ราตรีสีอำพัน (105)
อาหารค่ำฝีมือชาววังรสเยี่ยม แต่ไม่เผ็ดพร้อมเสริฟสำหรับทุกคน
แต่ละคนแต่งกายสุภาพ แม้แต่แป้งที่ล้ำสมัย วันนี้เธอใส่กระโปรงยาวเลยเข่า ดูแปลกตา หมอเติ้ลมอง
แป้งชี้ไปที่มะ แล้วยักไหล่เป็นที่รู้กันว่ามะกำกับมา
ออเดิร์ฟออกมาเป็นกุ้งกระบอก กุ้งหมักยัดใส้ไก่บดกับกระเทียมพริกไท และปอเปี๊ยะทอด ห่อได้เล็กแน่นพอคำ
มีจานผักสดวางเคียงแก้เลี่ยน ชุดแรกก็ได้ใจคนกินแล้ว ไม่เสียชื่อชาววังเก่า
แล้วเมนคอร์ส(อาหารหลัก)
ท่านชายอะซันยิ้ม เมื่ออาหารจานแรกวางลง ปีกไก่ทอด เป็นอาหารโปรดท่านชาย
หมอเติ้ลแอบตั้งฉายา”ตัวกินไก่”ให้กับหนุ่มใหญ่หน้าหล่อยิ้มหวานปานน้ำผึ้งที่นั่งอยูตรงข้าม
อาหารตามมาติดๆด้วยปลาดอลลี่นึ่งซีอิ้ว ผัดยอดคะน้าน้ำมันหอย
(ผักส่วนใหญ่เป็นผักนำเข้าจากจีน) ต้มยำกุ้งและแกงเขียวหวานไก่ ข้าวหอมมะลิ หอมกรุ่นบนจาน
ป้าอำไพยังทำบางอย่างเผื่อสาวใช้ทุกคนด้วย
”สุดฝีมือเลยงานนี้” “โอ้โฮ้! ป้าเอามือจากไหนมาทำค่ะเนี่ย” หมอเติ้ลยิ้มอย่างเป็นปลื้ม ถามขึ้น
"คนในโรงครัวมีฮัสต้าเป็นหัวเรือ กับฟารี พี่แดง และอีกหลายคน
เขาอยู่กันในครัวมานานพอเห็นแป๊บเดียวก็ทำได้” "แล้วดูผักสวยๆที่แกะเป็นดอกไม้ซิ หลายอันเป็นฝีมือฮัสต้านะคะ”
หมอเติ้ลแปลความให้ทุกคนฟังเป็นภาษาอังกฤษ ท่านป้าขออนุญาตจับดู
“อือ! ข้าเคยดูสาระคดีเกี่ยวกับการแกะสลักผักเพิ่งได้เห็นของจริงวันนี้เองช่างงดงามเหลือเกิน”
“ท่านป้าวาลี (ท่านป้าใหญ่)มีความรอบรู้กว้างขวาง นี่แหละที่เขาเรียกว่าบัณฑิตแหละ” ท่านชายฉัตราทัศน์เอ่ยและหัวเราะอย่างถูกใจ
มะยิ้มกับท่านป้า “ชื่อของท่านคล้ายของมะมาก ชื่อมะเป็นภาษามาลายู “วะลี”
“อ้อ!”ท่านป้าทำหน้าดีใจ
“ออกเสียงคล้ายกันมาก ช่างบังเอิญจริงๆ”
อาหารอร่อยขนาดท่านชายอะซัน อาดัมและมูซาที่ท่านชายเชิญมาร่วมโต๊ะกัน ต้องตักข้าวเพิ่ม
อิ่มแล้วทั้งคณะก็ย้ายมาที่ห้องรับแขก สาวๆเอาบัวลอยเผือกรสอร่อยมาปิดท้ายรายการ
มะมองรอบห้อง สวยมากห้องกว้างขวางวางโซฟาไว้หลายตัวเลือกนั่งตามอัธยาศัย
เธอมองภาพโมเสกที่เป็นรูปท่านพ่อ เขาหน้าตาดีแต่ร่างเล็กกว่าลูกชายแต่งกายมุสลิมเต็มยศ คลุมด้วยผ้ากรูซต้าและคาดด้วยเชือกถักสีดำ ตรงข้ามเป็นภาพทำจากหินโมเสกเช่นกัน เป็นผืนทรายไกลสุดตา เหนือแนวเขาเห็นเพียงสำแสงของตะวันที่ลาลับกระทบแผ่นฟ้าเป็นสีทองอำพัน พื้นทรายทาบทับด้วยแดดลำสุดท้ายเป็นสีอำพันเข้ม อีกฝากหนึ่งพระจันทร์เริ่มลอยตัวขึ้นเป็นวงสีฟ้าอ่อน
“มะครับๆ” พี่รองเรียกถึงสองครั้ง
“อ้อ!ขอบใจจ้ะ กำลังมองภาพที่ทำจากหินโมเสก งานฝีมือชั้นครูจริงๆ”
“สวยครับ เป็นงานที่ท่านพ่อได้รับพระราชทานจากวัง เป็นช่างในวังทำขึ้นครับ” ท่านชายตอบ
ฟาติมาพาสาวๆ ยกถ้วยชาอัสสลามมาให้ดื่มแก้เลี่ยน
ท่านแม่เอามือลูบท้อง “วันนี้กินกันอิ่มจริงๆ ขืนกินแบบนี้น้ำหนักพวกเราต้องขึ้นมาเท่าเดิมเป็นภาระให้ท่านหมออีกแล้ว”
นางหัวเราะเบาๆ หมอเติ้ลยิ้มสวยให้ท่านอาวุโส ป๋าดูเป็นปลื้มที่ลูกสาวทำหน้าที่ได้ดีเป็นที่พอใจของทุกคน และทุกคนให้เกียรติเธอมาก ใบหน้าป๋ายิ้มระรื่นมองศรีตราด้วยความภูมิใจ
“ท่านแม่ค่ะปกติคริสมาสต์ที่นี่จัดงานกันไหมคะ” หมอเติ้ลถาม
“สมัยท่านพ่ออยู่เขาจัดทุกปี ท่านพ่อเป็นคริสต์เหมือนท่านย่า แต่เมื่อท่านสิ้นแล้วก็งดไปนะจ้ะ”
“คุณหมอถามทำไมครับ ความจริงผมเป็นคริสต์เหมือนท่านพ่อ เราก็จัดกันได้ใช่ไหมครับท่านแม่” ท่านแม่ยิ้ม
แต่คนตอบคือท่านป้าใหญ่ “ตามความคิดของข้า ศาสนาไหน พระผู้เป็นเจ้าทุกองค์ล้วนแต่สอนเราให้เป็นคนดี
มีมิตรไมตรี และเอื้ออารีย์ต่อผู้อื่น เช่นนั้นไม่เห็นจะเป็นไร หากท่านชายต้องการจัดเพื่อความรื่นเริง ที่ห้องจัดเลี้ยงอาคารนอก หรือไงน้องข้า”
“ใช่แล้วท่านพี่ ถึงเราเป็นอิสสลามแต่เราไม่เคร่งจนสุดโต่ง เราปฏิบัติตนตามศีลและคำสอนของอัลเลาะห์
ส่วนที่เหลือคือเราต้องเปิดรับโลกภายนอกและวัฒนธรรมอื่นๆด้วย ใช่ไหมท่านหญิงมาเรียม”
ท่านแม่โยนลูกไปที่ท่านหญิง ซี่งคุยไม่ทันผู้อื่นเลยได้แต่ยิ้ม “ใช่ข้าก็คิดเช่นเดียวกับท่านแม่และท่านป้าค่ะ”
มะมองท่านหญิงอย่างเอ็นดู ส่วนท่านป้ารองน้องคนกลาง ไม่ค่อยพูด แต่ใบหน้านางจะมีรอยยิ้มละมุนตลอดเวลา “พวกท่านทุกคนเป็นคนใจกว้าง อีกอย่างโลกปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงทุกวัน เราเปิดรับสิ่งภายนอกที่ดีเข้ามา ผมว่าไม่มีอะไรเสียหายนะครับ” ลุงหม่อมช่วยสรุป
“เช่นนั้นผมกับท่านหมอจะดำเนินการกันเองเพียงท่านแม่อนุญาตเราจะใช้ห้องเลี้ยงอาคารนอกครับ”
“เอ้อ!ดีๆให้ท่านหมอกับหลานชายข้าจัดการ เขาสองคนทำงานร่วมกันมาหลายโครงการแล้ว ล้วนแต่สร้างประโยขน์ให้แก่ผู้คนในประเทศข้า ท่านทั้งสองมีธิดาที่เก่งและสามารถขนาดนี้น่าภูมิใจแทนพวกท่านนัก” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาล้วนแต่สัมผัสได้ถึงความรู้สึกจริงใจทั้งสิ้น ป๋ากับมะก้มศีรษะให้ท่านแล้วยิ้มกว้าง
“พี่รองไอ้หมอเราถ้าจะกลายมาเป็นมหารานีอยู่ที่นี่ซะล่ะมัง”
“ไม่รู้แต่ป๋ากับมะหน้าบานไม่หุบเลย แล้วไอ้คำว่ามหารานีเขาใช้ในอินเดีย ไม่รู้เรื่องเลย” พี่รองดุให้
“เช่นนั้นเรามีเวลาเตรียมงานเพียงวันเดียว มะรืนนี้ก็เป็นวันคริสมาสต์แล้ว” ท่านชายเอ่ยขึ้น
“ท่านชายอย่างห่วงเลย เราเตรียมของมามากมาย ทีแรกกะจะฉลองที่เรือนหมอเติ้ล แต่ท่านแม่ให้ใช้ห้องเลี้ยงใหญ่ยิ่งดีจะได้ชวนกันหลายๆคน ต้องสนุกมากเลย” แป้งมองเติ้ลและมองหน้าท่านชายแล้วหัวเราะเบาๆ
ในความเป็นตัวตนของแป้งแบบแป้งๆ
“เราช่วยกันทำวันเดียวก็เนรมิตงานได้สวยงามแน่ครับหากเริ่มพรุ่งนี้แต่เช้า”
พี่รองเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มแต่หนักแน่นเป็นจังหวะน่าฟัง ท่านแม่ยิ้มมองหน้าพฤกษาอย่างถูกใจ
“พูดจาชัดถ้อยชัดคำ หน้าตาหล่อเหลาคมคาย” ท่านแม่นึกชม และเอ่ยถาม
“ท่านอาจารย์จบสาขาเดียวกับลูกชายข้ามิใช่หรือ”
“เรียกชื่อผมธรรมดาก็ได้ครับ ผมไม่เก่งเท่าท่านชาย”
“แต่พี่ชายหมอก็ไม่หย่อนไปกว่าใครมังคะ”หมอเติ้ลเอ่ยเหมือนจะลองดีกับท่านชาย
ท่านป้ายิ้ม แล้วคิด“นี่แหละนิสัยนาง”
มะตกใจ “เติ้ลผู้ใหญ่อยู่เต็มไปหมดพูดอย่างนี้ไม่สมควรนะลูก”
“หมอขอโทษค่ะ” เธอเผลอว่าตอนนี้อยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่หลายท่าน
“ช่างเถอะๆ ท่านหมอเพียงแค่จะต่อปากต่อคำเล่นไม่มีอะไรหรอกข้ารู้นิสัยนางดี” ท่านป้าใหญ่เอ่ยพร้อมสบตากับลุงหม่อม ที่ก้มศีรษะให้
“แปลก สองคนนี้ทำอะไรกันนะ มาถึงก็คุยกันยาว แล้วดูเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียว” หมอเติ้ลสังเกต
“ให้ผู้ใหญ่ไปพักผ่อนเถอะ ส่วนเด็กๆก็ไปคุยกันต่อที่เรือนหมอนะ”ท่านชายฉัตราทัศน์สรุป
หนุ่มๆสาวๆ ไปคุยกันต่อที่เรือนหมอเติ้ล
“ในกล่องมีบูเก้ ต้นสนเทียม กับเครื่องประดับ แป้งไปลุยซื้อถึงพาหุรัดได้ของมาเพียบ แถมราคาถูกกว่าในห้างอีก
ดีนะคะที่ท่านชายติดต่อสายการบินให้เรา ไม่งั้นโดนปรับเรื่องน้ำหนักแน่ ขนกันมาเหมือนย้ายบ้านเลย” แป้งยิ้ม ท่านชายหัวเราะเบาๆ
“พรุ่งนี้เรานัดกันเช้าหน่อยมาทานของว่างกาแฟที่ห้องรับแขกแล้วค่อยไปจัดกัน หากขาดอะไรจะได้ไปหาซื้อเพิ่มได้ดีไหมครับคุณหมอ”
“ค่ะดี วันนี้ก็จะได้พักกันเช้าหน่อยเก็บแรงไว้บ้าง พี่รองช่วยฝากบอกทุกคนด้วยอากาศช่วงนี้เปลี่ยนต้องดูแลสุขภาพ นี่เป็นวิตามินซี เอาไปด้วย”
“แหม ท่านหมอรู้ไว้ด้วยเภสัชนำทีมมาเองป้อนกันตั้งแต่สุวรรณภูมิแล้วไม่ต้องห่วง บ๊าย” แป้งยิ้มน่ารักให้แล้วทั้งหมดก็จากไป
ราตรีสีอำพัน (105)
อาหารค่ำฝีมือชาววังรสเยี่ยม แต่ไม่เผ็ดพร้อมเสริฟสำหรับทุกคน
แต่ละคนแต่งกายสุภาพ แม้แต่แป้งที่ล้ำสมัย วันนี้เธอใส่กระโปรงยาวเลยเข่า ดูแปลกตา หมอเติ้ลมอง
แป้งชี้ไปที่มะ แล้วยักไหล่เป็นที่รู้กันว่ามะกำกับมา
ออเดิร์ฟออกมาเป็นกุ้งกระบอก กุ้งหมักยัดใส้ไก่บดกับกระเทียมพริกไท และปอเปี๊ยะทอด ห่อได้เล็กแน่นพอคำ
มีจานผักสดวางเคียงแก้เลี่ยน ชุดแรกก็ได้ใจคนกินแล้ว ไม่เสียชื่อชาววังเก่า
แล้วเมนคอร์ส(อาหารหลัก)
ท่านชายอะซันยิ้ม เมื่ออาหารจานแรกวางลง ปีกไก่ทอด เป็นอาหารโปรดท่านชาย
หมอเติ้ลแอบตั้งฉายา”ตัวกินไก่”ให้กับหนุ่มใหญ่หน้าหล่อยิ้มหวานปานน้ำผึ้งที่นั่งอยูตรงข้าม
อาหารตามมาติดๆด้วยปลาดอลลี่นึ่งซีอิ้ว ผัดยอดคะน้าน้ำมันหอย
(ผักส่วนใหญ่เป็นผักนำเข้าจากจีน) ต้มยำกุ้งและแกงเขียวหวานไก่ ข้าวหอมมะลิ หอมกรุ่นบนจาน
ป้าอำไพยังทำบางอย่างเผื่อสาวใช้ทุกคนด้วย
”สุดฝีมือเลยงานนี้” “โอ้โฮ้! ป้าเอามือจากไหนมาทำค่ะเนี่ย” หมอเติ้ลยิ้มอย่างเป็นปลื้ม ถามขึ้น
"คนในโรงครัวมีฮัสต้าเป็นหัวเรือ กับฟารี พี่แดง และอีกหลายคน
เขาอยู่กันในครัวมานานพอเห็นแป๊บเดียวก็ทำได้” "แล้วดูผักสวยๆที่แกะเป็นดอกไม้ซิ หลายอันเป็นฝีมือฮัสต้านะคะ”
หมอเติ้ลแปลความให้ทุกคนฟังเป็นภาษาอังกฤษ ท่านป้าขออนุญาตจับดู
“อือ! ข้าเคยดูสาระคดีเกี่ยวกับการแกะสลักผักเพิ่งได้เห็นของจริงวันนี้เองช่างงดงามเหลือเกิน”
“ท่านป้าวาลี (ท่านป้าใหญ่)มีความรอบรู้กว้างขวาง นี่แหละที่เขาเรียกว่าบัณฑิตแหละ” ท่านชายฉัตราทัศน์เอ่ยและหัวเราะอย่างถูกใจ
มะยิ้มกับท่านป้า “ชื่อของท่านคล้ายของมะมาก ชื่อมะเป็นภาษามาลายู “วะลี”
“อ้อ!”ท่านป้าทำหน้าดีใจ
“ออกเสียงคล้ายกันมาก ช่างบังเอิญจริงๆ”
อาหารอร่อยขนาดท่านชายอะซัน อาดัมและมูซาที่ท่านชายเชิญมาร่วมโต๊ะกัน ต้องตักข้าวเพิ่ม
อิ่มแล้วทั้งคณะก็ย้ายมาที่ห้องรับแขก สาวๆเอาบัวลอยเผือกรสอร่อยมาปิดท้ายรายการ
มะมองรอบห้อง สวยมากห้องกว้างขวางวางโซฟาไว้หลายตัวเลือกนั่งตามอัธยาศัย
เธอมองภาพโมเสกที่เป็นรูปท่านพ่อ เขาหน้าตาดีแต่ร่างเล็กกว่าลูกชายแต่งกายมุสลิมเต็มยศ คลุมด้วยผ้ากรูซต้าและคาดด้วยเชือกถักสีดำ ตรงข้ามเป็นภาพทำจากหินโมเสกเช่นกัน เป็นผืนทรายไกลสุดตา เหนือแนวเขาเห็นเพียงสำแสงของตะวันที่ลาลับกระทบแผ่นฟ้าเป็นสีทองอำพัน พื้นทรายทาบทับด้วยแดดลำสุดท้ายเป็นสีอำพันเข้ม อีกฝากหนึ่งพระจันทร์เริ่มลอยตัวขึ้นเป็นวงสีฟ้าอ่อน
“มะครับๆ” พี่รองเรียกถึงสองครั้ง
“อ้อ!ขอบใจจ้ะ กำลังมองภาพที่ทำจากหินโมเสก งานฝีมือชั้นครูจริงๆ”
“สวยครับ เป็นงานที่ท่านพ่อได้รับพระราชทานจากวัง เป็นช่างในวังทำขึ้นครับ” ท่านชายตอบ
ฟาติมาพาสาวๆ ยกถ้วยชาอัสสลามมาให้ดื่มแก้เลี่ยน
ท่านแม่เอามือลูบท้อง “วันนี้กินกันอิ่มจริงๆ ขืนกินแบบนี้น้ำหนักพวกเราต้องขึ้นมาเท่าเดิมเป็นภาระให้ท่านหมออีกแล้ว”
นางหัวเราะเบาๆ หมอเติ้ลยิ้มสวยให้ท่านอาวุโส ป๋าดูเป็นปลื้มที่ลูกสาวทำหน้าที่ได้ดีเป็นที่พอใจของทุกคน และทุกคนให้เกียรติเธอมาก ใบหน้าป๋ายิ้มระรื่นมองศรีตราด้วยความภูมิใจ
“ท่านแม่ค่ะปกติคริสมาสต์ที่นี่จัดงานกันไหมคะ” หมอเติ้ลถาม
“สมัยท่านพ่ออยู่เขาจัดทุกปี ท่านพ่อเป็นคริสต์เหมือนท่านย่า แต่เมื่อท่านสิ้นแล้วก็งดไปนะจ้ะ”
“คุณหมอถามทำไมครับ ความจริงผมเป็นคริสต์เหมือนท่านพ่อ เราก็จัดกันได้ใช่ไหมครับท่านแม่” ท่านแม่ยิ้ม
แต่คนตอบคือท่านป้าใหญ่ “ตามความคิดของข้า ศาสนาไหน พระผู้เป็นเจ้าทุกองค์ล้วนแต่สอนเราให้เป็นคนดี
มีมิตรไมตรี และเอื้ออารีย์ต่อผู้อื่น เช่นนั้นไม่เห็นจะเป็นไร หากท่านชายต้องการจัดเพื่อความรื่นเริง ที่ห้องจัดเลี้ยงอาคารนอก หรือไงน้องข้า”
“ใช่แล้วท่านพี่ ถึงเราเป็นอิสสลามแต่เราไม่เคร่งจนสุดโต่ง เราปฏิบัติตนตามศีลและคำสอนของอัลเลาะห์
ส่วนที่เหลือคือเราต้องเปิดรับโลกภายนอกและวัฒนธรรมอื่นๆด้วย ใช่ไหมท่านหญิงมาเรียม”
ท่านแม่โยนลูกไปที่ท่านหญิง ซี่งคุยไม่ทันผู้อื่นเลยได้แต่ยิ้ม “ใช่ข้าก็คิดเช่นเดียวกับท่านแม่และท่านป้าค่ะ”
มะมองท่านหญิงอย่างเอ็นดู ส่วนท่านป้ารองน้องคนกลาง ไม่ค่อยพูด แต่ใบหน้านางจะมีรอยยิ้มละมุนตลอดเวลา “พวกท่านทุกคนเป็นคนใจกว้าง อีกอย่างโลกปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงทุกวัน เราเปิดรับสิ่งภายนอกที่ดีเข้ามา ผมว่าไม่มีอะไรเสียหายนะครับ” ลุงหม่อมช่วยสรุป
“เช่นนั้นผมกับท่านหมอจะดำเนินการกันเองเพียงท่านแม่อนุญาตเราจะใช้ห้องเลี้ยงอาคารนอกครับ”
“เอ้อ!ดีๆให้ท่านหมอกับหลานชายข้าจัดการ เขาสองคนทำงานร่วมกันมาหลายโครงการแล้ว ล้วนแต่สร้างประโยขน์ให้แก่ผู้คนในประเทศข้า ท่านทั้งสองมีธิดาที่เก่งและสามารถขนาดนี้น่าภูมิใจแทนพวกท่านนัก” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาล้วนแต่สัมผัสได้ถึงความรู้สึกจริงใจทั้งสิ้น ป๋ากับมะก้มศีรษะให้ท่านแล้วยิ้มกว้าง
“พี่รองไอ้หมอเราถ้าจะกลายมาเป็นมหารานีอยู่ที่นี่ซะล่ะมัง”
“ไม่รู้แต่ป๋ากับมะหน้าบานไม่หุบเลย แล้วไอ้คำว่ามหารานีเขาใช้ในอินเดีย ไม่รู้เรื่องเลย” พี่รองดุให้
“เช่นนั้นเรามีเวลาเตรียมงานเพียงวันเดียว มะรืนนี้ก็เป็นวันคริสมาสต์แล้ว” ท่านชายเอ่ยขึ้น
“ท่านชายอย่างห่วงเลย เราเตรียมของมามากมาย ทีแรกกะจะฉลองที่เรือนหมอเติ้ล แต่ท่านแม่ให้ใช้ห้องเลี้ยงใหญ่ยิ่งดีจะได้ชวนกันหลายๆคน ต้องสนุกมากเลย” แป้งมองเติ้ลและมองหน้าท่านชายแล้วหัวเราะเบาๆ
ในความเป็นตัวตนของแป้งแบบแป้งๆ
“เราช่วยกันทำวันเดียวก็เนรมิตงานได้สวยงามแน่ครับหากเริ่มพรุ่งนี้แต่เช้า”
พี่รองเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มแต่หนักแน่นเป็นจังหวะน่าฟัง ท่านแม่ยิ้มมองหน้าพฤกษาอย่างถูกใจ
“พูดจาชัดถ้อยชัดคำ หน้าตาหล่อเหลาคมคาย” ท่านแม่นึกชม และเอ่ยถาม
“ท่านอาจารย์จบสาขาเดียวกับลูกชายข้ามิใช่หรือ”
“เรียกชื่อผมธรรมดาก็ได้ครับ ผมไม่เก่งเท่าท่านชาย”
“แต่พี่ชายหมอก็ไม่หย่อนไปกว่าใครมังคะ”หมอเติ้ลเอ่ยเหมือนจะลองดีกับท่านชาย
ท่านป้ายิ้ม แล้วคิด“นี่แหละนิสัยนาง”
มะตกใจ “เติ้ลผู้ใหญ่อยู่เต็มไปหมดพูดอย่างนี้ไม่สมควรนะลูก”
“หมอขอโทษค่ะ” เธอเผลอว่าตอนนี้อยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่หลายท่าน
“ช่างเถอะๆ ท่านหมอเพียงแค่จะต่อปากต่อคำเล่นไม่มีอะไรหรอกข้ารู้นิสัยนางดี” ท่านป้าใหญ่เอ่ยพร้อมสบตากับลุงหม่อม ที่ก้มศีรษะให้
“แปลก สองคนนี้ทำอะไรกันนะ มาถึงก็คุยกันยาว แล้วดูเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียว” หมอเติ้ลสังเกต
“ให้ผู้ใหญ่ไปพักผ่อนเถอะ ส่วนเด็กๆก็ไปคุยกันต่อที่เรือนหมอนะ”ท่านชายฉัตราทัศน์สรุป
หนุ่มๆสาวๆ ไปคุยกันต่อที่เรือนหมอเติ้ล
“ในกล่องมีบูเก้ ต้นสนเทียม กับเครื่องประดับ แป้งไปลุยซื้อถึงพาหุรัดได้ของมาเพียบ แถมราคาถูกกว่าในห้างอีก
ดีนะคะที่ท่านชายติดต่อสายการบินให้เรา ไม่งั้นโดนปรับเรื่องน้ำหนักแน่ ขนกันมาเหมือนย้ายบ้านเลย” แป้งยิ้ม ท่านชายหัวเราะเบาๆ
“พรุ่งนี้เรานัดกันเช้าหน่อยมาทานของว่างกาแฟที่ห้องรับแขกแล้วค่อยไปจัดกัน หากขาดอะไรจะได้ไปหาซื้อเพิ่มได้ดีไหมครับคุณหมอ”
“ค่ะดี วันนี้ก็จะได้พักกันเช้าหน่อยเก็บแรงไว้บ้าง พี่รองช่วยฝากบอกทุกคนด้วยอากาศช่วงนี้เปลี่ยนต้องดูแลสุขภาพ นี่เป็นวิตามินซี เอาไปด้วย”
“แหม ท่านหมอรู้ไว้ด้วยเภสัชนำทีมมาเองป้อนกันตั้งแต่สุวรรณภูมิแล้วไม่ต้องห่วง บ๊าย” แป้งยิ้มน่ารักให้แล้วทั้งหมดก็จากไป