24
...อีกฟากหนึ่งของป่า...
แสงแดดยามเช้าสาดเข้าตาของใครหลายคนจนต้องรีบหันหลบ ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกว่าเช้าวันใหม่มาเยือนแล้ว บริงค์หันไปมองความว่างเปล่าข้างตัวด้วยความง่วงงุน ก่อนจะเบิกตากว้างแล้วหันไปมองรอบๆ ด้วยความตกใจ
“นิกิม!” บริงค์โพล่งออกมาเสียงดังจนทุกคนพากันสะดุ้ง โฮมที่ทำท่าจะหาวเป็นอันต้องสะดุดลมหายใจตัวเอง เขารู้สึกขัดใจนิดหน่อยเลยถามออกไปอย่างรำคาญ
“โวยวายอะไรว้า~ บริงค์” โฮมหน้ามุ่ยแต่เช้าพลางเกาหัวแกรกๆ แชลที่ปิดปากหาวหวอด พยักหน้าเห็นด้วย
“นั่นสิ เอาซะพวกผมตกใจหมดเลย” แชลว่า แต่บริงค์ไม่สนใจ เขายังคงตระหนกที่ตื่นมาก็ไม่เห็นคนข้างกายแล้ว
“นิกิมล่ะ นิกิมหายไปไหน!?” เขาตาสว่างทันทีตั้งแต่ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่านิกิมหายไป สองหนุ่มโฮมกับแชลทำหน้านึกๆ ก่อนจะถอนใจออกมาพร้อมกัน
“อาจจะไปทำธุระส่วนตัวก็ได้” โฮมว่า
“นั่นสิ ไม่ต้องห่วงหรอกพี่บริงค์ เดี๋ยวเขาก็คงกลับมาเองแหละ นี่พี่ลืมไปแล้วเหรอว่าใครพาเรามาที่นี่น่ะ ฮ่าๆ เอาน่า...ถ้านิกิมพาเรามาได้ เดี๋ยวเขาก็กลับมาได้เองแหละ ^^” แชลพูดกลั้วหัวเราะ เรื่องที่นิกิมหายตัวไปไม่ได้อยู่ในสมองเขาเลย
“งั้นเหรอ...” บริงค์ยังคงคิดมาก แต่ก็โล่งใจขึ้นมานิดหนึ่งที่ได้ยินแชลกับโฮมพูดแบบนั้น ใช่...เธออาจจะไปทำธุระส่วนตัวก็ได้ แต่...ทำไมถึงไม่บอกเขาก่อนสักคำ เขาจะได้ไปเป็นเพื่อน อ๊ะ...จริงสิ นิกิมคงอายที่มีเขาตามไปด้วย เลยไม่กล้าเรียกละมั้ง?
...หึๆ ช่างเถอะ เดี๋ยวนิกิมก็คงกลับมาเองแหละ
เขาถอนใจยิ้มๆ อย่างโล่งอก
ผ่านไปเกินครึ่งชั่วโมง นิกิมก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับมา เขาร้อนใจอย่างบอกไม่ถูก ได้แต่เดินวนไปวนมาอย่างกังวล เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติขึ้นมาบ้างแล้ว อะไรกัน...นิกิมไม่ใช่คนเหลวไหลขนาดนั้นนะ ถ้าเธอไปทำธุระส่วนตัวจริง ป่านนี้ก็ต้องกลับมาแล้วสิ
“โว้ย!” ชายหนุ่มสบถเสียงดังก่อนจะก้าวเท้าออกไปจากถ้ำ
“เดี๋ยว...บริงค์!”
เขาหยุดชะงักที่ปากถ้ำ แล้วหันกลับไปมองโฮมที่ตะโกนเรียกเขาไว้
“นั่นกำลังจะไปไหนน่ะ?” โฮมมีสีหน้ากังวล
“ก็ไปตามหานิกิมไง!” ตอบเสร็จก็รีบจ้วงออกไปทันที โดยไม่ปล่อยให้ใครได้ทักท้วงอะไรได้อีก
“เฮ้ย! ถ้างั้นก็รอพี่ด้วย!” โฮมตะโกนเรียกเสียงดังก่อนจะรีบวิ่งตามออกไป ส่วนแชลที่ทำท่าจะวิ่งตามออกไปเหมือนกันกลับต้องชะงัก เมื่อนึกขึ้นได้ว่ายังมีหญิงสาวอีกสองคนที่ตนต้องดูแลอยู่ จึงจำใจกลับมานั่งที่เดิม แล้วคอยคิดเรื่องนิกิมไปอย่างกังวล
“นิกิมมมมม!!!”
“นิกิมมมม! เธออยู่ไหนน่ะ! ตอบพวกพี่ด้วยยย!!”
“นิกิมตอบด้วย!!!” ทั้งสองคนต่างตะโกนเรียกชื่อเธอไปตลอดทาง ทั้งชะเง้อซ้าย หันไปทางขวา เหลียวหลังกลับไปดู ก็ไม่มีวี่แววว่าจะเจอเธอเลย บริงค์เริ่มเครียดหนัก เพราะเขารู้แล้วว่านี่มันไม่ใช่เรื่องปกติอย่างที่เธอเคยทำ เธอหายไปไหน!?
“รึว่าจะไปรอพวกเราที่ชายหาดแล้ว?” โฮมเสนอความคิดของตน แต่บริงค์กลับส่ายหน้าอย่างรู้ใจกัน
“ไม่มีทาง ถ้านิกิมจะไปที่ชายหาด เธอก็ต้องรอพวกเราก่อนสิ”
“ไม่แน่นะเฮ้ย ถ้าเราไปหาเธอที่นั่น อาจจะเจอจริงๆ ก็ได้นะ”
บริงค์ยังคงส่ายหน้า
“งั้นพี่ก็ไปหาที่นั่นคนเดียวเถอะ เดี๋ยวผมจะตามหานิกิมในป่าเอง” ว่าแล้วก็เริ่มเดินต่อพลางตะโกนเรียกชื่อเธอเสียงดังไปด้วย โฮมถึงกับส่ายหน้าอย่างยอมแพ้ ก่อนจะเดินตามคนข้างหน้าไปแล้วตะโกนเรียกชื่อเธอเช่นกัน
“โอ๊ย” ฉันร้องเสียงหลงก่อนยกมือขึ้นจับหลังท้ายทอยด้วยสัญชาตญาณรับรู้ความรู้สึกว่ากำลังปวดคอเอามากๆ ฉันลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก มองต้นหญ้าเล็กๆ ตรงหน้าแล้วพยายามคิดทบทวนถึงเรื่องราวและเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ...ฉัน...มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?
“อื้อ!” ฉันสะบัดความมึนออกไป แล้วพยายามนึกต่อไปเรื่อยๆ จนเริ่มเห็นเค้าลางบ้างแล้ว อา...ฉันตื่นขึ้นมาตอนดึกเพราะว่ายัยสองสีเรียกฉันให้ไปทำธุระส่วนตัวเป็นเพื่อน...ฉันก็เดินตามออกไป ยืนรอยัยนั่นทำธุระเสร็จอยู่ตั้งนาน...จนมีอะไรแข็งๆ มาฟาดท้ายทอยฉันอย่างแรง ก่อนที่ฉันจะสลบไป...
ไม่สิ!
ก่อนที่ฉันจะสลบ...เหมือนจะได้ยินเสียงใครพูด...อะไรสักอย่าง? อะไรน้า~ >_< นึกสินึก นึกๆๆ >_<
‘หึ! ง่วงนัก ก็หลับมันซะที่นี่แหละ นอนรอความตายที่กำลังจะมาเยือนซะที่นี่แหละยัยตัวดี ฮ่าๆ’
อ๊ะ...เสียงนั้นเป็นของยัยสองสี ฉันจำได้! ยัยบ้าเอ๊ย กะจะฆ่าฉันหมกป่ารึไงเนี่ย โอ๊ย! จะ...เจ็บ เจ็บอ่ะ ปวดด้วย T_T ฉันครางหงิงพลางจับท้ายทอยด้วยความเจ็บปวดไม่หาย พอสร่างมึนได้บ้างแล้วฉันก็ยันตัวให้ลุกขึ้น แต่...
วูบ!
ฉันกลับล้มลงนอนอีกครั้งเพราะโลกมันหมุนไปหมด
“อื้อ! >_<” ฉันสะบัดหัวไปมาเพื่อไล่ความมึน แต่กลายเป็นว่ายิ่งสะบัดมันก็ยิ่งมึน อา...ร้าวไปทั้งหัวเลยแฮะ ฟาดคอแท้ๆ แต่กลับทำให้มึนได้ขนาดนี้ เจ๋งไปเลยยัยสองสี @_@*** ฉันพยายามอีกครั้งที่จะลุกขึ้น แต่มันก็ล้มหงายก้นจ้ำเบ้าทุกที เฮ้อ!
ฟ่อ~
“หือ?...เฮือก! O_Olll” ฉันเบิกตากว้างแทบถลนด้วยความตกใจ สัตว์เลื้อยคลานตรงหน้าที่ค่อยๆ เลื้อยเข้ามาหาฉันอย่างช้าๆ ทำให้ฉันเผลอกลั้นหายใจ ตัวแข็งเป็นหิน ตัวนี่เกร็งสุดชีวิต จะมีก็แต่ตาเท่านั้นที่กระพริบปริบๆ พอมันเลื้อยเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ฉันก็หลับตาปี๋ เม้มปากด้วยความกลัว ฮืออออ ยัยนิกิม เธอจะต้องตายกลายเป็นผีเฝ้าเกาะจริงๆ เหรอออ TOT ฮืออออ
“นิกิมมมมม!!”
“เฮือก!” ฉันหยุดหายใจอีกครั้งเมื่อเสียงนั้น...เสียงพี่บริงค์! พี่บริงค์มาช่วยฉันแล้ววววว >O<
“นิกิมมม! อยู่แถวนี้ม้ายยย ถ้าอยู่ก็ช่วยตอบด้วยยยย นิกิมมมม!!!” ใจฉันเต้นตูมๆ อยากจะตะโกนตอบกลับไปว่าฉันอยู่นี่ ฉันอยู่นี่!! >_< แต่...ฉันก็ได้แต่ตะโกนในใจ เพราะไม่รู้ว่าถ้าแหกปากออกไป ไอ้งูบ้านี่จะเข้ามาทำร้ายฉันมั้ย
ฉันเหงื่อแตกพลั่กๆ ตาก็จ้องมองไอ้งูเวง หูก็ฟังเสียงฝีเท้าเดินและเสียงพี่บริงค์พี่โฮมที่เริ่มไกลออกไป ไม่..ไม่นะ! ฉันยังไม่อยากตาย อย่าทิ้งฉันไป...ไม่! ฉันยังไม่อยากตาย!!!
“ช่วยด้วยยยยย!!! >[]<” ฉันกลั้นใจตะโกนสุดเสียง
ฟ่อ~
“อ๊ะ!” ชิบเป๋งแล้วไงนิกิม = =lll มันเข้ามาหาเธอแล้ว ไม่นะ ออกไป๊!
ฉันเหลือบตามองมันเลื้อยเฉียดมือด้วยความกลัวปนขยะแขยง ทันทีที่ได้สัมผัสกับมัน ฉันก็ขนลุกซู่ เย็นวาบไปทั้งตัว กัดฟันกรอดไม่ให้ตัวขยับแม้แต่นิดเดียว อี๊~ >_< ไอ้งูสีเทาๆ ลายแปลกๆ ตัวเล็กกว่าแขนนิดหน่อย กำลังเลื้อยเวียนเทียนอยู่รอบตัวฉัน ราวกับว่ามันอยากจะให้ฉันรู้ว่า...
‘ถ้าเอ็งขยับแม้แต่นิดเดียว ข้าจะฉึกๆ เอ็งทันที!’
ฮืออออออ T^T ไม่ไหวแล้ววว ฉี่จะราด TOT
ฟึ่บฟั่บๆ
ตึกๆๆๆ
“แฮ่กๆ นิ...เฮือก!” ฉันได้ยินเสียงคนแหวกต้นไม้ใบหญ้า แล้วก็วิ่งมาทางนี้ ก่อนจะหยุดหอบแล้วตกใจเฮือกเหมือนฉันในตอนแรก ฉันกระพริบตาปริบๆ มองไอ้งูที่ชะงักเหมือนกัน มันมองผ่านเลยตัวฉันไป ซึ่งนั่นก็น่าจะเป็นพี่บริงค์
...
ทุกอย่างเงียบกริบ แม้แต่เสียงหอบเมื่อกี้ก็พลันเงียบไปด้วย ฮือออ ทำไมเงียบอ่ะ TOT อย่าบอกนะว่าใส่เกียร์หมากันไปแล้ว?...ฮึกๆ
“นิกิม” เสียงแหบพร่าเรียกฉันอยู่ด้านหลัง อ๊ะ...ยังอยู่ ฉันจ้องมองไอ้งูอย่างหวาดระแวงก่อนจะกัดฟันตอบไปสั้นๆ
“อือ”
“อยู่นิ่งๆ นะ อย่าขยับ” เค้านิ่งมาตั้งนานแล้ววว T_T
“นิ่งไว้นะ” ยิ่งพี่แกย้ำ ฉันก็ยิ่งใจเต้น ไอ้งูนรกมันหันมามองฉันก่อนจะเลื้อยเอื่อยๆ ข้ามขาข้างซ้ายฉันแล้วเลี้ยวออกไปทางหว่างขาเหมือนจงใจแกล้งให้เสียว เล่น ไอ้...ไอ้งูเสลดเป็ด!
“เฉยๆ นะ”
เออ!!! >O<
แล้วฉันก็อยู่เฉยๆ ตามคำสั่งของพี่บริงค์ เกร็งตัวสุดฤทธิ์ ไองูนรกนั่นมันเลื้อยไปเลื้อยมารอบๆ ฉัน ไม่หยุด เหอะๆ ฉันเพิ่งรู้นี่เองว่าการเวียนเทียนของงูมันแล้วแต่ศรัทธา ไม่จำเป็นต้องสามรอบ เห่อ~ ตูจะบ้าตาย =_=
ฟึ่บ!
“หือ? O_O” อะไรบางอย่างที่ดูเหมือนผ้าสีขาวๆ ลอยละลิ่วไปโดนเจ้างูสีเทาลายแปลกนั่นอย่างจัง ทำให้มันละความสนใจจากทุกสิ่งรวมทั้งฉันแล้วมาเลื้อยรัดปล้ำผ้าสีขาวอย่างเมามันรึยังไงไม่แน่ใจ?
“มัวแต่ดูอยู่นั่นแหละ ไปเร็ว!”
“หะ...หา? อุ้ย! เบาๆ” ไม่ทันที่ฉันจะหันไปมองเจ้าของเสียงเต็มๆ เขาก็กระชากแขนฉันให้ลุกขึ้นอย่างแรงก่อนจะรีบพากันออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
“เฮือก!” ทันทีที่ฉันหยุดยืนหอบอยู่ที่ปากถ้ำ ยัยสองสีนั่นก็สะดุ้งเฮือกอย่างตกใจ หล่อนหน้าถอดสีเมื่อฉันเงยหน้าขึ้นมองหล่อนด้วยสายตาที่ไม่มีใครเดาออกได้ หึๆ
“เธอ...เธอ...” ยัยนั่นชี้มือมาทางฉัน ทำปากสั่นๆ อย่างหวาดกลัว? เหอะ! ฉันแสยะยิ้ม ก่อนจะเดินเข้าไปหาคุณเธอช้าๆ แล้วแกล้งฟาดมือลงบนไหล่เธออย่างแรง จนยัยนั่นสะดุ้งเฮือกเพราะเจ็บ
“ตกใจเหรอ...ที่เห็นฉันรอดมาได้?” ฉันแสร้งเลิกคิ้วถาม ยัยนั่นถึงกับอ้าปากค้าง ตัวสั่นระริก
“หมายความว่ายังไง? ทำไมต้องตกใจ” พี่บริงค์โพล่งขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจ ฉันชำเลืองมองเขาทางหางตาก่อนจะกลอกตากลับมาจ้องหน้ายัยสองสีเขม็ง
ถ้าเกิดฉันพูดออกไปว่ายัยนี่เป็นคนทำร้ายฉันล่ะก็...หล่อนจะต้องเดือดร้อนแน่ๆ ฉันคิดอยู่ครู่หนึ่งว่านางเอกของเรื่องอย่างฉันควรจะทำยังไงดี บอกดีมั้ยนะ? แต่ถ้าบอกไปก็อย่างที่กล่าวมาแล้ว...ยัยนี่จะต้องถูกสมาชิกในวง x’s-Q เกลียดแน่ๆ เฮ้อ...เกิดมาเป็นนางเอกช่างแสนลำบากเสียจริ๊ง
สุดท้าย...ฉันเลือกที่จะไม่ตอบ... เพราะขี้เกียจเห็นยัยสองสีถูกสามหนุ่มมองด้วยสายตารังเกียจ ฉันปล่อยมือออกจากไหล่ยัยนั่น แล้วรีบหันกลับไปยิ้มให้พี่บริงค์ที่ยังคงจ้องฉันเขม็ง เพราะกำลังรอคำตอบอยู่
“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่ถูกยัยสองสีเอาไม้ฟาดหัวแค่นั้นเองน่ะ ^^” ใช่...ฉันเลือกที่จะไม่ตอบ อ๊ะ...ก็ไม่ตอบหมดเปลือกไง บอกแค่ประเด็นหลักพอ อิอิ
“...” พี่บริงค์ไม่พูดอะไรได้แต่ขมวดคิ้ว ก่อนจะเหลือบตามองยัยสองสีนั่นด้วยสายตาเย็นชา ไม่ใช่แค่พี่บริงค์ที่มองหล่อนอย่างนั้น แต่อีกสองหนุ่มที่เหลือก็หันไปมองยัยนั่นเป็นตาเดียว ฉันกระตุกยิ้มที่มุมปากกับตัวเอง เหอะ! พอดีฉันมันไม่ได้มีสายเลือดนางเอกน้ำเน่ามากนักน่ะ เลยทำให้ฉันเป็นคนแบบนี้ยังไงล่ะ บ้าๆ บอๆ แต่ถ้าร้ายก็ขอร้ายแบบบริสุทธิ์...
ฉันกลั้นยิ้ม(ชั่ว) เอาไว้เมื่อหันไปเห็นยัยสองสีนั่นรวมไปถึงยัยตาโตด้วย สองคนนั้นถึงกับตัวสั่น โดยเฉพาะคนที่ทำร้ายฉัน...หล่อนถึงกับน้ำตาอาบแก้ม
นับตั้งแต่วันที่ฉันรักเธอ [ตอนที่ 24]
...อีกฟากหนึ่งของป่า...
แสงแดดยามเช้าสาดเข้าตาของใครหลายคนจนต้องรีบหันหลบ ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกว่าเช้าวันใหม่มาเยือนแล้ว บริงค์หันไปมองความว่างเปล่าข้างตัวด้วยความง่วงงุน ก่อนจะเบิกตากว้างแล้วหันไปมองรอบๆ ด้วยความตกใจ
“นิกิม!” บริงค์โพล่งออกมาเสียงดังจนทุกคนพากันสะดุ้ง โฮมที่ทำท่าจะหาวเป็นอันต้องสะดุดลมหายใจตัวเอง เขารู้สึกขัดใจนิดหน่อยเลยถามออกไปอย่างรำคาญ
“โวยวายอะไรว้า~ บริงค์” โฮมหน้ามุ่ยแต่เช้าพลางเกาหัวแกรกๆ แชลที่ปิดปากหาวหวอด พยักหน้าเห็นด้วย
“นั่นสิ เอาซะพวกผมตกใจหมดเลย” แชลว่า แต่บริงค์ไม่สนใจ เขายังคงตระหนกที่ตื่นมาก็ไม่เห็นคนข้างกายแล้ว
“นิกิมล่ะ นิกิมหายไปไหน!?” เขาตาสว่างทันทีตั้งแต่ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่านิกิมหายไป สองหนุ่มโฮมกับแชลทำหน้านึกๆ ก่อนจะถอนใจออกมาพร้อมกัน
“อาจจะไปทำธุระส่วนตัวก็ได้” โฮมว่า
“นั่นสิ ไม่ต้องห่วงหรอกพี่บริงค์ เดี๋ยวเขาก็คงกลับมาเองแหละ นี่พี่ลืมไปแล้วเหรอว่าใครพาเรามาที่นี่น่ะ ฮ่าๆ เอาน่า...ถ้านิกิมพาเรามาได้ เดี๋ยวเขาก็กลับมาได้เองแหละ ^^” แชลพูดกลั้วหัวเราะ เรื่องที่นิกิมหายตัวไปไม่ได้อยู่ในสมองเขาเลย
“งั้นเหรอ...” บริงค์ยังคงคิดมาก แต่ก็โล่งใจขึ้นมานิดหนึ่งที่ได้ยินแชลกับโฮมพูดแบบนั้น ใช่...เธออาจจะไปทำธุระส่วนตัวก็ได้ แต่...ทำไมถึงไม่บอกเขาก่อนสักคำ เขาจะได้ไปเป็นเพื่อน อ๊ะ...จริงสิ นิกิมคงอายที่มีเขาตามไปด้วย เลยไม่กล้าเรียกละมั้ง?
...หึๆ ช่างเถอะ เดี๋ยวนิกิมก็คงกลับมาเองแหละ
เขาถอนใจยิ้มๆ อย่างโล่งอก
ผ่านไปเกินครึ่งชั่วโมง นิกิมก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับมา เขาร้อนใจอย่างบอกไม่ถูก ได้แต่เดินวนไปวนมาอย่างกังวล เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติขึ้นมาบ้างแล้ว อะไรกัน...นิกิมไม่ใช่คนเหลวไหลขนาดนั้นนะ ถ้าเธอไปทำธุระส่วนตัวจริง ป่านนี้ก็ต้องกลับมาแล้วสิ
“โว้ย!” ชายหนุ่มสบถเสียงดังก่อนจะก้าวเท้าออกไปจากถ้ำ
“เดี๋ยว...บริงค์!”
เขาหยุดชะงักที่ปากถ้ำ แล้วหันกลับไปมองโฮมที่ตะโกนเรียกเขาไว้
“นั่นกำลังจะไปไหนน่ะ?” โฮมมีสีหน้ากังวล
“ก็ไปตามหานิกิมไง!” ตอบเสร็จก็รีบจ้วงออกไปทันที โดยไม่ปล่อยให้ใครได้ทักท้วงอะไรได้อีก
“เฮ้ย! ถ้างั้นก็รอพี่ด้วย!” โฮมตะโกนเรียกเสียงดังก่อนจะรีบวิ่งตามออกไป ส่วนแชลที่ทำท่าจะวิ่งตามออกไปเหมือนกันกลับต้องชะงัก เมื่อนึกขึ้นได้ว่ายังมีหญิงสาวอีกสองคนที่ตนต้องดูแลอยู่ จึงจำใจกลับมานั่งที่เดิม แล้วคอยคิดเรื่องนิกิมไปอย่างกังวล
“นิกิมมมมม!!!”
“นิกิมมมม! เธออยู่ไหนน่ะ! ตอบพวกพี่ด้วยยย!!”
“นิกิมตอบด้วย!!!” ทั้งสองคนต่างตะโกนเรียกชื่อเธอไปตลอดทาง ทั้งชะเง้อซ้าย หันไปทางขวา เหลียวหลังกลับไปดู ก็ไม่มีวี่แววว่าจะเจอเธอเลย บริงค์เริ่มเครียดหนัก เพราะเขารู้แล้วว่านี่มันไม่ใช่เรื่องปกติอย่างที่เธอเคยทำ เธอหายไปไหน!?
“รึว่าจะไปรอพวกเราที่ชายหาดแล้ว?” โฮมเสนอความคิดของตน แต่บริงค์กลับส่ายหน้าอย่างรู้ใจกัน
“ไม่มีทาง ถ้านิกิมจะไปที่ชายหาด เธอก็ต้องรอพวกเราก่อนสิ”
“ไม่แน่นะเฮ้ย ถ้าเราไปหาเธอที่นั่น อาจจะเจอจริงๆ ก็ได้นะ”
บริงค์ยังคงส่ายหน้า
“งั้นพี่ก็ไปหาที่นั่นคนเดียวเถอะ เดี๋ยวผมจะตามหานิกิมในป่าเอง” ว่าแล้วก็เริ่มเดินต่อพลางตะโกนเรียกชื่อเธอเสียงดังไปด้วย โฮมถึงกับส่ายหน้าอย่างยอมแพ้ ก่อนจะเดินตามคนข้างหน้าไปแล้วตะโกนเรียกชื่อเธอเช่นกัน
“โอ๊ย” ฉันร้องเสียงหลงก่อนยกมือขึ้นจับหลังท้ายทอยด้วยสัญชาตญาณรับรู้ความรู้สึกว่ากำลังปวดคอเอามากๆ ฉันลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก มองต้นหญ้าเล็กๆ ตรงหน้าแล้วพยายามคิดทบทวนถึงเรื่องราวและเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ...ฉัน...มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?
“อื้อ!” ฉันสะบัดความมึนออกไป แล้วพยายามนึกต่อไปเรื่อยๆ จนเริ่มเห็นเค้าลางบ้างแล้ว อา...ฉันตื่นขึ้นมาตอนดึกเพราะว่ายัยสองสีเรียกฉันให้ไปทำธุระส่วนตัวเป็นเพื่อน...ฉันก็เดินตามออกไป ยืนรอยัยนั่นทำธุระเสร็จอยู่ตั้งนาน...จนมีอะไรแข็งๆ มาฟาดท้ายทอยฉันอย่างแรง ก่อนที่ฉันจะสลบไป...
ไม่สิ!
ก่อนที่ฉันจะสลบ...เหมือนจะได้ยินเสียงใครพูด...อะไรสักอย่าง? อะไรน้า~ >_< นึกสินึก นึกๆๆ >_<
‘หึ! ง่วงนัก ก็หลับมันซะที่นี่แหละ นอนรอความตายที่กำลังจะมาเยือนซะที่นี่แหละยัยตัวดี ฮ่าๆ’
อ๊ะ...เสียงนั้นเป็นของยัยสองสี ฉันจำได้! ยัยบ้าเอ๊ย กะจะฆ่าฉันหมกป่ารึไงเนี่ย โอ๊ย! จะ...เจ็บ เจ็บอ่ะ ปวดด้วย T_T ฉันครางหงิงพลางจับท้ายทอยด้วยความเจ็บปวดไม่หาย พอสร่างมึนได้บ้างแล้วฉันก็ยันตัวให้ลุกขึ้น แต่...
วูบ!
ฉันกลับล้มลงนอนอีกครั้งเพราะโลกมันหมุนไปหมด
“อื้อ! >_<” ฉันสะบัดหัวไปมาเพื่อไล่ความมึน แต่กลายเป็นว่ายิ่งสะบัดมันก็ยิ่งมึน อา...ร้าวไปทั้งหัวเลยแฮะ ฟาดคอแท้ๆ แต่กลับทำให้มึนได้ขนาดนี้ เจ๋งไปเลยยัยสองสี @_@*** ฉันพยายามอีกครั้งที่จะลุกขึ้น แต่มันก็ล้มหงายก้นจ้ำเบ้าทุกที เฮ้อ!
ฟ่อ~
“หือ?...เฮือก! O_Olll” ฉันเบิกตากว้างแทบถลนด้วยความตกใจ สัตว์เลื้อยคลานตรงหน้าที่ค่อยๆ เลื้อยเข้ามาหาฉันอย่างช้าๆ ทำให้ฉันเผลอกลั้นหายใจ ตัวแข็งเป็นหิน ตัวนี่เกร็งสุดชีวิต จะมีก็แต่ตาเท่านั้นที่กระพริบปริบๆ พอมันเลื้อยเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ฉันก็หลับตาปี๋ เม้มปากด้วยความกลัว ฮืออออ ยัยนิกิม เธอจะต้องตายกลายเป็นผีเฝ้าเกาะจริงๆ เหรอออ TOT ฮืออออ
“นิกิมมมมม!!”
“เฮือก!” ฉันหยุดหายใจอีกครั้งเมื่อเสียงนั้น...เสียงพี่บริงค์! พี่บริงค์มาช่วยฉันแล้ววววว >O<
“นิกิมมม! อยู่แถวนี้ม้ายยย ถ้าอยู่ก็ช่วยตอบด้วยยยย นิกิมมมม!!!” ใจฉันเต้นตูมๆ อยากจะตะโกนตอบกลับไปว่าฉันอยู่นี่ ฉันอยู่นี่!! >_< แต่...ฉันก็ได้แต่ตะโกนในใจ เพราะไม่รู้ว่าถ้าแหกปากออกไป ไอ้งูบ้านี่จะเข้ามาทำร้ายฉันมั้ย
ฉันเหงื่อแตกพลั่กๆ ตาก็จ้องมองไอ้งูเวง หูก็ฟังเสียงฝีเท้าเดินและเสียงพี่บริงค์พี่โฮมที่เริ่มไกลออกไป ไม่..ไม่นะ! ฉันยังไม่อยากตาย อย่าทิ้งฉันไป...ไม่! ฉันยังไม่อยากตาย!!!
“ช่วยด้วยยยยย!!! >[]<” ฉันกลั้นใจตะโกนสุดเสียง
ฟ่อ~
“อ๊ะ!” ชิบเป๋งแล้วไงนิกิม = =lll มันเข้ามาหาเธอแล้ว ไม่นะ ออกไป๊!
ฉันเหลือบตามองมันเลื้อยเฉียดมือด้วยความกลัวปนขยะแขยง ทันทีที่ได้สัมผัสกับมัน ฉันก็ขนลุกซู่ เย็นวาบไปทั้งตัว กัดฟันกรอดไม่ให้ตัวขยับแม้แต่นิดเดียว อี๊~ >_< ไอ้งูสีเทาๆ ลายแปลกๆ ตัวเล็กกว่าแขนนิดหน่อย กำลังเลื้อยเวียนเทียนอยู่รอบตัวฉัน ราวกับว่ามันอยากจะให้ฉันรู้ว่า...
‘ถ้าเอ็งขยับแม้แต่นิดเดียว ข้าจะฉึกๆ เอ็งทันที!’
ฮืออออออ T^T ไม่ไหวแล้ววว ฉี่จะราด TOT
ฟึ่บฟั่บๆ
ตึกๆๆๆ
“แฮ่กๆ นิ...เฮือก!” ฉันได้ยินเสียงคนแหวกต้นไม้ใบหญ้า แล้วก็วิ่งมาทางนี้ ก่อนจะหยุดหอบแล้วตกใจเฮือกเหมือนฉันในตอนแรก ฉันกระพริบตาปริบๆ มองไอ้งูที่ชะงักเหมือนกัน มันมองผ่านเลยตัวฉันไป ซึ่งนั่นก็น่าจะเป็นพี่บริงค์
...
ทุกอย่างเงียบกริบ แม้แต่เสียงหอบเมื่อกี้ก็พลันเงียบไปด้วย ฮือออ ทำไมเงียบอ่ะ TOT อย่าบอกนะว่าใส่เกียร์หมากันไปแล้ว?...ฮึกๆ
“นิกิม” เสียงแหบพร่าเรียกฉันอยู่ด้านหลัง อ๊ะ...ยังอยู่ ฉันจ้องมองไอ้งูอย่างหวาดระแวงก่อนจะกัดฟันตอบไปสั้นๆ
“อือ”
“อยู่นิ่งๆ นะ อย่าขยับ” เค้านิ่งมาตั้งนานแล้ววว T_T
“นิ่งไว้นะ” ยิ่งพี่แกย้ำ ฉันก็ยิ่งใจเต้น ไอ้งูนรกมันหันมามองฉันก่อนจะเลื้อยเอื่อยๆ ข้ามขาข้างซ้ายฉันแล้วเลี้ยวออกไปทางหว่างขาเหมือนจงใจแกล้งให้เสียว เล่น ไอ้...ไอ้งูเสลดเป็ด!
“เฉยๆ นะ”
เออ!!! >O<
แล้วฉันก็อยู่เฉยๆ ตามคำสั่งของพี่บริงค์ เกร็งตัวสุดฤทธิ์ ไองูนรกนั่นมันเลื้อยไปเลื้อยมารอบๆ ฉัน ไม่หยุด เหอะๆ ฉันเพิ่งรู้นี่เองว่าการเวียนเทียนของงูมันแล้วแต่ศรัทธา ไม่จำเป็นต้องสามรอบ เห่อ~ ตูจะบ้าตาย =_=
ฟึ่บ!
“หือ? O_O” อะไรบางอย่างที่ดูเหมือนผ้าสีขาวๆ ลอยละลิ่วไปโดนเจ้างูสีเทาลายแปลกนั่นอย่างจัง ทำให้มันละความสนใจจากทุกสิ่งรวมทั้งฉันแล้วมาเลื้อยรัดปล้ำผ้าสีขาวอย่างเมามันรึยังไงไม่แน่ใจ?
“มัวแต่ดูอยู่นั่นแหละ ไปเร็ว!”
“หะ...หา? อุ้ย! เบาๆ” ไม่ทันที่ฉันจะหันไปมองเจ้าของเสียงเต็มๆ เขาก็กระชากแขนฉันให้ลุกขึ้นอย่างแรงก่อนจะรีบพากันออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
“เฮือก!” ทันทีที่ฉันหยุดยืนหอบอยู่ที่ปากถ้ำ ยัยสองสีนั่นก็สะดุ้งเฮือกอย่างตกใจ หล่อนหน้าถอดสีเมื่อฉันเงยหน้าขึ้นมองหล่อนด้วยสายตาที่ไม่มีใครเดาออกได้ หึๆ
“เธอ...เธอ...” ยัยนั่นชี้มือมาทางฉัน ทำปากสั่นๆ อย่างหวาดกลัว? เหอะ! ฉันแสยะยิ้ม ก่อนจะเดินเข้าไปหาคุณเธอช้าๆ แล้วแกล้งฟาดมือลงบนไหล่เธออย่างแรง จนยัยนั่นสะดุ้งเฮือกเพราะเจ็บ
“ตกใจเหรอ...ที่เห็นฉันรอดมาได้?” ฉันแสร้งเลิกคิ้วถาม ยัยนั่นถึงกับอ้าปากค้าง ตัวสั่นระริก
“หมายความว่ายังไง? ทำไมต้องตกใจ” พี่บริงค์โพล่งขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจ ฉันชำเลืองมองเขาทางหางตาก่อนจะกลอกตากลับมาจ้องหน้ายัยสองสีเขม็ง
ถ้าเกิดฉันพูดออกไปว่ายัยนี่เป็นคนทำร้ายฉันล่ะก็...หล่อนจะต้องเดือดร้อนแน่ๆ ฉันคิดอยู่ครู่หนึ่งว่านางเอกของเรื่องอย่างฉันควรจะทำยังไงดี บอกดีมั้ยนะ? แต่ถ้าบอกไปก็อย่างที่กล่าวมาแล้ว...ยัยนี่จะต้องถูกสมาชิกในวง x’s-Q เกลียดแน่ๆ เฮ้อ...เกิดมาเป็นนางเอกช่างแสนลำบากเสียจริ๊ง
สุดท้าย...ฉันเลือกที่จะไม่ตอบ... เพราะขี้เกียจเห็นยัยสองสีถูกสามหนุ่มมองด้วยสายตารังเกียจ ฉันปล่อยมือออกจากไหล่ยัยนั่น แล้วรีบหันกลับไปยิ้มให้พี่บริงค์ที่ยังคงจ้องฉันเขม็ง เพราะกำลังรอคำตอบอยู่
“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่ถูกยัยสองสีเอาไม้ฟาดหัวแค่นั้นเองน่ะ ^^” ใช่...ฉันเลือกที่จะไม่ตอบ อ๊ะ...ก็ไม่ตอบหมดเปลือกไง บอกแค่ประเด็นหลักพอ อิอิ
“...” พี่บริงค์ไม่พูดอะไรได้แต่ขมวดคิ้ว ก่อนจะเหลือบตามองยัยสองสีนั่นด้วยสายตาเย็นชา ไม่ใช่แค่พี่บริงค์ที่มองหล่อนอย่างนั้น แต่อีกสองหนุ่มที่เหลือก็หันไปมองยัยนั่นเป็นตาเดียว ฉันกระตุกยิ้มที่มุมปากกับตัวเอง เหอะ! พอดีฉันมันไม่ได้มีสายเลือดนางเอกน้ำเน่ามากนักน่ะ เลยทำให้ฉันเป็นคนแบบนี้ยังไงล่ะ บ้าๆ บอๆ แต่ถ้าร้ายก็ขอร้ายแบบบริสุทธิ์...
ฉันกลั้นยิ้ม(ชั่ว) เอาไว้เมื่อหันไปเห็นยัยสองสีนั่นรวมไปถึงยัยตาโตด้วย สองคนนั้นถึงกับตัวสั่น โดยเฉพาะคนที่ทำร้ายฉัน...หล่อนถึงกับน้ำตาอาบแก้ม