เรามีหมอชำนาญโรคมะเร็งเกี่ยวกับอวัยวะสืบพันธุ์ ที่ควรจะใช้ความชำนาญในวิชาชีพช่วยชีวิตคน
กลับเป็นคนเรียกร้องให้รัฐบาลใช้ความรุนแรงกับประชาชน
เรามีจิตแพทย์ชื่อดัง แทนที่จะให้คำปรึกษาคนไข้ที่มีปัญหาเรื่องอารมณ์ จนนำไปสู่โรคเครียด
กลับไม่สามารถระงับความเกลียดของตัวเอง กล่าวหาคนอื่นโดยอาศัยแค่จินตนาการ
เรามีหัวหน้าหมอนิติวิทยาศาสตร์ ที่ต้องทำหน้าที่ค้นหาข้อเท็จจริงตามหลักวิทยาศาสตร์
กลับใช้ความเชื่อส่วนตัวในการวินิจฉัยเครื่องตรวจจับระเบิดที่มีผลต่อชีวิตของผู้ใช้
เรามีอดีตผู้พิพากษาที่เข้ามารับตำแหน่งสำคัญด้วยการดูแลการเลือกตั้งให้เป็นไปอย่างโปร่งใส
กลับใช้ความเป็นผู้พิพากษายกเลิกการตรวจสอบพรรคการเมืองทำผิดกฎหมายซะงั้น
เรามีผู้พิพากษาที่ก่อนจะมีคำพิพากษา ต้องถือว่าจำเลยบริสุทธิ์
กลับตัดสินเอง แล้วก็ลงโทษด้วยการเอากล่องข้าวไปปาใส่รถคุณคำรณวิทย์
เรามี ตลก.ที่ควรจะทำหน้าที่วินิจฉัยด้วยความแม่นยำ เป็นกลาง และทัดเทียม
กลับวินิจฉัยคนอื่นรับเงินเป็นแค่ลูกจ้าง ตัวเองรับเงินเป็นถึงวิทยากร
เรามี ตลก.ที่มีหน้าที่วินิจฉัยผู้อื่นเอื้อประโยชน์ให้กับตัวเองและพวกพ้องหรือไม่
กลับแต่งตั้งลูกเข้ารับตำแหน่ง แล้วไปเรียนต่อเมืองนอก แต่ก็ยังรับเงินเดือนศาล
เรามี คณะ ตลก.ที่ต้องทำหน้าที่สำคัญในการให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
กลับมีคลิปแสดงชัดเจนถึงความพยายามช่วยเหลือพรรคการเมืองให้รอดจากการถูกยุบ
เรามี ตลก.ที่วินิจฉัยการยุบพรรคอย่างสุกเอาเผากิน และวินิจฉัยไปตามสถานการณ์
กลับสถานะความเป็น ส.ส.ของนักการเมืองคนหนึ่ง กลับต้องเลื่อนแล้วเลื่อนอีก
เรามี ปปช.ที่คอยทำหน้าที่ป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ
กลับมีเมียที่ยืมโฉนดคนอื่นไปกู้ แล้วไม่ยอมจ่าย
เรามี อดีต ผู้ว่า สตง.ที่คอยทำหน้าที่ตรวจเงินแผ่นดิน
กลับมีข้อครหาเกี่ยวกับบ้านตัวเอง ที่ก่อสร้างเต็มพื้นที่ 1 ไร่ในราคาเพียง 4 ล้านบาท
เรามีอดีตนายกฯที่พูดอยู่เสมอว่า ยึดมั่นในระบบรัฐสภา
กลับเป็นคนเดินหน้านำม็อบมาที่รัฐสภาเสียเอง
เรามีผู้นำฝ่ายค้านที่ควรจะทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลด้วยเหตุผลให้ประชาชนได้รับรู้
กลับใช้รัฐสภาในการแสดงความถ่อย ตีรวน และถึงขั้นทุ่มเก้าอี้เลยทีเดียวเชียว
เรามีพรรคการเมืองที่ควรจะเป็นตัวแทนของประชาชน ทำหน้าที่สร้างสรรค์ความเจริญก้าวหน้าให้กับประเทศ
กลับทำหน้าที่คอยขัดขวางทุกนโยบายที่จะทำให้ประเทศก้าวหน้า และยังพยายามทำให้ประเทศเสียภาพลักษณ์
เรามีคนเดือนตุลาที่เคยต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย จนทำให้เกิดความสูญเสียมากมาย
กลับมาทั้งเรียกร้องให้มีการทำรัฐประหาร ทั้งเป็นมือเป็นเท้าให้กับเหล่าเผด็จการ
เรามี สว.จากการเลือกตั้ง ที่ควรจะทำงานให้สมกับอำนาจที่ประชาชนมอบให้
กลับไปผสมพันธุ์กับเหล่า สว.ลากตั้ง แล้วคอยก่อกวนการทำงานของรัฐบาลในทุกเรื่อง
เรามีอาจารย์สอนวิชาสื่อสารมวลชนในมหาวิทยาลัย
กลับมองว่ารัฐแทรกแซงสื่อด้วยการนับจำนวนข่าวและจำนวนโฆษณา
เรามีดาราใหญ่ที่ควรจะกล่าวแสดงความขอบคุณที่ได้รับตำแหน่งในงานนาฎราช
กลับไม่รู้จักกาลเทศะ ไล่คนไทยออกจากต่างประเทศออกทีวีซะเลย
เรามีดาราใหญ่อีกคน แทนที่จะพูดถึงข้อดีข้อเสียของการสร้างเขื่อนแม่วงศ์
กลับใช้คำพูดหยาบคายด่าทอคนที่คิดจะป้องกันภัยจากน้ำท่วมเป็นพวกสัตว์นรกได้อีก
และสุดท้ายเรายังมีคนที่ แม้ศาลจะวินิจฉัยแล้วว่า การเผาเกิดขึ้นหลังจากการฆ่า ไม่เกี่ยวกับชายชุดดำ ไม่เกี่ยวกับแกนนำ เพราะเป็นการป้องปรามไม่ให้รัฐใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม
กลับยังคงจำได้แค่ แกนนำยุให้เผาบ้านเผาเมือง เป็นเสียอย่างนี้แล้ว ประเทศไทยจะหลุดพ้นจากความขัดแย้งได้อย่างไรครับ
ประเทศไทยที่เป็นอย่างนี้ ผมสงสัยว่า เรามีพวกนี้มากเกินไปหรือเปล่าครับ
กลับเป็นคนเรียกร้องให้รัฐบาลใช้ความรุนแรงกับประชาชน
เรามีจิตแพทย์ชื่อดัง แทนที่จะให้คำปรึกษาคนไข้ที่มีปัญหาเรื่องอารมณ์ จนนำไปสู่โรคเครียด
กลับไม่สามารถระงับความเกลียดของตัวเอง กล่าวหาคนอื่นโดยอาศัยแค่จินตนาการ
เรามีหัวหน้าหมอนิติวิทยาศาสตร์ ที่ต้องทำหน้าที่ค้นหาข้อเท็จจริงตามหลักวิทยาศาสตร์
กลับใช้ความเชื่อส่วนตัวในการวินิจฉัยเครื่องตรวจจับระเบิดที่มีผลต่อชีวิตของผู้ใช้
เรามีอดีตผู้พิพากษาที่เข้ามารับตำแหน่งสำคัญด้วยการดูแลการเลือกตั้งให้เป็นไปอย่างโปร่งใส
กลับใช้ความเป็นผู้พิพากษายกเลิกการตรวจสอบพรรคการเมืองทำผิดกฎหมายซะงั้น
เรามีผู้พิพากษาที่ก่อนจะมีคำพิพากษา ต้องถือว่าจำเลยบริสุทธิ์
กลับตัดสินเอง แล้วก็ลงโทษด้วยการเอากล่องข้าวไปปาใส่รถคุณคำรณวิทย์
เรามี ตลก.ที่ควรจะทำหน้าที่วินิจฉัยด้วยความแม่นยำ เป็นกลาง และทัดเทียม
กลับวินิจฉัยคนอื่นรับเงินเป็นแค่ลูกจ้าง ตัวเองรับเงินเป็นถึงวิทยากร
เรามี ตลก.ที่มีหน้าที่วินิจฉัยผู้อื่นเอื้อประโยชน์ให้กับตัวเองและพวกพ้องหรือไม่
กลับแต่งตั้งลูกเข้ารับตำแหน่ง แล้วไปเรียนต่อเมืองนอก แต่ก็ยังรับเงินเดือนศาล
เรามี คณะ ตลก.ที่ต้องทำหน้าที่สำคัญในการให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
กลับมีคลิปแสดงชัดเจนถึงความพยายามช่วยเหลือพรรคการเมืองให้รอดจากการถูกยุบ
เรามี ตลก.ที่วินิจฉัยการยุบพรรคอย่างสุกเอาเผากิน และวินิจฉัยไปตามสถานการณ์
กลับสถานะความเป็น ส.ส.ของนักการเมืองคนหนึ่ง กลับต้องเลื่อนแล้วเลื่อนอีก
เรามี ปปช.ที่คอยทำหน้าที่ป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ
กลับมีเมียที่ยืมโฉนดคนอื่นไปกู้ แล้วไม่ยอมจ่าย
เรามี อดีต ผู้ว่า สตง.ที่คอยทำหน้าที่ตรวจเงินแผ่นดิน
กลับมีข้อครหาเกี่ยวกับบ้านตัวเอง ที่ก่อสร้างเต็มพื้นที่ 1 ไร่ในราคาเพียง 4 ล้านบาท
เรามีอดีตนายกฯที่พูดอยู่เสมอว่า ยึดมั่นในระบบรัฐสภา
กลับเป็นคนเดินหน้านำม็อบมาที่รัฐสภาเสียเอง
เรามีผู้นำฝ่ายค้านที่ควรจะทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลด้วยเหตุผลให้ประชาชนได้รับรู้
กลับใช้รัฐสภาในการแสดงความถ่อย ตีรวน และถึงขั้นทุ่มเก้าอี้เลยทีเดียวเชียว
เรามีพรรคการเมืองที่ควรจะเป็นตัวแทนของประชาชน ทำหน้าที่สร้างสรรค์ความเจริญก้าวหน้าให้กับประเทศ
กลับทำหน้าที่คอยขัดขวางทุกนโยบายที่จะทำให้ประเทศก้าวหน้า และยังพยายามทำให้ประเทศเสียภาพลักษณ์
เรามีคนเดือนตุลาที่เคยต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย จนทำให้เกิดความสูญเสียมากมาย
กลับมาทั้งเรียกร้องให้มีการทำรัฐประหาร ทั้งเป็นมือเป็นเท้าให้กับเหล่าเผด็จการ
เรามี สว.จากการเลือกตั้ง ที่ควรจะทำงานให้สมกับอำนาจที่ประชาชนมอบให้
กลับไปผสมพันธุ์กับเหล่า สว.ลากตั้ง แล้วคอยก่อกวนการทำงานของรัฐบาลในทุกเรื่อง
เรามีอาจารย์สอนวิชาสื่อสารมวลชนในมหาวิทยาลัย
กลับมองว่ารัฐแทรกแซงสื่อด้วยการนับจำนวนข่าวและจำนวนโฆษณา
เรามีดาราใหญ่ที่ควรจะกล่าวแสดงความขอบคุณที่ได้รับตำแหน่งในงานนาฎราช
กลับไม่รู้จักกาลเทศะ ไล่คนไทยออกจากต่างประเทศออกทีวีซะเลย
เรามีดาราใหญ่อีกคน แทนที่จะพูดถึงข้อดีข้อเสียของการสร้างเขื่อนแม่วงศ์
กลับใช้คำพูดหยาบคายด่าทอคนที่คิดจะป้องกันภัยจากน้ำท่วมเป็นพวกสัตว์นรกได้อีก
และสุดท้ายเรายังมีคนที่ แม้ศาลจะวินิจฉัยแล้วว่า การเผาเกิดขึ้นหลังจากการฆ่า ไม่เกี่ยวกับชายชุดดำ ไม่เกี่ยวกับแกนนำ เพราะเป็นการป้องปรามไม่ให้รัฐใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม
กลับยังคงจำได้แค่ แกนนำยุให้เผาบ้านเผาเมือง เป็นเสียอย่างนี้แล้ว ประเทศไทยจะหลุดพ้นจากความขัดแย้งได้อย่างไรครับ