22
ซู่!!!
ฉันลุกออกจากกองไฟเล็กๆ ที่พวกเราช่วยกันก่อไปยืนอยู่ที่ปากถ้ำ พลางแหงนหน้าขึ้นมองฟ้ามืดทะมึนที่มีเม็ดฝนเล็กๆ เทกระหน่ำลงมาไม่หยุด ในหัวสมองก็คิดถึงแต่พวกพี่ทั้งสามคนที่ไม่รู้ว่าป่านนี้จะไปหลบฝนที่ไหนกัน จะเจอบ้านไหมนะ? แต่ว่าพวกเราก็เจอถ้ำแล้วนี่นา ไม่จำเป็นต้องหาบ้านคนอีกแล้วล่ะ เอาไงดีนิกิม...ฝนข้างนอกก็ตกหนักซะขนาดนี้ เธอจะออกไปเหรอ? แต่ถ้าไม่ออก...แล้วพี่ๆ สามคนจะรู้ได้ยังไงว่าพวกเราหาที่หลบฝนเจอแล้ว
เอาวะ!
ฉันฮึดสู้ก่อนจะหันไปมองอีกสองคนทางเบื้องหลังที่นั่งกอดอกผิงไฟอยู่ก้นถ้ำตัน
“นี่พวกเธอ...อยู่ที่นี่กันนะ อย่าออกไปไหนกันล่ะ”ฉันบอกเสียงดังแข่งกับเสียงฝนข้างนอก สองคนนั้นหันมาแล้วขมวดคิ้ว
“แล้วนั่นนายจะไปไหน ข้างนอกฝนตกอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
“ฉันจะไปรอพี่ชายฉันน่ะ อยู่ที่นี่กันนะ เดี๋ยวฉันกลับมา” ย้ำอีกรอบแล้วก็วิ่งออกไปทันทีท่ามกลางเสียงโวยวายคัดค้านของสองคนนั้น
อีกฟากหนึ่งของเกาะ...
“ผมว่าเรารีบกลับไปที่จุดเดิมกันดีกว่าพี่ ป่านนี้ไม่รู้ว่าพวกผู้หญิงจะเป็นยังไงกันบ้าง” แชลเอ่ยด้วยความกังวลพลางสาวเท้าวิ่งไปด้วย ตอนนี้ฝนกำลังตกหนัก พวกเขาไม่มีเวลามาเดินสำรวจรอบเกาะอีกแล้ว ไม่รู้ว่าป่านนี้พวกผู้หญิงจะเป็นอย่างไรบ้าง เขาห่วงเหลือเกินโดยเฉพาะนิกิม...น้องสาวคนเดียวของคนในวง
“นั่นสิ ป่ะ!” เมื่ออีกสองเสียงเห็นด้วย ทั้งสามหนุ่มจึงรีบวิ่งเท้าจมทรายอย่างทุลักทุเลไปยังจุดเดิมที่ที่จอดเจ็ทสกีทิ้งไว้ทันที
ฉันนั่งกอดเข่าตากฝนอยู่ที่ใต้ต้นมะพร้าวอย่างหนาวสั่น เสื้อผ้าและเนื้อตัวเปียกปอนหมดสภาพ ลมกรรโชกที่พัดแรงทำเอาร่างฉันสั่นสะท้านไปด้วยความหนาวเหน็บและเริ่มปวดกรามนิดๆ หนาว...หนาวจนจะทนไม่ไหวแล้วนะ เมื่อไหร่พวกพี่จะกลับมาซะที
ฉันชะเง้อหน้าออกไปมองซ้ายทีขวาทีด้วยความหวังที่จะได้เห็นพวกพี่ๆ สามคนวิ่งกลับมาเจอกันที่นี่อีกครั้ง แต่ทุกครั้งที่มองไปด้วยความหวัง...ฉันก็พบแต่ความว่างเปล่า ไร้วี่แววว่าสามคนนั้นจะกลับมาจริงๆ ฉันล่ะนั่งภาวนากับตัวเองตลอดเวลาว่าขอให้พวกเขาสามคนกลับมาซะทีเถอะ ได้โปรดเถอะ ขอร้องล่ะ
ฉันนั่งรออยู่ที่เดิมด้วยความหวังที่เริ่มริบหรี่ลงทุกทีๆ จะเป็นไปได้มั้ยนะ...ถ้าเกิดว่าตอนนี้พวกเขากำลังหลบฝนกันอยู่ในบ้านคน? แต่...ฉันไม่แน่ใจ ถ้าเกิดว่าพวกเขาไม่เจอบ้านล่ะ จะไปหลบฝนกันที่ไหน? ฉันคิดมากพลางกอดตัวเองที่สั่นสะท้านไปทั้งตัว
“นิกิมมมม!!!”
“หือ?” ฉันหันไปมองทางต้นเสียงทันที และก็ต้องยิ้มกว้าง เมื่อความหวังของฉันสัมฤทธิ์ผลแล้ว ขอบคุณค่ะหลวงพ่อ! >_<
ฉันรีบลุกขึ้นยืนทันที มองสามคนนั้นที่กำลังวิ่งตรงมาทางนี้ท่ามกลางสายฝนที่ตกอย่างหนัก
ฉันทำอะไรไม่ถูกนอกจากยืนยิ้มไม่หุบ รอจนพวกเขาวิ่งมาหยุดยืนตรงหน้าแล้วฉันจึงได้ไม่รอช้าพากลับไปยังถ้ำทันที
เมื่อมาถึงฉันก็รีบวิ่งเข้าไปข้างใน และตามมาด้วยอีกสามหนุ่มที่วิ่งเข้ามาเหมือนกัน สองสาวเบิกตากว้างด้วยความดีใจเหมือนฉันในตอนแรก พวกหล่อนละจากกองไฟเข้ามาหาพวกพี่บริงค์ด้วยท่าทางเป็นห่วง ชิ! (หมั่นไส้นิดๆ -*-)
“เป็นยังไงบ้างคะ? ตัวเปียกโชกเลย” ยัยคนที่มากับพี่โฮมถือวิสาสะจับนู่นจับนี่อย่างเนียนๆ ส่วนยัยตาโตที่พอจะเป็นมิตรได้ก็แค่เข้าไปถามไถ่พี่แชลเท่านั้น
“เอ่อ...ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ ^^-” พี่โฮมตอบพลางหน้าแดงไปด้วย แหงล่ะ...ก็เขาไม่ค่อยคุ้นกับการที่ถูกผู้หญิงจับเนื้อต้องตัวนี่นา
“แล้วบริงค์ล่ะคะ เป็นยังไงบ้าง เจอบ้านคนรึเปล่า?” ยัยสองสี เอ่อ...ก็คนที่ซ้อนท้ายพี่โฮมนั่นแหละ หันมาทำตาหวานใส่พี่บริงค์ที่จู่ๆ ก็ถอดเสื้อโชว์ซะงั้น! เฮือก! O///o
“ไม่เจอเลยฮะ เดินดูจนรอบเกาะแล้วก็ไม่เห็นจะมีบ้านคนสักหลัง อ๊ะ...นิกิม เลือดกำเดา?” พี่บริงค์หันมาทางฉันแล้วทำมือแตะๆ ที่จมูกตัวเอง ฉันเผยอปากนิดๆ เพราะตอนนี้กำลังมึนงงกับทุกสิ่งหลังจากที่เห็นผิวขาวๆ ของพี่บริงค์~ อะไรนะ...เลือดกำเดาเหรอ? สักพักของเหลวเค็มๆ ก็ไหลเข้าปาก ฉันเม้มปากลิ้มรสชาติของมันก่อนจะเบิกตากว้าง
“เฮ้ย! O///o” ฉันรีบปาดเลือดกำเดาลวกๆ จนมือที่ใช้ป้ายนั้นติดคราบเลือดเป็นทางยาว โอ๊ย...อายจัง >///< โชว์หื่นออกไปจนได้ ฮึ่ย~
พี่บริงค์เลิกคิ้วงงๆ ก่อนจะนำเสื้อที่ถอดออกมาบิดน้ำออกแล้วเอาไปผิงไฟ เช่นเดียวกับพี่โฮมและพี่แชลที่พร้อมใจกันถอดเสื้อออกเหมือนกัน เฮือก!!
O///o ฉันรีบสูดเลือดกำเดาที่กำลังจะไหลออกมาอีกรอบแล้วหันหลังให้ทุกคนทันที ก่อนจะหน้าแดงอีกครั้งเมื่อพี่บริงค์เอ่ยขึ้น
“นิกิม...ไม่ถอดเสื้อแล้วเอามาผิงไฟล่ะ? จะได้แห้ง”
“ไอบ้า! นิกิมเป็นผู้หญิงนะเฟ้ย!” พี่โฮมตวาดแว้ด ส่วนพี่บริงค์นี่ก็เงียบกริบไปเลย ไอบ้าเอ๊ยยย >///< จะให้เปลื้องผ้าโชว์อย่างพวกพี่เนี่ยนะ ไม่ไหวหรอก! ฉันก้มลงดูสภาพตัวเองแล้วก็ยิ่งอาย กอดตัวเองแน่น อี๊~ ไม่ถอดหรอก >_< แต่เอ๊ะ...ตอนนี้ฉันอยู่ในสภาพผู้ชายไม่ใช่เหรอ? แล้วเมื่อกี้ที่พี่โฮมดันตะโกนออกมาว่าฉันเป็นผู้หญิง...อย่างนี้ความลับก็...
“ว่าไงนะคะ! นิกิมเป็นผู้หญิง!?”
เฮือก!!!
เราทั้งสี่คนสะดุ้งไปตามๆ กัน และหันไปมองผู้หญิงสองคนนั้นด้วยความตกใจ อา...ในที่สุด...ความลับก็แตกจนได้ T^T
ณ เวลานี้ ถ้าฉันตาไม่ฝาด ฉันว่าฉันเห็นยัยสองคนนั้นส่งสายตาแปลกๆ มาให้ดูแล้วยากแก่การเดาความหมาย แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มันคงไม่มีความหมายอื่นหรอก นอกจากเกลียดชังขี้หน้าฉันเข้าให้แล้ว เฮ้อ...เตรียมตัวเตรียมใจรับชะตากรรมเถอะยัยนิกิม
“เอ่อ น้องๆ ครับ พี่ขอร้องอะไรอย่างได้มั้ยครับ?” ในที่สุดพี่โฮมก็ตัดสินใจพูดขึ้นหลังจากที่ปล่อยให้บรรยากาศภายในถ้ำเงียบไปนาน
“ค่ะ” สองสาวนั้นตอบรับพร้อมกัน
“พี่อยากจะขอว่า อย่าให้เรื่องนี้แพร่งพรายออกไปเลยนะครับ อยากให้น้องๆ สองคนเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ เพราะอันที่จริงแล้วพวกเราก็ไม่อยากปิดบังใครหรอกว่านิกิมเป็นผู้หญิง แต่เพราะกลัวว่าคนอื่นจะรับไม่ได้เลยต้องโกหกไป” พี่แกสารภาพหน้าสลด
“นิกิมเองก็เป็นแค่น้องสาวของพวกเราเท่านั้น ไม่มีอะไรในก่อไผ่หรอกครับ เธอเป็นน้องสาวของพี่บริงค์ พวกเราก็เลยพลอยสนิทกันไปด้วย” พี่แชลเองก็สลดไปตามๆ กัน
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ พวกเราสัญญาว่าจะไม่เปิดเผยเรื่องนี้กับใคร เพราะที่จริงแล้วพวกเราก็ไม่อยากให้ x’s-Q ต้องมาเสียชื่อเสียงเพราะเรื่องเล็กๆ หรอกค่ะ สบายใจได้ พวกเราไม่ถือไม่โกรธไม่บอกใครหรอกค่ะ ^^” หนึ่งในสองคนนั้นบอกยิ้มๆ นั่นจึงทำให้พวกพี่ทุกคนถอนใจอย่างโล่งอก...ยกเว้นฉัน
พี่โฮมถอนใจยิ้มๆ อย่างโล่งอกที่เรื่องมันผ่านไปได้ด้วยดี เขาหันไปมองนอกถ้ำก่อนถอนใจออกมาอีกรอบ
“เฮ้อ ดูท่าน่าจะอีกนานนะกว่าฝนจะหยุดตก” พี่โฮมบ่น ฉันเห็นด้วยในใจ พยักหน้าหงึกๆ ตอนนี้ไม่กล้าพูดอะไรมาก
“แล้วคืนนี้...อย่าบอกนะว่าพวกเราจะนอนค้างที่นี่กันน่ะค่ะ?” เสียงแหลมเล็กของผู้หญิงหนึ่งในนั้นถามอย่างพิอักพิอ่วน
“ใช่ครับ” เสียงของพี่โฮมตอบกลับไปอย่างหนักแน่น ฉันถอนใจเฮือกใหญ่ แล้วนั่งกอดเข่าอย่างเบื่อหน่ายและเซ็งสุโค่ยในชีวิต
“เป็นอะไร?”
“ฮึ? = = เฮือก! O///o” พอฉันเงยหน้าขึ้นก็ต้องผวาสุดตัวเมื่อหน้าอกขาวๆ ของใครบางคนมันแทบจะจ่ออยู่ตรงหน้า และฉันก็ต้องเงยหน้าขึ้นไปอีกเพื่อมองว่าเป็นใครอย่างตกใจ “พะ...พะ...พี่บริงค์” ทะ...ทะ...ทำไมฉันต้องเสียงสั่นด้วยเนี่ย O_Olll
พี่บริงค์ขมวดคิ้วมองฉันอย่างงุนงงก่อนจะยื่นมือมาอังที่หน้าผากฉันเบาๆ
“ตัวอุ่นๆ นะ” เขากดเสียงต่ำแล้วจ้องฉันเขม็ง เอ่อ...ทำไมต้องมองอย่างนั้นด้วยล่ะ ^^+
“ถ้าถอดเสื้อได้ก็ดีสิ” พี่บริงค์พึมพำเสียงเบา แต่ฉันได้ยิน!
“อะไรนะ? = =+”
“อ๊ะ...เปล่าๆๆ ^^” เขาโบกมือปฏิเสธแล้วย้ายตัวมานั่งลงข้างๆ ฉัน
“แหม...ห่างกันไม่ได้เชียวนะพี่น้องคู่เนี้ย ;]” พี่แชลมองเราสองคนพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม
“เอ่อ...” ฉันหันไปชำเลืองคนข้างๆ เช่นเดียวกับเขาที่หันมาชำเลืองฉันเหมือนกัน ก่อนเราทั้งคู่จะรีบหันกลับไปแล้วรู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าว พะ...พี่บริงค์หน้าแดง o///o
“ก็...ก็นั่งคนเดียวมันเหงาอ่ะ ใครจะเหมือนแชลกับพี่โฮมล่ะ” พี่บริงค์ย้อนเสียงห้าว ก่อนจะหันมามองฉันแว้บหนึ่งแล้วรีบหันกลับไป ทำเป็นกระแอมไอดังๆ ฉันอมยิ้มพยายามกลั้นขำไว้
“เหรอออ? อันที่จริง...ตรงนี้ก็ว่างนะ ^^” พี่โฮมอมยิ้มพลางตบที่ว่างอีกด้านหนึ่งที่ไม่มียัยสองสีเสนอหน้านั่งอยู่ (แร็งงง~)
“ไม่เอาอ่ะ นั่งตรงนี้ดีแล้ว เดี๋ยวนิกิมจะเหงา” พี่บริงค์หันมายิ้มทะเล้นใส่ ฉันปรายตามองก่อนจะพูดเสียงเรียบ
“เรารักสันโดษ - -”
“ฮ่าๆๆๆ >O<” พี่แชลกับพี่โฮมระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นพลางเอามือกุมท้องแล้วลงไปขำกลิ้งกับพื้น เวอร์และๆ พวกพี่ = =^ ช่างเสียสละเนื้อตัวกันเหลือเกินนะ
“โห่ นิกิมอ่ะ เชอะ!” พี่บริงค์ตีหน้ามุ่ยแล้วสะบัดหน้าหนีไปเลย ฉันหลุดขำอุ๊บออกมาเบาๆ ไม่ให้เจ้าตัวได้ยิน แล้วแอบยิ้มขันๆ อยู่คนเดียวท่ามกลางศึกน้ำลายที่พวกพี่โฮมพากันซ้ำเติมพี่บริงค์ไม่หยุด
“หุบปากไปเลยไป ทั้งพี่ทั้งน้องเลย -_-^” พี่บริงค์เริ่มแยกเขี้ยวนิดๆ
“อิอิ ซุบซิบๆ” พี่โฮมกับพี่แชลทำท่าหันไปกระซิบกันอย่างเป็นความลับพลางสายตาก็มองมาที่พี่บริงค์ด้วย ทำให้เจ้าตัวที่ถูกนินทาถึงกับแยกเขี้ยวขาวเต็มที่
“นินทาอะไรกันน่ะ!? (แฮ่!!!)” สองคนนั้นไม่มีทีท่าว่าจะตกใจ (แบบรับมุก) กลับกระซิบกันแล้วหัวเราะคิกๆ ทำให้ฉันพลอยสงสัยไปด้วย ขำอะไรกันว้า -3-?
เฮ้อ ฉันมองสามคนนั้นแล้วส่ายหน้าระอายิ้มๆ เบนสายตากลับมาที่สองสาวที่เงียบหายไปจากวงสนทนาแบบไม่มีใครสนใจ สองคนนั้นเข้าไปนั่งคู่กันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่ว่าพวกหล่อนกำลังมองมาทางฉันด้วยสายตาแปลกๆ อา...ฉันเผยอปากอย่างขยาดก่อนจะแสร้งก้มลงมองไฟลุกโชนที่อยู่ใกล้ๆ
ทำไมต้องมองเราอย่างนั้นด้วยนะ ยัยสองสีนั่นตั้งแต่ที่เห็นว่ากระซิบกับยัยดูมๆ แล้ว สองคนนั้นซุบซิบเรื่องอะไรกัน? แล้วสายตาที่มองมานั้น...มันหมายความว่ายังไงนะ เฮ้อ นิกิมเอ๊ย ศัตรูเธอนี่เยอะจริงๆ ปลงซะเถอะ...อาเมนนน
นับตั้งแต่วันที่ฉันรักเธอ [ตอนที่ 22]
ซู่!!!
ฉันลุกออกจากกองไฟเล็กๆ ที่พวกเราช่วยกันก่อไปยืนอยู่ที่ปากถ้ำ พลางแหงนหน้าขึ้นมองฟ้ามืดทะมึนที่มีเม็ดฝนเล็กๆ เทกระหน่ำลงมาไม่หยุด ในหัวสมองก็คิดถึงแต่พวกพี่ทั้งสามคนที่ไม่รู้ว่าป่านนี้จะไปหลบฝนที่ไหนกัน จะเจอบ้านไหมนะ? แต่ว่าพวกเราก็เจอถ้ำแล้วนี่นา ไม่จำเป็นต้องหาบ้านคนอีกแล้วล่ะ เอาไงดีนิกิม...ฝนข้างนอกก็ตกหนักซะขนาดนี้ เธอจะออกไปเหรอ? แต่ถ้าไม่ออก...แล้วพี่ๆ สามคนจะรู้ได้ยังไงว่าพวกเราหาที่หลบฝนเจอแล้ว
เอาวะ!
ฉันฮึดสู้ก่อนจะหันไปมองอีกสองคนทางเบื้องหลังที่นั่งกอดอกผิงไฟอยู่ก้นถ้ำตัน
“นี่พวกเธอ...อยู่ที่นี่กันนะ อย่าออกไปไหนกันล่ะ”ฉันบอกเสียงดังแข่งกับเสียงฝนข้างนอก สองคนนั้นหันมาแล้วขมวดคิ้ว
“แล้วนั่นนายจะไปไหน ข้างนอกฝนตกอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
“ฉันจะไปรอพี่ชายฉันน่ะ อยู่ที่นี่กันนะ เดี๋ยวฉันกลับมา” ย้ำอีกรอบแล้วก็วิ่งออกไปทันทีท่ามกลางเสียงโวยวายคัดค้านของสองคนนั้น
อีกฟากหนึ่งของเกาะ...
“ผมว่าเรารีบกลับไปที่จุดเดิมกันดีกว่าพี่ ป่านนี้ไม่รู้ว่าพวกผู้หญิงจะเป็นยังไงกันบ้าง” แชลเอ่ยด้วยความกังวลพลางสาวเท้าวิ่งไปด้วย ตอนนี้ฝนกำลังตกหนัก พวกเขาไม่มีเวลามาเดินสำรวจรอบเกาะอีกแล้ว ไม่รู้ว่าป่านนี้พวกผู้หญิงจะเป็นอย่างไรบ้าง เขาห่วงเหลือเกินโดยเฉพาะนิกิม...น้องสาวคนเดียวของคนในวง
“นั่นสิ ป่ะ!” เมื่ออีกสองเสียงเห็นด้วย ทั้งสามหนุ่มจึงรีบวิ่งเท้าจมทรายอย่างทุลักทุเลไปยังจุดเดิมที่ที่จอดเจ็ทสกีทิ้งไว้ทันที
ฉันนั่งกอดเข่าตากฝนอยู่ที่ใต้ต้นมะพร้าวอย่างหนาวสั่น เสื้อผ้าและเนื้อตัวเปียกปอนหมดสภาพ ลมกรรโชกที่พัดแรงทำเอาร่างฉันสั่นสะท้านไปด้วยความหนาวเหน็บและเริ่มปวดกรามนิดๆ หนาว...หนาวจนจะทนไม่ไหวแล้วนะ เมื่อไหร่พวกพี่จะกลับมาซะที
ฉันชะเง้อหน้าออกไปมองซ้ายทีขวาทีด้วยความหวังที่จะได้เห็นพวกพี่ๆ สามคนวิ่งกลับมาเจอกันที่นี่อีกครั้ง แต่ทุกครั้งที่มองไปด้วยความหวัง...ฉันก็พบแต่ความว่างเปล่า ไร้วี่แววว่าสามคนนั้นจะกลับมาจริงๆ ฉันล่ะนั่งภาวนากับตัวเองตลอดเวลาว่าขอให้พวกเขาสามคนกลับมาซะทีเถอะ ได้โปรดเถอะ ขอร้องล่ะ
ฉันนั่งรออยู่ที่เดิมด้วยความหวังที่เริ่มริบหรี่ลงทุกทีๆ จะเป็นไปได้มั้ยนะ...ถ้าเกิดว่าตอนนี้พวกเขากำลังหลบฝนกันอยู่ในบ้านคน? แต่...ฉันไม่แน่ใจ ถ้าเกิดว่าพวกเขาไม่เจอบ้านล่ะ จะไปหลบฝนกันที่ไหน? ฉันคิดมากพลางกอดตัวเองที่สั่นสะท้านไปทั้งตัว
“นิกิมมมม!!!”
“หือ?” ฉันหันไปมองทางต้นเสียงทันที และก็ต้องยิ้มกว้าง เมื่อความหวังของฉันสัมฤทธิ์ผลแล้ว ขอบคุณค่ะหลวงพ่อ! >_<
ฉันรีบลุกขึ้นยืนทันที มองสามคนนั้นที่กำลังวิ่งตรงมาทางนี้ท่ามกลางสายฝนที่ตกอย่างหนัก
ฉันทำอะไรไม่ถูกนอกจากยืนยิ้มไม่หุบ รอจนพวกเขาวิ่งมาหยุดยืนตรงหน้าแล้วฉันจึงได้ไม่รอช้าพากลับไปยังถ้ำทันที
เมื่อมาถึงฉันก็รีบวิ่งเข้าไปข้างใน และตามมาด้วยอีกสามหนุ่มที่วิ่งเข้ามาเหมือนกัน สองสาวเบิกตากว้างด้วยความดีใจเหมือนฉันในตอนแรก พวกหล่อนละจากกองไฟเข้ามาหาพวกพี่บริงค์ด้วยท่าทางเป็นห่วง ชิ! (หมั่นไส้นิดๆ -*-)
“เป็นยังไงบ้างคะ? ตัวเปียกโชกเลย” ยัยคนที่มากับพี่โฮมถือวิสาสะจับนู่นจับนี่อย่างเนียนๆ ส่วนยัยตาโตที่พอจะเป็นมิตรได้ก็แค่เข้าไปถามไถ่พี่แชลเท่านั้น
“เอ่อ...ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ ^^-” พี่โฮมตอบพลางหน้าแดงไปด้วย แหงล่ะ...ก็เขาไม่ค่อยคุ้นกับการที่ถูกผู้หญิงจับเนื้อต้องตัวนี่นา
“แล้วบริงค์ล่ะคะ เป็นยังไงบ้าง เจอบ้านคนรึเปล่า?” ยัยสองสี เอ่อ...ก็คนที่ซ้อนท้ายพี่โฮมนั่นแหละ หันมาทำตาหวานใส่พี่บริงค์ที่จู่ๆ ก็ถอดเสื้อโชว์ซะงั้น! เฮือก! O///o
“ไม่เจอเลยฮะ เดินดูจนรอบเกาะแล้วก็ไม่เห็นจะมีบ้านคนสักหลัง อ๊ะ...นิกิม เลือดกำเดา?” พี่บริงค์หันมาทางฉันแล้วทำมือแตะๆ ที่จมูกตัวเอง ฉันเผยอปากนิดๆ เพราะตอนนี้กำลังมึนงงกับทุกสิ่งหลังจากที่เห็นผิวขาวๆ ของพี่บริงค์~ อะไรนะ...เลือดกำเดาเหรอ? สักพักของเหลวเค็มๆ ก็ไหลเข้าปาก ฉันเม้มปากลิ้มรสชาติของมันก่อนจะเบิกตากว้าง
“เฮ้ย! O///o” ฉันรีบปาดเลือดกำเดาลวกๆ จนมือที่ใช้ป้ายนั้นติดคราบเลือดเป็นทางยาว โอ๊ย...อายจัง >///< โชว์หื่นออกไปจนได้ ฮึ่ย~
พี่บริงค์เลิกคิ้วงงๆ ก่อนจะนำเสื้อที่ถอดออกมาบิดน้ำออกแล้วเอาไปผิงไฟ เช่นเดียวกับพี่โฮมและพี่แชลที่พร้อมใจกันถอดเสื้อออกเหมือนกัน เฮือก!!
O///o ฉันรีบสูดเลือดกำเดาที่กำลังจะไหลออกมาอีกรอบแล้วหันหลังให้ทุกคนทันที ก่อนจะหน้าแดงอีกครั้งเมื่อพี่บริงค์เอ่ยขึ้น
“นิกิม...ไม่ถอดเสื้อแล้วเอามาผิงไฟล่ะ? จะได้แห้ง”
“ไอบ้า! นิกิมเป็นผู้หญิงนะเฟ้ย!” พี่โฮมตวาดแว้ด ส่วนพี่บริงค์นี่ก็เงียบกริบไปเลย ไอบ้าเอ๊ยยย >///< จะให้เปลื้องผ้าโชว์อย่างพวกพี่เนี่ยนะ ไม่ไหวหรอก! ฉันก้มลงดูสภาพตัวเองแล้วก็ยิ่งอาย กอดตัวเองแน่น อี๊~ ไม่ถอดหรอก >_< แต่เอ๊ะ...ตอนนี้ฉันอยู่ในสภาพผู้ชายไม่ใช่เหรอ? แล้วเมื่อกี้ที่พี่โฮมดันตะโกนออกมาว่าฉันเป็นผู้หญิง...อย่างนี้ความลับก็...
“ว่าไงนะคะ! นิกิมเป็นผู้หญิง!?”
เฮือก!!!
เราทั้งสี่คนสะดุ้งไปตามๆ กัน และหันไปมองผู้หญิงสองคนนั้นด้วยความตกใจ อา...ในที่สุด...ความลับก็แตกจนได้ T^T
ณ เวลานี้ ถ้าฉันตาไม่ฝาด ฉันว่าฉันเห็นยัยสองคนนั้นส่งสายตาแปลกๆ มาให้ดูแล้วยากแก่การเดาความหมาย แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มันคงไม่มีความหมายอื่นหรอก นอกจากเกลียดชังขี้หน้าฉันเข้าให้แล้ว เฮ้อ...เตรียมตัวเตรียมใจรับชะตากรรมเถอะยัยนิกิม
“เอ่อ น้องๆ ครับ พี่ขอร้องอะไรอย่างได้มั้ยครับ?” ในที่สุดพี่โฮมก็ตัดสินใจพูดขึ้นหลังจากที่ปล่อยให้บรรยากาศภายในถ้ำเงียบไปนาน
“ค่ะ” สองสาวนั้นตอบรับพร้อมกัน
“พี่อยากจะขอว่า อย่าให้เรื่องนี้แพร่งพรายออกไปเลยนะครับ อยากให้น้องๆ สองคนเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ เพราะอันที่จริงแล้วพวกเราก็ไม่อยากปิดบังใครหรอกว่านิกิมเป็นผู้หญิง แต่เพราะกลัวว่าคนอื่นจะรับไม่ได้เลยต้องโกหกไป” พี่แกสารภาพหน้าสลด
“นิกิมเองก็เป็นแค่น้องสาวของพวกเราเท่านั้น ไม่มีอะไรในก่อไผ่หรอกครับ เธอเป็นน้องสาวของพี่บริงค์ พวกเราก็เลยพลอยสนิทกันไปด้วย” พี่แชลเองก็สลดไปตามๆ กัน
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ พวกเราสัญญาว่าจะไม่เปิดเผยเรื่องนี้กับใคร เพราะที่จริงแล้วพวกเราก็ไม่อยากให้ x’s-Q ต้องมาเสียชื่อเสียงเพราะเรื่องเล็กๆ หรอกค่ะ สบายใจได้ พวกเราไม่ถือไม่โกรธไม่บอกใครหรอกค่ะ ^^” หนึ่งในสองคนนั้นบอกยิ้มๆ นั่นจึงทำให้พวกพี่ทุกคนถอนใจอย่างโล่งอก...ยกเว้นฉัน
พี่โฮมถอนใจยิ้มๆ อย่างโล่งอกที่เรื่องมันผ่านไปได้ด้วยดี เขาหันไปมองนอกถ้ำก่อนถอนใจออกมาอีกรอบ
“เฮ้อ ดูท่าน่าจะอีกนานนะกว่าฝนจะหยุดตก” พี่โฮมบ่น ฉันเห็นด้วยในใจ พยักหน้าหงึกๆ ตอนนี้ไม่กล้าพูดอะไรมาก
“แล้วคืนนี้...อย่าบอกนะว่าพวกเราจะนอนค้างที่นี่กันน่ะค่ะ?” เสียงแหลมเล็กของผู้หญิงหนึ่งในนั้นถามอย่างพิอักพิอ่วน
“ใช่ครับ” เสียงของพี่โฮมตอบกลับไปอย่างหนักแน่น ฉันถอนใจเฮือกใหญ่ แล้วนั่งกอดเข่าอย่างเบื่อหน่ายและเซ็งสุโค่ยในชีวิต
“เป็นอะไร?”
“ฮึ? = = เฮือก! O///o” พอฉันเงยหน้าขึ้นก็ต้องผวาสุดตัวเมื่อหน้าอกขาวๆ ของใครบางคนมันแทบจะจ่ออยู่ตรงหน้า และฉันก็ต้องเงยหน้าขึ้นไปอีกเพื่อมองว่าเป็นใครอย่างตกใจ “พะ...พะ...พี่บริงค์” ทะ...ทะ...ทำไมฉันต้องเสียงสั่นด้วยเนี่ย O_Olll
พี่บริงค์ขมวดคิ้วมองฉันอย่างงุนงงก่อนจะยื่นมือมาอังที่หน้าผากฉันเบาๆ
“ตัวอุ่นๆ นะ” เขากดเสียงต่ำแล้วจ้องฉันเขม็ง เอ่อ...ทำไมต้องมองอย่างนั้นด้วยล่ะ ^^+
“ถ้าถอดเสื้อได้ก็ดีสิ” พี่บริงค์พึมพำเสียงเบา แต่ฉันได้ยิน!
“อะไรนะ? = =+”
“อ๊ะ...เปล่าๆๆ ^^” เขาโบกมือปฏิเสธแล้วย้ายตัวมานั่งลงข้างๆ ฉัน
“แหม...ห่างกันไม่ได้เชียวนะพี่น้องคู่เนี้ย ;]” พี่แชลมองเราสองคนพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม
“เอ่อ...” ฉันหันไปชำเลืองคนข้างๆ เช่นเดียวกับเขาที่หันมาชำเลืองฉันเหมือนกัน ก่อนเราทั้งคู่จะรีบหันกลับไปแล้วรู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าว พะ...พี่บริงค์หน้าแดง o///o
“ก็...ก็นั่งคนเดียวมันเหงาอ่ะ ใครจะเหมือนแชลกับพี่โฮมล่ะ” พี่บริงค์ย้อนเสียงห้าว ก่อนจะหันมามองฉันแว้บหนึ่งแล้วรีบหันกลับไป ทำเป็นกระแอมไอดังๆ ฉันอมยิ้มพยายามกลั้นขำไว้
“เหรอออ? อันที่จริง...ตรงนี้ก็ว่างนะ ^^” พี่โฮมอมยิ้มพลางตบที่ว่างอีกด้านหนึ่งที่ไม่มียัยสองสีเสนอหน้านั่งอยู่ (แร็งงง~)
“ไม่เอาอ่ะ นั่งตรงนี้ดีแล้ว เดี๋ยวนิกิมจะเหงา” พี่บริงค์หันมายิ้มทะเล้นใส่ ฉันปรายตามองก่อนจะพูดเสียงเรียบ
“เรารักสันโดษ - -”
“ฮ่าๆๆๆ >O<” พี่แชลกับพี่โฮมระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นพลางเอามือกุมท้องแล้วลงไปขำกลิ้งกับพื้น เวอร์และๆ พวกพี่ = =^ ช่างเสียสละเนื้อตัวกันเหลือเกินนะ
“โห่ นิกิมอ่ะ เชอะ!” พี่บริงค์ตีหน้ามุ่ยแล้วสะบัดหน้าหนีไปเลย ฉันหลุดขำอุ๊บออกมาเบาๆ ไม่ให้เจ้าตัวได้ยิน แล้วแอบยิ้มขันๆ อยู่คนเดียวท่ามกลางศึกน้ำลายที่พวกพี่โฮมพากันซ้ำเติมพี่บริงค์ไม่หยุด
“หุบปากไปเลยไป ทั้งพี่ทั้งน้องเลย -_-^” พี่บริงค์เริ่มแยกเขี้ยวนิดๆ
“อิอิ ซุบซิบๆ” พี่โฮมกับพี่แชลทำท่าหันไปกระซิบกันอย่างเป็นความลับพลางสายตาก็มองมาที่พี่บริงค์ด้วย ทำให้เจ้าตัวที่ถูกนินทาถึงกับแยกเขี้ยวขาวเต็มที่
“นินทาอะไรกันน่ะ!? (แฮ่!!!)” สองคนนั้นไม่มีทีท่าว่าจะตกใจ (แบบรับมุก) กลับกระซิบกันแล้วหัวเราะคิกๆ ทำให้ฉันพลอยสงสัยไปด้วย ขำอะไรกันว้า -3-?
เฮ้อ ฉันมองสามคนนั้นแล้วส่ายหน้าระอายิ้มๆ เบนสายตากลับมาที่สองสาวที่เงียบหายไปจากวงสนทนาแบบไม่มีใครสนใจ สองคนนั้นเข้าไปนั่งคู่กันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่ว่าพวกหล่อนกำลังมองมาทางฉันด้วยสายตาแปลกๆ อา...ฉันเผยอปากอย่างขยาดก่อนจะแสร้งก้มลงมองไฟลุกโชนที่อยู่ใกล้ๆ
ทำไมต้องมองเราอย่างนั้นด้วยนะ ยัยสองสีนั่นตั้งแต่ที่เห็นว่ากระซิบกับยัยดูมๆ แล้ว สองคนนั้นซุบซิบเรื่องอะไรกัน? แล้วสายตาที่มองมานั้น...มันหมายความว่ายังไงนะ เฮ้อ นิกิมเอ๊ย ศัตรูเธอนี่เยอะจริงๆ ปลงซะเถอะ...อาเมนนน