☼ ☼ 7 :: คืนดี ☼ ☼
คำขอร้องของเฉินชงหมิง ทำให้เหวินฮั่นกุนรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง คืนนั้นนอนลืมตาโพลงในความมืด ไม่อาจข่มตาหลับได้ ต้องลุกขึ้นนั่ง จุดโคมไฟขึ้น เอาผ้าแพรผูกผมผืนนั้นออกมานั่งมองต่างหน้าเจ้าของ
อีกด้านหนึ่ง..หลันเหลยตื่นขึ้นกลางดึก ลอบโผกายออกทางหน้าต่าง รุดมายังดงไม่ข้างสุสานร้างแห่งหนึ่ง เพื่อฝึกพลังสุริยันจันทราขั้นที่หก และในคืนนั้นเอง นางก็สามารถฝึกสำเร็จอีกขั้นหนึ่ง !
เมื่อหลันเหลยกลับถึงบ้านเทพเจ้าก็เป็นเวลาตีสองกว่า ขณะเดินผ่านสวนด้านหลัง เห็นคนผู้หนึ่ง นั่งฟุบอยู่บนโต๊ะหินบนศาลา จึงอดเดินเข้าไปดูมิได้
คนผู้นี้ถึงกับเป็นเฉินชงหมิง ทั้งร่างของเขามีกลิ่นสุราคละคลุ้ง.. คนเมามายจนไม่ได้สติ
หลันเหลยรู้สึกแปลกใจ แต่ก็ช่วยประคองพาเขากลับห้อง ชงชาแก่ๆ ให้เขาดื่ม จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าให้ เพื่อบรรเทาอาการเมามาย เรียกสติของเขา
ยามนั้นเฉินชงหมิงลืมตาตื่นขึ้น พอเห็นหลันเหลยก็พูดอ้อแอ้ออกมาด้วยฤทธิ์สุราที่ยังไม่สร่าง
“ หลันเหลย...ที่แท้เป็นเจ้าเอง.... ”
“ ใช่...เป็นข้าเอง.... ”
“ อืม..เจ้ารู้ไหม...อาหยุนน่ะชอบเจ้ามาก...มันขอร้องข้า สู่ขอเจ้ากับฮั่นกุน ฮั่นกุนเขาไม่มีความเห็นใด ....แล้วเจ้าล่ะ... เจ้าเห็นด้วยหรือเปล่า.... ”
หลันเหลยอ้าปากค้างตะลึงลานกับที่ เฉินชงหมิงหลับตาอย่างปวดร้าว พึมพำต่อไป
“ ...ข้ามีน้องชายเพียงคนเดียว แล้วข้าก็รักมันมาก... อยากเห็นมันมีความสุข... ”
หลันเหลยยกมือปิดหูตนเอง ร้องว่า
“ เหลวไหลที่สุด...ข้าไม่ฟังแล้ว ”
หลั่งน้ำตาผุดลุกขึ้นวิ่งออกจากห้องไป
................................................
เมื่อเฉินชงหมิงตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาสายมากแล้ว พบว่าตนนอนอยู่บนเตียงในห้องนอนของตนเอง อดรู้สึกแปลกใจมิได้ เซี่ยวเถาสาวใช้ต้นห้องของเขา ยกกาน้ำชาเข้ามาเปลี่ยน เฉินชงหมิงจึงเรียกเข้ามาถาม
“ นี่...ข้าเข้ามานอนในนี้ได้อย่างไร.... ”
“ เมื่อคืน คุณชายท่านเมามายมาก แม่นางซิมประคองพาท่านเข้ามา และเฝ้าดูแลท่านอยู่พักหนึ่ง... ”
“ แล้วนางกลับไปตอนไหน ? ”
“ ตอนแม่นางซิมเช็ดหน้าให้ท่าน บ่าวเอาน้ำไปเปลี่ยน พอกลับมาอีกครั้ง ก็เห็นนางร้องไห้วิ่งออกจากห้องไป.... ”
เฉินชงหมิงใจหายวาบ ผุดลุกขึ้นโพล่งว่า
“ แล้วตอนนั้น ข้าทำอะไรนาง ? ”
“ ตอนนั้น คุณชายท่านเมามาย เพ้อแทบไม่ได้สติ บ่าวไม่ทราบว่าเกิดเรื่องใดขึ้น... ”
เฉินชงหมิงโบกมือให้นางออกไป แล้วลุกขึ้นนั่งกุมขมับ ถอนใจอย่างกลัดกลุ้ม
…………………………….
หลันเหลยนั่งมองกระต่ายซึมเซาอยู่ในห้อง เหวินฮั่นกุนเคาะประตูแล้วผลักเข้ามา
“ วันนี้เป็นไรไป ไม่ออกไปเที่ยวข้างนอกหรือ ? ”
“ รู้สึกเบื่อๆน่ะ…ท่านล่ะมาทำไม ใช่มาเรื่องสู่ขอข้าให้พี่ชิงหยุนหรือไม่ ? ”
“ เจ้าก็รู้เรื่องนี้แล้ว ? ”
เมื่อเห็นนางนั่งนิ่งไม่พูดไม่อะไร จึงฝืนยิ้มกล่าวว่า
“ ที่แท้เจ้ากับชิงหยุนเคยทำความตกลงกันมาก่อน…งั้นก็ขอแสดงความยินดีด้วย… ”
หลันเหลยหันหน้ามาถาม
“ นี่ท่านไม่มีความคิดเห็นอันใดจริง ๆหรือ ? ”
เหวินฮั่นกุนรู้สึกเจ็บปวดแปลบในใจเหมือนโดนเข็มทิ่มแทง หากยังคงฝืนสีหน้ายิ้มพลางกล่าวว่า
“ เรื่องส่วนตัวของเจ้า ข้าไม่มีความเห็นอันใด หากเจ้ารู้สึกพอใจ ก็ตัดสินใจเองได้เลย ”
หลันเหลยแค่นเสียงประชดอย่างขมขื่น
“ ข้ารู้…ตลอดเวลาที่ท่านอยู่ดูแลข้าคงอึดอัดใจมากใช่ไหม หลายวันมานี้คงเฝ้าภาวนาให้ข้ารีบๆแต่งออกไป เพื่อภาระหน้าที่ของท่านจะได้สิ้นสุดลง แล้วท่านก็จะได้เป็นอิสระเสียที ใช่หรือไม่ ….. ”
“ ก็คงจะใช่… เมื่อมีคนมาคุ้มครองดูแลเจ้าต่อ.. ข้าเองก็คงถึงเวลาต้องไป… ”
หลันเหลยแค้นใจจนน้ำตาคลอ ร้องดัง ๆ ว่า
“ ความจริง ตอนนี้ข้าก็หาได้ต้องการท่านไม่….ท่านอยากไปก็ไปได้เลยทุกเมื่อ… ”
เหวินฮั่นกุนมองหน้าหลันเหลย
“ แต่ข้ารับปากท่านแม่ไว้ ภาระของข้าจะสุดสิ้นลง เมื่อเจ้าได้แต่งงานไปแล้วเท่านั้น… ”
“ ก็ได้ๆ….งั้นข้าจะรีบแต่งงานไว ๆ ท่านจะได้สบายใจเสียที ดีหรือไม่ … ”
เด็กสาวร้องประชด..เอ่ยถึงตอนนี้ เฉินชิงหยุนก็เคาะประตูแล้วผลักเข้ามาแย้มยิ้มทักทาย
“ หลันเหลยอยู่หรือเปล่า…อ้อ ฮั่นกุน ท่านก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ… ”
กล่าวถึงตอนท้ายพลันพบว่า บรรยากาศในห้องมึนตึงอึมครึม ชายหนุ่มจึงยิ้มเก้อ ๆ กล่าวคำขอโทษ หันกายคิดจะกลับ หลันเหลยพลันร้องว่า
“ พี่ชิงหยุน ท่านมาก็ดีแล้ว…. ”
เฉินชิงหยุนหันมาฝืนยิ้มถาม “ มีเรื่องใดกับข้าหรือ ? ”
“ ท่านให้พี่ชงหมิงมาสู่ขอข้าใช่มั้ย ? ”
“ ใช่…ใช่..พี่ใหญ่พูดกับเจ้าแล้วหรือ… ? ”
“ ข้าตกลงรับปากท่าน… ”
" หา...."
เฉินชิงหยุนงงงันวูบ ถามอย่างไม่แน่ใจ “ เจ้าว่าอะไรนะ… ”
หลันเหลยแย้มยิ้มกล่าวว่า
“ ข้าตกลงตามที่ท่านสู่ขอ…. ”
“ เป็นความจริง ? ”
“ ย่อมเป็นความจริง…วันนี้อากาศดียิ่ง เราไปเดินเล่นกันข้างนอกเถอะ จะได้คิดปรึกษาเรื่องนี้กัน… ”
เฉินชิงหยุนปลาบปลื้มปิติจนยิ้มระรื่น คว้ากุมข้อมือหลันเหลยอย่างลืมตัว พริบตานั้นถึงกับลืมไปว่า ในห้องยังมีเหวินฮั่นกุนอยู่ด้วย หลันเหลยหัวร่อทุบมือใส่แขนเขาเบา ๆ ร้องว่า
“ คนอะไรหน้าไม่อาย เราไปกันเถอะ… ”
กล่าวจบจูงมือเฉินชิงหยุนพาวิ่งออกไปข้างนอก โดยมิแยแสสนใจเหวินฮั่นกุนที่ยืนซึมกับอยู่ที่ !
………………………………………….


♥ ♥ .. จอมใจเจ้าบัลลังก์ .. ♥ ♥ [ 7 : คืนดี ]
☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼
☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼
อ่านตอนก่อนหน้านี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[ขอบคุณ :ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต]
คำขอร้องของเฉินชงหมิง ทำให้เหวินฮั่นกุนรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง คืนนั้นนอนลืมตาโพลงในความมืด ไม่อาจข่มตาหลับได้ ต้องลุกขึ้นนั่ง จุดโคมไฟขึ้น เอาผ้าแพรผูกผมผืนนั้นออกมานั่งมองต่างหน้าเจ้าของ
อีกด้านหนึ่ง..หลันเหลยตื่นขึ้นกลางดึก ลอบโผกายออกทางหน้าต่าง รุดมายังดงไม่ข้างสุสานร้างแห่งหนึ่ง เพื่อฝึกพลังสุริยันจันทราขั้นที่หก และในคืนนั้นเอง นางก็สามารถฝึกสำเร็จอีกขั้นหนึ่ง !
เมื่อหลันเหลยกลับถึงบ้านเทพเจ้าก็เป็นเวลาตีสองกว่า ขณะเดินผ่านสวนด้านหลัง เห็นคนผู้หนึ่ง นั่งฟุบอยู่บนโต๊ะหินบนศาลา จึงอดเดินเข้าไปดูมิได้
คนผู้นี้ถึงกับเป็นเฉินชงหมิง ทั้งร่างของเขามีกลิ่นสุราคละคลุ้ง.. คนเมามายจนไม่ได้สติ
หลันเหลยรู้สึกแปลกใจ แต่ก็ช่วยประคองพาเขากลับห้อง ชงชาแก่ๆ ให้เขาดื่ม จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าให้ เพื่อบรรเทาอาการเมามาย เรียกสติของเขา
ยามนั้นเฉินชงหมิงลืมตาตื่นขึ้น พอเห็นหลันเหลยก็พูดอ้อแอ้ออกมาด้วยฤทธิ์สุราที่ยังไม่สร่าง
“ หลันเหลย...ที่แท้เป็นเจ้าเอง.... ”
“ ใช่...เป็นข้าเอง.... ”
“ อืม..เจ้ารู้ไหม...อาหยุนน่ะชอบเจ้ามาก...มันขอร้องข้า สู่ขอเจ้ากับฮั่นกุน ฮั่นกุนเขาไม่มีความเห็นใด ....แล้วเจ้าล่ะ... เจ้าเห็นด้วยหรือเปล่า.... ”
หลันเหลยอ้าปากค้างตะลึงลานกับที่ เฉินชงหมิงหลับตาอย่างปวดร้าว พึมพำต่อไป
“ ...ข้ามีน้องชายเพียงคนเดียว แล้วข้าก็รักมันมาก... อยากเห็นมันมีความสุข... ”
หลันเหลยยกมือปิดหูตนเอง ร้องว่า
“ เหลวไหลที่สุด...ข้าไม่ฟังแล้ว ”
หลั่งน้ำตาผุดลุกขึ้นวิ่งออกจากห้องไป
................................................
เมื่อเฉินชงหมิงตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาสายมากแล้ว พบว่าตนนอนอยู่บนเตียงในห้องนอนของตนเอง อดรู้สึกแปลกใจมิได้ เซี่ยวเถาสาวใช้ต้นห้องของเขา ยกกาน้ำชาเข้ามาเปลี่ยน เฉินชงหมิงจึงเรียกเข้ามาถาม
“ นี่...ข้าเข้ามานอนในนี้ได้อย่างไร.... ”
“ เมื่อคืน คุณชายท่านเมามายมาก แม่นางซิมประคองพาท่านเข้ามา และเฝ้าดูแลท่านอยู่พักหนึ่ง... ”
“ แล้วนางกลับไปตอนไหน ? ”
“ ตอนแม่นางซิมเช็ดหน้าให้ท่าน บ่าวเอาน้ำไปเปลี่ยน พอกลับมาอีกครั้ง ก็เห็นนางร้องไห้วิ่งออกจากห้องไป.... ”
เฉินชงหมิงใจหายวาบ ผุดลุกขึ้นโพล่งว่า
“ แล้วตอนนั้น ข้าทำอะไรนาง ? ”
“ ตอนนั้น คุณชายท่านเมามาย เพ้อแทบไม่ได้สติ บ่าวไม่ทราบว่าเกิดเรื่องใดขึ้น... ”
เฉินชงหมิงโบกมือให้นางออกไป แล้วลุกขึ้นนั่งกุมขมับ ถอนใจอย่างกลัดกลุ้ม
…………………………….
หลันเหลยนั่งมองกระต่ายซึมเซาอยู่ในห้อง เหวินฮั่นกุนเคาะประตูแล้วผลักเข้ามา
“ วันนี้เป็นไรไป ไม่ออกไปเที่ยวข้างนอกหรือ ? ”
“ รู้สึกเบื่อๆน่ะ…ท่านล่ะมาทำไม ใช่มาเรื่องสู่ขอข้าให้พี่ชิงหยุนหรือไม่ ? ”
“ เจ้าก็รู้เรื่องนี้แล้ว ? ”
เมื่อเห็นนางนั่งนิ่งไม่พูดไม่อะไร จึงฝืนยิ้มกล่าวว่า
“ ที่แท้เจ้ากับชิงหยุนเคยทำความตกลงกันมาก่อน…งั้นก็ขอแสดงความยินดีด้วย… ”
หลันเหลยหันหน้ามาถาม
“ นี่ท่านไม่มีความคิดเห็นอันใดจริง ๆหรือ ? ”
เหวินฮั่นกุนรู้สึกเจ็บปวดแปลบในใจเหมือนโดนเข็มทิ่มแทง หากยังคงฝืนสีหน้ายิ้มพลางกล่าวว่า
“ เรื่องส่วนตัวของเจ้า ข้าไม่มีความเห็นอันใด หากเจ้ารู้สึกพอใจ ก็ตัดสินใจเองได้เลย ”
หลันเหลยแค่นเสียงประชดอย่างขมขื่น
“ ข้ารู้…ตลอดเวลาที่ท่านอยู่ดูแลข้าคงอึดอัดใจมากใช่ไหม หลายวันมานี้คงเฝ้าภาวนาให้ข้ารีบๆแต่งออกไป เพื่อภาระหน้าที่ของท่านจะได้สิ้นสุดลง แล้วท่านก็จะได้เป็นอิสระเสียที ใช่หรือไม่ ….. ”
“ ก็คงจะใช่… เมื่อมีคนมาคุ้มครองดูแลเจ้าต่อ.. ข้าเองก็คงถึงเวลาต้องไป… ”
หลันเหลยแค้นใจจนน้ำตาคลอ ร้องดัง ๆ ว่า
“ ความจริง ตอนนี้ข้าก็หาได้ต้องการท่านไม่….ท่านอยากไปก็ไปได้เลยทุกเมื่อ… ”
เหวินฮั่นกุนมองหน้าหลันเหลย
“ แต่ข้ารับปากท่านแม่ไว้ ภาระของข้าจะสุดสิ้นลง เมื่อเจ้าได้แต่งงานไปแล้วเท่านั้น… ”
“ ก็ได้ๆ….งั้นข้าจะรีบแต่งงานไว ๆ ท่านจะได้สบายใจเสียที ดีหรือไม่ … ”
เด็กสาวร้องประชด..เอ่ยถึงตอนนี้ เฉินชิงหยุนก็เคาะประตูแล้วผลักเข้ามาแย้มยิ้มทักทาย
“ หลันเหลยอยู่หรือเปล่า…อ้อ ฮั่นกุน ท่านก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ… ”
กล่าวถึงตอนท้ายพลันพบว่า บรรยากาศในห้องมึนตึงอึมครึม ชายหนุ่มจึงยิ้มเก้อ ๆ กล่าวคำขอโทษ หันกายคิดจะกลับ หลันเหลยพลันร้องว่า
“ พี่ชิงหยุน ท่านมาก็ดีแล้ว…. ”
เฉินชิงหยุนหันมาฝืนยิ้มถาม “ มีเรื่องใดกับข้าหรือ ? ”
“ ท่านให้พี่ชงหมิงมาสู่ขอข้าใช่มั้ย ? ”
“ ใช่…ใช่..พี่ใหญ่พูดกับเจ้าแล้วหรือ… ? ”
“ ข้าตกลงรับปากท่าน… ”
" หา...."
เฉินชิงหยุนงงงันวูบ ถามอย่างไม่แน่ใจ “ เจ้าว่าอะไรนะ… ”
หลันเหลยแย้มยิ้มกล่าวว่า
“ ข้าตกลงตามที่ท่านสู่ขอ…. ”
“ เป็นความจริง ? ”
“ ย่อมเป็นความจริง…วันนี้อากาศดียิ่ง เราไปเดินเล่นกันข้างนอกเถอะ จะได้คิดปรึกษาเรื่องนี้กัน… ”
เฉินชิงหยุนปลาบปลื้มปิติจนยิ้มระรื่น คว้ากุมข้อมือหลันเหลยอย่างลืมตัว พริบตานั้นถึงกับลืมไปว่า ในห้องยังมีเหวินฮั่นกุนอยู่ด้วย หลันเหลยหัวร่อทุบมือใส่แขนเขาเบา ๆ ร้องว่า
“ คนอะไรหน้าไม่อาย เราไปกันเถอะ… ”
กล่าวจบจูงมือเฉินชิงหยุนพาวิ่งออกไปข้างนอก โดยมิแยแสสนใจเหวินฮั่นกุนที่ยืนซึมกับอยู่ที่ !
………………………………………….