จากหมูดำคุโรบุตะ มาเป็นคนปกติ (รึป่าว) จาก น้ำหนัก 93 ลดเหลือเพียง 70


ก่อนอื่นต้องขอสวัสดีชาวพันทิปทุกท่านแล้วทุกๆคนที่กดเข้ามาอ่านนะครับ นี่เป็นกระทู้แรกของผม ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
เรามาเริ่มกันเลยนะครับ
ในตอนที่ผมอยู่ ม.3 ครับ น้ำหนักผมอยู่ที่ประมาณ 93 kg ครับ แต่ยังดีนะครับที่ผมสูง 177 cm เลยไม่ได้ดูน่าเกลียด (เหรอ) 5555 ซึ่งก็ไม่ได้คิดจะลดน้ำหนักอะไรกับชาวบ้านเค้าเลย ในชีวิตประจำวันของผมนะครับ ผมจะอยู่หน้าจอคอมซะส่วนใหญ่เลยครับ กลับมาถึงบ้านโยนกระเป๋า นั่งเล่นแต่เกมส์ จนดึกครับ ผมมักง่ายครับ กินๆนั่งๆทั้งวัน ยิ่งช่วงวันหยุดครับ ผมจะกินข้าววันละ 5 มื้อครับ ได้แก่ มื้อเช้า เที่ยง บ่าย เย็น และดึกๆครับ และช่วงต่อจากการกินข้าวคือ พวกขนม น้ำหวาน ต่างๆ เรียกได้ว่า ตู้เย็นมีอะไรค้นหมดครับ อย่าเรียกว่ากินเลยครับ เรียกว่า เขมือบดีกว่าครับ ผมก็ใช้ชีวิตแบบนี้ของผมเรื่อยๆมาครับ

ผมก็ใช้ชีวิตมาแบบนี้จนจบ ม.3 ครับ ยิ่งช่วงปิดเทอมนี่คงไม่ต้องบอกครับ ผมอ้วนชนิดที่ว่าข้างๆพุงมีรอยแตก และ ส่วนตรงล่างแขน หัวเข้า มีรอยแตกเป็นเส้นใหญ่เลยครับ แว้บแรกนึกว่าพยาธิปากขอ น่าเกลียดมาก ช่วง ม.4 ตอนนั้นผมสอบติดที่ รร. แห่งหนึ่งครับ เป็น รร. กินนอน ผมได้มีโอกาสเข้าไปเรียนที่นั่นครับ วันแรกนัดเจอกันในหอพักครับ จับฉลากเลือกห้องนั่นนี่จนเสร็จ ผมดันจับฉลากสุ่มได้ห้องคนที่ผมไม่รู้จักเลยครับ แรกๆ เดินผ่านแต่ละคน ทุกสายตาจับจ้องมาที่ผม ผมทั้งตัวใหญ่ อ้วน ดำ จนแบบมีหลายๆคนแอบกลัวผมครับ 55555
ช่วงแรกที่ได้อยู่หอพัก คือเราแบบ จะลงแดงอะครับ เกมส์ก็ไม่มีให้เล่น กับข้าวก็ต้องกินเป็นเวลาครับ 3 มื้อ คือ 3 มื้อ นอกเหนือจากนั้นจัดการเอง ด้วยความที่ผมไม่ค่อยรู้จักกับใคร วันๆผมก็กินข้าวขึ้นมาบนห้องแล้วนั่งๆนอนๆเล่นครับ ไปไหนก็ไม่กล้าไป ด้วยความติดนิสัยกินตลอดเวลา มันทำให้ผมท้องร้องมันทั้งวัน ไม่ได้เชิงว่าอดอาหารนะครับ กินข้าวสามมื้อครบแต่ในแต่ละมื้อค่อนข้างเกรงใจครับ หอพักกินข้าวแบบ 7 คนต่อโต้ะอะไรประมาณนี้ครับ ด้วยความที่อยู่บ้านซัดแต่ เนื้อ ครับ มาที่นี่จ๋อยครับ เกรงใจเค้า กลัวไม่อิ่ม กลัวหาว่าเราตะกละนั่นนี่ เลยกินแต่แบบหมูนิดๆหน่อยๆ ผักเยอะๆ ไรงี้ ให้เขาดูว่าเราเป็นคนที่ ค่อนข้างที่จะเรียบร้อย 555555
ภาพตอนเข้า ม.4 ใหม่ๆครับ

จนพวกเพื่อนๆ ครอบครัวผม แซวผมว่า หน้าเหมือนโดม เดอะสตาร์เลยนะ ไม่ได้มีเจตนาจะอ้างอิงหรือดูถูกหรือเปรียบเทียบ ประมาทอะไรทั้งสิ้นเลยนะครับ
แต่ผมโดนแซวแบบนี้ ก็ดีใจสิครับ เหมือนดารานักร้องไรงี้ 55555

จนผ่านมาเกือบๆเทอมครับ น้ำหนักผมลงแบบเร็วมากครับ จาก 93 ลงมาเหลือ 80 โดยการไม่ได้ออกกำลังกายนะครับ มันเป็นเพราะเรามีวินัยกับตัวเอง ไม่กินจุกจิก จากที่นั่งแต่หน้าคอม ก็ออกไปเดินเล่นนั่นนี่ จากกางเกง นร. เอว 38 ที่ใส่ก็หลวมมากเลยครับ เข็มขัดนี่ต้องรั้งไว้ให้อยู่ครับ จากใส่กางเกงยีนส์ ขากระบอกใหญ่ๆ เริ่มหันมาสนใจใส่ขาเดฟ เสื้อเชิ้ต เริ่มแต่งตัวละครับ

น้ำหนักเราลงแบบเยอะมาก ภายใน ม.4เทอมเดียว แล้วแบบ เพื่อนชม คนรอบข้างทัก ผมดีใจสิครับ ตั้งแต่นั้นมา เรียกได้ว่า หลงไหลกับการลดน้ำหนักมากครับ ยิ่งมีคนมาชม หลังจากนั้นก็ตั้งใจเปลี่ยนตัวเองครับตั้งแต่ ม.4เทอมสอง หาวิธีลดความอ้วนนั่นนี่ เลยตั้งกฏกับตัวเองไว้ว่า จะไม่กินจุกจิก กินมื้อไหนให้มันอิ่มมื้อนั้นไปเลย กินข้าวให้ตรงเวลา ตื่นเช้ามา ดื่มน้ำเปล่าสะอาดเยอะๆครับ กินจนเวลาเดินอะครับ น้ำในท้องมีเสียงเหมือนน้ำอยู่ในถุงพลาสติกอะครับ ตอนนั้นไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับการลดน้ำหนักครับ คิดว่านี่ดี นั่นดีก็ทำครับ จนน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 75 Kg ครับ ดีใจสุดๆ

จนผ่านมา ม.5 ครับ จากน้ำหนัก 75 Kg พุ่งลงไป 70 Kg กลับเข้าหอนี่มีแต่คนทักว่าผอมลงมาก ติดยาป่าวเนี่ย 55555  ก็เขินสิครับ ดีใจมีคนทักว่าผอม


ก็นั่นแหล่ะครับ จุดเปลี่ยนในชีวิตผม แต่อยากจะบอกว่าการไม่ออกกำลังกาย มันลดก็จริงแต่สิ่งที่ตามมาคือ ร่างกายแบบ ย่นย้อย มีแต่เนื้อเหลวๆ ไม่มีกล้ามเนื้อ จนผ่านพ้นมา ม.6 ช่วงสอบเข้ามหาลัย ก็ค่อนข้างใช้ชีวิตที่แบบ กินๆนั่งๆนอนๆ จน นน. ขึ้นมาอีก 3 Kg กลายเป็น 73 Kg

ภาพตอนจบ ม.6 ครับ เรียกได้ว่าค่อนข้างบวมขึ้นมาเลยทีเดียว

พอช่วงปิดเทอมระหว่างรอเข้ามหาลัย ผมก็แบบ จะเอา อิ3 Kg นี่ทิ้งยังไง แล้วก็ดูพวกใน youtube รายการต่างๆ พอดีช่วงนั้นมันมีแบบพวกอาหาร คลีนฟู๊ด ลีนฟู๊ดครับ ผมเลยบอกกับตัวเองว่า ม่ะจะลองดู ผมถือคำสอนที่ว่า "การกินที่แย่ๆ ไม่สามารถทดแทนด้วยการออกกำลังกายได้หรอก" ก็ควบคู่กับการออกกำลังกาย ภายในสองเดือนที่ทำ กินแต่อกไก่ ออกกำลังกาย งดขนมที่พลังงานสูง กินอะไรก็ดูแต่แคลอรี่ จน 3 Kg ได้หายไปครับ และนี่คือ ภาพปัจจุบัน และปัจจุบันนี้นำหนักเหลือเพียง 70 Kg ครับ

อันสุดท้ายแถมครับ เป็นภาพขึ้นที่ทำเล่นๆ
เมื่อเวลาคุณเข้าร้านตัดผม....


ผมก็ขอเป็นตัวแทนนึงนะครับ ที่เป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่กำลังลดน้ำหนัก ค่อยเป็นค่อยไป ใจเย็นๆครับ อย่าเพิ่งไปท้อกับมันครับ แรกๆอาจจะท้อหน่อยนะครับ แต่ก็พยายามลุกขึ้นสู้นะ มันไม่มีอะไรที่ยากสำหรับเราหรอกครับ ขอให้ทุกคนรักษาสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจด้วยนะครับ สู้ๆครับ ^^
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่