กระทู้นี้ เป็นกระทู้รีวิวที่ 31 แล้วครับ
บางทีก็ถามตัวเองนะ เราพาตัวเองมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?
ที่มา...ตอนเด็ก ๆ เคยไปเข้าค่ายแห่งนึง ก่อกองไฟแล้วก็ตั้งหม้อไว้ 2 หม้อใกล้ ๆ กัน
หม้อนึงทำต้มจืดเต้าหู้หมูสับ อีกหม้อทำถั่วเขียวต้มน้ำตาล
แต่เพราะมันค่อนข้างมืดหรืออย่างไรไม่ทราบ
เลยเผลอมีคนเอาหมูสับชิ้นนึงใส่ไปในหม้อถั่วเขียว
แล้วข้าพเจ้าก็โดนแจ็คพ็อต เป็นคนที่ได้กินหมูชิ้นนั้น
รสชาติจำไม่ค่อยได้ เพราะตอนนั้นยังเด็ก
หรือว่ากินแล้วเครื่องแฮงค์ จนความจำเสื่อมไปบางส่วนก็เป็นไปได้เหมือนกัน
อยากจะหวนวันวานอย่างเขาบ้าง ก็ขอย้อนเวลาด้วยเมนูนี้ละกัน
(เกี่ยวไหม?)
รายละเอียดมากกว่านี้ไม่ต้องสนใจละกันเนอะ ลุยโลด!!
สิ่งที่ต้องเตรียม
1. ถั่วเขียว.. แต่ถ้าใครอยากเปลี่ยนเป็นถั่วอื่น ๆ ก็ได้นะ ถั่วแดง ถั่วเหลือง ถั่วดำ ถั่วอะซูกิ ฯลฯ
2. น้ำตาลอ้อย.. บางท่านอาจจะใช้น้ำตาลทรายแดง หรือน้ำตาลทรายขาว แล้วแต่สะดวกครับ
3. หมูสับ.. อับ ๆ
ทุกสิ่ง ท่านสามารถหาได้ตามห้างชั้นนำและชั้นตามทั่วไป
1. เอาถั่วเขียวใส่ในชามพอประมาณ ถามว่าประมาณแค่ไหน.. ไม่รู้ กินแค่ไหนก็กะเอาเองนะครับ
2. เราต้องเอาถั่วเขียวไปแช่น้ำครับ ให้มันพองและอ่อนลง มันจะได้ยม ๆ ยุ่ย ๆ
บางคนบอกไม่ต้องแช่ บางคนบอกแช่ 1 - 2 ชั่วโมงพอ บางคนบอกแช่ 5 ชั่วโมง
ก็เลือกเอาตามความลำบากครับ สูตร House who house potato... แต่ผมแช่ 1 คืนครับ
แช่ทิ้งไว้แล้วก็ไปนอน
3. เช้าอีกวัน ดันตื่นสายไปหน่อย ผลก็คือ ถั่วเขียวเริ่มกลายเป็นถั่วงอกครับ = ="
4. เธอดูถั่วงอกนั่นสิ เธอดูความขาวที่ยื่นออกมาของมันสิ.. หูย ไอ่ถั่วใจร้อน ไอ่ถั่วทำตัวเป็นฟาสต์ฟู้ด
ไอ่ถั่วไม่ฮิปสเตอร์ ไอ่ถั่วไม่สโลว์ไลฟ์ จะรีบเป็นถั่วงอกไปไหน?
5. ตั้งหม้อ ใส่น้ำ ไฟปานกลาง ๆ ครับ
ุ6. พอน้ำร้อนได้ที่แล้ว ก็ใส่ถั่วงอก เอ๊ย!! ถั่วเขียวลงไปครับ ต้มทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง
บางคนแนะนำว่าไม่ต้องปิดฝา ถ้าปิดฝามันจะเปรี้ยว... เออ อันนี้ก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกัน โนคอมเมนต์
แต่เผอิญว่าหาฝาหม้อไม่เจออยู่แล้ว ก็เลยโอเพ่นแอร์แบบนี้แหละ
7. โอ๊ย!! ปรับแสงผิด มันจ้าซะเหลือเกิน
8. ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว ลองแตว ๆ ดูว่ามันยุ่ยพอรึยัง?
ถ้ามันยุ่ยมันยมพอแล้ว เราก็ใส่น้ำตาลลงไป ถามว่าใส่แค่ไหน ก็ใส่ตามที่ชอบที่ชอบครับ
ชอบหวานมากก็ใส่เยอะ ชอบหวานน้อยก็ใส่น้อย แต่ถ้าชอบเค็มก็หยิบเกลือมาใส่แทนครับ(เพื่อ?)
9. เสียงอะไร? เสียงสับหมู หอมอะไร? หอมหมูสับ... ยัง!! ยังไม่ได้ต้ม ยังไม่หอม
10. เราก็ถอกหมูสับลงหม้อตามไปครับ (ในภาพ ได้ตักถั่วเขียวออกไปบางส่วนแล้ว ไว้กินธรรมดาบ้างอะไรบ้าง)
11. เธอเห็นหมูสับนั่นไหม?
12. แตว ๆ ให้หมูมันสุกทั่ว ๆ ถึงจุด ๆ นี้แล้ว กลิ่นหอมของหมูสับต้มเริ่มจะมาตามสายลมแล้วครับ
เมื่อหมูสุกได้ที่แล้ว ก็ตักใส่ชาม พร้อมรับประทานได้

13. เธอดูหมูสับกับถั่วงอก เอ๊ย!! ถั่วเขียวนั่นสิ มันช่างดูกลมกลืนกัน น่าจะเข้ากันดีเหลือเกิน
ได้เวลาของความจริง
อั้ม!!!
พรวด!! ลืมเป่า!! ลวกปาก!!
เอาใหม่ ๆ ทิ้งไว้ซักพักให้มันเย็นลง
เหลืออุณหภูมิให้พออุ่น ๆ
อ้ำ!!
โอเค รสชาติที่ได้นั้น มันก็เป็นรสชาติของถั่วเขียวต้มน้ำตาลอ้อยนั่นแหละ
เพียงแต่จะมีรสกับกลิ่นหมูสับแทรกบ้างเป็นระยะ
มันก็ดูเหมือนจะกินง่ายนะ แต่จริง ๆ มันก็ไม่ได้ง่ายหากกินยาว ๆ ไปเรื่อย ๆ
กิน ๆ ไปจะรู้สึกได้ถึงความมันของหมูที่เข้ามาแทรกในรสสัมผัส ทำให้รู้สึกขัดไปบ้าง
มันไม่ถึงขั้นเลี่ยน แต่ก็พอให้รู้สึกติดขัดในบางจังหวะ
เหมือนเต้น ๆ ในผับบอสซ่า แต่อยู่ดี ๆ มือกีตาร์ก็แผดเอฟเฟคเมทัลมาหนึ่งท่อนให้สะดุ้งเล่น
บอกไม่ถูกว่ามันดีหรือไม่ดี เอาเป็นว่ามันกินได้ แต่ไม่ค่อยอภิรมย์เท่าไหร่ละกัน
14. หมดแล้ว รอดตายไปอีกมื้อครับ
สรุป
1. กินได้ รสชาติจวน ๆ เหมือนจะอร่อยก็ไม่อร่อย แต่จะบอกไม่อร่อยก็ไม่ใช่
2. จริง ๆ มันอุดมโปรตีนนะ ได้โปรตีนจากทั้งถั่วเขียวทั้งหมูสับ กินบ่อย ๆ คนผอมติดกระดูก -
อาจจะกลายเป็นหุ่นก้ามปูกำดัดกลัดมันได้เหมือนกัน
3. เหมาะกับคนเข้าค่ายที่ขี้เกียจทำของคาวของหวานแยกกัน เพราะต้มทีเดียวได้ถึงสองอย่าง
แต่ถ้าจะกินกันหลายคนกรุณาเคลียร์กันก่อน
4. ถ้าอยากได้เค็ม ๆ ควรระวัง จากประสบการณ์ข้าพเจ้า ถ้าทำหวานมาแล้วมาใส่ซีอิ๊วหรือแม็กกี้ลงไปทีหลัง
รสชาติมักจะพัง!! จะได้สำรอกเมทัลแน่ ๆ (ใส่เกลือแทนได้นะ น่าจะเวิร์คกว่า)
ต่อไปเป็นช่วงของแถม
วันนี้ขอนำเสนอ ชีสเค้กหน้าเยลลี่ชามะนาว
เป็นความผิดของข้าพเจ้าเอง ที่ลืมถ่ายตอนน้องทำ ไม่งั้นคงได้รีวิวขนมมาบ้าง
นี่มัวแต่โขกแครกเกอร์ บดละเอียดปานทรายอาบน้ำแฮมสเตอร์
รสชาติก็ดีงามตามท้องเรื่อง ไม่หวือหวาแต่ก็โอเค
แค่นี้ล่ะ ซียา
[CR] Review : ถั่วเขียวต้มน้ำตาลใส่หมูสับ
กระทู้นี้ เป็นกระทู้รีวิวที่ 31 แล้วครับ
บางทีก็ถามตัวเองนะ เราพาตัวเองมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?
ที่มา...ตอนเด็ก ๆ เคยไปเข้าค่ายแห่งนึง ก่อกองไฟแล้วก็ตั้งหม้อไว้ 2 หม้อใกล้ ๆ กัน
หม้อนึงทำต้มจืดเต้าหู้หมูสับ อีกหม้อทำถั่วเขียวต้มน้ำตาล
แต่เพราะมันค่อนข้างมืดหรืออย่างไรไม่ทราบ
เลยเผลอมีคนเอาหมูสับชิ้นนึงใส่ไปในหม้อถั่วเขียว
แล้วข้าพเจ้าก็โดนแจ็คพ็อต เป็นคนที่ได้กินหมูชิ้นนั้น
รสชาติจำไม่ค่อยได้ เพราะตอนนั้นยังเด็ก
หรือว่ากินแล้วเครื่องแฮงค์ จนความจำเสื่อมไปบางส่วนก็เป็นไปได้เหมือนกัน
อยากจะหวนวันวานอย่างเขาบ้าง ก็ขอย้อนเวลาด้วยเมนูนี้ละกัน
(เกี่ยวไหม?)
รายละเอียดมากกว่านี้ไม่ต้องสนใจละกันเนอะ ลุยโลด!!
สิ่งที่ต้องเตรียม
1. ถั่วเขียว.. แต่ถ้าใครอยากเปลี่ยนเป็นถั่วอื่น ๆ ก็ได้นะ ถั่วแดง ถั่วเหลือง ถั่วดำ ถั่วอะซูกิ ฯลฯ
2. น้ำตาลอ้อย.. บางท่านอาจจะใช้น้ำตาลทรายแดง หรือน้ำตาลทรายขาว แล้วแต่สะดวกครับ
3. หมูสับ.. อับ ๆ
ทุกสิ่ง ท่านสามารถหาได้ตามห้างชั้นนำและชั้นตามทั่วไป
1. เอาถั่วเขียวใส่ในชามพอประมาณ ถามว่าประมาณแค่ไหน.. ไม่รู้ กินแค่ไหนก็กะเอาเองนะครับ
2. เราต้องเอาถั่วเขียวไปแช่น้ำครับ ให้มันพองและอ่อนลง มันจะได้ยม ๆ ยุ่ย ๆ
บางคนบอกไม่ต้องแช่ บางคนบอกแช่ 1 - 2 ชั่วโมงพอ บางคนบอกแช่ 5 ชั่วโมง
ก็เลือกเอาตามความลำบากครับ สูตร House who house potato... แต่ผมแช่ 1 คืนครับ
แช่ทิ้งไว้แล้วก็ไปนอน
3. เช้าอีกวัน ดันตื่นสายไปหน่อย ผลก็คือ ถั่วเขียวเริ่มกลายเป็นถั่วงอกครับ = ="
4. เธอดูถั่วงอกนั่นสิ เธอดูความขาวที่ยื่นออกมาของมันสิ.. หูย ไอ่ถั่วใจร้อน ไอ่ถั่วทำตัวเป็นฟาสต์ฟู้ด
ไอ่ถั่วไม่ฮิปสเตอร์ ไอ่ถั่วไม่สโลว์ไลฟ์ จะรีบเป็นถั่วงอกไปไหน?
5. ตั้งหม้อ ใส่น้ำ ไฟปานกลาง ๆ ครับ
ุ6. พอน้ำร้อนได้ที่แล้ว ก็ใส่ถั่วงอก เอ๊ย!! ถั่วเขียวลงไปครับ ต้มทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง
บางคนแนะนำว่าไม่ต้องปิดฝา ถ้าปิดฝามันจะเปรี้ยว... เออ อันนี้ก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกัน โนคอมเมนต์
แต่เผอิญว่าหาฝาหม้อไม่เจออยู่แล้ว ก็เลยโอเพ่นแอร์แบบนี้แหละ
7. โอ๊ย!! ปรับแสงผิด มันจ้าซะเหลือเกิน
8. ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว ลองแตว ๆ ดูว่ามันยุ่ยพอรึยัง?
ถ้ามันยุ่ยมันยมพอแล้ว เราก็ใส่น้ำตาลลงไป ถามว่าใส่แค่ไหน ก็ใส่ตามที่ชอบที่ชอบครับ
ชอบหวานมากก็ใส่เยอะ ชอบหวานน้อยก็ใส่น้อย แต่ถ้าชอบเค็มก็หยิบเกลือมาใส่แทนครับ(เพื่อ?)
9. เสียงอะไร? เสียงสับหมู หอมอะไร? หอมหมูสับ... ยัง!! ยังไม่ได้ต้ม ยังไม่หอม
10. เราก็ถอกหมูสับลงหม้อตามไปครับ (ในภาพ ได้ตักถั่วเขียวออกไปบางส่วนแล้ว ไว้กินธรรมดาบ้างอะไรบ้าง)
11. เธอเห็นหมูสับนั่นไหม?
12. แตว ๆ ให้หมูมันสุกทั่ว ๆ ถึงจุด ๆ นี้แล้ว กลิ่นหอมของหมูสับต้มเริ่มจะมาตามสายลมแล้วครับ
เมื่อหมูสุกได้ที่แล้ว ก็ตักใส่ชาม พร้อมรับประทานได้
13. เธอดูหมูสับกับถั่วงอก เอ๊ย!! ถั่วเขียวนั่นสิ มันช่างดูกลมกลืนกัน น่าจะเข้ากันดีเหลือเกิน
ได้เวลาของความจริง
อั้ม!!!
พรวด!! ลืมเป่า!! ลวกปาก!!
เอาใหม่ ๆ ทิ้งไว้ซักพักให้มันเย็นลง
เหลืออุณหภูมิให้พออุ่น ๆ
อ้ำ!!
โอเค รสชาติที่ได้นั้น มันก็เป็นรสชาติของถั่วเขียวต้มน้ำตาลอ้อยนั่นแหละ
เพียงแต่จะมีรสกับกลิ่นหมูสับแทรกบ้างเป็นระยะ
มันก็ดูเหมือนจะกินง่ายนะ แต่จริง ๆ มันก็ไม่ได้ง่ายหากกินยาว ๆ ไปเรื่อย ๆ
กิน ๆ ไปจะรู้สึกได้ถึงความมันของหมูที่เข้ามาแทรกในรสสัมผัส ทำให้รู้สึกขัดไปบ้าง
มันไม่ถึงขั้นเลี่ยน แต่ก็พอให้รู้สึกติดขัดในบางจังหวะ
เหมือนเต้น ๆ ในผับบอสซ่า แต่อยู่ดี ๆ มือกีตาร์ก็แผดเอฟเฟคเมทัลมาหนึ่งท่อนให้สะดุ้งเล่น
บอกไม่ถูกว่ามันดีหรือไม่ดี เอาเป็นว่ามันกินได้ แต่ไม่ค่อยอภิรมย์เท่าไหร่ละกัน
14. หมดแล้ว รอดตายไปอีกมื้อครับ
สรุป
1. กินได้ รสชาติจวน ๆ เหมือนจะอร่อยก็ไม่อร่อย แต่จะบอกไม่อร่อยก็ไม่ใช่
2. จริง ๆ มันอุดมโปรตีนนะ ได้โปรตีนจากทั้งถั่วเขียวทั้งหมูสับ กินบ่อย ๆ คนผอมติดกระดูก -
อาจจะกลายเป็นหุ่นก้ามปูกำดัดกลัดมันได้เหมือนกัน
3. เหมาะกับคนเข้าค่ายที่ขี้เกียจทำของคาวของหวานแยกกัน เพราะต้มทีเดียวได้ถึงสองอย่าง
แต่ถ้าจะกินกันหลายคนกรุณาเคลียร์กันก่อน
4. ถ้าอยากได้เค็ม ๆ ควรระวัง จากประสบการณ์ข้าพเจ้า ถ้าทำหวานมาแล้วมาใส่ซีอิ๊วหรือแม็กกี้ลงไปทีหลัง
รสชาติมักจะพัง!! จะได้สำรอกเมทัลแน่ ๆ (ใส่เกลือแทนได้นะ น่าจะเวิร์คกว่า)
ต่อไปเป็นช่วงของแถม
วันนี้ขอนำเสนอ ชีสเค้กหน้าเยลลี่ชามะนาว
เป็นความผิดของข้าพเจ้าเอง ที่ลืมถ่ายตอนน้องทำ ไม่งั้นคงได้รีวิวขนมมาบ้าง
นี่มัวแต่โขกแครกเกอร์ บดละเอียดปานทรายอาบน้ำแฮมสเตอร์
รสชาติก็ดีงามตามท้องเรื่อง ไม่หวือหวาแต่ก็โอเค
แค่นี้ล่ะ ซียา