ตั้งเป้าหมายลดน้ำหนักอย่างไรให้ถูกต้อง?
จริงๆแล้วจขกท.ไม่ได้เป็นคนซีเรียสเรื่องตัวเลขการลดน้ำหนักเท่าไหร่
แต่คนส่วนใหญ่ซีเรียสและชอบตั้งเป้าหมายว่า
"จะลดให้ได้ 5 กิโลใน 1 เดือน"
จขกท.ได้แต่ร้อง ห้ะ... ต้องถามย้อนกลับไปว่า
ปัจจุบันน้ำหนักเท่าไหร่ ส่วนสูงเท่าไหร่ อายุเท่าไหร่
ออกกำลังกายอยู่แล้วหรือไม่
เพราะจู่ๆการนึกพรวดขึ้นมาเลยว่าจะลดให้ได้เท่านั้นเท่านี้
ใน 1 เดือนบ้าง 2 เดือนบ้าง มันไม่ใช่แค่ทำไม่ได้ แต่อาจจะอันตรายถึงชีวิต
อย่างไร
แค่คิดจะลดน้ำหนักมากๆนี่อันตรายถึงชีวิตด้วยหรือ
แน่นอนค่ะ เนื่องจากว่าการที่เราจะลดน้ำหนักให้ได้นั้นมีอยู่ 2 วิธีที่ปลอดภัย
คือ ออกกำลังกาย และลดอาหาร
แต่แม้จะบอกว่าปลอดภัยแล้ว
การทำมากเกินไปก็อันตรายต่อชีวิตอยู่ดี
เพราะถ้าหากว่าเราลดไม่ได้ตามเป้า
เราจะต้องพยายามมากขึ้น โดยการออกกำลังกายให้มากขึ้น หรือกินให้น้อยลง
ไม่ว่าทางไหนก็อันตรายทั้งนั้น
เพราะการออกกำลังกายมากขึ้น
ก็มีมีความเสี่ยงต่อการเสียน้ำมากเกินไป
กล้ามเนื้อบาดเจ็บ หัวใจทำงานหนักเกินไป
ส่วนการลดอาหารมากเกินไปก็เสี่ยงต่อการขาดสารอาหารได้
ลองมาดูกันนะคะว่า การตั้งเป้าหมายลดให้ได้ 5 กิโลต่อเดือนทำไมถึงมากเกินไป
เพราะเราต้องดูตัวเองก่อน เนื่องจากคนพูดนั้น มีน้ำหนักปัจจุบันที่ 55 กิโล ไม่บอกความสูง
แต่จขกท.ให้ความสูงมาตรฐานหญิงไทยเผื่อให้เลยที่ 160 ปัจจุบันไม่ออกกำลังกาย อายุอยู่ในช่วงวัยรุ่น
เพราะฉะนั้นหนทางที่จะลดน้ำหนักให้ได้ 5 กิโลในหนึ่งเดือน
แปลว่าลดน้ำหนักประมาณ 10% ของร่างกาย ไม่ง่ายนะคะ
มาคิดกันเล่นๆว่า เนื่องจากไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน
(วิ่งนานๆครั้ง แอโรบิคนานๆทีไม่นับ)
ก็จะต้องเน้นที่การงดอาหารที่กินเข้าไปเป็นหลัก
จขกท.คิดเล่นๆในใจก็รู้เลยว่าไม่มีทางที่จะอดแล้วเหลือ 5 กิโลในหนึ่งเดือนได้เลย
แต่ว่ามาดูแบบง่ายๆกันดีกว่า แบบที่ใครๆก็ลองคำนวณเล่นๆได้
มีเวบสำหรับการคำนวณแคลอรีหลายเวบเลย
อาจจะไม่ได้เป๊ะแต่ก็พอเป็นแนวทางให้เราใช้ได้
search อากู๋ก็ออกมา apps ในมือถือก็เยอะนะ เลือกใช้ได้
http://www.calculator.net/calorie-calculator.html
สำหรับจขกท.เอง ออกกำลังกายทุกวัน
จะเห็นว่า ถ้าต้องการลด 1 กิโลใน 1 สัปดาห์ต้องกินให้ได้ 935 แคลอรี่ต่อวัน
แปลว่า 1 เดือนก็ลดได้ 4 กิโลนี่นา ใช่มั้ยคะ แต่ไม่ง่ายขนาดนั้น
เดี๋ยวจะเฉลยตอนท้าย
ทีนี้มาดูโจทย์ของเราบ้าง
ถ้าต้องการลด 1 กิโลใน 1 สัปดาห์ต้องกิน 559 แคลอรี่ต่อวัน
แปลว่า 1 เดือนเพิ่งได้ 4 กิโล ยังไม่ถึงเป้าหมายเลยด้วยซ้ำ
ถ้าจะให้ถึงก็ต้องน้อยกว่านั้นอีก
คนที่เคยนับแคลอรี่และนับเป็นคงร้องเลยใช่ไหม
แต่คนไม่เคยนับอาจจะคิดว่า เอ๊ะ แค่นี้เองนะ ไม่น่ายาก
ข้าวมันไก่ 1 จานก็ 600 แคลอรี่ หมดแล้วนะคะ เกินด้วย
ซึ่งเรากินข้าวแค่จานเดียวไม่มีทางอยู่ได้อยู่แล้ว
และนี่คืออีกข้อหนึ่งที่ต้องสังเกตไว้ว่า
ผู้หญิงต้องกินให้ได้ 1,100 แคลอรี่ต่อวัน
ไม่ว่าเราจะกำลังลดน้ำหนักแค่ไหนก็ตาม
เพราะน้อยกว่านั้นมันจะอันตรายต่อระบบร่างกายของเราเอง
ต้องไปขยายเวลาในการลดน้ำหนักมากกว่าลดปริมาณแคลอรี่ลง
เพราะฉะนั้น เวลาที่เราตั้งเป้าหมายในการลดน้ำหนัก
ก็ไม่ใช่สักแต่ว่าตั้งๆไป แล้วก็หลับหูหลับตาพยายามทำแบบไม่มีแบบแผนที่แน่นอน
ถ้าต้องการลดให้ถูกต้องและเร็ว ก็ต้องเปลี่ยนอาหารให้เป็นแบบคลีน
เปลี่ยนแพทเทอร์นการกิน ไม่ใช่สักแต่อดอย่างเดียว ไม่ฉลาดลดนะคะ
จขกท.ไม่เคยเชื่อการอดอาหารว่าเป็นหนทางที่ถูกต้อง
เราต้องกินให้ครบทุกมื้อ แต่เปลี่ยนอาหารให้กินให้อิ่มและดีต่อสุขภาพ
ไม่จำเป็นต้องอดในสิ่งที่เราชอบ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เราจะไม่อยากกินของที่ไม่ดีต่อสุขภาพเอง
ตั้งเป้าหมายผิด ไม่มีแบบแผนในการลด ไม่มีวินัย
เราจะไปไม่ถึงเป้าหมาย แล้วเราก็ท้อถอย
หันไปพึ่งยาลดความอ้วนในท้ายที่สุดเพราะสู้กับอาการอดไม่ไหว
อย่าให้เรื่องแบบนั้นเกิดเลยนะ ร่างกายของเราต้องใช้อีกหลายปี
ผอมสวยแค่ปีสองปี แต่ต้องทนทรมานจากโรคที่เป็นผลข้างเคียงจากยา มันไม่คุ้มกันหรอก
https://www.facebook.com/ihealthdiary
หนูจะลดให้ได้ 5 กิโลใน 1 เดือนค่ะ ... พูดได้แต่ทำไม่ได้ เคยมั้ยคะกับการตั้งเป้าลดน้ำหนักที่ไปไม่ถึงสักที
จริงๆแล้วจขกท.ไม่ได้เป็นคนซีเรียสเรื่องตัวเลขการลดน้ำหนักเท่าไหร่
แต่คนส่วนใหญ่ซีเรียสและชอบตั้งเป้าหมายว่า
"จะลดให้ได้ 5 กิโลใน 1 เดือน"
จขกท.ได้แต่ร้อง ห้ะ... ต้องถามย้อนกลับไปว่า
ปัจจุบันน้ำหนักเท่าไหร่ ส่วนสูงเท่าไหร่ อายุเท่าไหร่
ออกกำลังกายอยู่แล้วหรือไม่
เพราะจู่ๆการนึกพรวดขึ้นมาเลยว่าจะลดให้ได้เท่านั้นเท่านี้
ใน 1 เดือนบ้าง 2 เดือนบ้าง มันไม่ใช่แค่ทำไม่ได้ แต่อาจจะอันตรายถึงชีวิต
อย่างไร
แค่คิดจะลดน้ำหนักมากๆนี่อันตรายถึงชีวิตด้วยหรือ
แน่นอนค่ะ เนื่องจากว่าการที่เราจะลดน้ำหนักให้ได้นั้นมีอยู่ 2 วิธีที่ปลอดภัย
คือ ออกกำลังกาย และลดอาหาร
แต่แม้จะบอกว่าปลอดภัยแล้ว
การทำมากเกินไปก็อันตรายต่อชีวิตอยู่ดี
เพราะถ้าหากว่าเราลดไม่ได้ตามเป้า
เราจะต้องพยายามมากขึ้น โดยการออกกำลังกายให้มากขึ้น หรือกินให้น้อยลง
ไม่ว่าทางไหนก็อันตรายทั้งนั้น
เพราะการออกกำลังกายมากขึ้น
ก็มีมีความเสี่ยงต่อการเสียน้ำมากเกินไป
กล้ามเนื้อบาดเจ็บ หัวใจทำงานหนักเกินไป
ส่วนการลดอาหารมากเกินไปก็เสี่ยงต่อการขาดสารอาหารได้
ลองมาดูกันนะคะว่า การตั้งเป้าหมายลดให้ได้ 5 กิโลต่อเดือนทำไมถึงมากเกินไป
เพราะเราต้องดูตัวเองก่อน เนื่องจากคนพูดนั้น มีน้ำหนักปัจจุบันที่ 55 กิโล ไม่บอกความสูง
แต่จขกท.ให้ความสูงมาตรฐานหญิงไทยเผื่อให้เลยที่ 160 ปัจจุบันไม่ออกกำลังกาย อายุอยู่ในช่วงวัยรุ่น
เพราะฉะนั้นหนทางที่จะลดน้ำหนักให้ได้ 5 กิโลในหนึ่งเดือน
แปลว่าลดน้ำหนักประมาณ 10% ของร่างกาย ไม่ง่ายนะคะ
มาคิดกันเล่นๆว่า เนื่องจากไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน
(วิ่งนานๆครั้ง แอโรบิคนานๆทีไม่นับ)
ก็จะต้องเน้นที่การงดอาหารที่กินเข้าไปเป็นหลัก
จขกท.คิดเล่นๆในใจก็รู้เลยว่าไม่มีทางที่จะอดแล้วเหลือ 5 กิโลในหนึ่งเดือนได้เลย
แต่ว่ามาดูแบบง่ายๆกันดีกว่า แบบที่ใครๆก็ลองคำนวณเล่นๆได้
มีเวบสำหรับการคำนวณแคลอรีหลายเวบเลย
อาจจะไม่ได้เป๊ะแต่ก็พอเป็นแนวทางให้เราใช้ได้
search อากู๋ก็ออกมา apps ในมือถือก็เยอะนะ เลือกใช้ได้
http://www.calculator.net/calorie-calculator.html
สำหรับจขกท.เอง ออกกำลังกายทุกวัน
จะเห็นว่า ถ้าต้องการลด 1 กิโลใน 1 สัปดาห์ต้องกินให้ได้ 935 แคลอรี่ต่อวัน
แปลว่า 1 เดือนก็ลดได้ 4 กิโลนี่นา ใช่มั้ยคะ แต่ไม่ง่ายขนาดนั้น
เดี๋ยวจะเฉลยตอนท้าย
ทีนี้มาดูโจทย์ของเราบ้าง
ถ้าต้องการลด 1 กิโลใน 1 สัปดาห์ต้องกิน 559 แคลอรี่ต่อวัน
แปลว่า 1 เดือนเพิ่งได้ 4 กิโล ยังไม่ถึงเป้าหมายเลยด้วยซ้ำ
ถ้าจะให้ถึงก็ต้องน้อยกว่านั้นอีก
คนที่เคยนับแคลอรี่และนับเป็นคงร้องเลยใช่ไหม
แต่คนไม่เคยนับอาจจะคิดว่า เอ๊ะ แค่นี้เองนะ ไม่น่ายาก
ข้าวมันไก่ 1 จานก็ 600 แคลอรี่ หมดแล้วนะคะ เกินด้วย
ซึ่งเรากินข้าวแค่จานเดียวไม่มีทางอยู่ได้อยู่แล้ว
และนี่คืออีกข้อหนึ่งที่ต้องสังเกตไว้ว่า
ผู้หญิงต้องกินให้ได้ 1,100 แคลอรี่ต่อวัน
ไม่ว่าเราจะกำลังลดน้ำหนักแค่ไหนก็ตาม
เพราะน้อยกว่านั้นมันจะอันตรายต่อระบบร่างกายของเราเอง
ต้องไปขยายเวลาในการลดน้ำหนักมากกว่าลดปริมาณแคลอรี่ลง
เพราะฉะนั้น เวลาที่เราตั้งเป้าหมายในการลดน้ำหนัก
ก็ไม่ใช่สักแต่ว่าตั้งๆไป แล้วก็หลับหูหลับตาพยายามทำแบบไม่มีแบบแผนที่แน่นอน
ถ้าต้องการลดให้ถูกต้องและเร็ว ก็ต้องเปลี่ยนอาหารให้เป็นแบบคลีน
เปลี่ยนแพทเทอร์นการกิน ไม่ใช่สักแต่อดอย่างเดียว ไม่ฉลาดลดนะคะ
จขกท.ไม่เคยเชื่อการอดอาหารว่าเป็นหนทางที่ถูกต้อง
เราต้องกินให้ครบทุกมื้อ แต่เปลี่ยนอาหารให้กินให้อิ่มและดีต่อสุขภาพ
ไม่จำเป็นต้องอดในสิ่งที่เราชอบ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เราจะไม่อยากกินของที่ไม่ดีต่อสุขภาพเอง
ตั้งเป้าหมายผิด ไม่มีแบบแผนในการลด ไม่มีวินัย
เราจะไปไม่ถึงเป้าหมาย แล้วเราก็ท้อถอย
หันไปพึ่งยาลดความอ้วนในท้ายที่สุดเพราะสู้กับอาการอดไม่ไหว
อย่าให้เรื่องแบบนั้นเกิดเลยนะ ร่างกายของเราต้องใช้อีกหลายปี
ผอมสวยแค่ปีสองปี แต่ต้องทนทรมานจากโรคที่เป็นผลข้างเคียงจากยา มันไม่คุ้มกันหรอก
https://www.facebook.com/ihealthdiary