JJNY : 5in1 ไฟเขียวสูตรปชน.│ปชน.ซัดสมคิด│ส.ส.ปชน.ร้องทัพฟ้าชี้แจง│ปชน.-ผอ.อผศ.วางแนวทางแก้ไข│ยังไง?!ผอ.รพ.กัมพูชาพูดเอง

'ไฟเขียว' สูตร ปชน. สมาชิกรัฐสภา 20 คน เลือก กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้ 1 คน
https://prachatai.com/journal/2025/11/115482
.

.
ที่ประชุม กมธ.ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 มีมติเสียงส่วนใหญ่ ‘เห็นชอบ’ ‘สูตร 20 หยิบ 1’ ของพรรคประชาชน โดยหลักการก็คือ สส. และ สว. รวม 20 คน สามารถเลือกสมาชิก กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้ 1 คน ส่วนกรณีที่สมาชิกรัฐสภารวมตัวได้ไม่ถึง 20 คน หรือได้สมาชิก กมธ.ยกร่างฯ ไม่ถึง 35 คน ให้รัฐสภาโหวตโดยต้องได้คะแนนเสียง 2 ใน 3 จากสมาชิกทั้งหมด
.
13 พ.ย. 2568 เว็บไซต์ ข่าวสดออนไลน์ และ ‘เดอะ สแตนดาร์ด’ รายงานตรงกันวันนี้ (13 พ.ย.) ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของรัฐสภา วาระพิจารณามาตรา 256/5 ว่าด้วยเกณฑ์การคัดเลือกผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญโดยรัฐสภา และที่ประชุมได้ลงมติในเวลา 12.05 น. เห็นชอบกับสูตร ‘20 หยิบ 1’ ที่พรรคประชาชนเสนอ ด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบ 19 เสียง ไม่เห็นชอบ 0 เสียง งดดอกเสียง 10 เสียง โดยมีเพียงการปรับข้อความในร่างให้รัดกุมขึ้นจากร่างเดิม
.
พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.พรรคประชาชน ในฐานะสมาชิกของ กมธ. เผยว่า สำหรับสูตร 20 หยิบ 1 คือการกำหนดให้สมาชิกรัฐสภาที่รวมตัวกันได้ 20 คน สามารถมีสิทธิคัดเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้ 1 คน เพื่อให้สมาชิก กมธ.ยกร่างฯ จะไม่ถูกผูกขาดโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือสีใดสีหนึ่ง และทำให้ผู้ร่างมีตัวแทนที่หลากหลายจากทุกกลุ่มความคิด โดยสูตร 20 หยิบ 1 นั้น มาจากการนำสมาชิกรัฐสภา 700 คน หารด้วยกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 35 คน
.
พริษฐ์ ชี้ว่า หากเป็นร่างเดิมของพรรคภูมิใจไทยคือใช้เกณฑ์เสียงข้างมากของรัฐสภา ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคประชาชนเกรงว่าอาจนำไปสู่การผูกขาดได้ เพราะหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือสีใดสีหนึ่งมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา เช่น สส. และ สว. รวมกันเกิน 350 คน ก็อาจใช้เสียงข้างมากผูกขาดการตั้งกรรมาธิการร่างได้ 100% แบบเบ็ดเสร็จ
.
ด้านนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สว. ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการฯ เปิดเผยว่า ที่ประชุมกรรมาธิการฯ ได้ปรับรายละเอียดเล็กน้อย ในกรณีที่สมาชิกรัฐสภาไม่สามารถรวมกลุ่มได้ครบ 20 คน และไม่สามารถเลือกกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญได้ครบ 35 คน ได้กำหนดให้รัฐสภาโหวตเลือกจากบุคคลที่อยู่ในบัญชีที่ถูกเสนอชื่อให้เป็นกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญตามจำนวนที่ขาด โดยใช้มติของรัฐสภา จำนวน 2 ใน 3 เพื่อตัดสิน
.
ส่วนเหตุผลที่ต้องใช้เกณฑ์เห็นชอบ 2 ใน 3 นั้นเพื่อป้องกันการใช้เสียงข้างมากลากไป และอย่างน้อยการให้ความเห็นชอบผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญนั้นต้องมีส่วนผสมระหว่างฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล
.
"เช่น กรณีที่กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้ไม่ครบ 35 คน ขาดอีก 3 คน การเสนอชื่อให้รัฐสภาโหวตต้องเสนอชื่อเข้ามาเป็น 2 เท่า หรือ 6 คน จากนั้นให้รัฐสภาลงมติ สำหรับคนที่จะได้รับคัดเลือก ให้พิจารณาตามคะแนนโหวตสูงสุดเรียงตามลำดับที่ขาด ทั้งนี้ มีเงื่อนไขต้องได้เสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ด้วยนรเศรษฐ์ กล่าว
.
นรเศรษฐ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับกรอบเวลาที่รัฐสภาต้องเลือกกรรมาธิการยกร่างฯ ให้แล้วเสร็จ ภายใน 60 วัน แต่หากครบเวลาแล้ว ไม่สามารถได้กรรมาธิการยกร่างฯ ครบ 35 คน แต่ไม่น้อยกว่า 90% หรือ 32 คน ให้ทำหน้าที่ไปตามจำนวนที่มี
.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับมติที่ประชุมกรรมาธิการฯ ที่เห็นชอบกับสูตร ’20 หยิบ 1′ โดยมีกรรมาธิการงดออกเสียง 10 เสียงนั้น กลุ่มที่งดออกเสียงประกอบด้วยกรรมาธิการในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทย
.
จากนั้นที่ประชุมได้พิจารณากันต่อ ถึงประเด็นที่มาและคุณสมบัติของบัญชีรายชื่อ ซึ่งจะเสนอมาให้รัฐสภาคัดเลือกเข้าสู่กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และกรรมาธิการรับฟังความเห็นฯ โดยพรรคประชาชนได้เสนอให้ใช้การคำนวณคะแนนแบบบัญชีรายชื่อ ขณะที่พรรคภูมิใจไทยจะเสนอให้รัฐสภาเป็นผู้เลือกจากตัวแทนกลุ่มต่างๆ
.
https://www.khaosod.co.th/politics/news_10018237
.
https://thestandard.co/constitution-amendment-committee-20-to-1-formula/
.

.
ปชน.เดือด ซัด ‘สมคิด’ บิดเบือนปมตีตก ส.ส.ร. จี้หยุดพูดเรื่องกมธ. คาดเตรียมก่อหวอดคว่ำแก้รธน.
https://www.matichon.co.th/politics/news_5455233
.
ภัณฑิล เดือดซัด ‘สมคิด’ บิดเบือน ปมตีตก ส.ส.ร. จี้หยุดแสดงความเห็น ทั้งที่ไม่ได้เป็นกรรมาธิการ แฉบรรยากาศประชุม ผู้อาวุโส เหลี่ยมทุกดอก ถ่วงเวลาพิจารณา ประเมินเตรียมก่อหวอด คว่ำแก้รธน.
.
เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ที่รัฐสภา นายภัณฑิล น่วมเจิม ส.ส.กทม.พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภา แถลงถึงการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต่อประเด็นที่มาของ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญจำนวน 35 คน ว่า ที่ประชุมได้ลงมติข้างมากตัดสินให้ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ มีที่มาจากการสมัครของประชาชนและให้รัฐสภาเป็นผู้คัดเลือก ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามเนื้อหาที่พรรคประชาชนเสนอให้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง ทั้งนี้ในรายละเอียดยังต้องหารือกันอีกครั้งว่าจะกำหนดคุณสมบัติของผู้สมัครเข้ารับการเลือกเป็นกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ อย่างไรทั้งการเป็นตัวแทนเชิงพื้นที่เชิงประเด็นหรือเป็นผู้เชี่ยวชาญ
.
นายภัณฑิล กล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่กมธ. พิจารณาแล้วเสร็จไปเมื่อ 12 พ.ย. นนั้น พบว่ามีการบิดเบือนจากคนของพรรคเพื่อไทย คือ นายสมคิด เชื้อคง ที่บอกว่าพรรคประชาชนจับมือกับพรรคภูมิใจไทย ปัดตก ส.ส.ร. ซึ่งเรื่องดังกล่าวมีข้อเท็จจริงจริง คือ ส.ส.ร.ที่เสนอต่อที่ประชุมกมธ. ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ดังนั้นจึงเป็นข้อเสนอที่ไม่มีค่า ส่วนโมเดลที่พรรคประชาชนเสนอต่อองค์กรร่างรัฐธรรมนูญคือให้มีการเลือกตั้ง แต่มติที่ประชุมไม่เอา จึงต้องหากลไกอื่น
.
อย่าลืมว่าร่างหลักที่รับมาคือเป็นของพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทย ส่วนร่างของพรรคเพื่อไทยปัดตกไปตั้งแต่แรก แต่มีมารยาทยังให้ผู้อาวุโสอภิปรายข้อดีข้อเสีย ที่ผ่านมา เราพูดอย่าง ท่านพูดอีกอย่าง จนเวลาผ่านมาใกล้เงื่อนเวลามากแล้ว ผมอยากตั้งคำถามว่าพรรคเพื่อไทยมีเจตจำนงแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ หรือ ถ่วงเวลา ทำให้มีปัญหา สงวนไว้ทุกมาตราเพื่อให้การอภิปรายวาระสองมีปัญหาและก่อหวอด สุดท้ายเพื่อตีตราว่าพรรคประชาชนไปร่วมกับพรรคสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นคนละเรื่อง และพยายามหาเหตุให้คว่ำ” นายภัณฑิล กล่าว
.
นายภัณฑิล กล่าวต่อว่า ในกมธ. หากมีการถ่ายทอดสด จะเห็นบรรยากาศว่ากว่าจะขยับไปแต่ละเรื่อง พยายามหาทางให้ช้าและยาก เข้าใจว่าต้องการทำให้รอบคอบ แต่แบบนี้ก็ไม่ไหว เพราะมีพยายามบิด เหลี่ยมทุกดอก ตนขอร้องอย่าจั่วหัวผิดๆ และนายสมคิด ก็ไม่ได้อยู่ในกมธ. ไปรับฟังคนอื่นมา ตนมองว่าควรเป็นกมธ.เพื่อไทย ที่ควรออกมาพูด ส่วนคนนอกอย่ามาเสนอความเห็น
.
เมื่อถามว่าในการโหวตเลือก กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ มากกว่า ส.ส.ร. เพราะได้เสียงโหวตจากกมธ.ของพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทย นายภัณฑิล กล่าวว่า เพราะเป็นเนื้อหาในร่างหลักที่รัฐสภารับมา
.

.
ส.ส.ปชน. ร้องทัพฟ้าชี้แจง ทำบัตรผ่านทาง กองบิน 41 บริจาคหรือบังคับให้จ่าย?
https://www.matichon.co.th/politics/news_5455275
.
ส.ส.ปชน. ร้องทัพฟ้าชี้แจง ทำบัตรผ่านทาง กองบิน 41 บริจาคหรือบังคับให้จ่าย?
.
กองบิน 41 – เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน น.ส.เพชรรัตน์ ใหม่ชมภู หรือ พลอย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.เชียงใหม่ เขต 1 พรรคประชาชน ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า
.
“เมื่อความมั่นคงกลายเป็นข้ออ้าง? บริจาคหรือบังคับจ่าย?? จาก “ถนนของภาษีประชาชน” สู่ “เส้นทางผลประโยชน์” ของกองบิน 41?”
.
ความว่า “จากที่พลอยเคยผลักดันและสื่อสารเรื่องที่ กองบิน 41 เปิดให้ประชาชนสัญจรในช่วงเวลาเร่งด่วน ถือเป็นมาตรการที่ช่วยลดการจราจรและอำนวยความสะดวกให้กับคนเชียงใหม่จำนวนมาก
.
แต่หลังจากเหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา มาตรการดังกล่าวได้ถูก “ยกเลิก” ไปด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงและกลับมาใช้ระบบเดิม คือให้เฉพาะผู้ที่ขออนุญาตทำบัตรกองบิน “เท่านั้น” ที่สามารถผ่านได้
.
ในฐานะ ส.ส. และประชาชน พลอยเข้าใจและเคารพในเหตุผลเรื่อง “ความมั่นคงของประเทศ” อย่างเต็มที่ จึงได้เดินทางไปทำบัตรผ่านกองบินด้วยตนเองตามช่วงเวลาที่มีกองบินมีการเปิดให้ทำ
.
แต่ในขณะเดียวกัน สิ่งที่พลอยพบเมื่อเข้าไปทำบัตรกองบิน 41 เพื่อขออนุญาตใช้เส้นทางตามขั้นตอน กลับสะท้อนให้เห็น “อีกมุมหนึ่ง” ของระบบที่อาจไม่โปร่งใสเท่าที่ควร
.
สิ่งที่พลอยพบในวันนั้น 
.
1. เรื่อง “บริจาค” ที่ไม่ใช่การบริจาคจริง อ้างอิงคำให้สัมภาษณ์ต่อสื่อของอดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ ว่า “ทางกองบินไม่ได้เก็บค่าใช้จ่าย แต่เปิดให้ประชาชนบริจาคตามสมัครใจ อาจปีละ 100-200 บาท และหากไม่ประสงค์บริจาคก็สามารถทำบัตรได้เช่นกัน” (อ้างอิง: https://www.dailynews.co.th/news/3132210/)
.
แต่ในทางปฏิบัติ พลอยกลับพบว่า ไม่มีช่องทางให้เลือก “ไม่บริจาค” ได้จริง และขั้นตอนทั้งหมดถูกทำให้เข้าใจว่า “ต้องบริจาค” เพื่อทำบัตรได้เท่านั้น เริ่มต้นจากที่มีป้ายให้คําแนะนํากรอกฟอร์มแบบรายงานขอบัตรยานพาหนะ หมายเลข 3 (บุคคลภายนอก) และหนังสือแสดงเจตจำนงมอบเงินบำรุงที่มีการให้ติ๊กถูก ในช่องบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือราชการ โดยส่วนท้าย มีการแนะนําให้ใส่ตัวเลขยัง 100 บาทด้วย
.
ซํ้าด้วยเจ้าหน้าที่ที่ประจำจุดต่างๆ ตั้งแต่ จุดขอเอกสารแบบรายงานขอฯ จุดตรวจเอกสาร และจุดชําระเงิน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “เป็นค่าธรรมเนียม 100 บาท” ไม่ใช่การบริจาค และพลอยได้ถามย้ำว่าเราสามารถบริจาคให้กองบิน 41 มากกว่าหรือน้อยกว่านี้ได้หรือไม่? เจ้าหน้าที่ก็ยังคงยํ้าชัดเป็นจํานวน 100 บาท เท่านั้น และ 100 บาทนี้ ไม่นับรวมค่าแบบรายงานขอฯ จํานวน 10 บาท กลายเป็นประชาชนต้องเสียจริงเป็นจํานวนเงินทั้งสิ้น 110 บาท
.
ซึ่งคำว่า “บริจาค” ในลักษณะนี้ จึงกลายเป็น “ค่าธรรมเนียมแฝง” ที่ประชาชนจำใจต้องจ่ายเพราะถ้าไม่จ่ายก็ไม่สามารถทำบัตรกองบินได้
.
2. สิ่งที่ผิด อาจไม่ใช่คนที่รับทำบัตรแทน แต่คือ ‘ระบบ’ ที่เปิดช่องให้ผลประโยชน์เกิดขึ้นในที่ซึ่งควรจะโปร่งใสที่สุด
.
คำถามที่อยากสะท้อนกลับไปยังกองทัพอากาศในฐานะหน่วยราชการที่ได้รับ งบประมาณจากภาษีของประชาชนปีละกว่า 2-3 หมื่นล้านบาท
กองทัพควรเป็นตัวอย่างของความโปร่งใส ไม่ใช่ใช้ “ความมั่นคง” เป็นข้ออ้างในการสร้างระบบผลประโยชน์เชิงธุรกิจ
คำถามสำคัญที่พลอยอยากฝากไว้คือ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่