7
ตกกลางคืนของอีกวัน(โคตรเร็ว -0-)
ซู่!!!
ฉันรีบขึ้นห้องมาปิดหน้าต่างทันทีที่ฝนตก ท้องฟ้าสีแดงก่ำบ่งบอกถึงฝนที่ตกกระหน่ำอย่างแรง สายฟ้าฟาดสว่างวาบไปทั่วท้องฟ้า ฉันปล่อยมือจากหน้าต่างและเปลี่ยนมาปิดหูตัวเองทันที
เปรี้ยงงงง!
แต่ก็อดสะดุ้งโหยงไม่ได้ ฉันรู้สึกได้เลยว่าบ้านมันสะเทือน พอเสียงฟ้าผ่าหมดไปแล้วฉันจึงรีบเอื้อมมือดึงหน้าต่างมาปิดอย่างรวดเร็ว ไม่วายแสงของสายฟ้าแลบยังลอดเข้ามาอีกจนได้ก่อนบานหน้าต่างจะปิดสนิทลง
“เฮ้อ ทำไมวันนี้ตกหนักแท้ฟะ” ฉันพูดกับตัวเองอย่างระอา ไม่ใช่ว่าฉันจะเกลียดฝนซะทีเดียวหรอก แต่ไม่ชอบเวลามันมีของแถมตามมาด้วยน่ะสิ และก็ระแวงด้วยว่าอาจจะทำให้น้ำท่วม ถ้าตกพอดีๆ มีลมพัดนิดหน่อยฉันก็ชอบ เพราะมันโรแมนติกดี ^^
เปรี้ยงงงง!
“เย้ย! O[]O”
แต่ถ้ามีไอนี่ด้วยฉันไม่ชอบเลย ฮือออ T^T
ลงมาข้างล่างก็พบว่าหน้าต่างถูกปิดไปหมดแล้ว พ่อคงทำคนเดียวเสร็จเรียบร้อยแล้วล่ะ ส่วนแม่ก็คงรีบไปเก็บผ้าที่ตากไว้หลังบ้าน
“ไปช่วยแม่เก็บผ้าหน่อยลูก เก็บคนเดียวคงไม่ไหวหรอก” พ่อชะเง้อหน้ามาบอกฉันที่หน้าบ้านก่อนจะหายตัวออกไป ฉันรีบวิ่งไปที่หลังบ้านทันที เห็นแม่ขนผ้าเข้ามาแล้วฉันก็เข้าไปช่วย แต่แม่ปฏิเสธ
“นิกิมไปเอาที่เหลือมาดีกว่า เดี๋ยวหมดนี่แม่เอาไปเก็บเอง” ฉันรับคำก่อนจะรีบออกไปเก็บเสื้อผ้าที่แขวนเหลือไว้ไม่มากนัก
ฉันรีบดึงเสื้อผ้าที่อยู่สูงกว่าตัวมาพาดอีกแขนไว้อย่างรีบๆ ยิ่งช้าเสื้อผ้าก็ยิ่งเปียกฝน โอ๊ยยย!! ตกเบาๆ หน่อยได้ม้ายยยยย! >[]<
ฉันมุดหัวเข้าบ้านมาอย่างโล่งอก เดินเร็วตามแม่ไปติดๆ แม่ที่นั่งคัดเลือกเสื้อผ้าอยู่ในห้องนอนตัวเองเงยหน้าขึ้นมา
“อ่ะ นี่เสื้อผ้าของเรา เอาขึ้นไปเก็บเข้าตู้ได้เลยมันไม่เปียก ส่วนนั่นของแม่กับพ่อหมดเลยใช่มั้ย? เอามานี่ มันเปียกฝน ต้องตากพัดลมก่อน” ฉันรับเสื้อผ้ามาเกือบสิบตัวแล้วขึ้นห้องเอามันไปเก็บตามคำสั่งของแม่ แต่ไม่ทันที่จะปิดประตู เสียงแม่ก็ตะโกนดังลั่นขึ้นมาว่า
“นอนได้เลยนะนิกิม ฝนตกหนักอย่างนี้แม่ไม่ให้ดูโทรทัศน์แล้วนะ เดี๋ยวฟ้าผ่าเอา”
ฉันห่อปาก
“โห่ เซ็งเลย” ก่อนจะดันประตูห้องให้ปิดลง
ฉันเรียงเสื้อและกระโปรงให้แขวนบนราวในตู้ พับเก็บกางเกงใส่ในลิ้นชัก เสร็จแล้วก็ลุกขึ้นยืน มองไปรอบห้องอย่างทำอะไรไม่ถูก สุดท้ายก็เลือกที่จะเดินไปเปิดหน้าต่างออกบานหนึ่ง ทิศนี้ฝนไม่สาด...ฉันจึงดันมันออกไปแล้วเกี่ยวตะขอไว้ ฝนตกไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยแฮะ น่าเบื่อจัง...
ฉันผละตัวเองออกจากหน้าต่าง แหงนหน้ามองนาฬิกาที่ติดบนฝาผนัง มันบ่งบอกเวลาว่าแค่สามทุ่มกว่าเอง ทำอะไรแก้เซ็งดีเนี่ย?
“เฮ้อ” ฉันเดินเท้าเอื่อยแล้วมาทิ้งตัวนอนแผ่กับเตียงจนยวบ หันตะแคงตัวพลิกหน้าไปฝั่งที่ควรจะมีเขานอนอยู่ในฝัน หากพื้นที่นี้มันว่างเปล่าในโลกของฉัน ฉันยกมือขึ้นลูบหมอนตรงหน้า ลูบผ้าปูเตียงสีพื้นที่คลุมฟูกหนาไว้อย่างมิดชิด
“ถ้าเกิดฉันไปหาพี่บริงค์ตอนนี้...เขาจะตกใจมั้ยนะ? อิอิ” ฉันคิดเล่นๆ แต่ก็เริ่มหาวแล้วเหมือนกัน อืม...สงสัยอากาศมันน่านอนล่ะมั้ง
ภาพในห้องของฉันเริ่มเบลอบ้างชัดบ้าง เพราะน้ำตามันคลอ ดึงหมอนข้างมากอดไว้แนบชิดแล้วอิงหน้าไปกับมัน พลางบอกกับตัวเองในใจยิ้มๆ ว่า “นิกิมจะไปหาแล้วนะพี่บริงค์” แล้วสมองของฉันก็ค่อยๆ ว่างเปล่า ก่อนจะหมดสติไปกับการหลับเหมือนเช่นเคย...
“อือ~” ฉันปรือตาตื่นเพราะรู้สึกตัวว่าควรจะตื่นได้แล้ว แค่ลืมตาครั้งแรกฉันก็จำได้ทันทีว่านี่คือห้องของพี่บริงค์ เพราะนอกจากแอร์ที่เปิดทิ้งไว้ในอุณหภูมิยี่สิบสามองศาฯ แล้ว ยังมีโปสเตอร์รูปวงตัวเองติดอยู่รอบห้องอีก
ฉันค่อยๆ ยันตัวให้ลุกขึ้น ขยี้ผมอย่างง่วงสุโค่ยแต่ก็หลับไม่ลงแล้ว หันไปมองในพื้นที่ของเขาก็เจอแต่ความว่างเปล่าในความมืด...ไม่สิ มีโน้ตแปะไว้ตรงหมอนด้วย
ฉันดึงมันมาดู ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดไฟตรงหัวเตียงแล้วก้มอ่านดูอีกที
‘คืนนี้พี่อาจจะไม่กลับบ้านนะ เพราะใกล้วันแสดงคอนเสิร์ตแล้ว ต้องอยู่ซ้อมจนดึกแล้วก็นอนค้างที่นั่นเลย ถ้าคิดถึง...ไงก็โทร. มานะ ^^’ ฉันแอบหน้าแดงอยู่คนเดียว คนบ้า! ใครเขาจะไปกล้าโทร. กันล่ะ คิคิ ฉันมองต่ำลงไปตามลูกศรใหญ่ๆ สีแดงที่ชี้มายังเบอร์ของเขา 09-551-xxxx
และข้างล่างยังมีเขียนต่ออีกนะ
‘ปล. มือถืออีกเครื่องอยู่ในลิ้นชักฝั่งซ้ายมือล่างสุดนะ ชาร์ตแบตฯ ไว้แล้ว โทร. มาได้ 24 ชม. เลยนะครับ =]’
“ฮะๆๆ” ในที่สุดฉันก็อั้นขำไม่อยู่ วางโน้ตลงบนตักแล้วเอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักดู เห็นโทรศัพท์มือถือรุ่นที่อยู่ในปี 2005 แล้วก็หยิบมันขึ้นมา
“โห เจ้าเครื่องนี้...ในปีนี้ ราคาต้องไม่ต่ำกว่าแปดพันแหงเลย = =lll” ฉันหน้าแหย ก่อนจะก้มมองตัวเลขในกระดาษโน้ตบนตักแล้วอดใจไม่อยู่
“โทร. ก็โทร. วะ! >_<” ฉันระดมกดเบอร์ในกระดาษนั้นทันทีก่อนจะเอามันมาแนบหู
(ตู้ดๆๆ)
“อ้าว” ฉันดึงมือถือออกมมาดู “สายไม่ว่างซะงั้นอ่ะ” อะไรกันเนี่ย? ไหนบอกทุก 24 ชั่วโมงไง - -* ฉันเริ่มโกรธ ระดมกดเบอร์อีกครั้ง
(ตู้ดๆๆ)
กดๆๆ >
(ตู้ดๆๆ)
กดอีกๆๆ >[
(ตู้ดๆๆๆ)
กด! อีก! ย้ากกก! >[]<
(ตู้ดๆๆๆ)
แล้วฉันก็ระดมกดอีกหลายสิบครั้ง ผลออกมาก็คือ (ตู้ดๆๆๆ)
“ฮึ่ย!” ฉันดึงโทรศัพท์ออกจากหูแล้วกำมันแน่น จ้องมันอย่างอยากจะกินเลือดกินเนื้อไอ้คนที่เป็นเจ้าของ
“ไม่โทร. แล่ว! ไอ้คนขี้โม้ >

” ฉันปามันทิ้งกับหมอน แล้วเดินออกไปยืนที่หน้าต่าง ดันผ้าม่านให้เปิดออก มองท้องฟ้ายามดึกผ่านกระจกใส จินตนาการว่าพระจันทร์เต็มดวงบนนั้นเป็นหน้าของพี่บริงค์ ฉันมองพระจันทร์อย่างหมั่นไส้
“ไอ้พี่บริงค์ขี้โม้! โทร. ไปตั้งยี่สิบแปดสาย แต่ไม่ว่างสักสาย สงสัยคงคุยกะพวกแฟนๆ อยู่ละสิ ชิ” ฉันสบถอย่างหมั่นไส้ โมโหจนอยากจะกลับบ้านตัวเอง
ในเมื่อไม่ว่างคุย ฉันก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ต่อล่ะนะ ปล่อยให้เขาคุยปล่อยมุกเลี่ยนๆ เสี่ยวๆ กะพวกแฟนคลับไปเถอะ ฉันนอนล่ะ หึ!
ฉันเดินกระแทกส้นกระโดดขึ้นเตียง ล้มตัวลงนอนอย่างอารมณ์เสีย ดึงผ้าห่มให้ขึ้นมาคลุมถึงอก แล้วข่มใจให้หลับเพื่อกลับไปบ้านตัวเอง น้อยใจที่สุดเลย...คนบ้า!
“อือออ >_< อืมมมมม >_<lll” หลับสินิกิม หลับ!
“>_<” หลับสิหลับ
“อือออ > <” ทำไมไม่หลับอ้ะ
“เฮ้อ! =_=” ฉันลืมตา ถอนใจอย่างอึดอัด ตาก็จ้องมองเพดานอย่างกระสับกระส่าย ทำไมต้องคิดถึงเขาด้วยนะ?! เธอเป็นใคร...แล้วเขาน่ะเป็นใคร รู้สึกตัวได้แล้วนิกิม เอาล่ะ...คิดได้แล้วก็นอนนน U_U
ตืดดดด
“หืม U_U?”
ตืดดดดดด
“เหอ = =?” ฉันลืมตาอีกครั้งอย่างหัวเสีย เอื้อมมือหยิบโทรศัพท์เจ้ากรรมมาดูที่หน้าจอ
[[[ P’Brink ]]]
“ฮ้า~ พี่บริงค์! O[]O” ฉันเบิกตากว้างร้องอย่างดีใจ
นับตั้งแต่วันที่ฉันรักเธอ [ตอนที่ 7]
ตกกลางคืนของอีกวัน(โคตรเร็ว -0-)
ซู่!!!
ฉันรีบขึ้นห้องมาปิดหน้าต่างทันทีที่ฝนตก ท้องฟ้าสีแดงก่ำบ่งบอกถึงฝนที่ตกกระหน่ำอย่างแรง สายฟ้าฟาดสว่างวาบไปทั่วท้องฟ้า ฉันปล่อยมือจากหน้าต่างและเปลี่ยนมาปิดหูตัวเองทันที
เปรี้ยงงงง!
แต่ก็อดสะดุ้งโหยงไม่ได้ ฉันรู้สึกได้เลยว่าบ้านมันสะเทือน พอเสียงฟ้าผ่าหมดไปแล้วฉันจึงรีบเอื้อมมือดึงหน้าต่างมาปิดอย่างรวดเร็ว ไม่วายแสงของสายฟ้าแลบยังลอดเข้ามาอีกจนได้ก่อนบานหน้าต่างจะปิดสนิทลง
“เฮ้อ ทำไมวันนี้ตกหนักแท้ฟะ” ฉันพูดกับตัวเองอย่างระอา ไม่ใช่ว่าฉันจะเกลียดฝนซะทีเดียวหรอก แต่ไม่ชอบเวลามันมีของแถมตามมาด้วยน่ะสิ และก็ระแวงด้วยว่าอาจจะทำให้น้ำท่วม ถ้าตกพอดีๆ มีลมพัดนิดหน่อยฉันก็ชอบ เพราะมันโรแมนติกดี ^^
เปรี้ยงงงง!
“เย้ย! O[]O”
แต่ถ้ามีไอนี่ด้วยฉันไม่ชอบเลย ฮือออ T^T
ลงมาข้างล่างก็พบว่าหน้าต่างถูกปิดไปหมดแล้ว พ่อคงทำคนเดียวเสร็จเรียบร้อยแล้วล่ะ ส่วนแม่ก็คงรีบไปเก็บผ้าที่ตากไว้หลังบ้าน
“ไปช่วยแม่เก็บผ้าหน่อยลูก เก็บคนเดียวคงไม่ไหวหรอก” พ่อชะเง้อหน้ามาบอกฉันที่หน้าบ้านก่อนจะหายตัวออกไป ฉันรีบวิ่งไปที่หลังบ้านทันที เห็นแม่ขนผ้าเข้ามาแล้วฉันก็เข้าไปช่วย แต่แม่ปฏิเสธ
“นิกิมไปเอาที่เหลือมาดีกว่า เดี๋ยวหมดนี่แม่เอาไปเก็บเอง” ฉันรับคำก่อนจะรีบออกไปเก็บเสื้อผ้าที่แขวนเหลือไว้ไม่มากนัก
ฉันรีบดึงเสื้อผ้าที่อยู่สูงกว่าตัวมาพาดอีกแขนไว้อย่างรีบๆ ยิ่งช้าเสื้อผ้าก็ยิ่งเปียกฝน โอ๊ยยย!! ตกเบาๆ หน่อยได้ม้ายยยยย! >[]<
ฉันมุดหัวเข้าบ้านมาอย่างโล่งอก เดินเร็วตามแม่ไปติดๆ แม่ที่นั่งคัดเลือกเสื้อผ้าอยู่ในห้องนอนตัวเองเงยหน้าขึ้นมา
“อ่ะ นี่เสื้อผ้าของเรา เอาขึ้นไปเก็บเข้าตู้ได้เลยมันไม่เปียก ส่วนนั่นของแม่กับพ่อหมดเลยใช่มั้ย? เอามานี่ มันเปียกฝน ต้องตากพัดลมก่อน” ฉันรับเสื้อผ้ามาเกือบสิบตัวแล้วขึ้นห้องเอามันไปเก็บตามคำสั่งของแม่ แต่ไม่ทันที่จะปิดประตู เสียงแม่ก็ตะโกนดังลั่นขึ้นมาว่า
“นอนได้เลยนะนิกิม ฝนตกหนักอย่างนี้แม่ไม่ให้ดูโทรทัศน์แล้วนะ เดี๋ยวฟ้าผ่าเอา”
ฉันห่อปาก
“โห่ เซ็งเลย” ก่อนจะดันประตูห้องให้ปิดลง
ฉันเรียงเสื้อและกระโปรงให้แขวนบนราวในตู้ พับเก็บกางเกงใส่ในลิ้นชัก เสร็จแล้วก็ลุกขึ้นยืน มองไปรอบห้องอย่างทำอะไรไม่ถูก สุดท้ายก็เลือกที่จะเดินไปเปิดหน้าต่างออกบานหนึ่ง ทิศนี้ฝนไม่สาด...ฉันจึงดันมันออกไปแล้วเกี่ยวตะขอไว้ ฝนตกไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยแฮะ น่าเบื่อจัง...
ฉันผละตัวเองออกจากหน้าต่าง แหงนหน้ามองนาฬิกาที่ติดบนฝาผนัง มันบ่งบอกเวลาว่าแค่สามทุ่มกว่าเอง ทำอะไรแก้เซ็งดีเนี่ย?
“เฮ้อ” ฉันเดินเท้าเอื่อยแล้วมาทิ้งตัวนอนแผ่กับเตียงจนยวบ หันตะแคงตัวพลิกหน้าไปฝั่งที่ควรจะมีเขานอนอยู่ในฝัน หากพื้นที่นี้มันว่างเปล่าในโลกของฉัน ฉันยกมือขึ้นลูบหมอนตรงหน้า ลูบผ้าปูเตียงสีพื้นที่คลุมฟูกหนาไว้อย่างมิดชิด
“ถ้าเกิดฉันไปหาพี่บริงค์ตอนนี้...เขาจะตกใจมั้ยนะ? อิอิ” ฉันคิดเล่นๆ แต่ก็เริ่มหาวแล้วเหมือนกัน อืม...สงสัยอากาศมันน่านอนล่ะมั้ง
ภาพในห้องของฉันเริ่มเบลอบ้างชัดบ้าง เพราะน้ำตามันคลอ ดึงหมอนข้างมากอดไว้แนบชิดแล้วอิงหน้าไปกับมัน พลางบอกกับตัวเองในใจยิ้มๆ ว่า “นิกิมจะไปหาแล้วนะพี่บริงค์” แล้วสมองของฉันก็ค่อยๆ ว่างเปล่า ก่อนจะหมดสติไปกับการหลับเหมือนเช่นเคย...
“อือ~” ฉันปรือตาตื่นเพราะรู้สึกตัวว่าควรจะตื่นได้แล้ว แค่ลืมตาครั้งแรกฉันก็จำได้ทันทีว่านี่คือห้องของพี่บริงค์ เพราะนอกจากแอร์ที่เปิดทิ้งไว้ในอุณหภูมิยี่สิบสามองศาฯ แล้ว ยังมีโปสเตอร์รูปวงตัวเองติดอยู่รอบห้องอีก
ฉันค่อยๆ ยันตัวให้ลุกขึ้น ขยี้ผมอย่างง่วงสุโค่ยแต่ก็หลับไม่ลงแล้ว หันไปมองในพื้นที่ของเขาก็เจอแต่ความว่างเปล่าในความมืด...ไม่สิ มีโน้ตแปะไว้ตรงหมอนด้วย
ฉันดึงมันมาดู ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดไฟตรงหัวเตียงแล้วก้มอ่านดูอีกที
‘คืนนี้พี่อาจจะไม่กลับบ้านนะ เพราะใกล้วันแสดงคอนเสิร์ตแล้ว ต้องอยู่ซ้อมจนดึกแล้วก็นอนค้างที่นั่นเลย ถ้าคิดถึง...ไงก็โทร. มานะ ^^’ ฉันแอบหน้าแดงอยู่คนเดียว คนบ้า! ใครเขาจะไปกล้าโทร. กันล่ะ คิคิ ฉันมองต่ำลงไปตามลูกศรใหญ่ๆ สีแดงที่ชี้มายังเบอร์ของเขา 09-551-xxxx
และข้างล่างยังมีเขียนต่ออีกนะ
‘ปล. มือถืออีกเครื่องอยู่ในลิ้นชักฝั่งซ้ายมือล่างสุดนะ ชาร์ตแบตฯ ไว้แล้ว โทร. มาได้ 24 ชม. เลยนะครับ =]’
“ฮะๆๆ” ในที่สุดฉันก็อั้นขำไม่อยู่ วางโน้ตลงบนตักแล้วเอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักดู เห็นโทรศัพท์มือถือรุ่นที่อยู่ในปี 2005 แล้วก็หยิบมันขึ้นมา
“โห เจ้าเครื่องนี้...ในปีนี้ ราคาต้องไม่ต่ำกว่าแปดพันแหงเลย = =lll” ฉันหน้าแหย ก่อนจะก้มมองตัวเลขในกระดาษโน้ตบนตักแล้วอดใจไม่อยู่
“โทร. ก็โทร. วะ! >_<” ฉันระดมกดเบอร์ในกระดาษนั้นทันทีก่อนจะเอามันมาแนบหู
(ตู้ดๆๆ)
“อ้าว” ฉันดึงมือถือออกมมาดู “สายไม่ว่างซะงั้นอ่ะ” อะไรกันเนี่ย? ไหนบอกทุก 24 ชั่วโมงไง - -* ฉันเริ่มโกรธ ระดมกดเบอร์อีกครั้ง
(ตู้ดๆๆ)
กดๆๆ >
(ตู้ดๆๆ)
กดอีกๆๆ >[
(ตู้ดๆๆๆ)
กด! อีก! ย้ากกก! >[]<
(ตู้ดๆๆๆ)
แล้วฉันก็ระดมกดอีกหลายสิบครั้ง ผลออกมาก็คือ (ตู้ดๆๆๆ)
“ฮึ่ย!” ฉันดึงโทรศัพท์ออกจากหูแล้วกำมันแน่น จ้องมันอย่างอยากจะกินเลือดกินเนื้อไอ้คนที่เป็นเจ้าของ
“ไม่โทร. แล่ว! ไอ้คนขี้โม้ >
“ไอ้พี่บริงค์ขี้โม้! โทร. ไปตั้งยี่สิบแปดสาย แต่ไม่ว่างสักสาย สงสัยคงคุยกะพวกแฟนๆ อยู่ละสิ ชิ” ฉันสบถอย่างหมั่นไส้ โมโหจนอยากจะกลับบ้านตัวเอง
ในเมื่อไม่ว่างคุย ฉันก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ต่อล่ะนะ ปล่อยให้เขาคุยปล่อยมุกเลี่ยนๆ เสี่ยวๆ กะพวกแฟนคลับไปเถอะ ฉันนอนล่ะ หึ!
ฉันเดินกระแทกส้นกระโดดขึ้นเตียง ล้มตัวลงนอนอย่างอารมณ์เสีย ดึงผ้าห่มให้ขึ้นมาคลุมถึงอก แล้วข่มใจให้หลับเพื่อกลับไปบ้านตัวเอง น้อยใจที่สุดเลย...คนบ้า!
“อือออ >_< อืมมมมม >_<lll” หลับสินิกิม หลับ!
“>_<” หลับสิหลับ
“อือออ > <” ทำไมไม่หลับอ้ะ
“เฮ้อ! =_=” ฉันลืมตา ถอนใจอย่างอึดอัด ตาก็จ้องมองเพดานอย่างกระสับกระส่าย ทำไมต้องคิดถึงเขาด้วยนะ?! เธอเป็นใคร...แล้วเขาน่ะเป็นใคร รู้สึกตัวได้แล้วนิกิม เอาล่ะ...คิดได้แล้วก็นอนนน U_U
ตืดดดด
“หืม U_U?”
ตืดดดดดด
“เหอ = =?” ฉันลืมตาอีกครั้งอย่างหัวเสีย เอื้อมมือหยิบโทรศัพท์เจ้ากรรมมาดูที่หน้าจอ
[[[ P’Brink ]]]
“ฮ้า~ พี่บริงค์! O[]O” ฉันเบิกตากว้างร้องอย่างดีใจ