ได้ดูคลิปดังผ่านทางโลกโชเชียล แล้วเกิดประทับใจในข้อคิดหลาย ๆ อย่างที่ให้แก่เยาวชนหรือผู้ที่ทำมาหากิน
และคงไม่ลงรายละเอียดอะไรไปมาก เพราะคิดว่าแทบทุกท่านคงผ่านตากันมาบ้างแล้วเกี่ยวกับคลิป ขาหมู
บอกว่าเป็นขาหมูทันสมัย แต่ไม่ตั้งใจหรอกนะเป็นเพราะสล่าปู่เองเป็นคนไม่ค่อยจะยึดติดอะไรมากนัก ทำอะไร
ก็ทำง่าย ๆ ทุกอย่างถามว่ามีสูตรตายตัวไหมขอบอกว่าไม่ แต่ก็ได้อิงเอาตามแบบที่ชาวบ้านชาวเมืองเขาทำกัน
มาดัดแปลงเพิ่มนั้น เพิ่มนี่เข้าไปบ้าง เพราะสุดท้ายเราเป็นคนกินเองทุกอย่างน่าจะเป็นความถูกใจเราไว้ก่อน
วันก่อนมีน้ำต้มซุปเกี๋ยวเตี๋ยวหมูเหลืออยู่ครื่งหม้อ พอดีไปตลาดเห็นขาหมูขาหลังยังมีเหลืออยู่ทั้ง ๆ ที่เย็นแล้ว
นึกในใจเอาไปทำพะโล้น่าจะได้ เลยซื้อมา 1 ขาให้พ่อค้าสับมาให้เป็น 3 ท่อน กลับมาถึงบ้านจัดการทำความสะอาด
แล้วทอด โยนลงหม้อน้ำก๋วยเตี๋ยวซึ่งเขามีรสชาติของเขาอยู่แล้ว หน้าที่เราจะทำอย่างไรให้มันเป็นพะโล้เท่านั้นเอง
จัดการหยิบนั่นหยิบนี่โยนลงไป เช่น โป๊ยกั๊ก กระเทียมสด อบเชย แต่งสีด้วยซีอิ้วดำ ปรุงรสเพิ่มด้วยซีอิ้วขาว
น้ำมันหอย อย่างไม่พิถีพิถันใจมันแค่อยากลองเหมือนกันว่าจะเป็นไหม แล้วไอ้สูตรลับร้อยปี พันปี เขาจะกล้าทำ
แบบนี้ไหม
จัดการตุ๋นบนเตาถ่านทิ้งไว้ 3 ชั่วโมง สุดท้ายใส่ไข่ต้มลงไป ชิมปรุงรสจนพอใจ พร้อมใส่ถ่านก้อนใหญ่แค่ก้อนเดียว
ทิ้งไว้หมดเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นปิดฝาปล่อยทิ้งข้ามคืน นอนหลับด้วยความสบายใจ
เช้ามาไปดูนิ่งสนิทในหม้อ หน้าตาพอดูได้ กลิ่นยวนใจใช่น้อย จับขึ้นตั้งบนเตาแก๊สอุ่นอีกครั้ง
เล่าความเป็นมายาวมากสำหรับวันนี้ งั้นเรามาดูภาพยาว ๆ กันไปเลย ขาหมูมันก็เหมือนขาหมูทั่วไป กลิ่นรสอยู่ที่ใจเราชอบ
รอยยิ้ม มิตรไมตรีหรืออัธยาศัยอันดีงาม เป็นอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญไม่น้อยที่จะทำให้คนชอบตามเราไปด้วย
ตักผึ่ง
จัดโชว์ เตรียมสับ
แค่คาจัก คากิ เต็มจานเบ้อเริ่มเลย
อย่างสวยงามน่ากิน แต่รางวัลสำหรับพ่อครัวคนทำกินไปแค่นี้จริง ๆ ครับ
ล้างคอด้วยชาก้านอ่อนแก้เลียน
การได้ทำมีความสุขเหลือหลายส่วนจะกินอะไร อย่างไร เอาความพร้อมและพอใจเข้าว่า
สวัสดีครับ
ขาหมูแบบทันสมัย ไม่มีอะไรเป็นสูตรสำเร็จนอกจากรอยยิ้ม
และคงไม่ลงรายละเอียดอะไรไปมาก เพราะคิดว่าแทบทุกท่านคงผ่านตากันมาบ้างแล้วเกี่ยวกับคลิป ขาหมู
บอกว่าเป็นขาหมูทันสมัย แต่ไม่ตั้งใจหรอกนะเป็นเพราะสล่าปู่เองเป็นคนไม่ค่อยจะยึดติดอะไรมากนัก ทำอะไร
ก็ทำง่าย ๆ ทุกอย่างถามว่ามีสูตรตายตัวไหมขอบอกว่าไม่ แต่ก็ได้อิงเอาตามแบบที่ชาวบ้านชาวเมืองเขาทำกัน
มาดัดแปลงเพิ่มนั้น เพิ่มนี่เข้าไปบ้าง เพราะสุดท้ายเราเป็นคนกินเองทุกอย่างน่าจะเป็นความถูกใจเราไว้ก่อน
วันก่อนมีน้ำต้มซุปเกี๋ยวเตี๋ยวหมูเหลืออยู่ครื่งหม้อ พอดีไปตลาดเห็นขาหมูขาหลังยังมีเหลืออยู่ทั้ง ๆ ที่เย็นแล้ว
นึกในใจเอาไปทำพะโล้น่าจะได้ เลยซื้อมา 1 ขาให้พ่อค้าสับมาให้เป็น 3 ท่อน กลับมาถึงบ้านจัดการทำความสะอาด
แล้วทอด โยนลงหม้อน้ำก๋วยเตี๋ยวซึ่งเขามีรสชาติของเขาอยู่แล้ว หน้าที่เราจะทำอย่างไรให้มันเป็นพะโล้เท่านั้นเอง
จัดการหยิบนั่นหยิบนี่โยนลงไป เช่น โป๊ยกั๊ก กระเทียมสด อบเชย แต่งสีด้วยซีอิ้วดำ ปรุงรสเพิ่มด้วยซีอิ้วขาว
น้ำมันหอย อย่างไม่พิถีพิถันใจมันแค่อยากลองเหมือนกันว่าจะเป็นไหม แล้วไอ้สูตรลับร้อยปี พันปี เขาจะกล้าทำ
แบบนี้ไหม
จัดการตุ๋นบนเตาถ่านทิ้งไว้ 3 ชั่วโมง สุดท้ายใส่ไข่ต้มลงไป ชิมปรุงรสจนพอใจ พร้อมใส่ถ่านก้อนใหญ่แค่ก้อนเดียว
ทิ้งไว้หมดเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นปิดฝาปล่อยทิ้งข้ามคืน นอนหลับด้วยความสบายใจ
เช้ามาไปดูนิ่งสนิทในหม้อ หน้าตาพอดูได้ กลิ่นยวนใจใช่น้อย จับขึ้นตั้งบนเตาแก๊สอุ่นอีกครั้ง
เล่าความเป็นมายาวมากสำหรับวันนี้ งั้นเรามาดูภาพยาว ๆ กันไปเลย ขาหมูมันก็เหมือนขาหมูทั่วไป กลิ่นรสอยู่ที่ใจเราชอบ
รอยยิ้ม มิตรไมตรีหรืออัธยาศัยอันดีงาม เป็นอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญไม่น้อยที่จะทำให้คนชอบตามเราไปด้วย
ตักผึ่ง
จัดโชว์ เตรียมสับ
แค่คาจัก คากิ เต็มจานเบ้อเริ่มเลย
อย่างสวยงามน่ากิน แต่รางวัลสำหรับพ่อครัวคนทำกินไปแค่นี้จริง ๆ ครับ
ล้างคอด้วยชาก้านอ่อนแก้เลียน
การได้ทำมีความสุขเหลือหลายส่วนจะกินอะไร อย่างไร เอาความพร้อมและพอใจเข้าว่า
สวัสดีครับ