วิธีการฝึกอรูปฌาน
ผู้ที่จะเข้าถึงได้ ต้องผ่านการฝึก “รูปฌาน ๔” จนจิตตั้งมั่นนิ่งละเอียดก่อนแล้วจึง “สลัดรูป” ออกจากจิต เหลือเพียง “นามล้วน ๆ”
ก่อนเข้าสู่อรูปฌาน ผู้ปฏิบัติต้องได้อย่างน้อย “รูปฌานที่ ๔” คือจิตที่มี อุเบกขาและเอกัคคตา บริบูรณ์ ไม่มีปีติ สุข ทุกข์ หรือเวทนาใดๆ เพราะจิตต้องนิ่งสนิท ไม่หวั่นไหวแม้ต่ออารมณ์ละเอียดสุด
พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต กล่าวไว้ว่า
“ถ้าจิตยังอาศัยรูปอยู่ ยังไม่พ้นรูป ยังเข้าอรูปไม่ได้ เหมือนคนยังไม่ตัดเชือก ก็ยังไม่ลอย“ ดังนั้นต้องฝึกจนจิต “สละรูปได้เองโดยธรรมชาติ” ไม่ยึดรูปในกาย ไม่ยึดอารมณ์นิมิต
1. อากาสานัญจายตนะ “อากาศอันไม่สิ้นสุด”
เมื่ออยู่ในรูปฌานที่ ๔ แล้ว ให้ละนิมิตเดิม (เช่นดวงแก้ว หรือกาย) เพ่งไปที่ “ขอบของนิมิต” แล้วปล่อยให้หายไป เหลือแต่ “ความว่าง” ตั้งจิตไว้ในความรู้สึกว่า “อากาศนี้ไม่มีที่สุด ไม่มีขอบเขต” เมื่อจิตนิ่งแนบในความว่างนั้น จิตจะละเอียดเข้าสู่ “อากาสานัญจายตนะ”
อาการจิต: ว่าง โปร่ง ไม่มีที่สิ้นสุด เหมือนอยู่ในอวกาศอันไม่มีขอบ
2. วิญญาณัญจายตนะ “วิญญาณอันไม่สิ้นสุด”
ละการเพ่งอากาศ แล้วพิจารณาว่า “สิ่งที่รู้ว่าอากาศไม่มีที่สุด คือ วิญญาณ” จิตหันมารู้ตัวเองว่า “วิญญาณนี้เองไม่สิ้นสุด” ให้เพ่งรู้เฉพาะ “ความรู้ที่รู้อยู่นี้” เมื่อจิตตั้งมั่นในความรู้ล้วน ๆ โดยไม่อิงรูปหรืออากาศ จิตจะเข้าสู่วิญญาณัญจายตนะ
อาการจิต: สงบ รู้ตัวชัด แต่ไม่มีที่อยู่ เหมือนจิตลอยอยู่ในความรู้บริสุทธิ์
3. อากิญจัญญายตนะ “ไม่มีอะไรเลย”
เมื่อเห็นว่า “แม้ความรู้ที่รู้อยู่ก็เป็นสิ่งมี” ให้ละเสีย ตั้งจิตในความไม่มีอะไรเลย “นี่ไม่มีอะไรเลย ๆ” ความไม่มีจะกลายเป็นอารมณ์สมาธิ เมื่อจิตแนบแน่นใน “ความไม่มี” ก็เข้าสู่อากิญจัญญายตนะ
อาการจิต: ดับสิ้นทุกสิ่งที่รู้ ไม่มีภาพ ไม่มีเสียง ไม่มีตัวรู้ชัด เหลือแต่ความไม่มี
4. เนวสัญญานาสัญญายตนะ “ไม่ใช่สัญญา และไม่ใช่ไม่สัญญา”
เมื่อจิตอยู่ในอากิญจัญญายตนะนาน ๆ จะเริ่มละเอียดขึ้นอีก ความรู้สึกว่า “ไม่มีอะไรเลย” ก็ยังเป็นอารมณ์หนึ่ง ให้ละด้วยเช่นกันเหลือสภาวะที่ “สัญญาไม่ดับ แต่ละเอียดจนจับไม่ได้” ไม่มีการรู้สิ่งใด แต่ก็ไม่ใช่ไม่รู้เลย จิตละเอียดสุดระดับโลกีย์
อาการจิต: ดับเกือบหมด รู้เหมือนไม่รู้ ว่างเหมือนนิพพานแต่ยังมีภวตัณหาแฝงอยู่
“อรูปฌานเป็นการฝึกจิตให้ว่างจากรูปทั้งปวง เหลือแต่จิตบริสุทธิ์เริ่มจากความว่างของอากาศ ไปจนถึงความไม่มีอะไรเลย ผู้ปฏิบัติที่ผ่านรูปฌาน ๔ แล้ว เมื่อวางรูปได้ จิตจะสว่าง ละเอียด และไร้ขอบเขต”
ใช้เป็น ฐานให้เกิดปัญญาเห็นไตรลักษณ์ ได้ง่ายขึ้นเพราะเมื่อจิตไม่ถูกรูปเสียงกลิ่นรสหลอก จิตจะเห็น “ความว่าง ความไม่มีตัวตน” ชัด เป็น ขั้นสุดท้ายของสมาธิฝ่ายโลกีย์ ก่อนเข้าสู่ “โลกุตรธรรม” ลดการยึดมั่นในร่างกาย ซึ่งเป็นก้าวแรกของการปล่อยอุปาทานขันธ์ ๕
วิธีการฝึกอรูปฌาน
ผู้ที่จะเข้าถึงได้ ต้องผ่านการฝึก “รูปฌาน ๔” จนจิตตั้งมั่นนิ่งละเอียดก่อนแล้วจึง “สลัดรูป” ออกจากจิต เหลือเพียง “นามล้วน ๆ”
ก่อนเข้าสู่อรูปฌาน ผู้ปฏิบัติต้องได้อย่างน้อย “รูปฌานที่ ๔” คือจิตที่มี อุเบกขาและเอกัคคตา บริบูรณ์ ไม่มีปีติ สุข ทุกข์ หรือเวทนาใดๆ เพราะจิตต้องนิ่งสนิท ไม่หวั่นไหวแม้ต่ออารมณ์ละเอียดสุด
พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต กล่าวไว้ว่า
“ถ้าจิตยังอาศัยรูปอยู่ ยังไม่พ้นรูป ยังเข้าอรูปไม่ได้ เหมือนคนยังไม่ตัดเชือก ก็ยังไม่ลอย“ ดังนั้นต้องฝึกจนจิต “สละรูปได้เองโดยธรรมชาติ” ไม่ยึดรูปในกาย ไม่ยึดอารมณ์นิมิต
1. อากาสานัญจายตนะ “อากาศอันไม่สิ้นสุด”
เมื่ออยู่ในรูปฌานที่ ๔ แล้ว ให้ละนิมิตเดิม (เช่นดวงแก้ว หรือกาย) เพ่งไปที่ “ขอบของนิมิต” แล้วปล่อยให้หายไป เหลือแต่ “ความว่าง” ตั้งจิตไว้ในความรู้สึกว่า “อากาศนี้ไม่มีที่สุด ไม่มีขอบเขต” เมื่อจิตนิ่งแนบในความว่างนั้น จิตจะละเอียดเข้าสู่ “อากาสานัญจายตนะ”
อาการจิต: ว่าง โปร่ง ไม่มีที่สิ้นสุด เหมือนอยู่ในอวกาศอันไม่มีขอบ
2. วิญญาณัญจายตนะ “วิญญาณอันไม่สิ้นสุด”
ละการเพ่งอากาศ แล้วพิจารณาว่า “สิ่งที่รู้ว่าอากาศไม่มีที่สุด คือ วิญญาณ” จิตหันมารู้ตัวเองว่า “วิญญาณนี้เองไม่สิ้นสุด” ให้เพ่งรู้เฉพาะ “ความรู้ที่รู้อยู่นี้” เมื่อจิตตั้งมั่นในความรู้ล้วน ๆ โดยไม่อิงรูปหรืออากาศ จิตจะเข้าสู่วิญญาณัญจายตนะ
อาการจิต: สงบ รู้ตัวชัด แต่ไม่มีที่อยู่ เหมือนจิตลอยอยู่ในความรู้บริสุทธิ์
3. อากิญจัญญายตนะ “ไม่มีอะไรเลย”
เมื่อเห็นว่า “แม้ความรู้ที่รู้อยู่ก็เป็นสิ่งมี” ให้ละเสีย ตั้งจิตในความไม่มีอะไรเลย “นี่ไม่มีอะไรเลย ๆ” ความไม่มีจะกลายเป็นอารมณ์สมาธิ เมื่อจิตแนบแน่นใน “ความไม่มี” ก็เข้าสู่อากิญจัญญายตนะ
อาการจิต: ดับสิ้นทุกสิ่งที่รู้ ไม่มีภาพ ไม่มีเสียง ไม่มีตัวรู้ชัด เหลือแต่ความไม่มี
4. เนวสัญญานาสัญญายตนะ “ไม่ใช่สัญญา และไม่ใช่ไม่สัญญา”
เมื่อจิตอยู่ในอากิญจัญญายตนะนาน ๆ จะเริ่มละเอียดขึ้นอีก ความรู้สึกว่า “ไม่มีอะไรเลย” ก็ยังเป็นอารมณ์หนึ่ง ให้ละด้วยเช่นกันเหลือสภาวะที่ “สัญญาไม่ดับ แต่ละเอียดจนจับไม่ได้” ไม่มีการรู้สิ่งใด แต่ก็ไม่ใช่ไม่รู้เลย จิตละเอียดสุดระดับโลกีย์
อาการจิต: ดับเกือบหมด รู้เหมือนไม่รู้ ว่างเหมือนนิพพานแต่ยังมีภวตัณหาแฝงอยู่
“อรูปฌานเป็นการฝึกจิตให้ว่างจากรูปทั้งปวง เหลือแต่จิตบริสุทธิ์เริ่มจากความว่างของอากาศ ไปจนถึงความไม่มีอะไรเลย ผู้ปฏิบัติที่ผ่านรูปฌาน ๔ แล้ว เมื่อวางรูปได้ จิตจะสว่าง ละเอียด และไร้ขอบเขต”
ใช้เป็น ฐานให้เกิดปัญญาเห็นไตรลักษณ์ ได้ง่ายขึ้นเพราะเมื่อจิตไม่ถูกรูปเสียงกลิ่นรสหลอก จิตจะเห็น “ความว่าง ความไม่มีตัวตน” ชัด เป็น ขั้นสุดท้ายของสมาธิฝ่ายโลกีย์ ก่อนเข้าสู่ “โลกุตรธรรม” ลดการยึดมั่นในร่างกาย ซึ่งเป็นก้าวแรกของการปล่อยอุปาทานขันธ์ ๕