ข่าวหนังสือพิมพ์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1419565689
"บวรศักดิ์"อ้างโลกส่วนใหญ่ไม่ทำกัน เขียนให้นายกฯต้องเป็นส.ส. ชี้ปิดประตูตายยามวิกฤต
วันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 10:49:55 น.
บวรศักดิ์ ระบุ การบัญญัติให้ ส.ส. ต้องเป็นนายกฯ เป็นการปิดประตูตายในภาวะวิกฤต ยันไม่มีวาระซ้อนเร้น
นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวในงานเสวนาสานพลังเจ้าหน้าที่ของรัฐในการมีส่วนร่วมและรับฟังความเห็นต่อการยกร่างรัฐธรรมนูญตอนหนึ่งได้ชี้แจงถึงเหตุผลที่กรรมาธิการยกร่างฯกำหนดให้นายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือส.ส.ว่าเหตุผลที่รัฐธรรมนูญฉบับก่อนหน้านี้บัญญัติให้นายกรัฐมนตรีต้องเป็นส.ส.เนื่องจากวิกฤตทางการเมืองในปี2535โดยในครั้งนั้นประธานวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งเป็นผู้กราบบังคมทูลรายชื่อนายกรัฐมนตรีอีกทั้งการสนับสนุนนายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้มีการลงคะแนนในรัฐสภา วิกฤตพฤษภาทมิฬเมื่อปี 2535 จึงเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามกรรมาธิการยกร่างฯเห็นว่าเมื่อรัฐธรรมนูญบัญญัติให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรซึ่งมาจากการเลือกตั้งเป็นผู้นำรายชื่อนายกรัฐมนตรีกราบบังคมทูลและการสนับสนุนนายกรัฐมนตรีก็มีการลงมติในรัฐสภาจึงไม่จำเป็นต้องบัญญัติว่านายกรัฐมนตรีต้องเป็นส.ส.พร้อมยืนยันว่าในภาวะปกติไม่มีพรรคการเมืองใดจะเสนอชื่อคนที่ไม่เป็นส.ส.ให้เป็นนายกรัฐมนตรี
อีกทั้งเห็นว่าวิกฤตการเมืองที่ผ่านมาจนนำไปสู่รัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมนั้นมาจากการเขียนรัฐธรรมนูญที่ผูกมัดจนเกินไป เป็นการปิดประตูในเวลาวิกฤต เพราะเวลานั้นรัฐบาลไม่สามารถบริหารประเทศได้และไม่สามารถหาใครมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ เนื่องจากติดเงื่อนไขนายกรัฐมนตรีต้องเป็นส.ส. คนส่วนใหญ่เรียกร้องให้ใช้ มาตรา 7 ตามรัฐธรรมนูญ เป็นเสมือนการขอพึ่งพระบารมีพระมหากษัตริย์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เคยมีพระราชดำรัสแล้วว่า มาตรา 7 ไม่ได้หมายความว่า ให้พระมหากษัตริย์ใช้อำนาจนอกเหนือจากที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ
พร้อมกันนี้ยืนยันว่าการบัญญัติให้นายกรัฐมนตรีไม่ต้องเป็นส.ส.นั้นไม่มีวาระซ่อนเร้นแต่กรรมาธิการยกร่างฯพิจารณาจากดุลยภาพระหว่างภูมิสังคมไทยกับโลกาภิวัฒน์และความเป็นไปของโลก
ทั้งนี้193ประเทศทั่วโลกมีเพียง26ประเทศที่บัญญัติไว้ตายตัวให้นายกรัฐมนตรีต้องเป็นส.ส.ส่วนประเทศอื่นๆ ส่วนใหญ่ของโลกจะไม่มีการบัญญัติ
-------------------------------------------------------------------------
ฟังแล้วดูดีใช่มั๊ย???
วันก่อนอีกคนเค้าว่าอย่างนี้
กมธ.ยกร่างฯ สรุปใช้ระบบเลือกตั้งเยอรมันมี สส. 450คน แบ่งเขตและสัดส่วนป้องกันเสียงข้างมากคุมสภา คาดพรรคเล็กเข้าสภาเพิ่มมากขึ้น
เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า คณะกมธ.ยกร่างฯ มีความเห็นร่วมกันที่จะใช้ระบบการเลือกตั้งสส.แบบสัดส่วนผสม โดยกำหนดให้มีสส.จำนวน 450 คน แบ่งเป็นระบบเขตเลือกตั้ง 250 คนและระบบสัดส่วน 200 คน พร้อมกับกำหนดให้ผู้สมัครสส.ไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรคการเมือง ขณะเดียวกัน ยังสนับสนุนผู้สมัครสส.รวมกลุ่มกันสมัครสส.ได้ด้วยเพื่อให้เกิดความอิสระอย่างแท้จริง
โดยประเทศในโลกที่มีการใช้ระบบเลือกตั้งแบบนี้มีจำนวน 9 ประเทศ ได้แก่ เยอรมัน อิตาลี ฮังการี แอลเบเนีย เลโซโท เม็กซิโก นิวซีแลนด์ โบลิเวีย และเวเนซุเอลา
ชอบกันจัง พวกรักประชาธิปไตย แบบชื่นชมบูชา
เสียงข้างน้อย
จะอยู่กับร่องกับรอยซักครั้งได้มั๊ย เมื่อไรจะเลิกซะที
เมื่อวานอย่าง วันนี้อย่าง
"บวรศักดิ์"อ้างโลกส่วนใหญ่ไม่ทำกัน เขียนให้นายกฯต้องเป็นส.ส. ชี้ปิดประตูตายยามวิกฤต .... ตกลงว่าจะเอายังไงดี?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
"บวรศักดิ์"อ้างโลกส่วนใหญ่ไม่ทำกัน เขียนให้นายกฯต้องเป็นส.ส. ชี้ปิดประตูตายยามวิกฤต
วันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 10:49:55 น.
บวรศักดิ์ ระบุ การบัญญัติให้ ส.ส. ต้องเป็นนายกฯ เป็นการปิดประตูตายในภาวะวิกฤต ยันไม่มีวาระซ้อนเร้น
นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวในงานเสวนาสานพลังเจ้าหน้าที่ของรัฐในการมีส่วนร่วมและรับฟังความเห็นต่อการยกร่างรัฐธรรมนูญตอนหนึ่งได้ชี้แจงถึงเหตุผลที่กรรมาธิการยกร่างฯกำหนดให้นายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือส.ส.ว่าเหตุผลที่รัฐธรรมนูญฉบับก่อนหน้านี้บัญญัติให้นายกรัฐมนตรีต้องเป็นส.ส.เนื่องจากวิกฤตทางการเมืองในปี2535โดยในครั้งนั้นประธานวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งเป็นผู้กราบบังคมทูลรายชื่อนายกรัฐมนตรีอีกทั้งการสนับสนุนนายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้มีการลงคะแนนในรัฐสภา วิกฤตพฤษภาทมิฬเมื่อปี 2535 จึงเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามกรรมาธิการยกร่างฯเห็นว่าเมื่อรัฐธรรมนูญบัญญัติให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรซึ่งมาจากการเลือกตั้งเป็นผู้นำรายชื่อนายกรัฐมนตรีกราบบังคมทูลและการสนับสนุนนายกรัฐมนตรีก็มีการลงมติในรัฐสภาจึงไม่จำเป็นต้องบัญญัติว่านายกรัฐมนตรีต้องเป็นส.ส.พร้อมยืนยันว่าในภาวะปกติไม่มีพรรคการเมืองใดจะเสนอชื่อคนที่ไม่เป็นส.ส.ให้เป็นนายกรัฐมนตรี
อีกทั้งเห็นว่าวิกฤตการเมืองที่ผ่านมาจนนำไปสู่รัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมนั้นมาจากการเขียนรัฐธรรมนูญที่ผูกมัดจนเกินไป เป็นการปิดประตูในเวลาวิกฤต เพราะเวลานั้นรัฐบาลไม่สามารถบริหารประเทศได้และไม่สามารถหาใครมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ เนื่องจากติดเงื่อนไขนายกรัฐมนตรีต้องเป็นส.ส. คนส่วนใหญ่เรียกร้องให้ใช้ มาตรา 7 ตามรัฐธรรมนูญ เป็นเสมือนการขอพึ่งพระบารมีพระมหากษัตริย์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เคยมีพระราชดำรัสแล้วว่า มาตรา 7 ไม่ได้หมายความว่า ให้พระมหากษัตริย์ใช้อำนาจนอกเหนือจากที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ
พร้อมกันนี้ยืนยันว่าการบัญญัติให้นายกรัฐมนตรีไม่ต้องเป็นส.ส.นั้นไม่มีวาระซ่อนเร้นแต่กรรมาธิการยกร่างฯพิจารณาจากดุลยภาพระหว่างภูมิสังคมไทยกับโลกาภิวัฒน์และความเป็นไปของโลก
ทั้งนี้193ประเทศทั่วโลกมีเพียง26ประเทศที่บัญญัติไว้ตายตัวให้นายกรัฐมนตรีต้องเป็นส.ส.ส่วนประเทศอื่นๆ ส่วนใหญ่ของโลกจะไม่มีการบัญญัติ
-------------------------------------------------------------------------
ฟังแล้วดูดีใช่มั๊ย???
วันก่อนอีกคนเค้าว่าอย่างนี้
กมธ.ยกร่างฯ สรุปใช้ระบบเลือกตั้งเยอรมันมี สส. 450คน แบ่งเขตและสัดส่วนป้องกันเสียงข้างมากคุมสภา คาดพรรคเล็กเข้าสภาเพิ่มมากขึ้น
เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า คณะกมธ.ยกร่างฯ มีความเห็นร่วมกันที่จะใช้ระบบการเลือกตั้งสส.แบบสัดส่วนผสม โดยกำหนดให้มีสส.จำนวน 450 คน แบ่งเป็นระบบเขตเลือกตั้ง 250 คนและระบบสัดส่วน 200 คน พร้อมกับกำหนดให้ผู้สมัครสส.ไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรคการเมือง ขณะเดียวกัน ยังสนับสนุนผู้สมัครสส.รวมกลุ่มกันสมัครสส.ได้ด้วยเพื่อให้เกิดความอิสระอย่างแท้จริง โดยประเทศในโลกที่มีการใช้ระบบเลือกตั้งแบบนี้มีจำนวน 9 ประเทศ ได้แก่ เยอรมัน อิตาลี ฮังการี แอลเบเนีย เลโซโท เม็กซิโก นิวซีแลนด์ โบลิเวีย และเวเนซุเอลา
ชอบกันจัง พวกรักประชาธิปไตย แบบชื่นชมบูชาเสียงข้างน้อย
จะอยู่กับร่องกับรอยซักครั้งได้มั๊ย เมื่อไรจะเลิกซะที เมื่อวานอย่าง วันนี้อย่าง