ก่อนสงกรานต์มีโอกาสไปแวะลำพูน ได้ของฝากเป็นปลาร้า (คนเหนือเรียกฮ้า) กลิ่นรสเป็นแบบดั้งเดิมซึ่งคุ้นเคย
มาตั้งแต่เด็ก
การทำปลาร้าแต่ละที่อาจแตกต่างกันไปบ้าง ที่ได้รับฝากมานี้เป็นปลาเล็กปลาน้อยจากน้ำปิง โปรดสังเกตว่าเป็น
ปลาร้าที่หมักแบบน้ำเจิ่งนอง น้ำที่เห็นมีทีเด็ดไม่น้อยรับรองว่าไม่มีทิ้งแม้แต่หยดเดียวก็แล้วกัน
ปลาร้าแบบนี้นึกถึงแม่หรือยายเคยตำน้ำพริกให้กินสมัยเป็นเด็ก ยังนึกภาพและรสชาติออกอยู่ถึงจะล่วงเลยมาหลายสิบปี
ยิ่งได้เข้าคู่กับจิ้นปิ๊ง มันใช่เลย
วิธีตำน้ำพริกฮ้า ไม่อยากครับว่าไปก็คล้าย ๆ กับตำน้ำพริกหนุ่มแต่มันจะต่อยอดไปอีกนิดหนึ่งคือใส่ปลาร้าหมกไฟ
เท่านั้นเอง
เตรียมปลาร้าเลยครับ เอามาบดให้ละเอียด
พริกหนุ่ม หอมแดง กระเทียม ปลาร้าห่อใบตอง พอดีมีมะเขือเทศในตู้เย็น 1 ผล ก็เลยหยิบใส่ไปด้วย (ไม่ใส่ก็ได้)
จริง ๆ ต้องเอาทั้งหมดไปเผาบนถ่านไฟอ่อนให้สุก มันจะหอมมาก แต่สล่าปู่ขออนุญาตอย่างง่ายคือหม้อบลมร้อน
ยี่สิบนาทีผ่านไป
ปอกเปลือกเหลือเฉพาะเนื้อที่ต้องการ ครบชุดที่จะตำน้ำพริกฮ้าเป็นอย่างนี้ครับ
จัดหอมแดงกับกระเทียมลงก่อน โขลกบดให้ละเอียด แล้วถึงตามด้วยพริก
ขั้นตอนพริกแค่บด ๆ ให้แหลกเหลือเป็นเส้นไปใยจะทำให้หน้าตาน้ำพริกสวยดูดีน่ากิน เสร็จแล้วก็ตามด้วย
มะเขือเทศ ปลาร้า คลึงเคล้าให้เข้ากัน ปลาร้าเค็มในตัวอยู่แล้วแทบไม่ต้องเติมเกลือป่นเลย
ดูเผิน ๆ คล้ายน้ำพริกหนุ่ม แต่น้ำพริกหนุ่มเขาจะไปจบตรงที่พริกครั้งสุดท้าย แล้วก็เติมเกลือป่นปรุงเค็ม
แค่นั้น
นี่เลยครับถ้าใครกินปลาร้าเป็นและคิดว่ากลิ่นปลาร้าหอม ไม่ผิดหวังแน่นอน
วันนี้สล่าปู่ไม่ได้จัดผักต้ม ผักนึ่ง กินกับน้ำพริก เพราะกะว่ามีของถูกคู่ของจริงที่ไม่ต้องกินผักก็ได้ มันคือจิ้นปิ้งโบราณ
ซี่โครงหมูหมักน้ำปลา ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง (โบราณจริง ๆ จะหมักกับเกลือ แต่น้ำปลาช่วยให้หอมอร่อยกว่าเกลือป่นครับ)
ชื่อจิ๊นปิ้ง แต่เอาไปใส่ในหม้ออบลมร้อน
25 นาทีผ่านไป หน้าตาใช้ได้แต่ความหอมจะด้อยกว่าการปิ้งบนเตาถ่านไม่น้อยทีเดียว
ของเข้าคู่ ยิ่งถ้าได้ข้าวนึ่งอุ่น ๆ รับรองว่ากินไม่มียั้งแน่นพุงแน่นอนเลยครับ
ขอบคุณที่ติดตามมาจนถึงบรรทัดนี้ ถ้าเห็นว่าน่ากินก็ขอเชิญชวนลองทำดูนะครับ
สวัสดีครับ
"น้ำพริกฮ้า(ปลาร้า)"แบบเมืองเหนือ คู่กับจิ๊นปิ้งของถูกคู่
มาตั้งแต่เด็ก
การทำปลาร้าแต่ละที่อาจแตกต่างกันไปบ้าง ที่ได้รับฝากมานี้เป็นปลาเล็กปลาน้อยจากน้ำปิง โปรดสังเกตว่าเป็น
ปลาร้าที่หมักแบบน้ำเจิ่งนอง น้ำที่เห็นมีทีเด็ดไม่น้อยรับรองว่าไม่มีทิ้งแม้แต่หยดเดียวก็แล้วกัน
ปลาร้าแบบนี้นึกถึงแม่หรือยายเคยตำน้ำพริกให้กินสมัยเป็นเด็ก ยังนึกภาพและรสชาติออกอยู่ถึงจะล่วงเลยมาหลายสิบปี
ยิ่งได้เข้าคู่กับจิ้นปิ๊ง มันใช่เลย
วิธีตำน้ำพริกฮ้า ไม่อยากครับว่าไปก็คล้าย ๆ กับตำน้ำพริกหนุ่มแต่มันจะต่อยอดไปอีกนิดหนึ่งคือใส่ปลาร้าหมกไฟ
เท่านั้นเอง
เตรียมปลาร้าเลยครับ เอามาบดให้ละเอียด
พริกหนุ่ม หอมแดง กระเทียม ปลาร้าห่อใบตอง พอดีมีมะเขือเทศในตู้เย็น 1 ผล ก็เลยหยิบใส่ไปด้วย (ไม่ใส่ก็ได้)
จริง ๆ ต้องเอาทั้งหมดไปเผาบนถ่านไฟอ่อนให้สุก มันจะหอมมาก แต่สล่าปู่ขออนุญาตอย่างง่ายคือหม้อบลมร้อน
ยี่สิบนาทีผ่านไป
ปอกเปลือกเหลือเฉพาะเนื้อที่ต้องการ ครบชุดที่จะตำน้ำพริกฮ้าเป็นอย่างนี้ครับ
จัดหอมแดงกับกระเทียมลงก่อน โขลกบดให้ละเอียด แล้วถึงตามด้วยพริก
ขั้นตอนพริกแค่บด ๆ ให้แหลกเหลือเป็นเส้นไปใยจะทำให้หน้าตาน้ำพริกสวยดูดีน่ากิน เสร็จแล้วก็ตามด้วย
มะเขือเทศ ปลาร้า คลึงเคล้าให้เข้ากัน ปลาร้าเค็มในตัวอยู่แล้วแทบไม่ต้องเติมเกลือป่นเลย
ดูเผิน ๆ คล้ายน้ำพริกหนุ่ม แต่น้ำพริกหนุ่มเขาจะไปจบตรงที่พริกครั้งสุดท้าย แล้วก็เติมเกลือป่นปรุงเค็ม
แค่นั้น
นี่เลยครับถ้าใครกินปลาร้าเป็นและคิดว่ากลิ่นปลาร้าหอม ไม่ผิดหวังแน่นอน
วันนี้สล่าปู่ไม่ได้จัดผักต้ม ผักนึ่ง กินกับน้ำพริก เพราะกะว่ามีของถูกคู่ของจริงที่ไม่ต้องกินผักก็ได้ มันคือจิ้นปิ้งโบราณ
ซี่โครงหมูหมักน้ำปลา ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง (โบราณจริง ๆ จะหมักกับเกลือ แต่น้ำปลาช่วยให้หอมอร่อยกว่าเกลือป่นครับ)
ชื่อจิ๊นปิ้ง แต่เอาไปใส่ในหม้ออบลมร้อน
25 นาทีผ่านไป หน้าตาใช้ได้แต่ความหอมจะด้อยกว่าการปิ้งบนเตาถ่านไม่น้อยทีเดียว
ของเข้าคู่ ยิ่งถ้าได้ข้าวนึ่งอุ่น ๆ รับรองว่ากินไม่มียั้งแน่นพุงแน่นอนเลยครับ
ขอบคุณที่ติดตามมาจนถึงบรรทัดนี้ ถ้าเห็นว่าน่ากินก็ขอเชิญชวนลองทำดูนะครับ
สวัสดีครับ