ตะลึงพบซากเรือสําเภาจีนโบราณอายุหลายร้อยปีจมหมกโคลนใต้น้ําหน้าวัดพนัญเชิงกลางแม่น้ําป่าสักถูกนักล่าสมบัติโบราณใต้น้ําผูกทุ่นกู้ลอยไปไกล 30 กิโลเมตรเตรียมชําแหละขาย นักข่าวตามแกะลอยเจอสุดเสียดาย
เมื่อเวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนางเภาวนา วงษ์ฤกษ์อายุ 56 ปีอยู่บ้านเลขที่ 11 / 6 ม. 12 ต.กะมัง อ.พระนครศรีอยุธยาติดกับหน้าวัดพนัญเชิงวรวิหาร ว่า เมื่อเย็นวาน (วันที่ 16 กย.) ได้มีนักประดาน้ําไม่ทราบจากกลุ่มใหนเข้ามาดําน้ําหาสมบัติใต้แม่น้ําป่าสัก บริเวณหน้าวัดพนัญเชิงวรวิหารและได้นําถังน้ํามันจํานวนมากทําเป็นทุ่นพยุงกู้ซากเรือสําเภาจีนโบราณทําจากไม้ลําขนาดใหญ่มากและไม่เคยพบเห็นมาก่อนลากจูงผ่านหน้าวัดพนัญเชิงวรวิหาร ออกไปทางแม่น้ําเจ้าพระยาและล่องตามน้ําไปทางอําเภอบางปะอินจังหวัดพระนครศรีอยุธยาซึ่งผู้แจ้งมีความเสียดายเรือสําเภาจีนโบราณลํานี้เป็นอย่างมาก เชื่อว่ามีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นอย่างขอให้ติดตามนําเรือลําดังกล่าวกลับคืนมาเป็นสมบัติของแผ่นดินด้วย
พร้อมกับถ่ายภาพซากเรือให้เป็นหลักฐานออกติดตามและทันที่ที่ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้ง ได้ประสานงานไปยัง นายชัชชัย กิตติชัย หรือ ชัช ตลาดไท อายุ 53 ปีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยอยุธยารวมใจจุดเอเซีย ขอสนับสนุนเรือเร็วจํานวน 2 ลําออกแกะลอยติดตามเรือสําเภาโบราณตามที่ชาวบ้านแจ้งขอความช่วยเหลือติดตาม เริ่มจากจุดที่ชาวบ้านแจ้งจุดที่พบซากเรือสําเภาโบราณในแม่น้ําป่าสักหน้าวัดพนัญเชิงวรวิหารไปพบนักประดาน้ําชาวบ้านกําลังดําน้ํางมหาสมบัติใต้น้ําบริเวณจุดที่พบซากเรือสําเภาโบราณจมอยู่ บอกแต่เพียงสั้นว่ามีการพบเรือโบราณจริงเป็นเรือไม้ลําใหญ่มากใช้ถังน้ํามันขนาด 200 ลิตรผูกเป็นทุ่นพาลากลอยลําไปตามแม่น้ําเจ้าพระยามุ่งหน้าไปทางอาเภอบางปะอิน คาดว่าถูกนําไปชําแหละขายเป็นของเก่าราคาดีโดยนักประดาน้ําพื้นบ้านบอกว่าให้สังเกตเป็นซากเรือไม้ขนาดใหญ่จะมีถึงน้ํามันขนาด 200 ลิตร ผูกเป็นทุ่นอยู่จํานวนเกือบ 100 ใบ
ทีมเรือเร็วของชัช ตลาดไท ได้ใช้เวลานานเกือบ 1 ชั่วโมงขับเรือไปตามแม่น้ําเจ้าพระยา มุ่งหน้าอําเภอบางปะอินเป็นระยะทางไกลกว่า 30 กิโลเมตรไปพบซากเรือลําดังกล่าวจอดเกยตื้นอยู่ที่ท่าน้ําหน้ามัสยิดบ้านพลับ ต.บ้านพลับ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยามีนายสมชาย ธรรมจุฬา อายุ 26 ปีอยู่บ้านเลขที่ 38 ม. 5 ต.บ้านพลับ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยากําลังลากจูงผูกซากเรือสําเภอลําดังกล่าวไว้กับริมตลิ่ง สภาพซากเรือมีถังน้ํามันขนาด 200 ลิตรผูกมัดซากโครงเรือลอยปริ่มน้ําเรืออยู่ในสภาพใช้การไม่ได้แล้ว เหลือเพียงกระดูกงูเห็นกงเรือมีร่องรอยผุกร่อนโผล่พ้นน้ําขึ้นมา
ส่วนหัวเรือมีสภาพสมบูรณ์ที่สุดมีลักษณะหัวแหลมทําจากไม้มีขนาดใหญ่ทั้งลํากลางเรือพบเสากระโดงขนาดใหญ่วางนอนอยู่กลางลําเรือด้วย สอบถามนายสมชาย ธรรมจุฬา รับว่าเป็นเจ้าของเรือลําดังกล่าววัดความยาวได้ประมาณ 40 เมตร ลําเรือกว้างประมาณ 8 เมตร ทําจากไม้ไม่ทราบชนิดเป็นซากเรือโบราณ โดยนายสมชายเปิดเผยว่าเคยงมเรือลักษณะอย่างนี้ชําแหละขายไปแล้ว 1 ลํา แต่ไม่เปิดเผยราคา
สําหรับลํานี้นายสมชาย อ้างว่าทราบว่ามีเรือจมอยู่ใต้น้ําหน้าวัดพนัญเชิงจากนักตกปลา ไปพบเกี่ยวติดเบ็ด เมื่อประมาณ 1 เดือนเศษที่ผ่านมา จึงได้ว่าจ้างนักประดาน้ําพื้นบ้านลงไปสํารวจในเบื้องต้ นพบว่าเป็นซากเรือโบราณขนาดใหญ่ จมดินอยู่ครึ่งลํา จึงนัดสินใจว่าจ้างนักปะดาน้ําพื้นบ้านชุดเดิมเข้ากู้เรือ โกยขุดดินในเรือออกทั้งหมด แล้วใช้ถังน้ํามันขนาด 200 ลิตร จํานวน 85 ใบ บรรจุน้ําผูกเป็นทุ่นมัดติดซากเรือก่อนแล้วค่อยเป่าลมไล่น้ําออกจนซาก เรือลอยลําขึ้นเหนือน้ําเมื่อเย็นวานนี้และลากพยุงตามแม่น้ําเจ้าพระยามาจอดเกยริมตลิ่งหน้าบ้าน เรือลํานี้มีความยาวประมาณ 35 เมตร กว้าง 8
นายสมชายเปิดเผยต่อว่าสภาพเรือไม่สามารถใช้งานได้ใช้เวลาในการกู้ซากเรือนานกว่า เดือนเศษหมดเงินไปเป็นแสนบาทมีคนมาขอซื้อแล้วให้ราคา 1 แสนบาท ตนเองไม่ขายเนื่องจากไม่คุ้มทุนค่าว่าจ้างกู้เรือมา สําหรับซากเรือทั้งหมดนายสมชาย บอกว่าจะทําการรื้อซากชําแหละส่งขายนักสะสมของโบราณและร้านเฟอร์นิเจอร์โบราณมีความต้องการไม้จมน้ําประเภทนี้เป็นอย่างมาก และให้ราคาดี และบอกว่าเรือลําดังกล่าวตนเองได้มาอย่างถูกต้องไม่ได้ไปลักลอบโขมยของใครเพราะถูกจมทิ้งอยู่ใต้น้ํา และจากการเข้าไปตรวจสอบข้อมูลในเว๊ปไซด์ของกูลเกิ้ล พบว่าซากเรือลําดังกล่าวมีลักษณะเดียวกับเรือสําเภาจีนโบราณมีความยาวใกล้เคียงกัน 30-40 เมตร กว้าง 7- 8 เมตร ทําจากไม้มีลักษณะหัวเรือแหลม มีเสาไม้กระโดงใหญ่กลางลําเรือ ส่วนท้ายมนกลม คาดว่าซากเรือลําดังกล่าวมีอายุหลายร้อยปี ซึ่งจะประสานงานไปยังสํานักงานศิลปกรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา เข้ามาตรวจสอบอีกครั้งว่าเรือซากเรือลําดังกล่าวเป็นเรืออะไร
ที่มา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.banmuang.co.th/2014/09/%E0%B8%9E%E0%B8%9A%E0%B8%8B%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%93%E0%B8%88%E0%B8%A1%E0%B8%81/
ตะลึงพบซากเรือสำเภาโบราณจมกลางแม่น้ำป่าสักหน้าวัดเชิง
เมื่อเวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนางเภาวนา วงษ์ฤกษ์อายุ 56 ปีอยู่บ้านเลขที่ 11 / 6 ม. 12 ต.กะมัง อ.พระนครศรีอยุธยาติดกับหน้าวัดพนัญเชิงวรวิหาร ว่า เมื่อเย็นวาน (วันที่ 16 กย.) ได้มีนักประดาน้ําไม่ทราบจากกลุ่มใหนเข้ามาดําน้ําหาสมบัติใต้แม่น้ําป่าสัก บริเวณหน้าวัดพนัญเชิงวรวิหารและได้นําถังน้ํามันจํานวนมากทําเป็นทุ่นพยุงกู้ซากเรือสําเภาจีนโบราณทําจากไม้ลําขนาดใหญ่มากและไม่เคยพบเห็นมาก่อนลากจูงผ่านหน้าวัดพนัญเชิงวรวิหาร ออกไปทางแม่น้ําเจ้าพระยาและล่องตามน้ําไปทางอําเภอบางปะอินจังหวัดพระนครศรีอยุธยาซึ่งผู้แจ้งมีความเสียดายเรือสําเภาจีนโบราณลํานี้เป็นอย่างมาก เชื่อว่ามีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นอย่างขอให้ติดตามนําเรือลําดังกล่าวกลับคืนมาเป็นสมบัติของแผ่นดินด้วย
พร้อมกับถ่ายภาพซากเรือให้เป็นหลักฐานออกติดตามและทันที่ที่ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้ง ได้ประสานงานไปยัง นายชัชชัย กิตติชัย หรือ ชัช ตลาดไท อายุ 53 ปีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยอยุธยารวมใจจุดเอเซีย ขอสนับสนุนเรือเร็วจํานวน 2 ลําออกแกะลอยติดตามเรือสําเภาโบราณตามที่ชาวบ้านแจ้งขอความช่วยเหลือติดตาม เริ่มจากจุดที่ชาวบ้านแจ้งจุดที่พบซากเรือสําเภาโบราณในแม่น้ําป่าสักหน้าวัดพนัญเชิงวรวิหารไปพบนักประดาน้ําชาวบ้านกําลังดําน้ํางมหาสมบัติใต้น้ําบริเวณจุดที่พบซากเรือสําเภาโบราณจมอยู่ บอกแต่เพียงสั้นว่ามีการพบเรือโบราณจริงเป็นเรือไม้ลําใหญ่มากใช้ถังน้ํามันขนาด 200 ลิตรผูกเป็นทุ่นพาลากลอยลําไปตามแม่น้ําเจ้าพระยามุ่งหน้าไปทางอาเภอบางปะอิน คาดว่าถูกนําไปชําแหละขายเป็นของเก่าราคาดีโดยนักประดาน้ําพื้นบ้านบอกว่าให้สังเกตเป็นซากเรือไม้ขนาดใหญ่จะมีถึงน้ํามันขนาด 200 ลิตร ผูกเป็นทุ่นอยู่จํานวนเกือบ 100 ใบ
ทีมเรือเร็วของชัช ตลาดไท ได้ใช้เวลานานเกือบ 1 ชั่วโมงขับเรือไปตามแม่น้ําเจ้าพระยา มุ่งหน้าอําเภอบางปะอินเป็นระยะทางไกลกว่า 30 กิโลเมตรไปพบซากเรือลําดังกล่าวจอดเกยตื้นอยู่ที่ท่าน้ําหน้ามัสยิดบ้านพลับ ต.บ้านพลับ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยามีนายสมชาย ธรรมจุฬา อายุ 26 ปีอยู่บ้านเลขที่ 38 ม. 5 ต.บ้านพลับ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยากําลังลากจูงผูกซากเรือสําเภอลําดังกล่าวไว้กับริมตลิ่ง สภาพซากเรือมีถังน้ํามันขนาด 200 ลิตรผูกมัดซากโครงเรือลอยปริ่มน้ําเรืออยู่ในสภาพใช้การไม่ได้แล้ว เหลือเพียงกระดูกงูเห็นกงเรือมีร่องรอยผุกร่อนโผล่พ้นน้ําขึ้นมา
ส่วนหัวเรือมีสภาพสมบูรณ์ที่สุดมีลักษณะหัวแหลมทําจากไม้มีขนาดใหญ่ทั้งลํากลางเรือพบเสากระโดงขนาดใหญ่วางนอนอยู่กลางลําเรือด้วย สอบถามนายสมชาย ธรรมจุฬา รับว่าเป็นเจ้าของเรือลําดังกล่าววัดความยาวได้ประมาณ 40 เมตร ลําเรือกว้างประมาณ 8 เมตร ทําจากไม้ไม่ทราบชนิดเป็นซากเรือโบราณ โดยนายสมชายเปิดเผยว่าเคยงมเรือลักษณะอย่างนี้ชําแหละขายไปแล้ว 1 ลํา แต่ไม่เปิดเผยราคา
สําหรับลํานี้นายสมชาย อ้างว่าทราบว่ามีเรือจมอยู่ใต้น้ําหน้าวัดพนัญเชิงจากนักตกปลา ไปพบเกี่ยวติดเบ็ด เมื่อประมาณ 1 เดือนเศษที่ผ่านมา จึงได้ว่าจ้างนักประดาน้ําพื้นบ้านลงไปสํารวจในเบื้องต้ นพบว่าเป็นซากเรือโบราณขนาดใหญ่ จมดินอยู่ครึ่งลํา จึงนัดสินใจว่าจ้างนักปะดาน้ําพื้นบ้านชุดเดิมเข้ากู้เรือ โกยขุดดินในเรือออกทั้งหมด แล้วใช้ถังน้ํามันขนาด 200 ลิตร จํานวน 85 ใบ บรรจุน้ําผูกเป็นทุ่นมัดติดซากเรือก่อนแล้วค่อยเป่าลมไล่น้ําออกจนซาก เรือลอยลําขึ้นเหนือน้ําเมื่อเย็นวานนี้และลากพยุงตามแม่น้ําเจ้าพระยามาจอดเกยริมตลิ่งหน้าบ้าน เรือลํานี้มีความยาวประมาณ 35 เมตร กว้าง 8
นายสมชายเปิดเผยต่อว่าสภาพเรือไม่สามารถใช้งานได้ใช้เวลาในการกู้ซากเรือนานกว่า เดือนเศษหมดเงินไปเป็นแสนบาทมีคนมาขอซื้อแล้วให้ราคา 1 แสนบาท ตนเองไม่ขายเนื่องจากไม่คุ้มทุนค่าว่าจ้างกู้เรือมา สําหรับซากเรือทั้งหมดนายสมชาย บอกว่าจะทําการรื้อซากชําแหละส่งขายนักสะสมของโบราณและร้านเฟอร์นิเจอร์โบราณมีความต้องการไม้จมน้ําประเภทนี้เป็นอย่างมาก และให้ราคาดี และบอกว่าเรือลําดังกล่าวตนเองได้มาอย่างถูกต้องไม่ได้ไปลักลอบโขมยของใครเพราะถูกจมทิ้งอยู่ใต้น้ํา และจากการเข้าไปตรวจสอบข้อมูลในเว๊ปไซด์ของกูลเกิ้ล พบว่าซากเรือลําดังกล่าวมีลักษณะเดียวกับเรือสําเภาจีนโบราณมีความยาวใกล้เคียงกัน 30-40 เมตร กว้าง 7- 8 เมตร ทําจากไม้มีลักษณะหัวเรือแหลม มีเสาไม้กระโดงใหญ่กลางลําเรือ ส่วนท้ายมนกลม คาดว่าซากเรือลําดังกล่าวมีอายุหลายร้อยปี ซึ่งจะประสานงานไปยังสํานักงานศิลปกรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา เข้ามาตรวจสอบอีกครั้งว่าเรือซากเรือลําดังกล่าวเป็นเรืออะไร
ที่มา [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้