JJNY : พนิดาชี้มั่นใจปชน.ตัวเลือกดีสุด คนปากน้ำ│กมธ.แก้รธน.ล่ม│ชาวนาพิจิตรครวญ รัฐประกาศ│ชาวนาโคราช เกี่ยวข้าวหนีน้ำท่วม

พนิดา ชี้สัญญาณชัด พท.-บ้านใหญ่อัศวเหม การเมืองชนชั้นนำ มั่นใจปชน.ตัวเลือกดีสุด คนปากน้ำ
.
.
เตรียมความพร้อมศึกเลือกตั้งสมุทรปราการ ‘พนิดา’ ชี้ข่าวบ้านใหญ่อัศวเหม-เพื่อไทย เป็นการเมืองของชนชั้นนำ ไม่ใช่ของประชาชน
.
เมื่อเวลา 11.50 น. วันที่ 7 พฤศจิกายน น.ส.พนิดา มงคลสวัสดิ์ ส.ส.เขต 1 จ.สมุทรปราการ พรรคประชาชน กล่าวถึงกระแสข่าว “บ้านใหญ่อัศวเหม” เตรียมจับมือกับพรรคเพื่อไทย เพื่อเตรียมความพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งใหญ่ใน จ.สมุทรปราการ ว่าการจับมือกันของบ้านใหญ่และพรรคเพื่อไทยเป็นเรื่องที่ประชาชนอาจตั้งคำถามจำนวนมาก แต่ถือเป็นสัญญาณชัดเจนของการเมืองในแบบชนชั้นนำผู้มีอำนาจ ที่สามารถเปลี่ยนสีเสื้อทางการเมืองได้ตามสถานการณ์ ซึ่งต่างจากนักการเมืองรุ่นใหม่ที่ต้องการทำงานการเมืองเพื่อพิสูจน์ตัวเองต่อประชาชนอย่างแท้จริง
.
เมื่อถามถึงผลการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สมุทรปราการ ที่พรรคประชาชนพ่ายให้กับกลุ่มบ้านใหญ่อัศวเหม และความกังวลต่อการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งต่อไปนั้น น.ส.พนิดากล่าวว่า ต้องยอมรับว่าการเมืองระดับท้องถิ่นกับระดับชาติแตกต่างกัน ทั้งด้านปัจจัยและเงื่อนไขของการเลือกตั้ง โดยเฉพาะการเลือกตั้ง อบจ.ที่จัดขึ้นในวันเสาร์ ไม่มีการเลือกตั้งนอกเขตหรือเลือกตั้งล่วงหน้า ซึ่งเป็นอุปสรรคสำหรับจังหวัดที่มีประชาชนจำนวนมากไปทำงานหรือเรียนอยู่ต่างพื้นที่
.
น.ส.พนิดากล่าวว่า อย่างไรก็ตาม สำหรับการเลือกตั้งระดับชาติ ประชาชนจะพิจารณาจากนโยบายและศักยภาพของผู้แทนที่จะบริหารประเทศในภาพรวม ซึ่งตนยังมั่นใจว่าพรรคประชาชนเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดให้กับพี่น้องสมุทรปราการ
.
ในส่วนการทำงานของ ส.ส.จังหวัดสมุทรปราการ ทั้ง 8 เขตนั้น น.ส.พนิดาระบุว่า ส.ส.ทุกคนยังคงทำงานสื่อสารและแก้ไขปัญหาให้ประชาชนอย่างต่อเนื่อง แม้บางคนจะไม่ค่อยออกสื่อ แต่ยืนยันว่าทุกคนตั้งใจทำงานเต็มที่
.
น.ส.พนิดากล่าวต่อว่า สำหรับการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งหน้า คาดว่า ส.ส.ส่วนใหญ่ของสมุทรปราการจะยังคงอยู่ครบทุกเขต มีเพียงบางพื้นที่ที่อาจมีการปรับเปลี่ยนผู้สมัคร ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการคัดสรรของพรรค
.

.
กมธ.แก้รธน.ล่ม ขาด 2 เสียง โหวตเคาะองค์กรทำฉบับใหม่ไม่ได้ นัดประชุมใหม่ 12 พ.ย.
.
กมธ.แก้รธน. ล่ม ก่อนโหวตเคาะองค์กรทำ รธน.ฉบับใหม่ ด้าน ’โฆษก กมธ.‘ ถามหาวุฒิภาวะ-ความรับผิดชอบการทำงาน หวั่น มีปัญหาในอนาคต ชี้ หากมีประเด็นต้องพิจารณาเพิ่มเติม ไทม์ไลน์อาจขยับได้
.
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 7 พฤศจิกายน ที่รัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับที่…) พ.ศ…. รัฐสภา ที่มี นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) เป็นประธานกมธ. วาระกำหนดการลงมติตัดสินในเนื้อหาของร่างมาตรา 256/1 ว่าด้วยองค์กรที่มีหน้าที่จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ว่าจะให้มีเฉพาะคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเท่านั้น หรือให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) และกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ
.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเริ่มประชุมเวลา 09.30 น. พบว่าที่ประชุมสามารถเปิดประชุม และให้กมธ.ที่เสนอแนวทางต่างๆ ได้ เพื่อนำเสนอแนวคิดและรายละเอียดให้กมธ.ได้พิจารณาและซักถามในรายละเอียดต่างๆ อย่างไรก็ตาม หลังจากเปิดให้สมาชิกอภิปรายเนื้อหาเสร็จสิ้นจนถึงเวลา 12.00 น. แล้ว ประธานในที่ประชุม ระบุว่า ให้มีการลงมติตัดสินเพื่อให้ได้พิจารณาในเนื้อหาอื่นต่อไป ปรากฏว่าก่อนลงมติต้องตรวจสอบองค์ประชุม แต่พบว่า มีกมธ.อยูในห้องประชุมเพียง 20 คนจากกมธ.ทั้งสิ้น 43 คน ถือว่าไม่ครบองค์ประชุม ทำให้ต้องปิดประชุม และนัดประชุมใหม่ในวันที่ 12 พฤศจิกายน เวลา 09.30 น. โดยกำหนดให้นัดลงมติทันที
.
จากนั้นเวลา 13.00 น. นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร ส.ว. พร้อมด้วย น.ส.พนิดา มงคลสวัสดิ์ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคประชาชน (ปชน.) และนายเอกพร รักความสุข ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะ โฆษก กมธ.ฯ แถลงผลการประชุม กมธ.ภายหลังองค์ประชุมล่ม
.
โดยนายนรเศรษฐ์ กล่าวว่า วันนี้ กมธ.พิจารณาในส่วนของมาตรา 256/1 เรื่ององค์ประกอบขององค์กรที่จะจัดทำรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะต้องลงมติ แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถลงมติในมาตรานี้ได้ เพราะกมธ.ที่มาประชุม ไม่ครบองค์ประชุม ทำให้ไม่สามารถเดินหน้าต่อในมาตรานี้ได้ ทั้งที่เป็นมาตราสำคัญ หากลงมติได้จะทำให้การพูดคุยในมาตราถัดไปเป็นไปได้ด้วยความรวดเร็วมากขึ้น ทั้งนี้ ยืนยันว่ากมธ.เร่งพิจารณาอย่างเต็มที่ และพยายามให้แล้วเสร็จตามกรอบเวลาเดิม แต่วันนี้เกิดอุปสรรคในแง่ขององค์ประชุม จึงเลื่อนการลงมติไปในวันพุธที่ 12 พฤศจิกายน โดยเมื่อเปิดประชุมจะอยู่ในวาระแรกคือลงมติทันที ทั้งนี้ ขอเรียกร้องให้กมธ.ทุกท่านเข้าประชุม เพื่อหาฉันทามติให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้เดินหน้าต่อไปได้ตามกรอบเวลาที่กำหนด
.
ด้านนายเอกพร กล่าวว่า ตนไม่อยากให้ทุกคนเข้าใจผิดในหลายแง่มุม แต่อยากเรียนว่าตอนที่เริ่มประชุมครั้งแรก กมธ.ทุกคนมีความเห็นพ้องกันว่าอยากที่จะผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จทันเวลา และมีการวางแผน 2 รูปแบบคือ หากสามารถพิจารณาให้แล้วเสร็จเร็วขึ้น เราก็จะเสนอให้มีการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน แต่หากไม่สามารถทำได้ทัน ใช้เวลาตามปกติ ในสมัยประชุมสามัญวันที่ 12 ธันวาคม ระยะเวลาในการลงมติ แม้จะต้องเว้นระยะเวลา 15 วัน ก็ยังทันช่วงเดือนมกราคม ยืนยันว่าเป็นไปตามกำหนด
.
นายเอกพร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ เราเห็นพ้องต้องการว่าจะมีคณะทำงานก่อนที่จะนำประเด็นต่างๆ เข้ามาหารือหรืออภิปรายในที่ประชุม กมธ. อีกทั้งประเด็นที่จะต้องมีการลงมติในวันนี้ มี 2 ทางคือ 1.ออกไปตามร่างของพรรค ปชน. และ 2.สร้างส.ส.ร. ซึ่งเป็นการเสนอโดยสมาชิกพรรค พท. แม้จะเลือกทางใดทางหนึ่งก็อยู่ในกรอบที่เราตกลงกันตั้งแต่แรก แต่การที่ไม่สามารถลงมติได้ในวันนี้ มาจากสภาพแวดล้อมต่างๆ มีกมธ.ส่วนหนึ่งติดภารกิจที่ต่างประเทศ และส.ส.ต้องลงพื้นที่ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ว่ามีใครไม่อยากลงมติ หรือเล่นเกมการเมือง แต่การทำงานของกมธ.ที่พิจารณาประเด็นว่า จะให้มีองค์กรทำรัฐธรรมนูญใหม่แบบใด ระหว่างเป็นไปตามร่างหลักของพรรคปชน. กับการมี ส.ส.ร. เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาออกแบบให้มีคุณภาพ
.
เมื่อถามถึง สาเหตุที่องค์ประชุมไม่ครบครบ น.ส.พนิดา กล่าวว่า กมธ.ท่านอื่นๆ มีภารกิจเร่งด่วน เช่น กลับไปดูพื้นที่ที่ประสบภัยน้ำท่วม และการป้องกันเรื่องพายุ ทำให้ไม่สามารถลงมติได้ในเวลา 12.30 น. ตามที่ประธาน กมธ.กำหนดไว้
.
เมื่อถามว่า มีประเด็นอื่นๆ ที่ขัดแย้งกันมากทำให้ไม่สามารถลงมติได้ ด้วยหรือไม่ น.ส.พนิดา กล่าวว่า อาจมีความแตกต่างหลากหลายในประเด็นนี้ ซึ่งต้องยอมรับว่ายังไม่สามารถได้ข้อสรุป และยังไม่สามารถมีฉันทามติได้ว่ารูปแบบที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดของผู้เขียนร่างรัฐธรรมนูญจะเป็นอย่างไร โดยจุดนี้อาจเป็นจุดที่ทำให้หลายคนมีความกังวล และเชื่อว่าคณะทำงานของ กมธ. อาจสามารถหาข้อสรุปได้และมีการลงมติในวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ เพื่อที่จะสามารถเดินหน้าต่อในมาตราต่อไปที่จะมีผลจากการกำหนดในมาตรา 256/1 (1)
.
เมื่อถามว่า สัดส่วนของ กมธ.ที่หายไปมีจำนวนเท่าไหร่ น.ส.พนิดา กล่าวว่า จริงๆ เป็นสัดส่วนของหลายพรรค มีทั้งส.ส. และ ส.ว. ที่ไม่ได้อยู่ในห้องประชุม ซึ่งวาระสำคัญแบบนี้ถ้าองค์ประชุมไม่ครบก็อาจจะมีปัญหาในอนาคต เพราะหากลงมติแล้วเสียงปริ่มน้ำก็อาจจะเกิดปัญหา จึงจำเป็นต้องปิดการประชุมในวันนี้ แล้วพิจารณาใหม่ในวันพุธหน้า
.
เมื่อถามว่า รัฐบาลต้องมีส่วนในความรับผิดชอบด้วยหรือไม่ น.ส.พนิดา กล่าวว่า จริงๆ กมธ.ทุกท่าน มีส่วนที่จะต้องรับผิดชอบ เพราะเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่และเป็นความคาดหวังของประชาชน เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
.
ด้านนายนรเศรษฐ์ กล่าวเสริมว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ตนไม่ขอเจาะจงว่าเป็นส.ส.จากพรรคไหน หรือจะเป็น ส.ว. และเชื่อว่ากมธ.เข้าใจอยู่แล้วว่ามาตรานี้มีความสำคัญอย่างไร เราคุยกันมาหลายวัน ไม่ใช่ว่าเราจะมาปุ๊บปั๊บจะลงมติ เรามีการพูดคุยกันมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ซึ่งขอเรียกร้องไปว่าภารกิจเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ถือเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน
.
ถามว่า ไม่ได้มีการวอล์กเอาท์ใช่หรือไม่ นายนรเศรษฐ์ กล่าวว่า มีบางส่วนที่อยู่ในห้องประชุม แต่เมื่อถึงเวลาที่เราจะลงมติแล้ว เราก็ไม่ได้มีการสังเกตว่าท่านใดบ้างที่มีการวอล์กเอาท์ มีเพียงการนับองค์ประชุม และปรากฏว่าองค์ประชุมไม่ครบ พบว่ามีเพียงประมาณ 20 กว่าคน ขาดไป 2 คน
ต่อข้อถามว่า การลงมติไม่ได้ปุ๊ปปั๊ป เป็นไปได้หรือไม่ว่าฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยจะมีธงในใจแล้ว นายนรเศรษฐ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าทุกคนสามารถประเมินได้ ส่วนตัวตนคิดว่า กมธ.ทุกคนมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันมาตลอดคือ สิ่งใดที่ยังมีความคิดเห็นที่ต่างกันสามารถใช้พื้นที่ใน กมธ.ในการพูดคุยเพื่อหาฉันทามติร่วมกันเพื่อที่จะสามารถเดินต่อไปได้
.
นายนรเศรษฐ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ย้ำว่าความเห็นที่ยังไม่ตกผลึกสามารถนำมาพูดคุยกันได้ ผู้ที่เป็นเจ้าของร่างและ กมธ.มีหน้าที่ที่จะชี้แจงอยู่แล้ว หากท่านต้องการเวลา ตนคิดว่าเราก็สามารถที่จะพูดคุยกันได้อย่างมีวุฒิภาวะ เข้าใจว่า กมธ.บางท่านอาจมีภารกิจในพื้นที่ แต่ก็อยากให้ทุกท่านให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เช่นกัน
.
เมื่อถามว่า ประเมินหรือไม่ว่าการประชุมครั้งต่อไป อาจจะเกิดปัญหาอีก นายนรเศรษฐ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าในช่วงสัปดาห์หน้า ประเด็นนี้ได้มีการถกเถียงกันไปพอสมควรแล้ว และเป็นประเด็นที่จะนำไปสู่การแลกเปลี่ยน และถกเถียงกันในประเด็นย่อยได้ต่อไปอีกในหลายประเด็น และหากเราสามารถมีฉันทามติร่วมกันได้ในสัปดาห์นี้ ตนคิดว่าจะ ทำให้งานสามารถคืบหน้าต่อไปได้ แต่หากเป็นสัปดาห์หน้าตนคิดว่าเราจะพยายามให้ได้ฉันทามติภายในวันที่ 12 พฤศจิกายน หากกมธ.ท่านใดที่ยังมีข้อกังวลอยู่ ตนคิดว่าวิธีที่ดีที่สุดคือพื้นที่ กมธ.จะเป็นพื้นที่ที่สามารถแลกเปลี่ยนความเห็นกัน และมีหลายวิธีที่จะสามารถทำให้การผลักดันในประเด็นนี้สามารถเดินหน้าต่อไปได้
.
ถามว่า สัปดาห์หน้ายังมีปัญหาอยู่ ไทม์ไลน์ที่วางไว้จะต้องขยับหรือไม่ นายนรเศรษฐ์ กล่าวว่า เราจะพยายามเดินตามไทม์ไลน์เดิมที่ทาง กมธ.เซ็ตเอาไว้ แต่ไม่ได้ฟิกตายตัว ซึ่งหากมีประเด็นที่เราต้องใช้เวลาในการพูดคุยแลกเปลี่ยนหรือพิจารณาเพิ่มเติม ไทม์ไลน์ก็อาจจะมีการขยับได้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่