วันที่เจ้าบิว ภูริพล บุญสอน ทุบกำแพง 10 วินาที วิ่งได้ 9.94 วินาที ในรอบรองชนะเลิศ แต่เกิดปัญหา สกอร์บอร์ด และนาฬิกา เสีย ไม่ได้แสดงผลการวิ่งขึ้นหน้าจอ กว่าที่ผลจพออกมาเป้นทางการอีกที ก็เลยล่วงเวลาไปอีก 5-10 นาทีกว่า จึงมีการประกาศออกมาว่า เจ้าบิว ทำเวลาได้ 9.94 วินาที
ผมเชื่อว่าเจ้าบิวมีความสามารถวิ่งต่ำกว่า 10 วินาทีได้แน่
แล้วผลการแข่งขันนี้ก็ได้รับการรับรองจาก สมาคมกรีฑาโลก หรือสหพันธ์กรีฑาโลก รับรองว่า เจ้าบิววิ่งได้ 9.94 วินาทีแล้ว
ไม่สงสัยอะไรเลยครับ เจ้าบิววิ่งเร็วจริงๆ
แต่แอบคิดเล็กๆว่า ทำไมสกอร์บอร์ดและนาฬิกา จึงมาเสียในเวลานั้น หลังจากการวิ่งเสร็จ ก็ได้ทำการแก้ไขสกอร์บอร์ดได้
มันจะมีคนนินทาได้มั้ยว่า เจ้าบิวอาจจะวิ่งไม่ได้เวลาจริง แต่เป็นการใช้กำลังภายใน ให้ผลการแข่งขันมันออกมาตามนั้น
ปกติตามการแข่งขันวิ่งทั่วๆไปตามกีฬาใหญ่ๆทั่วโลก ในรอบรองฯนักวิ่งส่วนใหญ่ จะไม่ใส่เต็มที คือจะวิ่งมาแล้วเหลือบมองคู่แข่ง
ถ้าเห็นคู่แข็งอยู่หลังไหล่ นักวิ่งส่วนใหญ่ก็จะผ่อนประคองตัววิ่งเข้าเส้นชัย เพราะการเข้าเป็นอันดับ หนึ่งอันดับสอง ยังไงก็เข้ารอบชิงฯแน่นอน แล้วยังเป็นการเซฟตัวเองจากการบาดเจ็บด้วย
แล้วพอถึงรอบชิง ก็วิ่งใส่เต็มที่ เวลาของการวิ่งรอบชิงฯก็มักจะออกมาดีกว่ารอบรองฯ
แต่ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นตลอด หลายครั้งที่ในรอบรองฯ นักวิ่งตัวเต็งต้องออกมาวิ่งในกลุ่มเดียวกัน นักวิ่งก็ใส่เต็มที่เหมือนกัน
เวลาในรอบรองฯก็ออกมาดีกว่าในรอบชิงก็มี ไม่ใช่เรื่องแปลก
เรื่องลมส่งกับลมต้านก็มีผลเหมือนกัน ในการวิ่งแต่ละรอบ วิ่งเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่ลมส่งลมต้านไม่เท่ากัน ผลเวลาก็ออกมาไม่เท่ากัน
แต่ในกรณีของเจ้าบิว เวลาในรอบรองฯ ดีกว่าเวลาในรอบชิงฯ 9.94 กับ 9.99 ต่างกัน 0.05 วินาที หรือประมาณการวิ่งประมาณ 5 เมตร 2ก้าวกว่าๆ
แล้วมาเจอว่าสกอร์บอร์ดเสียไม่มีการแสดงผล ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ตกลงเจ้าบิงวิ่งได้จริงๆที่เท่าไร
ของเจ้าบิวลมส่ง(ไม่เกินมาตฐานที่กำหนด)อาจจะช่วยให้เวลาดีขึ้น ในรอบชิงฯลมส่งอาจจะตกลงไปเวลาก็เลยออกมามากกว่า ก็มีผลเป็นไปได้
มันคงจะดีกว่าแบบชัดเจนแจ่มแจ้ง แบบ "จบนะ" ถ้าสกอร์บอร์ดไม่เสียแสดงผลให้ทุกคนเห็นหมด แบบไม่ต้องมาเถียงมาตั้งข้อสังเกตุอะไรกันอีก
อันนี้นอกจากสกอร์บอร์ดในสนามเสีย การถ่ายทอดทางทีวี ซึ่งปกติก็จะมีเวลาวิ่งให้ดูตรงมุมล่างขวา ก็ไม่มีอีก คนวิ่งก็ไม่รู้ว่าตัวเองวิ่งได้เท่าไร คนดูยิ่งไม่รู้ว่าคนวิ่ง วิ่งได้เท่าไร
จากนี้ไปหากมีการแข่งขันวิ่ง 100 เมตร ขึ้นมาอีก แล้วเจ้าบิวลงแข่งแล้วทำเวลาได้ใกล้เคียงหรือดีกว่า คำครหาก็จะถูกตีตกไป แต่หากว่าจากนี้ไปเจ้าบิว วิ่งไม่ได้ ที่ 9.94 หรือ9.96 หรือง่ายๆเลย ไม่สามารถวิ่งได้ต่ำสิบวินาทีอีกเลย คำครหาจะมีน้ำหนักมากขึ้นอีกมั้ย
" ก็แข่งในบ้านตัวเอง ก็เลยทำได้ทุกอย่าง" อะไรประมาณนั้นหรือเปล่า
ก็เหลือแต่ว่าเมื่อไรที่เจ้าบิวจะแสดงให้เห็นว่าเขาคือของจริงวิ่งได้จริง ทำได้จริง โลกจะได้ยกนิ้ว(โป้ง) ว่าเอ็งเก่งจริง
หวังว่าเอเชี่ยนเกมส์ปีหน้านี้ เจ้าบิวจะวิ่งแสดงให้เห็น จะได้ไม่ต้องมีคำครหา
กระทู้แค่คิดเฉยๆไม่ดราม่านะครับ กรณีที่เจ้าบิว วิ่ง 100 เมตร ได้ 9.94 วินาทีในรอบรองฯ
ผมเชื่อว่าเจ้าบิวมีความสามารถวิ่งต่ำกว่า 10 วินาทีได้แน่
แล้วผลการแข่งขันนี้ก็ได้รับการรับรองจาก สมาคมกรีฑาโลก หรือสหพันธ์กรีฑาโลก รับรองว่า เจ้าบิววิ่งได้ 9.94 วินาทีแล้ว
ไม่สงสัยอะไรเลยครับ เจ้าบิววิ่งเร็วจริงๆ
แต่แอบคิดเล็กๆว่า ทำไมสกอร์บอร์ดและนาฬิกา จึงมาเสียในเวลานั้น หลังจากการวิ่งเสร็จ ก็ได้ทำการแก้ไขสกอร์บอร์ดได้
มันจะมีคนนินทาได้มั้ยว่า เจ้าบิวอาจจะวิ่งไม่ได้เวลาจริง แต่เป็นการใช้กำลังภายใน ให้ผลการแข่งขันมันออกมาตามนั้น
ปกติตามการแข่งขันวิ่งทั่วๆไปตามกีฬาใหญ่ๆทั่วโลก ในรอบรองฯนักวิ่งส่วนใหญ่ จะไม่ใส่เต็มที คือจะวิ่งมาแล้วเหลือบมองคู่แข่ง
ถ้าเห็นคู่แข็งอยู่หลังไหล่ นักวิ่งส่วนใหญ่ก็จะผ่อนประคองตัววิ่งเข้าเส้นชัย เพราะการเข้าเป็นอันดับ หนึ่งอันดับสอง ยังไงก็เข้ารอบชิงฯแน่นอน แล้วยังเป็นการเซฟตัวเองจากการบาดเจ็บด้วย
แล้วพอถึงรอบชิง ก็วิ่งใส่เต็มที่ เวลาของการวิ่งรอบชิงฯก็มักจะออกมาดีกว่ารอบรองฯ
แต่ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นตลอด หลายครั้งที่ในรอบรองฯ นักวิ่งตัวเต็งต้องออกมาวิ่งในกลุ่มเดียวกัน นักวิ่งก็ใส่เต็มที่เหมือนกัน
เวลาในรอบรองฯก็ออกมาดีกว่าในรอบชิงก็มี ไม่ใช่เรื่องแปลก
เรื่องลมส่งกับลมต้านก็มีผลเหมือนกัน ในการวิ่งแต่ละรอบ วิ่งเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่ลมส่งลมต้านไม่เท่ากัน ผลเวลาก็ออกมาไม่เท่ากัน
แต่ในกรณีของเจ้าบิว เวลาในรอบรองฯ ดีกว่าเวลาในรอบชิงฯ 9.94 กับ 9.99 ต่างกัน 0.05 วินาที หรือประมาณการวิ่งประมาณ 5 เมตร 2ก้าวกว่าๆ
แล้วมาเจอว่าสกอร์บอร์ดเสียไม่มีการแสดงผล ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ตกลงเจ้าบิงวิ่งได้จริงๆที่เท่าไร
ของเจ้าบิวลมส่ง(ไม่เกินมาตฐานที่กำหนด)อาจจะช่วยให้เวลาดีขึ้น ในรอบชิงฯลมส่งอาจจะตกลงไปเวลาก็เลยออกมามากกว่า ก็มีผลเป็นไปได้
มันคงจะดีกว่าแบบชัดเจนแจ่มแจ้ง แบบ "จบนะ" ถ้าสกอร์บอร์ดไม่เสียแสดงผลให้ทุกคนเห็นหมด แบบไม่ต้องมาเถียงมาตั้งข้อสังเกตุอะไรกันอีก
อันนี้นอกจากสกอร์บอร์ดในสนามเสีย การถ่ายทอดทางทีวี ซึ่งปกติก็จะมีเวลาวิ่งให้ดูตรงมุมล่างขวา ก็ไม่มีอีก คนวิ่งก็ไม่รู้ว่าตัวเองวิ่งได้เท่าไร คนดูยิ่งไม่รู้ว่าคนวิ่ง วิ่งได้เท่าไร
จากนี้ไปหากมีการแข่งขันวิ่ง 100 เมตร ขึ้นมาอีก แล้วเจ้าบิวลงแข่งแล้วทำเวลาได้ใกล้เคียงหรือดีกว่า คำครหาก็จะถูกตีตกไป แต่หากว่าจากนี้ไปเจ้าบิว วิ่งไม่ได้ ที่ 9.94 หรือ9.96 หรือง่ายๆเลย ไม่สามารถวิ่งได้ต่ำสิบวินาทีอีกเลย คำครหาจะมีน้ำหนักมากขึ้นอีกมั้ย
" ก็แข่งในบ้านตัวเอง ก็เลยทำได้ทุกอย่าง" อะไรประมาณนั้นหรือเปล่า
ก็เหลือแต่ว่าเมื่อไรที่เจ้าบิวจะแสดงให้เห็นว่าเขาคือของจริงวิ่งได้จริง ทำได้จริง โลกจะได้ยกนิ้ว(โป้ง) ว่าเอ็งเก่งจริง
หวังว่าเอเชี่ยนเกมส์ปีหน้านี้ เจ้าบิวจะวิ่งแสดงให้เห็น จะได้ไม่ต้องมีคำครหา