ความตั้งมั่นของจิต (สมาธิ) มี 2 ระดับใหญ่ ๆ ที่ทำให้จิตตั้งมั่นได้จริง คือ
1. อุปจารสมาธิ สมาธิใกล้ฌาน
2. อัปปนาสมาธิ สมาธิที่เข้าถึงฌานเต็มสมบูรณ์
1) อุปจารสมาธิ
เรียกว่า “อุปจารภูมิ” คือ สมาธิที่ใกล้จะเข้าฌาน แต่ยังไม่ถึงระดับตั้งมั่นเป็นอัปปนา
ลักษณะสำคัญ
จิตวิ่งใน “กุศลวิถี” คือมีความดีเป็นอารมณ์ แต่ ยังลงภวังค์ได้ คือ ยังมีความหลุดไหลไปสู่จิตพื้นฐาน (ภวังค์) มี นิมิต ปรากฏ เช่น ดวงสว่าง รูปบริกรรม รูปปฏิภาค ฯลฯ
เป็นขั้นที่ นิวรณ์สงบแล้วแต่ยังไม่ถึงฌานสมบูรณ์
2) อัปปนาสมาธิ
เรียกว่า “ปฏิลาภภูมิ” คือ ฌานสมบูรณ์ ระดับที่จิตแนบแน่นมาก
ลักษณะสำคัญ
จิตตั้งมั่นทั้งวันก็ได้ ไม่ลงภวังค์เลย องค์ฌาน ประกอบด้วย วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตาทำงานเต็มกำลัง จิตสงบนิ่ง มั่นคง แข็งแรงเหมือน “ถูกตรึงไว้ที่อารมณ์เดียว”
ความต่างของอุปจารสมาธิกับอัปปนาสมาธิ
พระอรรถกถาตอบชัดเจนว่า
อุปจารสมาธิ
“แล่นไปในกุศลวิถีแล้วก็หยั่งลงสู่ภวังค์”
แปลว่า จิตดีแล้ว แต่ยังพักลงพื้นฐานเป็นครั้งคราว ไม่ต่อเนื่อง
อัปปนาสมาธิ
“แล่นไปในกุศลวิถีแม้ตลอดทั้งวัน ก็ไม่หยั่งลงสู่ภวังค์” คือ จิตแนบแน่น ไม่ไหล ไม่พัก เป็นฌานที่ตั้งมั่นตลอด
เรื่องสำคัญ: “นิมิตต้องรักษาเหมือนมเหสีรักษาครรภ์จักรพรรดิ”
ผู้ภาวนาต้อง รักษานิมิต เช่น ดวงแก้ว ความสว่าง ลมหายใจที่ละเอียดกลายเป็นนิมิต ฯลฯ อย่างระมัดระวังที่สุด เพราะ
- ถ้า ไม่มนสิการผิด ๆ
- ไม่เพ่งสี ไม่แยกพิจารณาลักษณะนิมิต
- ไม่คิดฟุ้งปรุงแต่ง
- ไม่ปล่อยให้นิมิตหายไป
นิมิตนั้นจะ อำนวยผล คือทำให้สมาธิแนบแน่นขึ้นเรื่อย ๆ
จึงตรัสเปรียบว่า
- รักษานิมิตเหมือนมเหสีรักษาครรภ์พระจักรพรรดิ
- รักษานิมิต → เหมือนชาวนารักษารวงข้าว
ทั้งสองเปรียบเทียบว่า
ต้องรักษาด้วยความใส่ใจสูงสุด ถ้าพลาด เสียหายใหญ่หลวง
ผลของการรักษานิมิต
- ถ้ารักษาได้ → สมาธิไม่เสื่อม
อุปจารสมาธิจะ “ทรงตัว” และสามารถยกระดับสู่อัปปนาได้ง่าย
- ถ้ารักษาไม่ได้ → สมาธิเสื่อม
“ฌานที่ตนได้แล้วจะพินาศไป”
คือ แม้เคยเข้าฌานได้ก็กลับเสื่อมจนเข้าไม่ถึง
สรุป
- อุปจารสมาธิ คือ อยู่ใกล้ฌาน มีนิมิต ต้องรักษานิมิตให้มั่น
- อัปปนาสมาธิ คือ ฌานสมบูรณ์ จิตไม่ลงภวังค์
- ความต่างที่ชัดที่สุด คือ ลงภวังค์ได้ vs ไม่ลงภวังค์เลย
- ปัจจัยทำให้สมาธิพัฒนา คือ การรักษานิมิตเป็นหัวใจสำคัญ
- ถ้ารักษานิมิตถูกต้อง คือ สมาธิดีขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เสื่อม
- ถ้าประมาท คือ สมาธิเสื่อม แม้เคยได้ฌานก็หายได้
ความตั้งมั่นของจิต (สมาธิ) มี 2 ระดับใหญ่ ๆ
1. อุปจารสมาธิ สมาธิใกล้ฌาน
2. อัปปนาสมาธิ สมาธิที่เข้าถึงฌานเต็มสมบูรณ์
1) อุปจารสมาธิ
เรียกว่า “อุปจารภูมิ” คือ สมาธิที่ใกล้จะเข้าฌาน แต่ยังไม่ถึงระดับตั้งมั่นเป็นอัปปนา
ลักษณะสำคัญ
จิตวิ่งใน “กุศลวิถี” คือมีความดีเป็นอารมณ์ แต่ ยังลงภวังค์ได้ คือ ยังมีความหลุดไหลไปสู่จิตพื้นฐาน (ภวังค์) มี นิมิต ปรากฏ เช่น ดวงสว่าง รูปบริกรรม รูปปฏิภาค ฯลฯ
เป็นขั้นที่ นิวรณ์สงบแล้วแต่ยังไม่ถึงฌานสมบูรณ์
2) อัปปนาสมาธิ
เรียกว่า “ปฏิลาภภูมิ” คือ ฌานสมบูรณ์ ระดับที่จิตแนบแน่นมาก
ลักษณะสำคัญ
จิตตั้งมั่นทั้งวันก็ได้ ไม่ลงภวังค์เลย องค์ฌาน ประกอบด้วย วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตาทำงานเต็มกำลัง จิตสงบนิ่ง มั่นคง แข็งแรงเหมือน “ถูกตรึงไว้ที่อารมณ์เดียว”
ความต่างของอุปจารสมาธิกับอัปปนาสมาธิ
พระอรรถกถาตอบชัดเจนว่า
อุปจารสมาธิ
“แล่นไปในกุศลวิถีแล้วก็หยั่งลงสู่ภวังค์”
แปลว่า จิตดีแล้ว แต่ยังพักลงพื้นฐานเป็นครั้งคราว ไม่ต่อเนื่อง
อัปปนาสมาธิ
“แล่นไปในกุศลวิถีแม้ตลอดทั้งวัน ก็ไม่หยั่งลงสู่ภวังค์” คือ จิตแนบแน่น ไม่ไหล ไม่พัก เป็นฌานที่ตั้งมั่นตลอด
เรื่องสำคัญ: “นิมิตต้องรักษาเหมือนมเหสีรักษาครรภ์จักรพรรดิ”
ผู้ภาวนาต้อง รักษานิมิต เช่น ดวงแก้ว ความสว่าง ลมหายใจที่ละเอียดกลายเป็นนิมิต ฯลฯ อย่างระมัดระวังที่สุด เพราะ
- ถ้า ไม่มนสิการผิด ๆ
- ไม่เพ่งสี ไม่แยกพิจารณาลักษณะนิมิต
- ไม่คิดฟุ้งปรุงแต่ง
- ไม่ปล่อยให้นิมิตหายไป
นิมิตนั้นจะ อำนวยผล คือทำให้สมาธิแนบแน่นขึ้นเรื่อย ๆ
จึงตรัสเปรียบว่า
- รักษานิมิตเหมือนมเหสีรักษาครรภ์พระจักรพรรดิ
- รักษานิมิต → เหมือนชาวนารักษารวงข้าว
ทั้งสองเปรียบเทียบว่า
ต้องรักษาด้วยความใส่ใจสูงสุด ถ้าพลาด เสียหายใหญ่หลวง
ผลของการรักษานิมิต
- ถ้ารักษาได้ → สมาธิไม่เสื่อม
อุปจารสมาธิจะ “ทรงตัว” และสามารถยกระดับสู่อัปปนาได้ง่าย
- ถ้ารักษาไม่ได้ → สมาธิเสื่อม
“ฌานที่ตนได้แล้วจะพินาศไป”
คือ แม้เคยเข้าฌานได้ก็กลับเสื่อมจนเข้าไม่ถึง
สรุป
- อุปจารสมาธิ คือ อยู่ใกล้ฌาน มีนิมิต ต้องรักษานิมิตให้มั่น
- อัปปนาสมาธิ คือ ฌานสมบูรณ์ จิตไม่ลงภวังค์
- ความต่างที่ชัดที่สุด คือ ลงภวังค์ได้ vs ไม่ลงภวังค์เลย
- ปัจจัยทำให้สมาธิพัฒนา คือ การรักษานิมิตเป็นหัวใจสำคัญ
- ถ้ารักษานิมิตถูกต้อง คือ สมาธิดีขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เสื่อม
- ถ้าประมาท คือ สมาธิเสื่อม แม้เคยได้ฌานก็หายได้