ตามที่นัดกันในคลับ ซึ่งผมก็มาบ้าง ไม่มาบ้าง ส่วนมากไม่มา เพราะสุขภาพไม่อำนวย
วันนี้ รู้สึกว่าโอเคสักหน่อย ก็เลยถือโอกาสมาเปิดกระทู้ให้นะครับ
ความป่วยของผม ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เร่งการปฏิบัติอยู่เรื่อยๆ
ถ้าเรารู้จักใช้ประโยชน์จากความทุกข์ พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ความป่วยก็เป็นครูบาอาจารย์ที่ดี ที่ช่วยเร่งความเพียรให้ผมตลอดเวลาเลย
คนที่ไม่ป่วยนี่ เสียเปรียบผมนะครับ ไม่มีใครมาเร่ง ไม่มีใครมาคอยเตือน อาจเผลอสติได้ง่ายกว่าผม
การฝึกสติให้รู้สึกตัว หลวงพ่อเทียนท่าน กล่าวว่า "ให้ออกจากความคิด"
วันนี้ผมพอทราบเป็นสังเขปแล้วว่า การออกจากความคิด นี้มีประโยชน์อย่างอนันต์
เป็นอะไรที่มากมายกว่าที่คาดเอาไว้มากครับ
พอออกจากความคิดได้ จะพบสภาพที่ว่าง หลวงพ่อเทียนท่านจะเรียกว่า "รู้เฉยๆ" หรือ "ปกติ"
ท่านไม่ได้พูดอะไรมาก เพราะสภาพดังกล่าวนี้ ต้องประสบพบกับตัวเองจึงจะทราบว่า รู้เฉยๆ มันเป็นยังไง
สภาพดังกล่าว คือ อาการที่จิตไม่เอากับความคิด ไม่เอาไม่เป็นกับอะไร จิตจึงรู้สภาวะต่างๆ เฉยๆ ไม่ปรุงแต่งไปกับมัน
ซึ่งก็รวมไปถึงความเจ็บป่วยด้วย... จิตไม่เอากับความเจ็บป่วย จิตก็ รู้เฉยๆ ได้ รู้ว่าป่วย แต่ไม่ทุกข์ร้อนกับความป่วย
สภาพความว่างนี้ มันเหมือนไม่ได้ป่วย เพราะไม่ได้รู้สึกว่าเป็นอะไร... แต่ร่างกายก็ยังต้องรักษา ต้องพักผ่อนไปตามเรื่องของมัน
จิตใจไม่เอากับความป่วย มันเห็นร่างกายป่วย แล้วก็แก้ไขกันไป
ผมพอจะสัมผัสได้กับอาการแบบนี้ แม้จะไม่มาก คือบางครั้งที่รู้สึกตัวแล้วมีสภาพว่างขึ้นมา เมื่อนั้น ความป่วยก็จะมีสภาพของมัน โดยที่เราไม่รู้สึกเป็นไปกับมัน จิตใจเราว่าง ปกติ หรือรู้เฉยๆ กับมัน (อธิบายเป็นตัวหนังสือไม่ได้เลยครับ)
มิน่า อาจารย์กำพลถึงได้กล่าวว่า "ผมลาออกจากความพิการแล้วครับ" เพราะท่านเข้าถึงสภาพแบบนี้ได้อย่างชัดเจน
ท่านก็ดำรงความปกติได้ แม้กายจะพิการ สามารถเป็นพยานยืนยันธรรมะของพระพุทธองค์ได้
ท่านจะกล่าวอยู่เสมอว่า ร่างกายของท่านเป็นอุปกรณ์ธรรมะ
หลวงพ่อพุทธทาสท่านก็กล่าวว่า "เช่นนั้นเอง" ถ้าไม่ได้สัมผัสความรู้สึกนี้แล้ว สิ่งนั้นก็เป็นเพียงคำพูด
แม่ชีอุไร(อดีตภรรยาของหลวงพ่อมนตรี) ก็กล่าวว่า "รู้แต่ไม่รับ"
เรื่องความว่างนี้ ผมเองก็เคยติด อรูปสภาวะมาก่อน มันเป็นความว่างอีกแบบหนึ่ง มันคล้ายกันมาก แต่ความว่างที่เกิดจาก อรูป มันยังรู้สึกว่า มีตัวเรา (ยังมีอาการปรุงแต่งความคิดต่างๆ นานาอยู่)
มาวันนี้ ก็ได้เรียนปรึกษากับหลวงพ่อสมบูรณ์ ท่านก็บอกว่า มันคือสภาวะที่ท่านเรียกว่า "ไม่มีเรา" มันเงียบ ไม่มีอะไร ว่างไปเลย แต่ก็ยังรู้สึกตัวอยู่ เห็นกาย เห็นจิตว่ามันเป็นยังไง รู้สึกยังไง
เกิดได้ทุกครั้งที่มีสติ รู้สึกตัว ขึ้นมาทีหนึ่ง ก็มีสภาพนี้ปรากฏขึ้นทีหนึ่ง
แต่อย่างไร ผมก็ไม่ประมาท ไม่สรุปอะไร ดูความรู้สึกไป อยู่แค่ปัจจุบัน ไม่คาดหวัง ไม่เอา ไม่เป็น ไม่ระบุว่าถูกหรือผิด กับอะไรทั้งสิ้น ดูมันไป
หากหลงทาง ผิดไป ก็แก้ไขมันใหม่ ไม่ได้คิดว่าเป็นสิ่งที่ก้าวหน้า หรือถอยหลัง
หลวงพ่อสมบูรณ์ท่านก็กล่าวอยู่เสมอๆ
" ดูที่ปัจจุบันซิ ไม่มีทุกข์ แล้วจะเอาอะไรอีก "
สวีสดีวันสุขครับ
ถึงวันสุขอีกแล้ว สนทนาธรรมกันเถอะ
วันนี้ รู้สึกว่าโอเคสักหน่อย ก็เลยถือโอกาสมาเปิดกระทู้ให้นะครับ
ความป่วยของผม ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เร่งการปฏิบัติอยู่เรื่อยๆ
ถ้าเรารู้จักใช้ประโยชน์จากความทุกข์ พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ความป่วยก็เป็นครูบาอาจารย์ที่ดี ที่ช่วยเร่งความเพียรให้ผมตลอดเวลาเลย
คนที่ไม่ป่วยนี่ เสียเปรียบผมนะครับ ไม่มีใครมาเร่ง ไม่มีใครมาคอยเตือน อาจเผลอสติได้ง่ายกว่าผม
การฝึกสติให้รู้สึกตัว หลวงพ่อเทียนท่าน กล่าวว่า "ให้ออกจากความคิด"
วันนี้ผมพอทราบเป็นสังเขปแล้วว่า การออกจากความคิด นี้มีประโยชน์อย่างอนันต์
เป็นอะไรที่มากมายกว่าที่คาดเอาไว้มากครับ
พอออกจากความคิดได้ จะพบสภาพที่ว่าง หลวงพ่อเทียนท่านจะเรียกว่า "รู้เฉยๆ" หรือ "ปกติ"
ท่านไม่ได้พูดอะไรมาก เพราะสภาพดังกล่าวนี้ ต้องประสบพบกับตัวเองจึงจะทราบว่า รู้เฉยๆ มันเป็นยังไง
สภาพดังกล่าว คือ อาการที่จิตไม่เอากับความคิด ไม่เอาไม่เป็นกับอะไร จิตจึงรู้สภาวะต่างๆ เฉยๆ ไม่ปรุงแต่งไปกับมัน
ซึ่งก็รวมไปถึงความเจ็บป่วยด้วย... จิตไม่เอากับความเจ็บป่วย จิตก็ รู้เฉยๆ ได้ รู้ว่าป่วย แต่ไม่ทุกข์ร้อนกับความป่วย
สภาพความว่างนี้ มันเหมือนไม่ได้ป่วย เพราะไม่ได้รู้สึกว่าเป็นอะไร... แต่ร่างกายก็ยังต้องรักษา ต้องพักผ่อนไปตามเรื่องของมัน
จิตใจไม่เอากับความป่วย มันเห็นร่างกายป่วย แล้วก็แก้ไขกันไป
ผมพอจะสัมผัสได้กับอาการแบบนี้ แม้จะไม่มาก คือบางครั้งที่รู้สึกตัวแล้วมีสภาพว่างขึ้นมา เมื่อนั้น ความป่วยก็จะมีสภาพของมัน โดยที่เราไม่รู้สึกเป็นไปกับมัน จิตใจเราว่าง ปกติ หรือรู้เฉยๆ กับมัน (อธิบายเป็นตัวหนังสือไม่ได้เลยครับ)
มิน่า อาจารย์กำพลถึงได้กล่าวว่า "ผมลาออกจากความพิการแล้วครับ" เพราะท่านเข้าถึงสภาพแบบนี้ได้อย่างชัดเจน
ท่านก็ดำรงความปกติได้ แม้กายจะพิการ สามารถเป็นพยานยืนยันธรรมะของพระพุทธองค์ได้
ท่านจะกล่าวอยู่เสมอว่า ร่างกายของท่านเป็นอุปกรณ์ธรรมะ
หลวงพ่อพุทธทาสท่านก็กล่าวว่า "เช่นนั้นเอง" ถ้าไม่ได้สัมผัสความรู้สึกนี้แล้ว สิ่งนั้นก็เป็นเพียงคำพูด
แม่ชีอุไร(อดีตภรรยาของหลวงพ่อมนตรี) ก็กล่าวว่า "รู้แต่ไม่รับ"
เรื่องความว่างนี้ ผมเองก็เคยติด อรูปสภาวะมาก่อน มันเป็นความว่างอีกแบบหนึ่ง มันคล้ายกันมาก แต่ความว่างที่เกิดจาก อรูป มันยังรู้สึกว่า มีตัวเรา (ยังมีอาการปรุงแต่งความคิดต่างๆ นานาอยู่)
มาวันนี้ ก็ได้เรียนปรึกษากับหลวงพ่อสมบูรณ์ ท่านก็บอกว่า มันคือสภาวะที่ท่านเรียกว่า "ไม่มีเรา" มันเงียบ ไม่มีอะไร ว่างไปเลย แต่ก็ยังรู้สึกตัวอยู่ เห็นกาย เห็นจิตว่ามันเป็นยังไง รู้สึกยังไง
เกิดได้ทุกครั้งที่มีสติ รู้สึกตัว ขึ้นมาทีหนึ่ง ก็มีสภาพนี้ปรากฏขึ้นทีหนึ่ง
แต่อย่างไร ผมก็ไม่ประมาท ไม่สรุปอะไร ดูความรู้สึกไป อยู่แค่ปัจจุบัน ไม่คาดหวัง ไม่เอา ไม่เป็น ไม่ระบุว่าถูกหรือผิด กับอะไรทั้งสิ้น ดูมันไป
หากหลงทาง ผิดไป ก็แก้ไขมันใหม่ ไม่ได้คิดว่าเป็นสิ่งที่ก้าวหน้า หรือถอยหลัง
หลวงพ่อสมบูรณ์ท่านก็กล่าวอยู่เสมอๆ
" ดูที่ปัจจุบันซิ ไม่มีทุกข์ แล้วจะเอาอะไรอีก "
สวีสดีวันสุขครับ