ล่าสุดวันนี้กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 36 คน ได้ข้อสรุปว่า"นายกรัฐมนตรี ยังมาจากการเลือกของ ส.ส. เช่นเดิม ส่วนตำแหน่งประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร อาจจะมาจากคะแนนเสียงที่แต่ละพรรคการเมืองได้รับเลือกตั้งเข้ามา" ตามข่าวนี้
ข่าวการเมือง
กมธ.ยกร่างฯ สรุปกรอบการเมือง ไม่เอาเลือกตั้งนายกฯ โดยตรง
Tue, 23/12/2014 - 21:01
กมธ.ยกร่างฯ สรุปกรอบการเมือง ไม่เอาเลือกตั้งนายกฯ โดยตรง
คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเห็นควรคงรูปแบบการได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรีในรูปแบบเดิม คือ เลือกโดยอ้อมผ่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ถือเป็นกรอบเบื้องต้นในการร่างรัฐธรรมนูญหลังจากประเมินว่าการเลือกตรงมีข้อเสียมากกว่าข้อดี
วันนี้ (23 ธ.ค.2557) คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญใช้เวลาตลอดทั้งวันพิจารณาข้อเสนอและหารือวางกรอบแนวทางยกร่างรัฐธรรมนูญเรื่องโครงสร้างหรือระบบการเมือง โดยนายสุจิต บุญบงการ รองประธานคณะกรรมาธิการยกร่างฯ แถลงผลสรุปเสียงข้างมากของคณะกรรมาธิการฯ เห็นควรคงรูปแบบการเมืองการปกครอง ตามรูปแบบเดิม โดยยังคงระบบรัฐสภา 2 สภาไว้ และให้นายกรัฐมนตรีมาจากการลงมติเลือกของสภาผู้แทนราษฎร พร้อมยืนยันว่าได้พิจารณาข้อเสนอการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีโดยตรงแล้ว แต่เห็นว่ารูปแบบการแบ่งแยกอำนาจ 2 ฝ่ายออกจากกัน และการเลือกฝ่ายบริหารโดยตรงจากประชาชนมีจุดเสี่ยงและอาจนำมาซึ่งปัญหาหลายด้าน
รองประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ยืนยันว่าคณะกรรมาธิการฯ ยอมรับในข้อเสนอประกอบอื่นๆ ไว้ และเห็นตรงกันที่จะบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะการป้องกันไม่ให้ผู้นำการเมืองมีอำนาจและใช้อำนาจการบริหารแบบเบ็ดเสร็จ การกำหนดให้ ส.ส. มีความอิสระในการลงมติ และหากถูกขับออกจากพรรคให้สิทธิในสมาชิกภาพความเป็น ส.ส. คงเดิมไว้ รวมทั้งการกำหนดในรายละเอียดให้เสียงข้างน้อยได้มีสิทธิมากขึ้น
และมีความเห็นสอดคล้องกันว่าประธานสภาผู้แทนราษฎรมาจากพรรคการเมืองที่ได้คะแนนเลือกตั้งเป็นอันดับ 1 แต่รองประธานคนที่ 1 และ 2 ควรมาจากพรรคที่มีคะแนนเสียงรองลงไปตามลำดับ ขณะเดียวกันทั้งประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร เมื่อรับตำแหน่งแล้วจะต้องไม่อยู่ภายใต้มติของพรรคต้นสังกัดและไม่จำเป็นต้องเข้าประชุมพรรค รวมทั้งตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการสามัญควรให้พรรคฝ่ายค้านได้รับสัดส่วนดำรงตำแหน่งเป็นประธานด้วย
สำหรับรายรายละเอียดของรูปแบบการได้มาซึ่ง ส.ส. และ ส.ว.นั้น มีกำหนดหารือและวางกรอบการยกร่างอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (24 ธ.ค.) โดยมีรายงานว่าการลงมติในวันนี้มีเสียงกรรมาธิการข้างน้อย 2 เสียง ที่สนับสนุนแนวทางตามข้อเสนอของคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และหลังการเปิดเผยมติ กรรมาธิการเสียงข้างน้อย 1 คนขอถอนตัว จึงเหลือเพียง 1 เสียงที่เห็นต่าง และลงบันทึกการประชุมไว้เท่านั้น
จากไทยพีบีเอส ออนไลน์
ข่าวนี้อาจจะสร้างความผิดหวังให้อินทรีแดงไม่น้อย ที่ชอบตั้งกระทู้แสดงจุดยืนว่าต้องการเลือตั้งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีโดยตรง แต่ก็ตามสโลแกนของผม ก็คือ
#ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย
เปลี่ยนประเทศไทย : บทสรุปเลือกตั้งนายกรัฐมนตรี
ข่าวการเมือง
กมธ.ยกร่างฯ สรุปกรอบการเมือง ไม่เอาเลือกตั้งนายกฯ โดยตรง
Tue, 23/12/2014 - 21:01
กมธ.ยกร่างฯ สรุปกรอบการเมือง ไม่เอาเลือกตั้งนายกฯ โดยตรง
คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเห็นควรคงรูปแบบการได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรีในรูปแบบเดิม คือ เลือกโดยอ้อมผ่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ถือเป็นกรอบเบื้องต้นในการร่างรัฐธรรมนูญหลังจากประเมินว่าการเลือกตรงมีข้อเสียมากกว่าข้อดี
วันนี้ (23 ธ.ค.2557) คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญใช้เวลาตลอดทั้งวันพิจารณาข้อเสนอและหารือวางกรอบแนวทางยกร่างรัฐธรรมนูญเรื่องโครงสร้างหรือระบบการเมือง โดยนายสุจิต บุญบงการ รองประธานคณะกรรมาธิการยกร่างฯ แถลงผลสรุปเสียงข้างมากของคณะกรรมาธิการฯ เห็นควรคงรูปแบบการเมืองการปกครอง ตามรูปแบบเดิม โดยยังคงระบบรัฐสภา 2 สภาไว้ และให้นายกรัฐมนตรีมาจากการลงมติเลือกของสภาผู้แทนราษฎร พร้อมยืนยันว่าได้พิจารณาข้อเสนอการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีโดยตรงแล้ว แต่เห็นว่ารูปแบบการแบ่งแยกอำนาจ 2 ฝ่ายออกจากกัน และการเลือกฝ่ายบริหารโดยตรงจากประชาชนมีจุดเสี่ยงและอาจนำมาซึ่งปัญหาหลายด้าน
รองประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ยืนยันว่าคณะกรรมาธิการฯ ยอมรับในข้อเสนอประกอบอื่นๆ ไว้ และเห็นตรงกันที่จะบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะการป้องกันไม่ให้ผู้นำการเมืองมีอำนาจและใช้อำนาจการบริหารแบบเบ็ดเสร็จ การกำหนดให้ ส.ส. มีความอิสระในการลงมติ และหากถูกขับออกจากพรรคให้สิทธิในสมาชิกภาพความเป็น ส.ส. คงเดิมไว้ รวมทั้งการกำหนดในรายละเอียดให้เสียงข้างน้อยได้มีสิทธิมากขึ้น
และมีความเห็นสอดคล้องกันว่าประธานสภาผู้แทนราษฎรมาจากพรรคการเมืองที่ได้คะแนนเลือกตั้งเป็นอันดับ 1 แต่รองประธานคนที่ 1 และ 2 ควรมาจากพรรคที่มีคะแนนเสียงรองลงไปตามลำดับ ขณะเดียวกันทั้งประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร เมื่อรับตำแหน่งแล้วจะต้องไม่อยู่ภายใต้มติของพรรคต้นสังกัดและไม่จำเป็นต้องเข้าประชุมพรรค รวมทั้งตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการสามัญควรให้พรรคฝ่ายค้านได้รับสัดส่วนดำรงตำแหน่งเป็นประธานด้วย
สำหรับรายรายละเอียดของรูปแบบการได้มาซึ่ง ส.ส. และ ส.ว.นั้น มีกำหนดหารือและวางกรอบการยกร่างอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (24 ธ.ค.) โดยมีรายงานว่าการลงมติในวันนี้มีเสียงกรรมาธิการข้างน้อย 2 เสียง ที่สนับสนุนแนวทางตามข้อเสนอของคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และหลังการเปิดเผยมติ กรรมาธิการเสียงข้างน้อย 1 คนขอถอนตัว จึงเหลือเพียง 1 เสียงที่เห็นต่าง และลงบันทึกการประชุมไว้เท่านั้น
จากไทยพีบีเอส ออนไลน์
ข่าวนี้อาจจะสร้างความผิดหวังให้อินทรีแดงไม่น้อย ที่ชอบตั้งกระทู้แสดงจุดยืนว่าต้องการเลือตั้งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีโดยตรง แต่ก็ตามสโลแกนของผม ก็คือ
#ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย