เปลี่ยนแนวมาอาหารตะวันตกกันบ้างครับ ในสไตล์อิตาเลี่ยนฟิวชั่น ตามหัวข้อเลย
พามาที่ร้านเปิดใหม่ได้สามสี่เดือนครับ รู้จักผ่าน ensogo เลยคว้าดีลมาลองชิมดูว่าจะเด็ดดวงแค่ไหน
ร้านตั้งอยู่ที่ซอยร่วมฤดี 3 ภายในโครงการมีที่จอดรถสะดวกสบายครับ ร้านภายในตบแต่งแบบสบายๆ แต่มีสไตล์ เปิดประตูเข้ามาจะเป็นโซนขายกาแฟ เบเกอรี่ก่อน เดินเข้าไปหน่อยก็เข้าโซนโต๊ะที่นั่ง พร้อมรับประทานอาหาร
ผมได้มีโอกาสมาทานที่นี่สองครั้ง จะรีวิวรวมๆ ไปทีเดียวเลยนะครับ
คอนเซปต์ร้านนี้คือ การใช้วัตถุดิบ local และ organic คือ พี่แกไม่ import ชีส แป้ง ไรเหล่านี้มาเลย ใช้ของไทยล้วนๆ ผักก็ใช้ผักจากโครงการหลวง เมล็ดกาแฟใช้ของดอยตุง ถ้าเป็น Arabica อะนะครับ ส่วนโรบัสต้ามาจากอิตาลีนู่น
ร้านอาหารเองเป็นร้านในเครือAHMS Collection กับ Manor Group ของประเทศสิงคโปร์ มีเชฟใหญ่ชื่อ James Noble ที่เคยทำงานในร้านอาหารดีกรีมิเชลลินสองดาว เป็นคนครีเอทเมนูมา
มาดูเมนูก่อน
ค่อนข้างแปลกใจว่า เมนูอาหารมีแค่สองหน้า ซึ่งผมว่ามันน้อยมากครับ ไม่มีคำบรรยายประกอบเลยว่าแต่ละเมนูทำจากอะไรยังไง แต่ถ้าถามพนักงาน เค้าอธิบายดี บริการได้ดีมากเลย ที่น่าชื่นชมอีกอย่างคือทุกเมนู include vat sv ไม่ต้องมาปวดใจเพิ่มทีหลัง
เริ่มกินครับ
เมนูที่ร้านเค้า recommend คือสองรอบที่มา พนักงานจะ recommend สองตัวนี้ ซึ่งผมว่าอร่อยดีทั้งคู่ แต่ตัวนี้ชนะอยู่
Open chicken saltimbocca: Solar dried tomato with basil grain risotto
ปกติผมไม่ชอบกินอกไก่ เพราะมันแห้งเหนียวเหลือเกิน ขี้เกียจเคี้ยว แต่อันนี้ ไก่เค้านุ่มจริงๆ รสชาติกลมกล่อม กินกับลูกเดือย ซึ่งปกติผมก็ไม่ค่อยพิศวาส แต่เค้าทำมาดีจริงๆ กลิ่นหอม มาร้านนี้ เมนูนี้ควรลองดู ได้ทั้ง texture และรสชาติที่ไม่เคยลองมาก่อน
มาสองครั้ง แม้จะจัดหน้าตาไม่เหมือนกัน แต่ก็รสชาติคงที่ครับ อร่อย
ต่อไป main course อีกตัว
Seabass puttanesca style: crushed pesto potatoes & marinated vegetables
สรุปจานนี้ รสชาติลงตัว ดีทุกส่วน แต่ไม่ทำให้แปลกใจได้เท่าการทำอกไก่ที่ไม่ชอบให้รู้สึกดีและสั่งซ้ำสองครั้งได้ ปลาทำมาดี หนังกรอบ เนื้อข้างในยังนุ่ม ไม่แห้งไป มันบดกลอมกล่อม กินคู่กับมะเขือเทศ ออกเค็มเล็กน้อย กินพร้อมกันทั้งสามองค์ประกอบ ก็จัดว่าดี!
กลับมาตามลำดับดีกว่าครับ
วันแรกที่ไปเป็น dinner เลยมีขนมปังมาให้ เหนียวมาก ไม่อร่อยเลย น้ำจิ้มออกรสเปรี้ยว รวมๆ ออกมา ไม่ชอบครับ
ต่อไปเป็น appetizer
Seared watermelon: Cured belly pork & grape balsamic
หมูกรอบ ชิ้นหนา กินคู่กับแตงโม ผัก และเยลลี่ที่อยู่ข้างๆ ซึ่งมันรส กลิ่นคือเปรี้ยวบัลซามิก ครั้งแรกที่มา สั่งเลย เพราะเห็นในรูปโฆษณานั้นสวยมากครับ ไม่ expect ว่ามันจะเข้ากัน แต่ก็ไปกันได้นะครับ texture กรอบๆ นุ่มๆ ของหมู ความกรอบของผัก ความฉ่ำของแตงโม รสชาติหวานของแตงโม ความเปรี้ยวของซอส ความเฝื่อนของผัก ไปกันได้ดีพอควร
มีที่ไม่ชอบนิดคือ หมูกรอบน่าจะกรอบกว่านี้ครับ เพื่อลดความเลี่ยนลง
แต่พอมาครั้งสอง ไม่ค่อยโอครับ ซอสที่มาข้างๆ นี่ชัดว่าหน้าตาเปลี่ยนไป รสชาติติดหวาน ไม่ใช่เปรี้ยวนำ ทำให้รสชาติโดยรวมเสียดุลไปมาก เหลือแค่รสหวานรวมๆ กับความมันของหมู อันนี้คุณแม่ก็ยืนยันว่าได้รสเหมือนกัน เซ็งไปเลยทีเดียว
Edomame dough balls: Thai pesto and crispy garlic
จานนี้ทางร้านแนะนำครับ รสชาติโดยรวมโอเค แป้งปั้นเป็นก้อน ข้างในใส่ถั่วแระญี่ปุ่น โรยกระเทียม ให้มันหอมๆ แล้วทานคู่กับซอสเพสโต้ ซึ่งก็เป็นโหระพานั่นแหละครับ กินเพลินๆ
ต่อไป Smoked Duck Hawaiian Pizza
จานโตมาก แบ่งได้สามถึงห้าคน ถาดนึงแบ่งมาแปดชิ้น พิซซ่าแป้งบางตามตำรับอิตาเลียน กรอบปานกลาง เครื่องเคราตามสมควร ชีสจัดเต็ม
รสชาติโอเค ผ่าน
ต่อไป
Prawn and Arugula linguine : Crumbled curd cheese
ชีสแกหนักมากจริงครับ กลิ่นแรงมากด้วย ผมเองไม่ถนัดชีสเท่าไหร่ ต้องกินคู่กับผัก ตัดกลิ่นที่แรงไปบ้าง
ที่ไม่ค่อยประทับใจคือกุ้ง ผมว่าที่ราคาสี่ร้อยบาทอัพ ควรได้กุ้งที่ดีกว่านี้ คือ มันมาเป็นกุ้งชิ้นเล็กๆๆ อะครับ ทำให้ดู devalue ลงไปเยอะ
ตามด้วยพาสต้าอีกจาน
No cream carbonara and leaves
จุดประสงค์คือต้องการให้กินคาร์โบนาร่าที่มัน healthy ขึ้น ไม่ทำซอสเป็นครีม แต่เลือกใช้ไข่แดงแทน ซึ่งเอาจริงๆ ต้นฉบับคาร์โบ ก็ใช้แค่ไข่แดงครับ
แต่รสชาติผมว่ายังไม่ค่อยกลมกล่อมเท่าไหร่ เคยเจอที่ใช้ไข่แดง ลักษณะเดียวกันนี้ และรสชาติลงตัวกว่านี้
อันนี้สลัดใส่ oyster ทอด ผมไม่ได้ชิมจานนี้ แต่คุณแม่ คุณน้าว่า โอเค
ปิดท้ายด้วยของหวาน นึกว่าจะไม่มีซะแล้ว คือต้องขอเมนูแยกนะครับ ไม่ถ่ายถ่ายมา ก็จะมีพวกเค้ก กับไอศกรีม เหล่านี้อยู่
สองครั้งที่ไปอิ่มจัดๆ ก็เลยจัดไอติมมา เอาแบบเบาะๆ
ไอติมก็ร้านทำเอง รสชาติหลากหลาย เช่นมะม่วง กาแฟ ขิง
ที่ชอบกันมากในโต๊ะคือกาแฟ หอม เข้มมากทีเดียว
ร้าน Italics เป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่บรรยากาศสบายๆ ไม่อึดอัด เหมาะกับการมาเป็นครอบครัว เพื่อนฝูง มาเป็นคู่ ได้ทั้งหมด ด้านการบริการนั้นดี เอาใจใส่ตลอด เวลา อธิบายอาหารได้ ส่วนรสชาตินั้น ด้วยความที่พยายามเลือกสรรวัตถุดิบที่ local และ healthy พยายามเอาวัตถุดิบนึงมาแทนอีกชนิดนึงทำให้ออกมากึ่ง traditional กึ่ง fusion บางจานลงตัวก็โอเค แต่บางจานไม่ ผมเลยรู้สึกว่ารสชาติมันยังไม่สุด ไม่ยังไม่ชัดเจนพอ บางจานทำได้ดีมาก ส่วนใหญ่ออกปานกลาง ความคงที่ในการทำ บางจานก็เปลี่ยนไปในสองครั้งที่มา ประกอบกับมี choice ให้เลือกไม่มากด้วย...อยากให้มีตัวเลือกเมนูมากกว่านี้จริงๆครับ... ร้านมี potential ที่จะไปได้อีกเยอะ ผมว่านะ...
หากใครอยากมาลอง ลองเริ่มจาก business lunch ก่อนก็ได้ครับ ราคาไม่แรง 350-450 บาทประมาณนั้น
ส่วนเรื่องเครื่องดื่มที่เค้าชูโรงกาแฟนี่ก็ยังไม่ได้มีโอกาสชิมเลย เสียดายอยู่
รสชาติอาหาร 3.5/5
บรรยากาศ 4.5/5
บริการ 4.5/5
ราคา 3.5/5
ขอบคุณที่ติดตามจนจบครับ
พบกันในรีวิวต่อๆไป
ฝากเพจรีวิวอาหารผมไว้ด้วยครับ รวมร้านอาหารที่ได้ไปลองชิมมาที่น่าสนใจ
https://www.facebook.com/food.fit.for.fat
[CR] CR: ร้าน Italics ..."Innovative Italian" by อ้วนอย่างมีคุณภาพ
พามาที่ร้านเปิดใหม่ได้สามสี่เดือนครับ รู้จักผ่าน ensogo เลยคว้าดีลมาลองชิมดูว่าจะเด็ดดวงแค่ไหน
ร้านตั้งอยู่ที่ซอยร่วมฤดี 3 ภายในโครงการมีที่จอดรถสะดวกสบายครับ ร้านภายในตบแต่งแบบสบายๆ แต่มีสไตล์ เปิดประตูเข้ามาจะเป็นโซนขายกาแฟ เบเกอรี่ก่อน เดินเข้าไปหน่อยก็เข้าโซนโต๊ะที่นั่ง พร้อมรับประทานอาหาร
ผมได้มีโอกาสมาทานที่นี่สองครั้ง จะรีวิวรวมๆ ไปทีเดียวเลยนะครับ
คอนเซปต์ร้านนี้คือ การใช้วัตถุดิบ local และ organic คือ พี่แกไม่ import ชีส แป้ง ไรเหล่านี้มาเลย ใช้ของไทยล้วนๆ ผักก็ใช้ผักจากโครงการหลวง เมล็ดกาแฟใช้ของดอยตุง ถ้าเป็น Arabica อะนะครับ ส่วนโรบัสต้ามาจากอิตาลีนู่น
ร้านอาหารเองเป็นร้านในเครือAHMS Collection กับ Manor Group ของประเทศสิงคโปร์ มีเชฟใหญ่ชื่อ James Noble ที่เคยทำงานในร้านอาหารดีกรีมิเชลลินสองดาว เป็นคนครีเอทเมนูมา
มาดูเมนูก่อน
ค่อนข้างแปลกใจว่า เมนูอาหารมีแค่สองหน้า ซึ่งผมว่ามันน้อยมากครับ ไม่มีคำบรรยายประกอบเลยว่าแต่ละเมนูทำจากอะไรยังไง แต่ถ้าถามพนักงาน เค้าอธิบายดี บริการได้ดีมากเลย ที่น่าชื่นชมอีกอย่างคือทุกเมนู include vat sv ไม่ต้องมาปวดใจเพิ่มทีหลัง
เริ่มกินครับ
เมนูที่ร้านเค้า recommend คือสองรอบที่มา พนักงานจะ recommend สองตัวนี้ ซึ่งผมว่าอร่อยดีทั้งคู่ แต่ตัวนี้ชนะอยู่
Open chicken saltimbocca: Solar dried tomato with basil grain risotto
ปกติผมไม่ชอบกินอกไก่ เพราะมันแห้งเหนียวเหลือเกิน ขี้เกียจเคี้ยว แต่อันนี้ ไก่เค้านุ่มจริงๆ รสชาติกลมกล่อม กินกับลูกเดือย ซึ่งปกติผมก็ไม่ค่อยพิศวาส แต่เค้าทำมาดีจริงๆ กลิ่นหอม มาร้านนี้ เมนูนี้ควรลองดู ได้ทั้ง texture และรสชาติที่ไม่เคยลองมาก่อน
มาสองครั้ง แม้จะจัดหน้าตาไม่เหมือนกัน แต่ก็รสชาติคงที่ครับ อร่อย
ต่อไป main course อีกตัว
Seabass puttanesca style: crushed pesto potatoes & marinated vegetables
สรุปจานนี้ รสชาติลงตัว ดีทุกส่วน แต่ไม่ทำให้แปลกใจได้เท่าการทำอกไก่ที่ไม่ชอบให้รู้สึกดีและสั่งซ้ำสองครั้งได้ ปลาทำมาดี หนังกรอบ เนื้อข้างในยังนุ่ม ไม่แห้งไป มันบดกลอมกล่อม กินคู่กับมะเขือเทศ ออกเค็มเล็กน้อย กินพร้อมกันทั้งสามองค์ประกอบ ก็จัดว่าดี!
กลับมาตามลำดับดีกว่าครับ
วันแรกที่ไปเป็น dinner เลยมีขนมปังมาให้ เหนียวมาก ไม่อร่อยเลย น้ำจิ้มออกรสเปรี้ยว รวมๆ ออกมา ไม่ชอบครับ
ต่อไปเป็น appetizer
Seared watermelon: Cured belly pork & grape balsamic
หมูกรอบ ชิ้นหนา กินคู่กับแตงโม ผัก และเยลลี่ที่อยู่ข้างๆ ซึ่งมันรส กลิ่นคือเปรี้ยวบัลซามิก ครั้งแรกที่มา สั่งเลย เพราะเห็นในรูปโฆษณานั้นสวยมากครับ ไม่ expect ว่ามันจะเข้ากัน แต่ก็ไปกันได้นะครับ texture กรอบๆ นุ่มๆ ของหมู ความกรอบของผัก ความฉ่ำของแตงโม รสชาติหวานของแตงโม ความเปรี้ยวของซอส ความเฝื่อนของผัก ไปกันได้ดีพอควร
มีที่ไม่ชอบนิดคือ หมูกรอบน่าจะกรอบกว่านี้ครับ เพื่อลดความเลี่ยนลง
แต่พอมาครั้งสอง ไม่ค่อยโอครับ ซอสที่มาข้างๆ นี่ชัดว่าหน้าตาเปลี่ยนไป รสชาติติดหวาน ไม่ใช่เปรี้ยวนำ ทำให้รสชาติโดยรวมเสียดุลไปมาก เหลือแค่รสหวานรวมๆ กับความมันของหมู อันนี้คุณแม่ก็ยืนยันว่าได้รสเหมือนกัน เซ็งไปเลยทีเดียว
Edomame dough balls: Thai pesto and crispy garlic
จานนี้ทางร้านแนะนำครับ รสชาติโดยรวมโอเค แป้งปั้นเป็นก้อน ข้างในใส่ถั่วแระญี่ปุ่น โรยกระเทียม ให้มันหอมๆ แล้วทานคู่กับซอสเพสโต้ ซึ่งก็เป็นโหระพานั่นแหละครับ กินเพลินๆ
ต่อไป Smoked Duck Hawaiian Pizza
จานโตมาก แบ่งได้สามถึงห้าคน ถาดนึงแบ่งมาแปดชิ้น พิซซ่าแป้งบางตามตำรับอิตาเลียน กรอบปานกลาง เครื่องเคราตามสมควร ชีสจัดเต็ม
รสชาติโอเค ผ่าน
ต่อไป
Prawn and Arugula linguine : Crumbled curd cheese
ชีสแกหนักมากจริงครับ กลิ่นแรงมากด้วย ผมเองไม่ถนัดชีสเท่าไหร่ ต้องกินคู่กับผัก ตัดกลิ่นที่แรงไปบ้าง
ที่ไม่ค่อยประทับใจคือกุ้ง ผมว่าที่ราคาสี่ร้อยบาทอัพ ควรได้กุ้งที่ดีกว่านี้ คือ มันมาเป็นกุ้งชิ้นเล็กๆๆ อะครับ ทำให้ดู devalue ลงไปเยอะ
ตามด้วยพาสต้าอีกจาน
No cream carbonara and leaves
จุดประสงค์คือต้องการให้กินคาร์โบนาร่าที่มัน healthy ขึ้น ไม่ทำซอสเป็นครีม แต่เลือกใช้ไข่แดงแทน ซึ่งเอาจริงๆ ต้นฉบับคาร์โบ ก็ใช้แค่ไข่แดงครับ
แต่รสชาติผมว่ายังไม่ค่อยกลมกล่อมเท่าไหร่ เคยเจอที่ใช้ไข่แดง ลักษณะเดียวกันนี้ และรสชาติลงตัวกว่านี้
อันนี้สลัดใส่ oyster ทอด ผมไม่ได้ชิมจานนี้ แต่คุณแม่ คุณน้าว่า โอเค
ปิดท้ายด้วยของหวาน นึกว่าจะไม่มีซะแล้ว คือต้องขอเมนูแยกนะครับ ไม่ถ่ายถ่ายมา ก็จะมีพวกเค้ก กับไอศกรีม เหล่านี้อยู่
สองครั้งที่ไปอิ่มจัดๆ ก็เลยจัดไอติมมา เอาแบบเบาะๆ
ไอติมก็ร้านทำเอง รสชาติหลากหลาย เช่นมะม่วง กาแฟ ขิง
ที่ชอบกันมากในโต๊ะคือกาแฟ หอม เข้มมากทีเดียว
ร้าน Italics เป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่บรรยากาศสบายๆ ไม่อึดอัด เหมาะกับการมาเป็นครอบครัว เพื่อนฝูง มาเป็นคู่ ได้ทั้งหมด ด้านการบริการนั้นดี เอาใจใส่ตลอด เวลา อธิบายอาหารได้ ส่วนรสชาตินั้น ด้วยความที่พยายามเลือกสรรวัตถุดิบที่ local และ healthy พยายามเอาวัตถุดิบนึงมาแทนอีกชนิดนึงทำให้ออกมากึ่ง traditional กึ่ง fusion บางจานลงตัวก็โอเค แต่บางจานไม่ ผมเลยรู้สึกว่ารสชาติมันยังไม่สุด ไม่ยังไม่ชัดเจนพอ บางจานทำได้ดีมาก ส่วนใหญ่ออกปานกลาง ความคงที่ในการทำ บางจานก็เปลี่ยนไปในสองครั้งที่มา ประกอบกับมี choice ให้เลือกไม่มากด้วย...อยากให้มีตัวเลือกเมนูมากกว่านี้จริงๆครับ... ร้านมี potential ที่จะไปได้อีกเยอะ ผมว่านะ...
หากใครอยากมาลอง ลองเริ่มจาก business lunch ก่อนก็ได้ครับ ราคาไม่แรง 350-450 บาทประมาณนั้น
ส่วนเรื่องเครื่องดื่มที่เค้าชูโรงกาแฟนี่ก็ยังไม่ได้มีโอกาสชิมเลย เสียดายอยู่
รสชาติอาหาร 3.5/5
บรรยากาศ 4.5/5
บริการ 4.5/5
ราคา 3.5/5
ขอบคุณที่ติดตามจนจบครับ
พบกันในรีวิวต่อๆไป
ฝากเพจรีวิวอาหารผมไว้ด้วยครับ รวมร้านอาหารที่ได้ไปลองชิมมาที่น่าสนใจ
https://www.facebook.com/food.fit.for.fat
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น