♥ ♥ .. จอมใจเจ้าบัลลังก์ .. ♥ ♥ [ 18: ความหวังสุดท้าย ]

กระทู้สนทนา

☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼


☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼

อ่านตอนก่อนหน้านี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[ขอบคุณภาพสวยๆจาก google]



☼ ☼ 18:: ความหวังสุดท้าย ☼ ☼



                  

                  หลันเหลยนอนฟังอยู่บนเตียงรู้สึกซาบซึ้งต่อความรักของหนุ่มสาวทั้งสองเป็นอย่างยิ่ง อดหลั่งน้ำตาออกมามิได้ กล่าวอย่างหดหู่สะเทือนใจ

                  “ ที่แท้เรื่องราวเป็นอย่างนี้เอง.. น่าเสียดายชีวิตของข้าก็ใกล้ดับสูญ  ข้า.. คงมิอาจทำตามคำสั่งเสียของเจ้เจ๊ได้ “

                  องค์ชายก่วงหยางผินพระพักตร์กลับมา ตรัสว่า

                  “ อาเหลย.. ในที่สุด เจ้าก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด “

                  “  พี่เยี่ย.. หากข้าคาดเดาไม่ผิด ท่านคงเป็นองค์ชายใหญ่กระมัง ? “

                  “  ถูกต้อง  ข้าคือองค์ชายใหญ่เยี่ยก่วงหยาง  “

                  “  โอ.. ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าท่านจะเป็นถึงองค์ชาย “

                  “  อาเหลย.. ส่วนเจ้าก็คือองค์หญิงเซียงเหลย หน้าตาของเจ้าคล้ายหัวเอ๋อมาก อีกทั้งยังมีหยกมรกตติดตัว จึงยิ่งพิสูจน์ยืนยันได้ว่า เจ้าต้องเป็นองค์หญิงเซียงเหลยแน่ๆ.. “

                  หลันเหลยยิ้มออกมา  

                  “  นั่นสินะ.. ท่านจึงชอบเรียกข้าว่าหัวเอ๋ออยู่เรื่อย..”

                  องค์ชายก่วงหยางสาวพระบาทมาหน้าเตียง ทรุดลงประทับนั่งที่เดิม

                  “  จริงสิ..แล้วเสด็จน้าหญิง.. อืม...ข้าหมายถึง พระมารดาของเจ้าล่ะ ? “

                  หลันเหลยกล่าวอย่างเศร้าสร้อย

                  “  ข้าไม่ทราบ.. นับตั้งแต่ข้าพอรู้ความจำอะไรได้ ข้าก็อยู่กับท่านปู่มาตลอด  ท่านปู่เล่าว่า พ่อข้าถูกคนพรรคบัวขาวฆ่าตาย ส่วนท่านแม่...ข้าไม่เคยเห็นหน้าท่านเลย ท่านปู่บอกว่า..หลังจากท่านพ่อเสียชีวิต ท่านแม่ก็ล้มป่วยด้วยความตรอมตรมแล้วก็สิ้นบุญตามท่านพ่อไป  “

                  “  หรือว่า.. คนร้ายที่ลอบสังหารองค์รัชทายาทเมื่อสิบห้าปีก่อน เป็นคนของพรรคบัวขาว ?  อ้อ.. แล้วท่านปู่ของเจ้ามีนามว่ากระไรหรือ ? “

                  “  ท่านปู่ข้าแซ่ซิม นามว่าซิมฮง “

                  องค์ชายก่วงหยางทวนคำ   “ ซิม ฮง ” เบือนพระพักตร์ทอดพระเนตรมองออกไปนอกหน้าต่าง ตรัสพึมพำพลางนึกทบทวนความทรงจำเก่าๆที่ผ่านมา

                  “ พระมารดาเคยเล่าให้ข้าฟังว่า องค์รัชทายาททรงชอบคบหากับชาวยุทธในบู๊ลิ้ม จึงมีสหายชาวยุทธที่เป็นยอดฝีมือหลายคน หนึ่งในนั้นก็มีจอมยุทธแซ่ซิมท่านหนึ่ง  ซึ่งต่อมาก็เข้าสวามิภักดิ์รับใช้ราชสำนักในวังรัชทายาท  คนผู้นี้มีนามว่า ซิมเซ่งฮง   ตอนออกศึกที่ด่านไท้กวน ท่านซิมก็ติดตามองค์รัชทายาทไปออกศึกด้วย จากนั้นก็หายสาบสูญไปเช่นกัน   แต่ว่า...ถ้าหากท่านซิมเซ่งฮง กับ ซิมฮงเป็นคนๆเดียวกัน ทำไม..เขาจึงมาพบกับเจ้าและพาเจ้าไปเลี้ยงดูได้  แล้วทำไม..เขาถึงไม่ส่งเจ้าคืนให้กับราชสำนัก กลับพาไปอยู่บ้านป่าชนบทแบบนั้น ? “

                  รำพึงถึงตอนนี้..พลันได้ยินเสียงหลันเหลยส่งเสียงครวญครางออกมาอย่างทรมาน ต้องหันขวับมาอีกครั้งโพล่งว่า

                  “  อาเหลย.. เจ้าเป็นไรไปอีกแล้ว ? “

                  หลันเหลยตัวเย็นเฉียบหน้าซีดปากซีดขาวราวกระดาษ กอดอกห่อตัวสั่นระริก

                  “  พี่เยี่ย... ข้า.. เริ่มหนาวอีกแล้ว.. หนาวเหลือเกิน..”

                  “  อดทนไว้นะ... เจ้าต้องไม่เป็นอะไร  .. ท่านหวังกำลังไปตามคนมาช่วยเจ้าอยู่ “

                  อีกด้านหนึ่งทางนอกห้องนั้น เหวินฮั่นกุนยืนลอบฟังการสนทนาเรื่องชาติกำเนิดของหลันเหลยจนตะลึงซึมเซา พิงตัวกับกรอบประตูราวคนสติสัมปชัญญะหลุดลอย

                  หากทันใดนั้นเอง.. เสียงร้องเรียกหลันเหลยอย่างตกใจขององค์ชายก่วงหยางก็ดังลั่นขึ้น

                  “  อาเหลย... อาเหลย.. ตื่น..ตื่น.. อย่าหลับนะอาเหลย “

                  เสียงนั้นราวอัสนียบาตที่ฟาดลงมาตรงหน้า กระชากจิตใจของเหวินฮั่นกุนจนสะท้านตื่นจากภวังค์ ร้องเรียกหลันเหลยอย่างตื่นตระหนกเช่นกัน ยามลืมตัวถึงกับกระแทกประตูเปิดผางออก ถาโถมกายเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว




                  “   หลันเหลยเป็นไรแล้ว ? “

                  หากภาพเบื้องหน้าที่เห็น ถึงกับสะกดคนที่โถมเข้ามาจนชะงักร่างค้างนิ่งกับที่

                  เห็นองค์ชายก่วงหยางเสด็จขึ้นไปประทับนั่งคุกเข่าอยู่บนเตียง ทั้งผ้าห่มและม่านมุ้งถูกเขากระชากดึงลงมาห่อร่างของหลันเหลยไว้ราวไหมหนาห่อดักแด้  สองมือยังโอบกอดนางไว้แน่น พลางเขย่าร่างนางส่งเสียงเรียกอย่างว้าวุ่นคุมพระสติไม่อยู่

                  แต่การเข้ามาของเหวินฮั่นกุนและวอี้หลิง ค่อยปลุกองค์ชายก่วงหยางให้รู้สึกพระองค์ รีบระงับพระสติเย็นลง   เงยพระพักตร์ขึ้นมองเหวินฮั่นกุนแวบหนึ่งอย่างกระดากพระทัย จากนั้นวางร่างหลันเหลยซึ่งหมดสติไปอีกครั้งลงนอนราบ ตนเองค่อยลงมาจากเตียง รีบบอกกับอีกฝ่ายว่า

                  “ นาง..โดนไอเย็นคุกคาม จนหมดสติไปอีกแล้ว...”

                  เหวินฮั่นกุนเพียงพยักหน้ารับทราบ มองหน้าเขาอย่างเงียบงันหาได้กล่าวอันใดไม่

                  องค์ชายก่วงหยางจึงหันไปสั่งอวี้หลิง

                  “  เจ้ารีบไปที่ร้านขายผ้าห่มนะ ซื้อเพิ่มมาอีกหลายผืน...”

                  “  เยี่ยกงจื้อ..แต่ว่านี่ก็ดึกมากแล้ว..”

                  “  ดึกแค่ไหนก็ไปเคาะประตูเรียก  ให้เงินเถ้าแก่ร้านไปสองเท่า..”

                  อวี้หลิงย่อมไม่กล้าขัดพระทัย น้อมรับคำสั่งแล้วรีบหมุนกายวิ่งออกไป

                  องค์ชายก่วงหยางหันมาทางเหวินฮั่นกุนอีกครั้ง เห็นอีกฝ่ายยังคงใช้สายตาที่คาดเดาความหมายไม่ออกจับจ้องมองดูพระองค์  ต้องเข้าพระทัยว่าอีกฝ่ายไม่พอใจที่ทรงทำเช่นนั้นกับหลันเหลยเมื่อสักครู่ ดังนั้นรีบอธิบายว่า

                  “  เจ้าอย่าตำหนิเข้าใจข้าผิดไปนะฮั่นกุน.. เมื่อครู่นี้ตอนไอเย็นคุกคาม หลันเหลยอาการน่ากลัวมาก ข้าตกใจจนคุมสติไม่อยู่ พลอยทำให้พวกท่านตื่นตระหนกไปด้วย ต้องขอโทษจริงๆ  “

                  เหวินฮั่นกุนยังคงนิ่งเงียบงัน บนสีหน้าแม้สงบราบเรียบ หากดวงตามีประกายลังเลและคล้ายฉายแววค้นหาอะไรบางอย่างจากตัวเขา  เป็นสายตาที่ทำให้คนถูกมองรู้สึกอึดอัด จนวางตัวแทบไม่ถูก

                  องค์ชายก่วงหยางขณะจะรับสั่งกระไร ทันใดนั้นเหวินฮั่นกุนพลันโอบสองมือประสานมาเบื้องหน้า น้อมกายกล่าวว่า

                 “ คารวะองค์ชายใหญ่  “

                  องค์ชายก่วงหยางอึ้งไปวูบ พริบตานั้นค่อยเข้าพระทัยว่าอะไรเป็นอะไร ถอนพระทัยตรัสว่า

                  “   ที่แท้.. ท่านคงได้ยินหมดแล้ว ? “

                  เหวินฮั่นกุนลดมือลงช้าๆ ใช้สายตาเย็นชามองพระองค์อีกครั้ง ถามเสียงเรียบๆ

                  “  นับตั้งแต่ท่านรู้ความจริงว่าหลันเหลยเป็นหญิง และเห็นหยกมรกตชิ้นนั้น.. ท่านก็คงรู้และแน่ใจแล้วว่าหลันเหลยเป็นใคร.. ทำไม...ท่านจึงไม่ยอมบอกความจริง เผยฐานะของนางออกมา ? “

                  ..นี่คงเป็นความสงสัยที่ติดอยู่ในใจเจ้า ทำให้เจ้ารู้สึกไม่พอใจข้าสินะฮั่นกุน ?..

                  ทรงมองเขาแล้วถอนพระทัยอีกครั้ง รับสั่งด้วยพระสุรเสียงที่อ่อนโยนลง

                  “  ข้าย่อมมีเหตุผลของข้า “

                  “  ข้าต้องการทราบเหตุผลของท่าน “

                  “  เนื่องเพราะอาเหลยบริสุทธิ์และไร้เดียงสาเกินไป ข้าจึงตัดสินใจไม่ถูกว่าสมควรอนุญาตให้นางใช้ชีวิตดุจนกอิสระ หรือจะดึงนางเข้าสู่วังวนความยุ่งเหยิงวุ่นวายของราชสำนักดี... ข้าเพียงไม่อยากเห็นแก่ตัว “

                  รับสั่งอธิบายอย่างพระทัยเย็น หวังว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจในความหวังดีที่ทำให้ทรงลังเล

                  หากทว่า..เหวินฮั่นกุนก็ยังคงไม่เข้าใจ

                  “  แต่หลันเหลยมีสิทธิ์ที่จะได้รับความสุขสบาย ... นางเป็นถึงองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ก็สมควรได้เสพสุขอยู่ในวัง มิใช่ออกมาร่อนเร่พเนจรลำบากยากไร้แบบนี้ ... นางเป็นกำพร้ามาตั้งแต่เล็ก...เมื่อความจริงแล้วนางยัง มีญาติพี่น้อง. ทำไมถึงต้องลังเลกับการที่จะพานางกลับคืนสู่อ้อมกอดของครอบครัว ? “

                  องค์ชายก่วงหยางขยับมุมพระโอษฐ์ยิ้มอย่างนึกสมเพช ครุ่นคิดในพระทัย

                  ...ฮั่นกุนเอย...เจ้าน่ะยังอ่อนต่อโลกนัก เจ้าคิดว่าหากนางได้กลับเข้าวังแล้ว จะสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเช่นนี้ได้อีกหรือ  ราชสำนักมีแต่กฎระเบียบเข้มงวดและการแก่งแย่งชิงดี .. ขอเพียงเจ้าได้เข้าไปสัมผัสแล้วเจ้าก็จะเข้าใจ...

                  หากแม้ทรงดำริเช่นนั้น แต่ก็หาได้ตรัสออกมาไม่ เบือนพระพักตร์มาทางเหวินฮั่นกุนอีกครั้ง ถามว่า

                  “  ท่านต้องการให้หลันเหลยกลับเข้าวังจริงๆ ? “

                  “  ถูกต้อง “

                  “  หากนางเข้าวัง ท่านกับนางก็คงมีโอกาสได้พบกันน้อยลง “

                  ในดวงตาของเหวินฮั่นกุนฉายรอยปวดร้าวขึ้นวูบหนึ่ง หากใบหน้ายังคงฝืนยิ้มกล่าวอย่างปลอดโปร่ง

                  “  ข้าทำหน้าที่ดูแลนางมาตั้งแต่เล็กๆ  ท่านแม่ข้าก่อนตายก็ฝากฝังสั่งเสียให้ข้าคุ้มครองดูแลนาง ไปจนกว่านางได้แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา  เมื่อชาติกำเนิดของนางได้รับการเปิดเผย และหากนางได้กลับสู่ครอบครัวที่แท้จริง หน้าที่ของข้าก็จะได้สิ้นสุดลงเสียที..”

                  องค์ชายก่วงหยางขมวดพระขนง ตรัสถามเพื่อความแน่พระทัย

                  “  ที่ท่านคอยติดตามดูแลอาเหลย ที่แท้เป็นเพราะคำสั่งเสียของมารดาท่านหรอกหรือ ? “

                  “  ถูกแล้ว “

                  “  มิใช่เพราะท่านกับนาง.. มีความสัมพันธ์ทางจิตใจอันใดต่อกันหรอกหรือ ? “




ดอกไม้ดอกไม้ดอกไม้ดอกไม้ดอกไม้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่