จะมีสารพัดน้ำมันตับปลา วิตามิน บลาๆๆๆ ถูกบังคับให้กิน เกลียดสุดๆ คือ ไมโลร้อนๆ ตอกไข่ดิบลงไป ตอนเด็กๆ เราก็ค่อนข้างที่จะขี้โรคด้วย แล้วตั้งแต่ที่จำความได้ อนุบาล ยันประถม 6 เวลาเข้าแถวตอนเช้า ได้อยู่หน้าสุดตลอด ทั้งตัวเล็กทั้งผอม จนเมื่อขึ้นมัธยม เราก็หันไปเล่นบาส เพราะอยากสูง เราเล่นกีฬาค่อยข้างเยอะ บาส ว่ายน้ำ ปิงปอง ตีแบด ( ตั้งแต่เล่นกีฬา ตอนมัธยมต้น ก็เริ่มขยับมาอยู่ตรงกลางๆ แถวแล้วนะ ^^ ) ตอนนั้นเราก็ดีใจแล้ว ไม่ได้ยืนข้างหน้าสุดของแถวแล้ว แต่เราก็ยังเล่นกีฬามาเรื่อยๆ เพิ่มเติม คือเรื่องการกิน เนื่องจากการเล่นกีฬาเวลาหลังเลิกเรียน ทำให้กลับบ้านค่อนข้างมืด เรากินดึกทุกวันเลย แต่ตอนนั้นเราก็ไม่ได้สนใจ เรื่องความสวยงามหรือสรีระแต่อย่างใด ค่อนข้างมีเพื่อนผู้ชายเยอะกว่า เพราะเล่นกีฬากับพวกมัน ออกจะทอมบอยแต่ไม่ใช่นะคะ เพื่อนในกลุ่มก็เป็นผู้หญิง รักสวยรักงามปกติ แต่ตอนนั้นเราไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ค่ะ กลับเข้าเรื่องกินต่อค่ะ ช่วงนั้นเรากินข้าวเย็นดึกทุกวัน แต่ก็คิดว่าคงไม่อ้วนหรอก เพราะอยากอ้วนแต่เด็กก็ไม่อ้วน เราก็เลยไม่สนใจ กินอย่างเดียว อนึ่งก็ไม่รู้มาจากวัยที่เพิ่งเริ่มมีประจำเดือนหรือป่าว กินแหลก กินทุกอย่าง แต่ก็ยังคงคิดว่า ตัวเรากินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนหรอก แต่ตอนนั้นก็ยังคงเล่นกีฬาทุกวันนะคะ ชีวิตวนเป็นแบบนี้ค่ะ เลิกเรียน เล่นกีฬา กินแหลก วนอยู่แบบนั้นประมาณ 3 ปี นน. อยู่ 46 – 48 เท่าที่จำได้นะคะ ก็ยังคิดว่าไม่อ้วนค่ะ จนเรียนจบมัธยมต้น ย้าย รร. ค่ะ มัธยมปลายมีเพื่อนใหม่ แก้งค์ผู้ญ. ไม่เล่นกีฬาเหมือนกัน วันๆ รักสวยรักงาม แรกๆ เข้าไปเห็นสนาม หรือ โรงยิม เหมือนจะขาดใจ อยากเล่นมาก แต่ชวนเพื่อนๆ ในกลุ่ม ก็ไม่มีใครสนใจ แล้วตอนนั้นเหมือนเป็นนักเรียนใหม่ ก็ไม่ได้มีเพื่อนเยอะ เดินผ่านสนามบาสเห็นเค้าเล่นบาสกัน แต่เราก็ไม่รู้จักใคร ก็ผ่านไปเฉยๆ จนเวลาล่วงเลยมาค่ะ ไม่ได้แตะกีฬาอะไรอีกเลย จนเกินความเคยชิน จบมัธยมปลายมาด้วยการเป็นสาวเจ้าเนื้อค่ะ ตอนนั้นเราสูงประมาณ 158 นน. อยู่ที่ 52 ก็ยังคิดว่าตัวเองไม่อ้วนค่ะ 555555+ จนเข้ามหาวิทยาลัย ได้กลับมาเป็นนักกีฬาอีกครั้งค่ะ แน่นอนค่ะ เราเลือกที่จะเล่นบาส ตอนนั้นซ้อมหนักมากค่ะ ไหนจะแสตนเชียร์ ซ้อมบาส เลิกดึกทุกวัน ตอนนั้น นน. ลงมาที่ 49 กก. ดีใจค่ะ ก็ยังคิดว่าตัวเองไม่อ้วนเท่าไหร่ บอกกก่อนเลยนะคะ เราเป็นคนค่อนข้างเจ้าเนื้อค่ะ คือ เนื้อจะแน่น กว่าเพื่อนผู้ญ. ทั่วไป คือจับแขน หรือ จับตัวเพื่อนนะคะ มันนุ่มนิ่มมากเลยค่ะ แต่พอจับตัว หรือแขนตัวเราเองนะคะ คนละเรื่องเลยค่ะ เพื่อนผู้ชายก็ชอบล่อนะคะ ยัยถึก!!! ตอนนั้น ยังไม่คิดอะไรค่ะ เพราะก็คิดว่า นน. เราก็พอๆ กับเพื่อนนะ แต่รูปร่างไม่ใช่เลยค่ะ แต่ก็ไม่เคยสนใจ จนกลายมาเป็น พี่ปี3 และ ปี4 เหมือนเดิมค่ะ ไม่ได้ออกกำลังกายเลยค่ะ รู้ตัวอีกที ตอนนั้น นน. 54 – 55 แล้วค่ะ แต่ก็ยังเข้าข้างตัวเอง ว่าเป็นสาวเนื้อก็น่ารักดีออก แต่พอตอนจะจบ ก็เริ่มมีความรักสวยรักงาม เริ่มแต่งหน้าทาปาก อยากใส่ชุดครุยสวยๆ ( ไม่รู้ว่ารู้สึกตัวช้าไปไหม 5555+) ตอนนั้นก็อยากกลับไปหนัก 50 กก. เหมือนตอนปีนึงอ่าค่ะ ไม่มีความรู้ในเรื่องนี้เลย ทำตามตัวเอง ทำตามเพื่อน ผิดๆ ถูกๆ (ไม่เคยทานยาลดความอ้วนแต่อย่างใด) ออกแนว อดๆ อยากๆ มากกว่า 5555+ จบปริญญามาด้วย นน. 52-53 ค่ะ จนเข้าสู่วัยทำงานค่ะ เรื่องออกกำลังตัดทิ้งออกไปจากชีวิตเลยค่ะ เพราะทำงานอย่างเดียวก็รู้สึกเหนื่อยแล้วค่ะ นั่งๆ กินๆ นอนๆ แค่นั้น จริงๆ ค่ะ ยังคงไม่ค่อยรักสวยรักงาม ตามเดิมค่ะ จนมาถึงการนัดเจอเพื่อนๆ วัยมัธยมค่ะ ทั้งโดนแขวะ โดนล้อ สารพัด เฟลสิคะ นอยด์ด้วย กลับบ้านมา นั่งมองตัวเอง เราอ้วนขนาดนั้นเลยหรอ ลองไปชั่งนน. ดูค่ะ โอ้ว!!! แม่เจ้า 58 ค่ะ ทำงานมา 2 ปี นน. ขึ้นมา 6 กก.ค่ะ ช๊อคค่ะ แต่เราและที่บ้านก็ยังมองว่าตัวเองไม่ได้มากเท่าไหร่นะ แค่เป็นสาวอวบ บวกกับเป็นคนหน้าเล็กอ่าค่ะ แต่ก็เจอเพื่อนๆ ค่อยจิกกัด ว่าตลอด ทำให้ไม่มั่นใจในตัวเองไปพักใหญ่เลยค่ะ ปฏิบัติการลดนน. จึงเริ่มขึ้น อย่างที่บอกตอนแรกนะคะ เรามีพื้นฐานเป็นนักกีฬา
แต่อุปสรรคเหมือนจะเป็นการที่เราเป็นคนเนื้อแน่นอ่าค่ะ ไม่รู้ทำให้เราลดยากหรือป่าว พูดง่ายๆ หุ่นในตอนนั้นเหมือน หมูที่แข็งแรงอ่าค่ะ เราเริ่มจากการวิ่งค่ะ และเนื่องจากเคยเป็นนักกีฬา จึงไม่มีปัญหากับการออกกำลังกายแต่อย่างใดค่ะ ตอนนั้นเราวิ่งอย่างเดียวค่ะ ใช้เวลา 1 ชม. ครึ่ง วิ่งช้าสลับเร็ว อดข้าวเย็น กินน้อยๆ ซึ่งตอนนั้นยอมรับเลยค่ะ ว่าไม่มีความรู้ในการลดความอ้วนเลยค่ะ ผ่านไป 4 – 5 เดือนค่ะ นน.เราเหลือ 54 กก. ค่ะ รออะไร ฟินไปสิค่ะ เห้ยยย เราทำได้ แต่ก็ใช้เวลาเยอะอยู่ เราไม่ได้ความคุมอาหารนะคะ กินปกติทั่วไป อย่างที่บอกไม่มีความรู้เรื่องลดความอ้วนเลยค่ะ พอ ลด นน. ได้ ก็ได้ใจค่ะ กินแหลกลาน เราเป็นคนกินเยอะมาก กินพอๆ กับผู้ชายเลยค่ะ เพื่อนๆ ที่ทำงาน ก็ค่อนข้างรังแกฉัน ค่ะ คือเพื่อนๆ ที่ทำงานกินน้อย (หรือตรูกินเยอะหว่า) คือทุกๆ วัน เวลาทานข้าว จะมีเพื่อนคนนึง แบ่งข้าวในจานเค้ามาครึ่งจานอ่าค่ะ มาให้จานเรา เท่ากับเราจะกินข้าวจานครึ่ง บางที คนอื่นกินไม่หมดเราก็เสียดายค่ะ ถูกสอนมาว่าชาวนาลำบากค่ะ เก็บหมดตลอด รู้ตัวอีกที นน. 60 กก. ค่ะ โอ้วว!!! แม่เจ้าอีกครั้งนึง ไม่คิดว่าชีวิตนี้ นน. จะแตะเลข 6 เครียดวนไปค่ะ
พอมาถึงตอนนี้ ลดเท่าไหร่ก็ไม่ลงแล้วค่ะ เครียด ก็กินอีก จนมาถึงจุดพีคค่ะ เมื่อปีที่แล้วนี้เองค่ะ ย้ายที่ทำงานค่ะ เปลี่ยนงาน มาอยู่ที่ทำงานใหม่ ด้วยส่วนสูง 160 ซม. นน. 60 กก. มีเวลาในเวลางานมากขึ้น ถ้าทำงานเสร็จเร็วก็จะว่างค่ะ ตอนนั้นก็ยังเครียดเรื่อง นน. ตัวเองอยู่ พอว่างงาน ก็เริ่มศึกษาการลดความอ้วนอย่างจริงจัง อันนี้ต้องขอบคุณกระทู้พันทิปเลยนะคะ ^^ หลายๆ กระทู้ ที่ให้ความรู้อย่างถูกต้อง เราก็เริ่มรู้จัก TDEE เราเริ่ม รู้จัก BMR เราเริ่มรู้จัก CAL
เราเริ่มรู้จักอาหารชีวจิต เราเริ่มรู้จัก อาหารคลีน เราอ่านๆๆ กระทู้พันทิป อ่านเยอะมาก ทั้งคนที่ประสบความสำเร็จ คนไม่ประสบความสำเร็จ จนเมื่อต้นปีที่แล้ว มีแรงฮึดค่ะ พออ่านเห็นคนที่ทำได้ ก็ใจสู้ค่ะ เราเริ่มควบคุมอาหาร (แต่อันนี้ต้องบอกว่า หลุดบ่อยจริงๆ ค่ะ คือเป็นคนจริงจังกับการกินมากค่ะ 55555+ ) แต่ทุกครั้งที่หลุดกินเยอะไป ก็ท่องไว้ค่ะ ต้องเอาออกให้มากกว่าเอาเข้า เพระาฉะนั้นเวลาจะกินเยอะ ก็นึกถึงตอนออกกำลังกายค่ะ เหนื่อยแทบขาดใจ เราออกกำลังกาย เราได้มารู้จักกับ T25 และ เพื่อนๆ ที่ทำงานใหม่ ก็มีชมรมแบดมินตัน แต่..... ตีกันเอาเป็นเอาตายมากค่ะ ตอนแรกเราก็คิดว่า จะเล่นก๊อกๆ แก๊ก ๆ ตามประสาที่เราเคยเล่นตอนเด็กๆ ไม่เลยค่ะ มีทั้งตบ หยอด กระชากลูกหลัง คือไปเดือนแรก ท้อเลยค่ะ ตีอะไรไม่เป็นเลยค่ะ แค่มีพื้นฐานก๊อกๆ แก๊กๆ แต่พี่ๆ บางคนก็ให้กำลังใจค่ะ มาสอนเรา บวกกับคิดถึงเรื่องลดน้ำหนัก ก็ใจสู้ไปค่ะ หลังๆ พอเริ่มเล่นเป็นก็สนุกไปสิค่ะ พื้นฐานเราก็เป็นคนชอบกีฬาอยู่แล้ว เราตีแบด สลับกับ T25 แต่ก็ไม่ได้ทำตามโปรแกรมเค้านะคะ เราแค่ 2 วันของเค้าอ่ะค่ะ Cadio กับ Speed วันที่เล่น T25 เสร็จ เราก็จะซิทอัพ เล่นบอดี้เวทอีกนิดหน่อย แพล้งกิ้ง ฯลฯ ยกตามยูทูปนั้นหล่ะค่ะ ครึ่งปีแรก นน. มันไม่ลงเลยค่ะ ท้อเหมือนกันนะคะ ลงมาแค่ 2 – 3 กก. จาก 60 กก. มาเป็น 57 – 58 กก. จนตอนหลังเราก็มาอ่านพันทิปนี่หล่ะคะ ว่าอย่าไปโฟกัสที่ตัวเลขบนตาชั่ง พอครึ่งปีหลังมา ก็ไม่ชั่ง นน. อีกเลยค่ะ จนสิ้นปี เริ่มมีคนทักค่ะ ผอมลงหรือป่าว ตัวเล็กลงไปนะ แต่เราก็รู้สึกได้นะคะ เสื้อผ้า ถึงแม้ไม่ได้เปลี่ยนใหม่ แต่ก็รู้สึกเบาตัวขึ้น ไม่อึดอัด เหมือนเมื่อก่อน ต้นปีนี้ เรามาชั่งนน. ค่ะ นน. เราอยู่ 52 ค่ะ ดีใจมากค่ะ ที่ตัวเองทำได้ แต่ก็ยังรู้สึกตัวใหญ่แบบถึกๆ อยู่นะคะ เพราะเราเป็นคนเนื้อแน่มั้งค่ะ พี่ที่ทำงาน สูงเท่ากัน นน.เท่ากัน แต่แขน ขา เราดูถึกกว่าเค้ามากเลย จนมาปีนี้ ตั้งแต่ต้นปี นน. ก็ไม่ลดลงอีกเลย นน. อยู่ที่ 52 เท่าเดิม จนถึงเดือนแปดนี่หล่ะค่ะ แต่ยอมรับนะคะ ออกกำลังกายน้อยลง กินมากขึ้นด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่โยโย่นะคะ จนมาลดจริงจังเดือนสิงหาคมนี้อีกรอบค่ะ แต่นน. ก็ไม่กระดิกไปไหน สัดส่วนก็เท่าเดิม เลยอยากมาปรึกษานะคะ ว่าจะทำอะไรให้หายถึกได้ ต้องเพิ่มการออกกำลังกายอีกไหม ที่ทำมาถูกวิธีหรือป่าว เป็นคนเนื้อแน่น ลดยากกว่าคนปกติจริงหรือ ตอนนี้เวลาเกร็งขา มีลูกๆ แข็งๆ ตรงต้นขาด้วยค่ะ น่าจะเป็นผลพวงจากการวิ่งตีแบด กับ T25 มั้งค่ะ เราก็ไม่ได้รังเกียจกล้ามนะคะ ออกจะแนวชอบด้วยซ้ำ แต่ตัวเราเองออกจากถึกๆ เหมือนพวกนักเล่นกล้ามอ่าค่ะ หรือเราต้องลีนก่อน คือยังไม่ค่อยมีความรู้ตรงนี้มากพอ อยากดูเพรียวๆ แล้วมีกล้ามอ่าค่ะ ปล.อยากดูตัวเล็กๆ บ้างอ่ะค่ะ (ออกแนวจะเล่นชีวิตยาวไปหน่อยนะคะ) ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำปรึกษาค่ะ
รบกวนปรึกษาค่ะ น้ำหนักลดลงมาระยะหนึ่ง แล้วก็ไม่ลงอีกเลย เป็นคนเนื้อแน่น (รู้สึกท้อแท้ แต่ก็ยังไม่ท้อถอย )
แต่อุปสรรคเหมือนจะเป็นการที่เราเป็นคนเนื้อแน่นอ่าค่ะ ไม่รู้ทำให้เราลดยากหรือป่าว พูดง่ายๆ หุ่นในตอนนั้นเหมือน หมูที่แข็งแรงอ่าค่ะ เราเริ่มจากการวิ่งค่ะ และเนื่องจากเคยเป็นนักกีฬา จึงไม่มีปัญหากับการออกกำลังกายแต่อย่างใดค่ะ ตอนนั้นเราวิ่งอย่างเดียวค่ะ ใช้เวลา 1 ชม. ครึ่ง วิ่งช้าสลับเร็ว อดข้าวเย็น กินน้อยๆ ซึ่งตอนนั้นยอมรับเลยค่ะ ว่าไม่มีความรู้ในการลดความอ้วนเลยค่ะ ผ่านไป 4 – 5 เดือนค่ะ นน.เราเหลือ 54 กก. ค่ะ รออะไร ฟินไปสิค่ะ เห้ยยย เราทำได้ แต่ก็ใช้เวลาเยอะอยู่ เราไม่ได้ความคุมอาหารนะคะ กินปกติทั่วไป อย่างที่บอกไม่มีความรู้เรื่องลดความอ้วนเลยค่ะ พอ ลด นน. ได้ ก็ได้ใจค่ะ กินแหลกลาน เราเป็นคนกินเยอะมาก กินพอๆ กับผู้ชายเลยค่ะ เพื่อนๆ ที่ทำงาน ก็ค่อนข้างรังแกฉัน ค่ะ คือเพื่อนๆ ที่ทำงานกินน้อย (หรือตรูกินเยอะหว่า) คือทุกๆ วัน เวลาทานข้าว จะมีเพื่อนคนนึง แบ่งข้าวในจานเค้ามาครึ่งจานอ่าค่ะ มาให้จานเรา เท่ากับเราจะกินข้าวจานครึ่ง บางที คนอื่นกินไม่หมดเราก็เสียดายค่ะ ถูกสอนมาว่าชาวนาลำบากค่ะ เก็บหมดตลอด รู้ตัวอีกที นน. 60 กก. ค่ะ โอ้วว!!! แม่เจ้าอีกครั้งนึง ไม่คิดว่าชีวิตนี้ นน. จะแตะเลข 6 เครียดวนไปค่ะ
พอมาถึงตอนนี้ ลดเท่าไหร่ก็ไม่ลงแล้วค่ะ เครียด ก็กินอีก จนมาถึงจุดพีคค่ะ เมื่อปีที่แล้วนี้เองค่ะ ย้ายที่ทำงานค่ะ เปลี่ยนงาน มาอยู่ที่ทำงานใหม่ ด้วยส่วนสูง 160 ซม. นน. 60 กก. มีเวลาในเวลางานมากขึ้น ถ้าทำงานเสร็จเร็วก็จะว่างค่ะ ตอนนั้นก็ยังเครียดเรื่อง นน. ตัวเองอยู่ พอว่างงาน ก็เริ่มศึกษาการลดความอ้วนอย่างจริงจัง อันนี้ต้องขอบคุณกระทู้พันทิปเลยนะคะ ^^ หลายๆ กระทู้ ที่ให้ความรู้อย่างถูกต้อง เราก็เริ่มรู้จัก TDEE เราเริ่ม รู้จัก BMR เราเริ่มรู้จัก CAL
เราเริ่มรู้จักอาหารชีวจิต เราเริ่มรู้จัก อาหารคลีน เราอ่านๆๆ กระทู้พันทิป อ่านเยอะมาก ทั้งคนที่ประสบความสำเร็จ คนไม่ประสบความสำเร็จ จนเมื่อต้นปีที่แล้ว มีแรงฮึดค่ะ พออ่านเห็นคนที่ทำได้ ก็ใจสู้ค่ะ เราเริ่มควบคุมอาหาร (แต่อันนี้ต้องบอกว่า หลุดบ่อยจริงๆ ค่ะ คือเป็นคนจริงจังกับการกินมากค่ะ 55555+ ) แต่ทุกครั้งที่หลุดกินเยอะไป ก็ท่องไว้ค่ะ ต้องเอาออกให้มากกว่าเอาเข้า เพระาฉะนั้นเวลาจะกินเยอะ ก็นึกถึงตอนออกกำลังกายค่ะ เหนื่อยแทบขาดใจ เราออกกำลังกาย เราได้มารู้จักกับ T25 และ เพื่อนๆ ที่ทำงานใหม่ ก็มีชมรมแบดมินตัน แต่..... ตีกันเอาเป็นเอาตายมากค่ะ ตอนแรกเราก็คิดว่า จะเล่นก๊อกๆ แก๊ก ๆ ตามประสาที่เราเคยเล่นตอนเด็กๆ ไม่เลยค่ะ มีทั้งตบ หยอด กระชากลูกหลัง คือไปเดือนแรก ท้อเลยค่ะ ตีอะไรไม่เป็นเลยค่ะ แค่มีพื้นฐานก๊อกๆ แก๊กๆ แต่พี่ๆ บางคนก็ให้กำลังใจค่ะ มาสอนเรา บวกกับคิดถึงเรื่องลดน้ำหนัก ก็ใจสู้ไปค่ะ หลังๆ พอเริ่มเล่นเป็นก็สนุกไปสิค่ะ พื้นฐานเราก็เป็นคนชอบกีฬาอยู่แล้ว เราตีแบด สลับกับ T25 แต่ก็ไม่ได้ทำตามโปรแกรมเค้านะคะ เราแค่ 2 วันของเค้าอ่ะค่ะ Cadio กับ Speed วันที่เล่น T25 เสร็จ เราก็จะซิทอัพ เล่นบอดี้เวทอีกนิดหน่อย แพล้งกิ้ง ฯลฯ ยกตามยูทูปนั้นหล่ะค่ะ ครึ่งปีแรก นน. มันไม่ลงเลยค่ะ ท้อเหมือนกันนะคะ ลงมาแค่ 2 – 3 กก. จาก 60 กก. มาเป็น 57 – 58 กก. จนตอนหลังเราก็มาอ่านพันทิปนี่หล่ะคะ ว่าอย่าไปโฟกัสที่ตัวเลขบนตาชั่ง พอครึ่งปีหลังมา ก็ไม่ชั่ง นน. อีกเลยค่ะ จนสิ้นปี เริ่มมีคนทักค่ะ ผอมลงหรือป่าว ตัวเล็กลงไปนะ แต่เราก็รู้สึกได้นะคะ เสื้อผ้า ถึงแม้ไม่ได้เปลี่ยนใหม่ แต่ก็รู้สึกเบาตัวขึ้น ไม่อึดอัด เหมือนเมื่อก่อน ต้นปีนี้ เรามาชั่งนน. ค่ะ นน. เราอยู่ 52 ค่ะ ดีใจมากค่ะ ที่ตัวเองทำได้ แต่ก็ยังรู้สึกตัวใหญ่แบบถึกๆ อยู่นะคะ เพราะเราเป็นคนเนื้อแน่มั้งค่ะ พี่ที่ทำงาน สูงเท่ากัน นน.เท่ากัน แต่แขน ขา เราดูถึกกว่าเค้ามากเลย จนมาปีนี้ ตั้งแต่ต้นปี นน. ก็ไม่ลดลงอีกเลย นน. อยู่ที่ 52 เท่าเดิม จนถึงเดือนแปดนี่หล่ะค่ะ แต่ยอมรับนะคะ ออกกำลังกายน้อยลง กินมากขึ้นด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่โยโย่นะคะ จนมาลดจริงจังเดือนสิงหาคมนี้อีกรอบค่ะ แต่นน. ก็ไม่กระดิกไปไหน สัดส่วนก็เท่าเดิม เลยอยากมาปรึกษานะคะ ว่าจะทำอะไรให้หายถึกได้ ต้องเพิ่มการออกกำลังกายอีกไหม ที่ทำมาถูกวิธีหรือป่าว เป็นคนเนื้อแน่น ลดยากกว่าคนปกติจริงหรือ ตอนนี้เวลาเกร็งขา มีลูกๆ แข็งๆ ตรงต้นขาด้วยค่ะ น่าจะเป็นผลพวงจากการวิ่งตีแบด กับ T25 มั้งค่ะ เราก็ไม่ได้รังเกียจกล้ามนะคะ ออกจะแนวชอบด้วยซ้ำ แต่ตัวเราเองออกจากถึกๆ เหมือนพวกนักเล่นกล้ามอ่าค่ะ หรือเราต้องลีนก่อน คือยังไม่ค่อยมีความรู้ตรงนี้มากพอ อยากดูเพรียวๆ แล้วมีกล้ามอ่าค่ะ ปล.อยากดูตัวเล็กๆ บ้างอ่ะค่ะ (ออกแนวจะเล่นชีวิตยาวไปหน่อยนะคะ) ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำปรึกษาค่ะ