
☼ ☼
21:: แยกทางเดิน ☼ ☼

เช้าวันรุ่งขึ้นขณะที่องค์ชายก่วงหยางกำลังบัญชาให้หวังอิงสงไปจัดเตรียมรถม้าเพื่อพาหลันเหลยเดินทางกลับเมืองหลวง เหวินฮั่นกุนก็เดินเข้ามากล่าวคำอำลา สร้างความตกพระทัยเป็นอย่างยิ่งโพล่งถามว่า
“ ฮั่นกุน.. เกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ๆก็คิดจากไป ? “
เหวินฮั่นกุนฝืนยิ้มกล่าวว่า
“ ข้ายังมีเรื่องราวมากมายต้องไปจัดการ หลันเหลยเมื่อมีที่พึ่งมั่นคงแล้ว ก็สมควรถึงเวลาที่ข้าควรต้องไป นับแต่นี้..ขอฝากนางไว้กับท่านด้วย “
องค์ชายก่วงหยางอึ้งเล็กน้อย จากนั้นพงกพระเศียรอย่างเข้าพระทัย ยื่นมือตบไหล่เขาตรัสว่า
“ เจ้าวางใจเถิด.. ข้าจะคุ้มครองถนอมนางด้วยชีวิตของข้า..”
“ แค่นี้..ข้าก็วางไวใจแล้ว “
“ ฮั่นกุน..แต่ว่าใจข้าอยากให้เจ้ากลับไปเมืองหลวงพร้อมกับพวกเรามากกว่า ข้าเชื่อว่าอาเหลยก็คงต้องการเช่นนั้น..”
“ เจตนาดีขององค์ชาย.. ฮั่นกุนขอน้อมรับด้วยใจ ตอนนี้ก็สายมากแล้ว ข้าสมควรกล่าวอำลา “
องค์ชายก่วงหยางมองแววตาดื้อรั้นและมุ่งมั่นของเขา ต้องถอนพระทัยแล้วตรัสว่า
“ ในเมื่อเจ้าต้องการไปให้ได้จริงๆ งั้นข้าก็คงไม่ฝืนใจรั้งเจ้าไว้ ในบู๊ลิ้มมากเล่ห์เพทุบาย เจ้าเดินทางเพียงลำพังขอให้โปรดระมัดระวังด้วย ฮั่นกุน..ในห่อนี้เป็นทองคำจำนวนหนึ่ง ขอให้เจ้ารับไว้ใช้สอยระหว่างทาง”
เหวินฮั่นกุนสั่นศีรษะกล่าวว่า
“ องค์ชาย.. ข้าคงรับไว้ไม่ได้ “
“ เจ้ารับไว้เถิด.. ถ้าเจ้าเห็นว่าข้าเป็นพี่ชายคนหนึ่งของเจ้า ถือว่าเป็นความห่วงใยเล็กๆน้อยๆจากข้า มิฉะนั้นข้าคงเสียใจ ที่เจ้าปฏิเสธน้ำใจอันนี้ “
รับสั่งพลางก็ยัดถุงทองคำใส่มือของเขา เหวินฮั่นกุนรู้สึกลำบากใจอย่างยิ่ง แต่เมื่อจ้องลึกเข้าไปในพระเนตรของอีกฝ่าย ก็พบเห็นแต่แววจริงพระทัยที่ยากจะปฏิเสธขัดขืน ในใจอดรู้สึกตื้นตันมิได้ ไม่สามารถพูดอะไรออกนอกจากพยักหน้ารับคำ
“ ขอบพระทัย “
องค์ชายก่วงหยางแย้มพระสรวลพลางตบไหล่เขาอีกครั้ง
“ รักษาตัวด้วย หากมีเวลาว่างก็อย่าลืมไปเยี่ยมข้ากับอาเหลยที่เมืองหลวงบ้าง ตำหนักของข้ายินดีเปิดต้อนรับเจ้าตลอดเวลา...”
“ ขอบพระทัย.. ข้าคงต้องขอทูลลา..”
“ ข้าจะออกไปส่งเจ้าสักระยะหนึ่ง..”
“ อย่ารบกวนท่านเลย... ข้าไปเองได้ โปรดถนอมพระวรกาย...และ..ฝากหลันเหลยด้วย...”
กล่าวจบก็ตัดใจหมุนกายล่าถอยออกมา องค์ชายก่วงหยางมองตามเงาหลังส่งเขาออกไปจนลับพระเนตรค่อยทอดถอนพระทัยออกมา ตรงกันข้ามกับหวังอิงสงที่ยืนอยู่ด้านข้างในที่นั้น.. มุมปากผุดรอยยิ้มพึงพอใจอย่างยิ่ง
.................................................
เหวินฮั่นกุนเดินออกมาได้ระยะหนึ่งพลันได้ยินเสียงร้องเรียก
“คุณชายเหวิน” อวี้หลิงวิ่งตามไล่หลังมาแล้วหยุดชะงักลงขวางหน้าเขาไว้ หอบหายใจพลางถามเสียงสั่นสะท้าน
“ ท่าน.. ท่านจะไปจริงๆ ? “
ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อยกล่าวว่า
“ ขอโทษที่ไม่ได้ทันได้กล่าวคำลา.. งั้นขอบอกลาตรงนี้ก็แล้วกัน “
“ คุณชาย.. แล้วท่านจะไปไหน ? “
“ ข้าอยากจะหาสถานที่เงียบสงบสักแห่งหนึ่ง เพื่อฝึกทบทวนฝีมือ จากนั้นค่อยเสาะหาพรรคบัวขาวเพื่อล้างแค้น “
เอ่ยถึงตอนท้ายพลันเห็นอวี้หลิงหลั่งน้ำตาออกมา สร้างความงุนงงแก่เขาจนโพล่งอย่างตกใจ
“ เจ้าร้องไห้ทำไม ? “
อวี้หลิงส่งเสียงว่า “ข้า” ได้คำหนึ่ง ความรู้สึกสำนึกผิดก็แล่นพลุ่งขึ้นจุกในลำคอ ได้แต่สะอึกสะอื้นพูดอะไรไม่ออก สร้างความว้าวุ่นใจแก่เหวินฮั่นกุนจนมือไม้ปั่นป่วนรีบกล่าวว่า
“ อวี้หลิงโกวเนี้ย.. ได้โปรดอย่าทำเช่นนี้.. ข้ารู้สึกไม่สบายใจเลย “
“ คุณชายเหวิน.. ทำไมท่านต้องไปด้วย แล้วพวกเราเมื่อไหร่จะได้เจอกันอีก ? “
เหวินฮั่นกุนถอนใจอย่างสะทกสะท้อน กุมไหล่ของนางเบาๆกล่าวปลอบโยน
“ วางใจเถอะ.. หากมีวาสนาก็ย่อมได้พบกันอีกครั้ง..ถนอมตัวด้วย “
“ ท่าน.. ก็ต้องถนอมตัวเช่นกัน “
“ อืม...”
ทันใดนั้น บังเกิดสุ้มเสียงหนึ่งแค่นขึ้นอย่างหมั่นไส้
“ ช่างอาลัยอาวรณ์กันจริงๆนะ “
ในเสียงกล่าว.. หลันเหลยก็เดินออกมาจากหลังกำแพงดิน อวี้หลิงรีบเช็ดน้ำตา หันไปส่งเสียงเรียก
“ องค์หญิง “
หลันเหลยเหลือบตามองเหวินฮั่นกุนกล่าวเสียงเย็นชา
“ ทำไมต้องฝืนใจตัวเองด้วยเล่า ข้าเองก็ไม่อยากทำบาปพรากคนที่รักชอบกันหรอกนะ ในเมื่อท่านก็มิอยากจากนาง และนางก็ไม่อยากให้ท่านไป งั้นจะอยู่ต่อก็หาเป็นไรไม่ แล้วข้าจะอาสาเป็นแม่สื่อให้ ขอร้องเจ้าพี่ใหญ่ช่วยจัดการให้พวกท่านทั้งสองได้สมหวังกันดีหรือไม่ ? “
อวี้หลิงพอฟังถึงกับหน้าแดงวูบ โพล่งว่า “องค์หญิง..” หากมิทันได้พูดอะไร เสียงของเหวินฮั่นกุนก็กระชากเสียงขึ้นกลบ
“ หลันเหลย.. มันจะมากไปแล้ว “
“ ทำไม ? “
หลันเหลยเชิดหน้าขึ้นประจันกับเขาอย่างหาเรื่อง แสยะยิ้มกล่าวแกมประชด
“ ไหนๆท่านก็ช่วยส่งเสริมข้ากับเจ้าพี่ใหญ่จนสำเร็จ คราวนี้ถือว่าให้ข้าตอบแทนน้ำใจท่านบ้างก็แล้วกันดีไหม เดี๋ยวท่านหวังกลับมา..ข้าจะพูดกับเขาให้เอง ไป.. ตามข้ากลับบ้าน “
เหวินฮั่นกุนกำหมัดแน่นด้วยความขุ่นแค้นเต็มอก ตวาดเรียก “หลันเหลย” เสียงดังอย่างลืมตัว กรากเข้าไปหาเหมือนจะเอาเรื่อง แต่สุดท้ายไม่รู้จะจัดการกับนางอย่างไรดี ทำได้แค่ถลึงตาใส่ แล้วสะบัดหน้าถาโถมกายจากไปด้วยโทสะ
หลันเหลยยืนนิ่งอึ้งกับที่ อวี้หลิงลังเลละล้าละลังด้วยความตกใจ ค่อยตัดสินใจร้องเรียก
“ คุณชายเหวิน” แล้ววิ่งตามเขาไป
.................................




♥ ♥ .. จอมใจเจ้าบัลลังก์ .. ♥ ♥ [ 21: แยกทางเดิน ]
☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼
[ขอบคุณภาพประกอบสวยๆจาก google]
☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼
อ่านตอนก่อนหน้านี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เช้าวันรุ่งขึ้นขณะที่องค์ชายก่วงหยางกำลังบัญชาให้หวังอิงสงไปจัดเตรียมรถม้าเพื่อพาหลันเหลยเดินทางกลับเมืองหลวง เหวินฮั่นกุนก็เดินเข้ามากล่าวคำอำลา สร้างความตกพระทัยเป็นอย่างยิ่งโพล่งถามว่า
“ ฮั่นกุน.. เกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ๆก็คิดจากไป ? “
เหวินฮั่นกุนฝืนยิ้มกล่าวว่า
“ ข้ายังมีเรื่องราวมากมายต้องไปจัดการ หลันเหลยเมื่อมีที่พึ่งมั่นคงแล้ว ก็สมควรถึงเวลาที่ข้าควรต้องไป นับแต่นี้..ขอฝากนางไว้กับท่านด้วย “
องค์ชายก่วงหยางอึ้งเล็กน้อย จากนั้นพงกพระเศียรอย่างเข้าพระทัย ยื่นมือตบไหล่เขาตรัสว่า
“ เจ้าวางใจเถิด.. ข้าจะคุ้มครองถนอมนางด้วยชีวิตของข้า..”
“ แค่นี้..ข้าก็วางไวใจแล้ว “
“ ฮั่นกุน..แต่ว่าใจข้าอยากให้เจ้ากลับไปเมืองหลวงพร้อมกับพวกเรามากกว่า ข้าเชื่อว่าอาเหลยก็คงต้องการเช่นนั้น..”
“ เจตนาดีขององค์ชาย.. ฮั่นกุนขอน้อมรับด้วยใจ ตอนนี้ก็สายมากแล้ว ข้าสมควรกล่าวอำลา “
องค์ชายก่วงหยางมองแววตาดื้อรั้นและมุ่งมั่นของเขา ต้องถอนพระทัยแล้วตรัสว่า
“ ในเมื่อเจ้าต้องการไปให้ได้จริงๆ งั้นข้าก็คงไม่ฝืนใจรั้งเจ้าไว้ ในบู๊ลิ้มมากเล่ห์เพทุบาย เจ้าเดินทางเพียงลำพังขอให้โปรดระมัดระวังด้วย ฮั่นกุน..ในห่อนี้เป็นทองคำจำนวนหนึ่ง ขอให้เจ้ารับไว้ใช้สอยระหว่างทาง”
เหวินฮั่นกุนสั่นศีรษะกล่าวว่า
“ องค์ชาย.. ข้าคงรับไว้ไม่ได้ “
“ เจ้ารับไว้เถิด.. ถ้าเจ้าเห็นว่าข้าเป็นพี่ชายคนหนึ่งของเจ้า ถือว่าเป็นความห่วงใยเล็กๆน้อยๆจากข้า มิฉะนั้นข้าคงเสียใจ ที่เจ้าปฏิเสธน้ำใจอันนี้ “
รับสั่งพลางก็ยัดถุงทองคำใส่มือของเขา เหวินฮั่นกุนรู้สึกลำบากใจอย่างยิ่ง แต่เมื่อจ้องลึกเข้าไปในพระเนตรของอีกฝ่าย ก็พบเห็นแต่แววจริงพระทัยที่ยากจะปฏิเสธขัดขืน ในใจอดรู้สึกตื้นตันมิได้ ไม่สามารถพูดอะไรออกนอกจากพยักหน้ารับคำ
“ ขอบพระทัย “
องค์ชายก่วงหยางแย้มพระสรวลพลางตบไหล่เขาอีกครั้ง
“ รักษาตัวด้วย หากมีเวลาว่างก็อย่าลืมไปเยี่ยมข้ากับอาเหลยที่เมืองหลวงบ้าง ตำหนักของข้ายินดีเปิดต้อนรับเจ้าตลอดเวลา...”
“ ขอบพระทัย.. ข้าคงต้องขอทูลลา..”
“ ข้าจะออกไปส่งเจ้าสักระยะหนึ่ง..”
“ อย่ารบกวนท่านเลย... ข้าไปเองได้ โปรดถนอมพระวรกาย...และ..ฝากหลันเหลยด้วย...”
กล่าวจบก็ตัดใจหมุนกายล่าถอยออกมา องค์ชายก่วงหยางมองตามเงาหลังส่งเขาออกไปจนลับพระเนตรค่อยทอดถอนพระทัยออกมา ตรงกันข้ามกับหวังอิงสงที่ยืนอยู่ด้านข้างในที่นั้น.. มุมปากผุดรอยยิ้มพึงพอใจอย่างยิ่ง
.................................................
เหวินฮั่นกุนเดินออกมาได้ระยะหนึ่งพลันได้ยินเสียงร้องเรียก “คุณชายเหวิน” อวี้หลิงวิ่งตามไล่หลังมาแล้วหยุดชะงักลงขวางหน้าเขาไว้ หอบหายใจพลางถามเสียงสั่นสะท้าน
“ ท่าน.. ท่านจะไปจริงๆ ? “
ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อยกล่าวว่า
“ ขอโทษที่ไม่ได้ทันได้กล่าวคำลา.. งั้นขอบอกลาตรงนี้ก็แล้วกัน “
“ คุณชาย.. แล้วท่านจะไปไหน ? “
“ ข้าอยากจะหาสถานที่เงียบสงบสักแห่งหนึ่ง เพื่อฝึกทบทวนฝีมือ จากนั้นค่อยเสาะหาพรรคบัวขาวเพื่อล้างแค้น “
เอ่ยถึงตอนท้ายพลันเห็นอวี้หลิงหลั่งน้ำตาออกมา สร้างความงุนงงแก่เขาจนโพล่งอย่างตกใจ
“ เจ้าร้องไห้ทำไม ? “
อวี้หลิงส่งเสียงว่า “ข้า” ได้คำหนึ่ง ความรู้สึกสำนึกผิดก็แล่นพลุ่งขึ้นจุกในลำคอ ได้แต่สะอึกสะอื้นพูดอะไรไม่ออก สร้างความว้าวุ่นใจแก่เหวินฮั่นกุนจนมือไม้ปั่นป่วนรีบกล่าวว่า
“ อวี้หลิงโกวเนี้ย.. ได้โปรดอย่าทำเช่นนี้.. ข้ารู้สึกไม่สบายใจเลย “
“ คุณชายเหวิน.. ทำไมท่านต้องไปด้วย แล้วพวกเราเมื่อไหร่จะได้เจอกันอีก ? “
เหวินฮั่นกุนถอนใจอย่างสะทกสะท้อน กุมไหล่ของนางเบาๆกล่าวปลอบโยน
“ วางใจเถอะ.. หากมีวาสนาก็ย่อมได้พบกันอีกครั้ง..ถนอมตัวด้วย “
“ ท่าน.. ก็ต้องถนอมตัวเช่นกัน “
“ อืม...”
ทันใดนั้น บังเกิดสุ้มเสียงหนึ่งแค่นขึ้นอย่างหมั่นไส้
“ ช่างอาลัยอาวรณ์กันจริงๆนะ “
ในเสียงกล่าว.. หลันเหลยก็เดินออกมาจากหลังกำแพงดิน อวี้หลิงรีบเช็ดน้ำตา หันไปส่งเสียงเรียก
“ องค์หญิง “
หลันเหลยเหลือบตามองเหวินฮั่นกุนกล่าวเสียงเย็นชา
“ ทำไมต้องฝืนใจตัวเองด้วยเล่า ข้าเองก็ไม่อยากทำบาปพรากคนที่รักชอบกันหรอกนะ ในเมื่อท่านก็มิอยากจากนาง และนางก็ไม่อยากให้ท่านไป งั้นจะอยู่ต่อก็หาเป็นไรไม่ แล้วข้าจะอาสาเป็นแม่สื่อให้ ขอร้องเจ้าพี่ใหญ่ช่วยจัดการให้พวกท่านทั้งสองได้สมหวังกันดีหรือไม่ ? “
อวี้หลิงพอฟังถึงกับหน้าแดงวูบ โพล่งว่า “องค์หญิง..” หากมิทันได้พูดอะไร เสียงของเหวินฮั่นกุนก็กระชากเสียงขึ้นกลบ
“ หลันเหลย.. มันจะมากไปแล้ว “
“ ทำไม ? “
หลันเหลยเชิดหน้าขึ้นประจันกับเขาอย่างหาเรื่อง แสยะยิ้มกล่าวแกมประชด
“ ไหนๆท่านก็ช่วยส่งเสริมข้ากับเจ้าพี่ใหญ่จนสำเร็จ คราวนี้ถือว่าให้ข้าตอบแทนน้ำใจท่านบ้างก็แล้วกันดีไหม เดี๋ยวท่านหวังกลับมา..ข้าจะพูดกับเขาให้เอง ไป.. ตามข้ากลับบ้าน “
เหวินฮั่นกุนกำหมัดแน่นด้วยความขุ่นแค้นเต็มอก ตวาดเรียก “หลันเหลย” เสียงดังอย่างลืมตัว กรากเข้าไปหาเหมือนจะเอาเรื่อง แต่สุดท้ายไม่รู้จะจัดการกับนางอย่างไรดี ทำได้แค่ถลึงตาใส่ แล้วสะบัดหน้าถาโถมกายจากไปด้วยโทสะ
หลันเหลยยืนนิ่งอึ้งกับที่ อวี้หลิงลังเลละล้าละลังด้วยความตกใจ ค่อยตัดสินใจร้องเรียก “ คุณชายเหวิน” แล้ววิ่งตามเขาไป
.................................