คุณอภิสิทธิ์ ครับ
คุณบอกว่า พร้อมลาออกจากหัวหน้าพรรคทันที หากแพ้การเลือกตั้งครั้งหน้า
ถามจริง ๆ เหอะครับ คุณไม่รู้สึกสำนึกอายอะไรเลยสักนิดเลยเหรอครับ
เพราะความจริงแล้ว คุณเป็นบุคคลที่ "
ต้องห้ามมิให้มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง" ครับ
เพราะคุณโดน "
ปลดออก" จากราชการ เพราะกระทำการ
ทุจริตประพฤติมิชอบในวงราชการ
เป็นบุคคลไม่มีสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 50 และตามร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่กำลังร่างอยู่ตอนนี้
ตามรัฐธรรมนูญ 50 มาตรา 102 บัญญัติไว้ว่า
บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
(๖) เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ เพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่ากระทำการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ
และกระทรวงกลาโหมก็ได้สั่งปลดคุณออกจากราชการฐานทุจริตประพฤติมิชอบในวงราชการไปแล้วตั้งแต่ปี 55
อันเข้าข่ายผู้ไม่มีสิทธิ์ลงเลือกตั้ง ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส. ทันที
เมื่อปี 56 คุณรอดมาได้เพราะ กกต. ก็อุ้ม ศาลรัฐธรรมนูญก็อุ้ม ไม่ยอมวินิจฉัยคุณสมบัติความเป็น ส.ส. ของคุณว่าสิ้นสุดลงหรือไม่
ที่ไม่ยอมวินิจฉัย ก็คงเพราะมีเหตุผลเดียว
คือ ถ้าวินิจฉัยแล้ว หมดสภาพการเป็น ส.ส. ตามกฎหมาย เพราะไม่มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 50 มาตรา 102(6)
จึงต้องอุ้มกันไว้
ปี 56 คุณเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยื่นคำร้องต่อ กกต. ให้วินิจฉัย กกต. ทำเฉย ไม่ทำอะไรสักที
ปี 56 ส.ส.เพื่อไทย เข้าชื่อ ทำเรื่องร้องต่อศาล รธน. ศาล รธน. ก็ไม่ยอมวินิจฉัย
อ้างว่าคดีอยู่ในระหว่างการร้องค้านต่อศาล ทั้งที่ไม่เกี่ยวกันเลย ที่เกี่ยวคือคำสั่งของกลาโหมเท่านั้น
แล้วพอยุบสภาฯเมื่อ ธ.ค. 56 ศาล รธน. ก็ฉวยโอกาสจำหน่ายเรื่องออกจากสารบบทันที
ด้วยข้ออ้าง ยุบสภาฯแล้ว ไม่ได้เป็น ส.ส. แล้ว ไม่มีเหตุต้องวินิจฉัย
จนรัฐธรรมนูญ 50 สิ้นสุดไป
รอดมาได้ครั้งหนึ่ง หวังจะรอดอีกครั้งแบบไม่อายโลกเชียวเหรอครับ
แต่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก็ร่างไว้ในมาตรา 111 (6) ว่า
มาตรา 111
บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
(๖) เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ เพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่ากระทำการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ
เหมือนกันเด๊ะ กับรัฐธรรมนูญปี 50
แล้วคุณจะเอาสิทธิ์ จะมีคุณสมบัติอะไรในการลงเลือกตั้งอีกครั้งครับ
คุณอภิสิทธิ์ครับ แม้เรื่องคุณโดนปลดออกจากราชการของคุณจะค้างคาอยู่ในศาล
เพราะคุณร้องต่อศาลว่า คำสั่งปลดออกมิชอบด้วยกฎหมาย
แต่คำสั่งปลดออก มีผลทางกฎหมายแล้วครับ ขาดคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส. แล้ว
ตอนนี้คุณไม่มีสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้งครับ จนกว่าคุณจะชนะคดี ว่าคำสั่งปลดออกนั้นเป็นโมฆะ
และถ้าหากคุณแพ้คดี ก็จบสนิท
อย่าลงเลือกตั้งอีกเลยครับ ลาออกจากหัวหน้าพรรคเหอะ อย่าทำให้พรรคตกต่ำไปกว่านี้เลย
อย่าคิดว่ามีเส้น ถึงขาดคุณสมบัติ เส้นก็จะอุ้มว่ามีคุณสมบัติ
อย่าทำเลยครับ
นี่กระมัง คุณถึงรีบออกมาพูดว่าหากแพ้แลือกตั้งครั้งหน้า จะลาออกจากหัวหน้าพรรค
เป็นการพูดแบบ "
ขอโอกาส"
ทั้งขอโอกาสจากหัวหน้าพรรคตัวจริงว่าอย่าเพิ่งเตะคุณลงจากหัวหน้าพรรคนะ ขอเลือกตั้งอีกครั้งก่อน
ทั้งขอโอกาสจาก "
เส้น" ที่เคยอุ้มคุณมาตลอดอย่างอบอุ่น ว่าให้สั่งศาล รธน. และ กกต. อย่าเพิ่งวินิจฉัยคุณสมบัติของคุณ
ดูแล้ว มันไม่มีทางรอดหรอกครับ
คุณควรแสดงความรับผิดชอบได้แล้ว อย่าทำมึนอยู่เลยครับ มันน่าอาย
หนีทหาร เข้ารับราชการโดยมิชอบ ใช้เอกสารเท็จขึ้นทะเบียนกองประจำการติดยศร้อยตรี
สามกระทงนี้ มีหลักฐานชัดมัดตัวจนดิ้นไม่หลุด
แล้วจะด้านดื้อไปทำไม ไหนว่าสำนึกรับผิดชอบทางการเมือง ต้องอยู่เหนือความรับผิดชอบทางกฎหมาย
พูดซะเท่ แต่ไม่เคยทำ !!!
ยิ่งมีคนอุ้มคุณเท่าไร คนที่อุ้มคุณก็เสียหายไปด้วยเท่านั้น
ศาล และองค์กรอิสระ ขาดความศรัทธา ไม่มีความน่าเชื่อถือ เพราะคุณมามากเกินพอแล้วครับ
ไอ้คนอุ้มก็ช่างกระไร ไม่คิดถึงเกียรติยศศักดิ์ศรีของตัวเองขององค์กรตัวเองสักนิด
หรือเพราะมัน ล. และ ช. พอ ๆ กัน
มันถึงอุ้มกันได้อุ้มกันดี
อยากสิฮาก
ถามจริง ๆ เถอะครับคุณอภิสิทธิ์ คุณยังจะกล้าลงเลือกตั้งครั้งหน้าอยู่อีกเหรอครับ ไม่รู้สึกสำนึกอายสักนิดเลยเหรอครับ
คุณบอกว่า พร้อมลาออกจากหัวหน้าพรรคทันที หากแพ้การเลือกตั้งครั้งหน้า
ถามจริง ๆ เหอะครับ คุณไม่รู้สึกสำนึกอายอะไรเลยสักนิดเลยเหรอครับ
เพราะความจริงแล้ว คุณเป็นบุคคลที่ "ต้องห้ามมิให้มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง" ครับ
เพราะคุณโดน "ปลดออก" จากราชการ เพราะกระทำการทุจริตประพฤติมิชอบในวงราชการ
เป็นบุคคลไม่มีสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 50 และตามร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่กำลังร่างอยู่ตอนนี้
ตามรัฐธรรมนูญ 50 มาตรา 102 บัญญัติไว้ว่า
บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
(๖) เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ เพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่ากระทำการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ
และกระทรวงกลาโหมก็ได้สั่งปลดคุณออกจากราชการฐานทุจริตประพฤติมิชอบในวงราชการไปแล้วตั้งแต่ปี 55
อันเข้าข่ายผู้ไม่มีสิทธิ์ลงเลือกตั้ง ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส. ทันที
เมื่อปี 56 คุณรอดมาได้เพราะ กกต. ก็อุ้ม ศาลรัฐธรรมนูญก็อุ้ม ไม่ยอมวินิจฉัยคุณสมบัติความเป็น ส.ส. ของคุณว่าสิ้นสุดลงหรือไม่
ที่ไม่ยอมวินิจฉัย ก็คงเพราะมีเหตุผลเดียว
คือ ถ้าวินิจฉัยแล้ว หมดสภาพการเป็น ส.ส. ตามกฎหมาย เพราะไม่มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 50 มาตรา 102(6)
จึงต้องอุ้มกันไว้
ปี 56 คุณเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยื่นคำร้องต่อ กกต. ให้วินิจฉัย กกต. ทำเฉย ไม่ทำอะไรสักที
ปี 56 ส.ส.เพื่อไทย เข้าชื่อ ทำเรื่องร้องต่อศาล รธน. ศาล รธน. ก็ไม่ยอมวินิจฉัย
อ้างว่าคดีอยู่ในระหว่างการร้องค้านต่อศาล ทั้งที่ไม่เกี่ยวกันเลย ที่เกี่ยวคือคำสั่งของกลาโหมเท่านั้น
แล้วพอยุบสภาฯเมื่อ ธ.ค. 56 ศาล รธน. ก็ฉวยโอกาสจำหน่ายเรื่องออกจากสารบบทันที
ด้วยข้ออ้าง ยุบสภาฯแล้ว ไม่ได้เป็น ส.ส. แล้ว ไม่มีเหตุต้องวินิจฉัย
จนรัฐธรรมนูญ 50 สิ้นสุดไป
รอดมาได้ครั้งหนึ่ง หวังจะรอดอีกครั้งแบบไม่อายโลกเชียวเหรอครับ
แต่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก็ร่างไว้ในมาตรา 111 (6) ว่า
มาตรา 111 บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
(๖) เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ เพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่ากระทำการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ
เหมือนกันเด๊ะ กับรัฐธรรมนูญปี 50
แล้วคุณจะเอาสิทธิ์ จะมีคุณสมบัติอะไรในการลงเลือกตั้งอีกครั้งครับ
คุณอภิสิทธิ์ครับ แม้เรื่องคุณโดนปลดออกจากราชการของคุณจะค้างคาอยู่ในศาล
เพราะคุณร้องต่อศาลว่า คำสั่งปลดออกมิชอบด้วยกฎหมาย
แต่คำสั่งปลดออก มีผลทางกฎหมายแล้วครับ ขาดคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส. แล้ว
ตอนนี้คุณไม่มีสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้งครับ จนกว่าคุณจะชนะคดี ว่าคำสั่งปลดออกนั้นเป็นโมฆะ
และถ้าหากคุณแพ้คดี ก็จบสนิท
อย่าลงเลือกตั้งอีกเลยครับ ลาออกจากหัวหน้าพรรคเหอะ อย่าทำให้พรรคตกต่ำไปกว่านี้เลย
อย่าคิดว่ามีเส้น ถึงขาดคุณสมบัติ เส้นก็จะอุ้มว่ามีคุณสมบัติ
อย่าทำเลยครับ
นี่กระมัง คุณถึงรีบออกมาพูดว่าหากแพ้แลือกตั้งครั้งหน้า จะลาออกจากหัวหน้าพรรค
เป็นการพูดแบบ "ขอโอกาส"
ทั้งขอโอกาสจากหัวหน้าพรรคตัวจริงว่าอย่าเพิ่งเตะคุณลงจากหัวหน้าพรรคนะ ขอเลือกตั้งอีกครั้งก่อน
ทั้งขอโอกาสจาก "เส้น" ที่เคยอุ้มคุณมาตลอดอย่างอบอุ่น ว่าให้สั่งศาล รธน. และ กกต. อย่าเพิ่งวินิจฉัยคุณสมบัติของคุณ
ดูแล้ว มันไม่มีทางรอดหรอกครับ
คุณควรแสดงความรับผิดชอบได้แล้ว อย่าทำมึนอยู่เลยครับ มันน่าอาย
หนีทหาร เข้ารับราชการโดยมิชอบ ใช้เอกสารเท็จขึ้นทะเบียนกองประจำการติดยศร้อยตรี
สามกระทงนี้ มีหลักฐานชัดมัดตัวจนดิ้นไม่หลุด
แล้วจะด้านดื้อไปทำไม ไหนว่าสำนึกรับผิดชอบทางการเมือง ต้องอยู่เหนือความรับผิดชอบทางกฎหมาย
พูดซะเท่ แต่ไม่เคยทำ !!!
ยิ่งมีคนอุ้มคุณเท่าไร คนที่อุ้มคุณก็เสียหายไปด้วยเท่านั้น
ศาล และองค์กรอิสระ ขาดความศรัทธา ไม่มีความน่าเชื่อถือ เพราะคุณมามากเกินพอแล้วครับ
ไอ้คนอุ้มก็ช่างกระไร ไม่คิดถึงเกียรติยศศักดิ์ศรีของตัวเองขององค์กรตัวเองสักนิด
หรือเพราะมัน ล. และ ช. พอ ๆ กัน
มันถึงอุ้มกันได้อุ้มกันดี
อยากสิฮาก