อ่านตอนที่แล้ว
บทที่ 3 : ความรัก ความแค้น ความฝัน 
ริมชายป่าท้ายหมู่บ้านยังมีบ้านเล็กๆซึ่งเป็นที่พำนักอาศัยของชายกลางคนแซ่จาง นามจางอี้ฝัน
หลันเหลยเรียกหาคนผู้นี้ว่า "ลุงจาง" จางอี้ฝันเป็นหมอมีอาชีพรับรักษาคนเจ็บป่วย ดูจากภายนอกเป็นชายชราวัยประมาณห้าหกสิบปี ร่างสูงใหญ่ ท่าทางใจดีเรียบง่ายสมถะ ณ ที่แห่งนี้จึงคล้ายจะมีเพียงหลันเหลยเท่านั้น ที่ทราบว่าท่านผู้นี้แท้จริงหาใช่หมอธรรมดาสามัญคนหนึ่งไม่
หากแต่ท่าน..ที่แท้คือยอดคนผู้มีชื่อเสียงในแผ่นดินเมื่อหลายสิบปีก่อน ฉายาแพทย์เทวดาฝันอี้
หลันเหลยได้พบและรู้จักกับท่านลุงจางครั้งแรกเมื่อตอนที่นางได้อายุได้เจ็ดขวบ
ในตอนนั้นฝันอี้พอเห็นนางก็รู้สึกรักเอ็นดู ต่อหน้าผู้อื่นทั้งสองเรียกหาเป็นลุงหลานกันอย่างสนิทสนม หากแท้จริงฝันอี้ได้ตกลงรับนางไว้เป็นศิษย์ลอบถ่ายทอดยอดวิชาให้เป็นเวลาถึงแปดปีเต็มๆ
แปดปีมานี้เด็กสาวแอบมาร่ำเรียนวิชาแพทย์และฝึกวิทยายุทธที่นี่โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้แม้แต่น้อย
ภายในห้องปรุงยาของแพทย์เทวดาฝันอี้มีอุโมงค์ลับทอดยาวลงสู่ห้องใต้ดิน
เวลานี้..หลันเหลยนั่งโคจรลมปราณอยู่บนแท่นศิลา เพื่อทะลวงเปิดจุดเส้นให้กับตนเอง จากนั้นค่อยลุกขึ้นมาร่ายรำฝึกกระบวนท่า ฝันอี้ที่ยืนชมดูนางฝึกอยู่ด้านข้าง ผงกศีรษะอย่างพึงพอใจตลอดเวลา จวบจนนางฝึกเสร็จ ค่อยกล่าวว่า
" คิดไม่ถึง...เจ้าอายุยังน้อยเพียงแค่นี้ แต่ก็สามารถฝึกสำเร็จวิชาสุริยันจันทราถึงขั้นที่ห้าแล้ว นับว่ายากจะพบพานในรอบร้อยปี อาจารย์รู้สึกยินดีต่อเจ้าจริงๆ..."
" ขอบคุณอาจารย์ที่ช่วยเสริมส่ง แต่จำได้ว่า..ท่านเคยบอกว่ายอดวิชาพลังสุริยันจันทรามีอยู่เก้าขั้น ศิษย์จะต้องมุมานะฝึกให้ถึงขั้นสูงสุดให้ได้..."
ฝันอี้ผงกศีรษะชมเชย
" ดีมาก..นับว่ามีปณิธาน เพียงแต่..คิดฝึกถึงขั้นที่เก้าหาใช่เรื่องง่ายดายดังที่คิด สำหรับอาจารย์นั้น..เพียงหวังแค่ให้เจ้าบรรลุขั้นที่เจ็ดก็พอแล้ว..."
" เพราะเหตุใด ? "
" นั่นเพราะว่า..ก่อนที่จะผ่านขั้นที่แปดถึงขั้นที่เก้า เจ้าจะต้องผ่านด่านความตายถึงสามครั้ง หากว่าไม่สามารถผ่านไปได้ ชีวิตของเจ้าก็คงต้องจบสิ้นลงจริงๆ อย่าว่าแต่..ก่อนที่จะฝึกถึงขั้นที่เก้าได้นั้น เจ้าจะต้องรักษาพรหมจรรย์ไว้ให้ได้ตลอดเวลา ห้ามยุ่งเกี่ยวกับเพศตรงข้ามอย่างเด็ดขาด..."
" อาจารย์โปรดวางใจ... ข้าจะไม่แต่งงานกับใครก็ได้..."
เด็กสาวร้องบอกด้วยน้ำเสียงแข็งขันจริงๆ
ฝันอี้มองนางแล้วยิ้ม.. ส่ายหน้าเบาๆ หาได้กล่าวต่ออันใดไม่...
จากนั้นหลันเหลยค่อยทรุดนั่งลงบนแท่นศิลาอีกครั้ง เพื่อโคจรพลังปิดสกัดจุดให้กับตนเอง เมื่อนางยืดกายยืนขึ้น ผู้เป็นอาจารย์จึงค่อยเอ่ยปากถาม
" ปู่ของเจ้าเคยระแวงสงสัยเรื่องของเราบ้างหรือไม่ ? "
" ไม่หรอกอาจารย์... วิชาสยบจุดภายในของท่านยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง ไม่มีใครสักคนเลยที่ล่วงรู้ว่าข้ามาฝึกวิชาพลังสุริยันจันทรากับท่านที่นี่ ปู่น่ะ...หาว่าข้าเกียจคร้านสมองทึบ จึงหันไปทุ่มเทฝึกปรือให้กับพี่ฮั่นกุน ไม่ค่อยสนใจข้าหรอก..."
" แต่ว่า...ปู่ของเจ้าเป็นคนฉลาด...ทางที่ดีก็ระวังตัวให้มาก อย่าประมาทก็แล้วกัน..."
หลันเหลยอดกล่าวมิได้
" ทำไม..ท่านต้องให้ปกปิดท่านปู่ด้วยล่ะ ? "
ฝันอี้อึ้งไปวูบ ค่อยตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้
" เอาเถอะ.. เมื่อถึงเวลา... ข้าจะเฉลยให้เจ้าทราบเอง ตอนนี้..เจ้าออกมานานแล้ว..กลับบ้านเถอะ "
หลันเหลยกลอกตาไปมา เดินเข้ามากล่าวเสียงอ้อยอิ่ง
" อาจารย์... ข้าอยากขอยารักษาอาการบอบช้ำภายในอีกสักชุดสองชุดได้มั้ย..."
" อะไรกัน..วันก่อนก็ขอไปแล้ว... วันนี้จะขอไปทำอะไรอีก ? เจ้าเอาไปให้ใครกันแน่ ? "
เด็กสาวเม้มปากขยี้เท้าอย่างขุ่นเคือง
" เฮอะ..ขอแค่นี้ทำเป็นขี้เหนียว ไม่อยากให้งั้นไม่เอาก็ได้..."
ฝันอี้เลิกคิ้วแล้วหัวร่ออย่างอารมณ์ดี รีบกล่าวอย่างเอาใจ
" โอ้..โธ่เอ๊ย..งอนอีกแล้ว ขี้งอนตั้งแต่เด็กจนโตเป็นสาว อาจารย์ล่ะรู้สึกกลัวเจ้าจริงๆ เอาเถอะ..อยากได้อะไรก็ไปหยิบเอาเอง อาจารย์ไม่หวงหรอก..."
หลันเหลยค่อยส่งเสียงร้องไชโยออกมาอย่างดีใจ กระโดดเข้ามากอดผู้เป็นอาจารย์ แล้วหมุนกายวิ่งขึ้นบันไดออกจากห้องลับไปอย่างรวดเร็ว
ฝันอี้ยืนซึมนิ่งกับที่ มองตามเงาหลังศิษย์น้อยจนลับสายตา ค่อยระบายลมหายใจทางปากช้าๆ เงยหน้าขึ้นส่งเสียงพึมพำเบาๆราวอธิษฐาน
" น้องเรา ... โปรดวางใจ ทายาทของท่านแม้เป็นหญิง แต่เราผู้พี่ขอรับรองว่า...นางจะไม่ทำให้พวกท่านทั้งสองในปรภพต้องผิดหวังอย่างเด็ดขาด..."
...................


♥ ♥ .. จอมใจเจ้าบัลลังก์ .. ♥ ♥ [ 3 : ความรัก ความแค้น ความฝัน ]
อ่านตอนที่แล้ว
ริมชายป่าท้ายหมู่บ้านยังมีบ้านเล็กๆซึ่งเป็นที่พำนักอาศัยของชายกลางคนแซ่จาง นามจางอี้ฝัน
หลันเหลยเรียกหาคนผู้นี้ว่า "ลุงจาง" จางอี้ฝันเป็นหมอมีอาชีพรับรักษาคนเจ็บป่วย ดูจากภายนอกเป็นชายชราวัยประมาณห้าหกสิบปี ร่างสูงใหญ่ ท่าทางใจดีเรียบง่ายสมถะ ณ ที่แห่งนี้จึงคล้ายจะมีเพียงหลันเหลยเท่านั้น ที่ทราบว่าท่านผู้นี้แท้จริงหาใช่หมอธรรมดาสามัญคนหนึ่งไม่
หากแต่ท่าน..ที่แท้คือยอดคนผู้มีชื่อเสียงในแผ่นดินเมื่อหลายสิบปีก่อน ฉายาแพทย์เทวดาฝันอี้
หลันเหลยได้พบและรู้จักกับท่านลุงจางครั้งแรกเมื่อตอนที่นางได้อายุได้เจ็ดขวบ
ในตอนนั้นฝันอี้พอเห็นนางก็รู้สึกรักเอ็นดู ต่อหน้าผู้อื่นทั้งสองเรียกหาเป็นลุงหลานกันอย่างสนิทสนม หากแท้จริงฝันอี้ได้ตกลงรับนางไว้เป็นศิษย์ลอบถ่ายทอดยอดวิชาให้เป็นเวลาถึงแปดปีเต็มๆ
แปดปีมานี้เด็กสาวแอบมาร่ำเรียนวิชาแพทย์และฝึกวิทยายุทธที่นี่โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้แม้แต่น้อย
ภายในห้องปรุงยาของแพทย์เทวดาฝันอี้มีอุโมงค์ลับทอดยาวลงสู่ห้องใต้ดิน
เวลานี้..หลันเหลยนั่งโคจรลมปราณอยู่บนแท่นศิลา เพื่อทะลวงเปิดจุดเส้นให้กับตนเอง จากนั้นค่อยลุกขึ้นมาร่ายรำฝึกกระบวนท่า ฝันอี้ที่ยืนชมดูนางฝึกอยู่ด้านข้าง ผงกศีรษะอย่างพึงพอใจตลอดเวลา จวบจนนางฝึกเสร็จ ค่อยกล่าวว่า
" คิดไม่ถึง...เจ้าอายุยังน้อยเพียงแค่นี้ แต่ก็สามารถฝึกสำเร็จวิชาสุริยันจันทราถึงขั้นที่ห้าแล้ว นับว่ายากจะพบพานในรอบร้อยปี อาจารย์รู้สึกยินดีต่อเจ้าจริงๆ..."
" ขอบคุณอาจารย์ที่ช่วยเสริมส่ง แต่จำได้ว่า..ท่านเคยบอกว่ายอดวิชาพลังสุริยันจันทรามีอยู่เก้าขั้น ศิษย์จะต้องมุมานะฝึกให้ถึงขั้นสูงสุดให้ได้..."
ฝันอี้ผงกศีรษะชมเชย
" ดีมาก..นับว่ามีปณิธาน เพียงแต่..คิดฝึกถึงขั้นที่เก้าหาใช่เรื่องง่ายดายดังที่คิด สำหรับอาจารย์นั้น..เพียงหวังแค่ให้เจ้าบรรลุขั้นที่เจ็ดก็พอแล้ว..."
" เพราะเหตุใด ? "
" นั่นเพราะว่า..ก่อนที่จะผ่านขั้นที่แปดถึงขั้นที่เก้า เจ้าจะต้องผ่านด่านความตายถึงสามครั้ง หากว่าไม่สามารถผ่านไปได้ ชีวิตของเจ้าก็คงต้องจบสิ้นลงจริงๆ อย่าว่าแต่..ก่อนที่จะฝึกถึงขั้นที่เก้าได้นั้น เจ้าจะต้องรักษาพรหมจรรย์ไว้ให้ได้ตลอดเวลา ห้ามยุ่งเกี่ยวกับเพศตรงข้ามอย่างเด็ดขาด..."
" อาจารย์โปรดวางใจ... ข้าจะไม่แต่งงานกับใครก็ได้..."
เด็กสาวร้องบอกด้วยน้ำเสียงแข็งขันจริงๆ
ฝันอี้มองนางแล้วยิ้ม.. ส่ายหน้าเบาๆ หาได้กล่าวต่ออันใดไม่...
จากนั้นหลันเหลยค่อยทรุดนั่งลงบนแท่นศิลาอีกครั้ง เพื่อโคจรพลังปิดสกัดจุดให้กับตนเอง เมื่อนางยืดกายยืนขึ้น ผู้เป็นอาจารย์จึงค่อยเอ่ยปากถาม
" ปู่ของเจ้าเคยระแวงสงสัยเรื่องของเราบ้างหรือไม่ ? "
" ไม่หรอกอาจารย์... วิชาสยบจุดภายในของท่านยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง ไม่มีใครสักคนเลยที่ล่วงรู้ว่าข้ามาฝึกวิชาพลังสุริยันจันทรากับท่านที่นี่ ปู่น่ะ...หาว่าข้าเกียจคร้านสมองทึบ จึงหันไปทุ่มเทฝึกปรือให้กับพี่ฮั่นกุน ไม่ค่อยสนใจข้าหรอก..."
" แต่ว่า...ปู่ของเจ้าเป็นคนฉลาด...ทางที่ดีก็ระวังตัวให้มาก อย่าประมาทก็แล้วกัน..."
หลันเหลยอดกล่าวมิได้
" ทำไม..ท่านต้องให้ปกปิดท่านปู่ด้วยล่ะ ? "
ฝันอี้อึ้งไปวูบ ค่อยตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้
" เอาเถอะ.. เมื่อถึงเวลา... ข้าจะเฉลยให้เจ้าทราบเอง ตอนนี้..เจ้าออกมานานแล้ว..กลับบ้านเถอะ "
หลันเหลยกลอกตาไปมา เดินเข้ามากล่าวเสียงอ้อยอิ่ง
" อาจารย์... ข้าอยากขอยารักษาอาการบอบช้ำภายในอีกสักชุดสองชุดได้มั้ย..."
" อะไรกัน..วันก่อนก็ขอไปแล้ว... วันนี้จะขอไปทำอะไรอีก ? เจ้าเอาไปให้ใครกันแน่ ? "
เด็กสาวเม้มปากขยี้เท้าอย่างขุ่นเคือง
" เฮอะ..ขอแค่นี้ทำเป็นขี้เหนียว ไม่อยากให้งั้นไม่เอาก็ได้..."
ฝันอี้เลิกคิ้วแล้วหัวร่ออย่างอารมณ์ดี รีบกล่าวอย่างเอาใจ
" โอ้..โธ่เอ๊ย..งอนอีกแล้ว ขี้งอนตั้งแต่เด็กจนโตเป็นสาว อาจารย์ล่ะรู้สึกกลัวเจ้าจริงๆ เอาเถอะ..อยากได้อะไรก็ไปหยิบเอาเอง อาจารย์ไม่หวงหรอก..."
หลันเหลยค่อยส่งเสียงร้องไชโยออกมาอย่างดีใจ กระโดดเข้ามากอดผู้เป็นอาจารย์ แล้วหมุนกายวิ่งขึ้นบันไดออกจากห้องลับไปอย่างรวดเร็ว
ฝันอี้ยืนซึมนิ่งกับที่ มองตามเงาหลังศิษย์น้อยจนลับสายตา ค่อยระบายลมหายใจทางปากช้าๆ เงยหน้าขึ้นส่งเสียงพึมพำเบาๆราวอธิษฐาน
" น้องเรา ... โปรดวางใจ ทายาทของท่านแม้เป็นหญิง แต่เราผู้พี่ขอรับรองว่า...นางจะไม่ทำให้พวกท่านทั้งสองในปรภพต้องผิดหวังอย่างเด็ดขาด..."
...................