วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2558
ประเด็นร้อน'ระบบการเมืองใหม่'
ประเด็นร้อน'ระบบการเมืองใหม่' : มอนิเตอร์ร่างรัฐธรรมนูญ
สัปดาห์นี้ทั้งสัปดาห์คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจะไปเก็บตัวที่พัทยา เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญในส่วนที่น่าจะเรียกได้ว่าร้อนที่สุดของร่างรัฐธรรมนูญ คือ ภาค 2 “ผู้นำการเมืองและสถาบันการเมือง”
ทั้งนี้ ในภาค 2 นี้ ตามที่คณะกรรมาธิการยกร่างฯ วางไว้ มีทั้งหมด 7 หมวด ยกร่างเสร็จไปแล้ว 4 หมวด ส่วนที่เหลือเป็นส่วนที่เป็น “หัวใจ” คือ หมวดระบบผู้แทนที่ดีและผู้นำทางการเมืองที่ดี หมวดรัฐสภา หมวดคณะรัฐมนตรี
แม้ก่อนหน้านี้คณะกรรมาธิการยกร่างฯ จะเคยมีมติในประเด็นสำคัญๆ ไว้หมดแล้ว แต่ถ้ายังจำกันได้ มติในทุกประเด็นเป็นเรื่องที่สร้างแรงกระเพื่อมทางการเมืองทันทีที่มติออกมา และครั้งนี้เมื่อตัวบทรายมาตราเปิดออกมาความร้อนแรงก็ไม่น่าจะแพ้กัน
เรื่องร้อนที่สุดน่าจะเป็นเรื่อง “ที่มานายกฯ” ซึ่งคณะกรรมาธิการมีมติว่า “นายกฯ ไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส.” โดยกำหนดเบื้องต้นว่า ให้สภาผู้แทนฯ เป็นผู้ลงคะแนนเลือกนายกฯ และให้ประธานสภาผู้แทนฯ เป็นผู้นำชื่อนายกฯ ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย
คณะกรรมาธิการให้เหตุผลของการไม่บังคับว่านายกฯ ต้องเป็น ส.ส. ว่า เผื่อไว้ในยามวิกฤติ เพื่อเป็นทางออก โดยยกตัวอย่างวิกฤติรอบที่ผ่านมาว่า หากรัฐธรรมนูญมีช่องให้ “คนนอก” มาเป็นนายกฯ ได้ก็คงไม่เกิดการยึดอำนาจเมื่อ 22 พฤษภาคม 2557
พร้อมทั้งบอกว่า การให้ ส.ส.เป็นคนเลือกนายกฯ และให้ประธานสภาเป็นคนทูลเกล้าฯ ถวายชื่อนายกฯ ก็น่าจะทำให้ได้คนที่เป็น ส.ส.มาเป็นนายกฯ ซึ่งเป็นคำอธิบายที่ดูเหมือนจะไม่ได้รับการยอมรับนัก
ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในทำนองไม่เห็นด้วย ก็มีข้อเสนอมาว่า หากจะไม่บังคับว่านายกฯ ต้องเป็น ส.ส.จริงๆ ก็ควรกำหนดเงื่อนไขไว้ให้ชัดเจนว่า ให้ยกเว้นเฉพาะในภาวะวิกฤติเท่านั้น ไม่ใช่เปิดกว้างเป็นการทั่วไป
ตอนนี้ผู้คนจึงรอดูรายละเอียดตัวบทในเรื่องนี้ ที่จะออกมาเป็นรายมาตราชัดๆ ว่าจะเขียนไว้อย่างไร
นอกจากเรื่องที่มานายกฯ แล้ว เรื่องที่ร้อนไม่น้อยไปกว่ากัน คือ อำนาจหน้าที่ของ ส.ว.ที่มากขึ้น สวนทางกับที่มาของ ส.ว.ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด ที่สำคัญ คือ อำนาจในการตรวจสอบและให้ความเห็นชอบบุคคลที่จะเป็นคณะรัฐมนตรี ก่อนที่นายกฯจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย
ไม่นับรวมกับเรื่องระบบเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสม หรือที่เรียกกันว่า “แบบเยอรมัน” ที่กำหนดให้มี ส.ส.เขต 200 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 250 คน ที่แบ่งบัญชีรายชื่อออกเป็น 6 ภาค และมีวิธีการคำนวณคะแนนที่ยังเป็นคำถาม
และเรื่องกติกาการเลือกตั้ง โดยประเด็นที่ผู้คนรอดูมากที่สุด น่าจะเป็นเรื่องการห้าม “คนโกง” เล่นการเมืองตลอดชีวิต ว่าจะมีหรือไม่ จะเขียนไว้อย่างไร
ทุกประเด็นล้วนเป็นเหมือนเชื้อ ที่จะเพิ่มความร้อนแรงทางการเมือง!
http://www.komchadluek.net/detail/20150223/201830.html 
ประเด็นร้อน'ระบบการเมืองใหม่'
ประเด็นร้อน'ระบบการเมืองใหม่'
ประเด็นร้อน'ระบบการเมืองใหม่' : มอนิเตอร์ร่างรัฐธรรมนูญ
สัปดาห์นี้ทั้งสัปดาห์คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจะไปเก็บตัวที่พัทยา เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญในส่วนที่น่าจะเรียกได้ว่าร้อนที่สุดของร่างรัฐธรรมนูญ คือ ภาค 2 “ผู้นำการเมืองและสถาบันการเมือง”
ทั้งนี้ ในภาค 2 นี้ ตามที่คณะกรรมาธิการยกร่างฯ วางไว้ มีทั้งหมด 7 หมวด ยกร่างเสร็จไปแล้ว 4 หมวด ส่วนที่เหลือเป็นส่วนที่เป็น “หัวใจ” คือ หมวดระบบผู้แทนที่ดีและผู้นำทางการเมืองที่ดี หมวดรัฐสภา หมวดคณะรัฐมนตรี
แม้ก่อนหน้านี้คณะกรรมาธิการยกร่างฯ จะเคยมีมติในประเด็นสำคัญๆ ไว้หมดแล้ว แต่ถ้ายังจำกันได้ มติในทุกประเด็นเป็นเรื่องที่สร้างแรงกระเพื่อมทางการเมืองทันทีที่มติออกมา และครั้งนี้เมื่อตัวบทรายมาตราเปิดออกมาความร้อนแรงก็ไม่น่าจะแพ้กัน
เรื่องร้อนที่สุดน่าจะเป็นเรื่อง “ที่มานายกฯ” ซึ่งคณะกรรมาธิการมีมติว่า “นายกฯ ไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส.” โดยกำหนดเบื้องต้นว่า ให้สภาผู้แทนฯ เป็นผู้ลงคะแนนเลือกนายกฯ และให้ประธานสภาผู้แทนฯ เป็นผู้นำชื่อนายกฯ ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย
คณะกรรมาธิการให้เหตุผลของการไม่บังคับว่านายกฯ ต้องเป็น ส.ส. ว่า เผื่อไว้ในยามวิกฤติ เพื่อเป็นทางออก โดยยกตัวอย่างวิกฤติรอบที่ผ่านมาว่า หากรัฐธรรมนูญมีช่องให้ “คนนอก” มาเป็นนายกฯ ได้ก็คงไม่เกิดการยึดอำนาจเมื่อ 22 พฤษภาคม 2557
พร้อมทั้งบอกว่า การให้ ส.ส.เป็นคนเลือกนายกฯ และให้ประธานสภาเป็นคนทูลเกล้าฯ ถวายชื่อนายกฯ ก็น่าจะทำให้ได้คนที่เป็น ส.ส.มาเป็นนายกฯ ซึ่งเป็นคำอธิบายที่ดูเหมือนจะไม่ได้รับการยอมรับนัก
ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในทำนองไม่เห็นด้วย ก็มีข้อเสนอมาว่า หากจะไม่บังคับว่านายกฯ ต้องเป็น ส.ส.จริงๆ ก็ควรกำหนดเงื่อนไขไว้ให้ชัดเจนว่า ให้ยกเว้นเฉพาะในภาวะวิกฤติเท่านั้น ไม่ใช่เปิดกว้างเป็นการทั่วไป
ตอนนี้ผู้คนจึงรอดูรายละเอียดตัวบทในเรื่องนี้ ที่จะออกมาเป็นรายมาตราชัดๆ ว่าจะเขียนไว้อย่างไร
นอกจากเรื่องที่มานายกฯ แล้ว เรื่องที่ร้อนไม่น้อยไปกว่ากัน คือ อำนาจหน้าที่ของ ส.ว.ที่มากขึ้น สวนทางกับที่มาของ ส.ว.ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด ที่สำคัญ คือ อำนาจในการตรวจสอบและให้ความเห็นชอบบุคคลที่จะเป็นคณะรัฐมนตรี ก่อนที่นายกฯจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย
ไม่นับรวมกับเรื่องระบบเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสม หรือที่เรียกกันว่า “แบบเยอรมัน” ที่กำหนดให้มี ส.ส.เขต 200 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 250 คน ที่แบ่งบัญชีรายชื่อออกเป็น 6 ภาค และมีวิธีการคำนวณคะแนนที่ยังเป็นคำถาม
และเรื่องกติกาการเลือกตั้ง โดยประเด็นที่ผู้คนรอดูมากที่สุด น่าจะเป็นเรื่องการห้าม “คนโกง” เล่นการเมืองตลอดชีวิต ว่าจะมีหรือไม่ จะเขียนไว้อย่างไร
ทุกประเด็นล้วนเป็นเหมือนเชื้อ ที่จะเพิ่มความร้อนแรงทางการเมือง!
http://www.komchadluek.net/detail/20150223/201830.html