.

.
พรรคประชาชน แถลงหลังศาล รธน. ชี้ต้องทำประชามติ 3 ครั้ง แนะควรเร่งทำประชามติรอบแรกพร้อมเลือกตั้ง หลัง 4 เดือนยุบสภา จี้ ‘ภูมิใจไทย’ เสนอร่างแก้ไขเข้ารัฐสภาโดยเร็ว มองคำวินิจฉัยยังไม่ปิดประตู ‘สสร.’ จากการเลือกตั้ง เหตุรัฐสภาออกแบบกลไกส่งร่างฯ มาที่รัฐสภาก่อนทำประชามติได้
.
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 10 กันยายน ที่รัฐสภา พรรคประชาชน นำโดย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค , นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรค พร้อมด้วย ส.ส.ของพรรค แถลงถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย เรื่องกระบวนการจัดทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ
.
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า พรรคประชาชนยืนยันว่า เป้าหมายสําคัญในการแก้ไขปัญหาประเทศควบคู่ไปกับการฟื้นฟูความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ คือการจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ถูกระบุไว้อย่างชัดเจนในข้อตกลง MOA ที่พรรคประชาชนได้จัดทํากับพรรคภูมิใจไทย
.
วันนี้ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า กระบวนการจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะต้องมีการทําประชามติทั้งหมด 2 รอบ ได้แก่ ประชามติรอบที่ 1 เพื่อสอบถามประชาชนพร้อมกันใน 2 ประเด็น คือ 1.1 เห็นด้วยหรือไม่ ว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และ 1.2 เห็นด้วยหรือไม่ กับวิธีการและเนื้อหาเกี่ยวกับการจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15 ที่รัฐสภาเห็นชอบประชามติรอบที่ 2 เพื่อสอบถามประชาชนว่า เห็นด้วยหรือไม่ กับร่างรัฐธรรนมูญฉบับใหม่ ดังนั้น หลังจากนี้พรรคประชาชนเห็นว่า เราควรเดินหน้าสู่การจัดทําประชามติรอบที่ 1 พร้อมกับการเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้นจากการยุบสภาภายใน 4 เดือน หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใหม่ เข้าปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งจะกระทําการได้หลังจากที่รัฐสภาพิจารณา และให้ความเห็นชอบกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15 เพื่อเพิ่มกลไกในการจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่
.
พรรคประชาชน จึงมีข้อเสนอต่อรัฐบาลชุดใหม่ และเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้มีการดําเนินการ ดังต่อไปนี้
.
1. สส. จากแต่ละพรรคการเมือง ควรยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15 เข้าสู่รัฐสภาโดยเร็ว ซึ่งไม่ควรเกินสัปดาห์หน้า เพื่อให้สามารถดําเนินการจัดทําประชามติรอบที่ 1 ได้ทัน พร้อมกับการเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้น จากการยุบสภาภายใน 4 เดือน หลัง ครม. ใหม่ เข้าปฏิบัติหน้าที่ ณ ปัจจุบัน ทาง ส.ส.พรรคประชาชน และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้ยื่นร่างต่อประธานรัฐสภา และถูกบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมรัฐสภามาก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้น พรรคภูมิใจไทยในฐานะพรรคแกนนํารัฐบาล ควรพิจารณารวบรวมเสียง ส.ส.รัฐบาล เพื่อยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15 ของตนเองเข้าสู่รัฐสภาโดยเร็ว ซึ่งควรมีเนื้อหาที่เป็นการเสนอให้มี สสร.ที่มาจากการเลือกตั้งตามข้อตกลง แม้ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่า รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง แต่เราเห็นว่าคําวินิจฉัยดังกล่าว อาจยังไม่ได้ปิดประตูต่อการมี สสร.ที่มาจากการเลือกตั้ง เนื่องจากรัฐสภา สามารถออกแบบกลไกให้ สสร. ส่งร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ สสร. จัดทํา มาที่รัฐสภา ก่อนส่งไปทําประชามติกับประชาชนได้ อย่างไรก็ตาม คงต้องรอดูรายละเอียดในคําวินิจฉัยฉบับเต็ม
.
2. ส.ส.จากแต่ละพรรคการเมือง ควรร่วมกันผลักดันให้มีการเปิดประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15 ในวาระที่ 1 ภายในเดือนกันยายนนี้ โดยไม่จําเป็นต้องรอการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา เนื่องจากเป็นกระบวนการของฝ่ายนิติบัญญัติ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับฝ่ายบริหารโดยตรง เพราะการดําเนินการดังกล่าว จะเป็นจุดเริ่มต้นสําคัญ ที่จะทําให้เป้าหมายในการจัดทําประชามติรอบที่ 1 พร้อมกับการเลือกตั้งทั่วไป ที่จะเกิดขึ้นจากการยุบสภาภายใน 4 เดือน หลัง ครม. ใหม่ เข้าปฏิบัติหน้าที่ เป็นจริงได้
.
สุดท้าย พรรคประชาชนยืนยันว่า เราจะทําหน้าที่เต็มที่ในฐานะพรรคฝ่ายค้าน เพื่อดําเนินการตรวจสอบเสนอแนะ และผลักดันรัฐบาลใหม่ ให้บริหารประเทศเพื่อประโยชน์ของประชาชน และเดินหน้าสู่การปลดล็อกการจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามที่ได้สัญญากับประชาชนไว้ในข้อตกลง
.
เมื่อถามว่า มติเช่นนี้ เหมือนกับการที่รัฐสภายื่นดาบอำนาจให้ศาลรัฐธรรมนูญในการตีความหรือไม่ นายณัฐพงษ์ มองว่า ไม่ได้เป็นการปิดทางมากขึ้นแต่อย่างไร แต่จะคำวินิจฉัยที่บอกว่าให้สามารถทำประชามติ 3 ครั้ง แต่ครั้งที่ 1 และ 2 พร้อม กันได้ ดังนั้น ในวันนี้จึงเป็นที่ชัดเจนว่าสามารถทำประชามติได้ 2 รอบ เพียงแต่รอบแรก ต้องมีการทำออกแบบคำถามอย่างไร เป็นเรื่องที่ต้องคุยกันในสภาต่อ
.
เมื่อถามถึงการที่ในข้อตกลงมีการเขียนไว้ 2 ข้อ แต่ในคำวินิฉัยมีเขียนไว้เฉพาะจำนวนการทำประชามติ และมีเรื่อง สสร. เข้ามาด้วย จะทำให้การเลือกตั้ง สสร. โดยประชาชน แท้งเลยหรือไม่ และได้มีการคุยกับพรรคภูมิใจไทยแล้วหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ยังไม่มีการพูดคุยกันเพิ่มเติม แต่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญค่อนข้างชัดเจน ที่ยังไม่ได้มีการปิดช่องว่า จะมี สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งได้ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ต่อไป เป็นสิ่งที่พวกเราต้องหารือกันในรัฐสภา เพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลง
.
ถามถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่รัฐสภาไม่สามารถให้ประชาชนเลือกผู้มาร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง มองว่าหมายความว่าไม่ได้ปิดกั้น สรร.ใช่หรือไม่นาย ณัฐพงษ์ ระบุว่า ยังมีขั้นตอนรายละเอียดอื่น ๆ เช่น การออกแบบกระบวนการที่เป็นไปได้ แม้แต่การตีความว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมานั้น วินิจฉัยในกรอบรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ก่อนการแก้ไขหมวด 15 ซึ่งไม่มีบทบัญญัติการแก้ไขที่เกี่ยวกับ สสร. ดังนั้น หน้าที่ของสภา คือการแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 15 ให้แล้วเสร็จใน 4 เดือน ส่วนรายละเอียดอื่นๆ เป็นหน้าที่ ส.ส.ทุกคน ที่ต้องตกผลึก
.
เมื่อถามว่า หากสมาชิกมองว่า ควรมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาให้เรียบร้อยก่อน จึงจะให้ดำเนินการ มีความเป็นไปได้หรือไม่ หรือกลัวไม่ทัน นายณัฐพงษ์ เห็นว่า การแก้ไขเพิ่มเติมในหมวด 15 เป็นหน้าที่โดยตรงฝ่ายนิติบัญญัติ จึงไม่มีความจำเป็นแต่อย่างใดที่ต้องรอการแถลงต่อรัฐสภา ยิ่งทอดเวลาออกไป ยิ่งเพิ่มความเสี่ยง ที่จะทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้ทันกรอบเวลา 4 เดือน
.
ถามถึงกรณีที่หากนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี อาจมีการระบุว่า 4 เดือนไม่ทัน ขอเวลามากกว่านี้ เพื่อให้กระบวนการเสร็จสิ้นโดยไม่มีข้อสงสัยนั้น นายณัฐพงษ์ ย้ำว่า ตนได้ชี้แจงไปหมดแล้วว่า สิ่งที่พรรคประชาชนออกมาแสดงความชัดเจน คือการดำเนินการต่อจากนี้ ควรจะต้องทำอย่างไร เช่น การแก้ไขหมวด 15 โดยเร็วทันที โดยไม่ต้องรอให้มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งถือเป็นทางออกแบบหนึ่ง เพื่อให้บรรลุตามข้อตกลง ส่วนพรรคภูมิใจไทยจะมีการดำเนินการหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถตอบแทนได้ เป็นสิ่งที่สื่อมวลชนต้องไปถามนายอนุทิน และพรรคภูมิใจไทย ตนยืนยันว่า การดำเนินการใดๆ ที่จะทำให้พวกเราเห็นว่า พรรคภูมิใจไทยไม่ได้ดำเนินการตามข้อตกลง เราพร้อมใช้เสียงที่มีในสภา กำกับรัฐบาลให้เป็นไปตามข้อตกลง
.
อย่างไรก็ดี ในขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับใครเลย รวมถึงพรรคภูมิใจไทยด้วย เพราะการพูดคุยกับพรรคภูมิใจไทย มีเพียงการพูดคุยผ่านวิปตามปกติ ย้ำว่า ตั้งแต่การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ไม่มีการต่อสายตรงหลังบ้าน ไม่เคยมีการสื่อสารใดๆ กับหัวหน้าพรรคการเมืองใด ที่ผ่านมา พวกเราพยายามทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายค้าน ที่ไม่มีอำนาจในการกำกับทิศทางฝ่ายบริหารโดยตรง
.
เมื่อถามว่า หากนายอนุทินไม่เห็นด้วยกับการตีความของพรรคประชาชน ทั้งเรื่อง สสร.และการจัดทำประชามติ จะทำอย่างไร นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ต้องรอพูดคุยแลกเปลี่ยนกันก่อน โดยสำนึกของวิญญูชน เราสามารถเห็นได้ว่า พรรคภูมิใจไทยมีความจริงใจมากน้อยแค่ไหน ในการเดินหน้าตามเจตนารมณ์ของข้อตกลง เพราะหากมีการบิดพลิ้ว เราก็พร้อมใช้ 143 เสียงล้มรัฐบาลทันที และกำกับทิศทางรัฐบาลให้เป็นไปตามข้อตกลงมากที่สุด
.
สำหรับกรณีที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า แสดงความเห็นว่า เมื่อกำหนดกรอบไว้มากขนาดนี้ ต่อให้ดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้จริงตามกระบวนการ แต่ก็อาจไม่ใช่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่แท้จริง เห็นด้วยหรือไม่ นายณัฐพงษ์ ระบุว่า เป็นหน้าที่ของ ส.ส.ทุกคน ที่ต้องผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของประชาชน ในฐานะผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญมากที่สุด
.
.
ณัฐพงษ์ ลุยตรวจสอบรัฐบาล หลังแถลงนโยบาย ปัดตอบ รมว.ยุติธรรม เป็นบุรีรัมย์คอนเนคชั่น
https://www.matichon.co.th/politics/news_5363174
.
‘ณัฐพงษ์’ ลั่น ตรวจสอบรัฐบาลแน่ แต่ขอรอแถลงนโยบายก่อน หวั่น แสดงความเห็นโฉมหน้า ครม.แล้ว ‘ภูมิใจไทย’ เปลี่ยนใจปรับทัพตาม ปิดปากเงียบ ไม่ตอบ รมต.ยุติธรรม เป็นบุรีรัมย์คอนเนคชัน บอกสื่อรอจับตาทำหน้าที่ ‘ฝ่ายค้าน’ เต็มตัว หลังถูกถามไม่วิจารณ์เท่ากับยอมรับหรือไม่
.
เมื่อเวลา 15.45 น. วันที่ 10 กันยายน ที่รัฐสภา นาย
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดตัวนาง
ศุภจี สุธรรมพันธุ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ว่า ตนตอบคำถามเรื่องคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใหม่มาหลายครั้งแล้วว่าพร้อมทำหน้าที่ตรวจสอบในฐานะฝ่ายค้านทันทีที่มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ณ ตอนนี้ ถ้าให้ความเห็นไปในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน แล้วหากมีการปรับปรุงโฉมหน้า ครม.ไป ตามที่ตนให้ความเห็นก็จะกลายเป็นว่าพรรคปชน.ไปยุ่งเกี่ยวกับ ครม. ซึ่งเป็นเส้นแบ่งที่ไม่ถูกต้องที่เราพยายามสื่อสารกับสังคมมาโดยตลอด ดังนั้น ความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับการจัด ครม. ขอให้เป็นข้อคิดเห็นของสาธารณชน และ สส.ทุกคน แต่ในฐานะหัวหน้าพรรคขอรอให้เกิดความชัดเจนก่อน
.
เมื่อถามว่า มีการบ้านอะไรที่จะมอบให้รัฐมนตรีใหม่หรือไม่ นาย
ณัฐพงษ์ กล่าวว่า กรอบเวลา 4 เดือนก็เป็นกรอบระยะเวลาสั้นๆ ที่ตนอยากให้รัฐบาลชุดใหม่ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ที่สุด และอย่าลืมคำนึงถึงผลผูกพัน เช่น การใช้จ่ายงบประมาณไปถึงรัฐบาลชุดหน้า สิ่งที่เราต้องการตอนนี้ คือรัฐบาลชุดใหม่ที่ประชาชนเลือกมาไปพร้อมกับการเปิดประตูแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก็คงไม่ฝากอะไรมากไปกว่าให้ทุกคนเดินหน้าไปตาม MOA ที่ทำมา
.
เมื่อถามว่า พรรคปชน.สามารถตรวจสอบว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นบุรีรัมย์คอนเนคชั่น และเป็นคนสนิทของ ส.ว.สีน้ำเงิน ได้หรือไม่ นาย
ณัฐพงษ์ กล่าวว่า พร้อมตรวจสอบทันที อยากให้จับตาการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาวันแรกที่นอกเหนือจากเนื้อหาที่จะแถลง ก็ยังมีความเหมาะสมของ ครม. ที่เราเตรียมเนื้อหาไว้อภิปรายเรียบร้อยแล้ว
.
เมื่อถามถึง กรณีที่มีการมองว่าเป็นความรับผิดชอบของนาย
ณัฐพงษ์ที่ทำให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นบุรีรัมย์คอนเนคชั่น นาย
ณัฐพงษ์ กล่าวว่า อย่างที่บอกไป ขอยังไม่ให้ความเห็นในส่วนนี้ รอการแต่งตั้งและทำหน้าที่อย่างเป็นทางการก่อนดีกว่า
.
“
ผมพร้อมให้ความคิดเห็นอย่างเต็มที่เรื่อง ครม. แต่หากตนให้ความเห็นไปก่อน แล้วมีการปรับเปลี่ยน ครม. ก็แปลว่าตนไม่ได้ดำรงสภาพในพรรคฝ่ายค้าน” นาย
ณัฐพงษ์ กล่าว
.
เมื่อถามถึง ตำแหน่งที่มีการยืนยันแล้ว เช่น นายกรัฐมนตรีจะควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยด้วย จะทำให้เกิดข้อครหาหรือไม่ หรือควรจะเป็นคนกลางหรือคนนอกมารับตำแหน่งนี้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ อาจจะยังมีการปรับเปลี่ยนได้ ตอนนี้ขออนุญาตจริงๆ ว่ายังไม่ให้ความเห็นในส่วนนี้
JJNY : 5in1 ปชน.แนะทำประชามติ│ณัฐพงษ์ลุยตรวจสอบรบ.│ปิยบุตรชี้ศาลรธน.ปิดทาง│หอค้าไทยหนุนผ่อนปรน│โปแลนด์สอยโดรนรัสเซีย
https://www.matichon.co.th/politics/news_5363182
พรรคประชาชน แถลงหลังศาล รธน. ชี้ต้องทำประชามติ 3 ครั้ง แนะควรเร่งทำประชามติรอบแรกพร้อมเลือกตั้ง หลัง 4 เดือนยุบสภา จี้ ‘ภูมิใจไทย’ เสนอร่างแก้ไขเข้ารัฐสภาโดยเร็ว มองคำวินิจฉัยยังไม่ปิดประตู ‘สสร.’ จากการเลือกตั้ง เหตุรัฐสภาออกแบบกลไกส่งร่างฯ มาที่รัฐสภาก่อนทำประชามติได้
.
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 10 กันยายน ที่รัฐสภา พรรคประชาชน นำโดย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค , นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรค พร้อมด้วย ส.ส.ของพรรค แถลงถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย เรื่องกระบวนการจัดทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ
.
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า พรรคประชาชนยืนยันว่า เป้าหมายสําคัญในการแก้ไขปัญหาประเทศควบคู่ไปกับการฟื้นฟูความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ คือการจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ถูกระบุไว้อย่างชัดเจนในข้อตกลง MOA ที่พรรคประชาชนได้จัดทํากับพรรคภูมิใจไทย
.
วันนี้ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า กระบวนการจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะต้องมีการทําประชามติทั้งหมด 2 รอบ ได้แก่ ประชามติรอบที่ 1 เพื่อสอบถามประชาชนพร้อมกันใน 2 ประเด็น คือ 1.1 เห็นด้วยหรือไม่ ว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และ 1.2 เห็นด้วยหรือไม่ กับวิธีการและเนื้อหาเกี่ยวกับการจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15 ที่รัฐสภาเห็นชอบประชามติรอบที่ 2 เพื่อสอบถามประชาชนว่า เห็นด้วยหรือไม่ กับร่างรัฐธรรนมูญฉบับใหม่ ดังนั้น หลังจากนี้พรรคประชาชนเห็นว่า เราควรเดินหน้าสู่การจัดทําประชามติรอบที่ 1 พร้อมกับการเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้นจากการยุบสภาภายใน 4 เดือน หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใหม่ เข้าปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งจะกระทําการได้หลังจากที่รัฐสภาพิจารณา และให้ความเห็นชอบกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15 เพื่อเพิ่มกลไกในการจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่
.
พรรคประชาชน จึงมีข้อเสนอต่อรัฐบาลชุดใหม่ และเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้มีการดําเนินการ ดังต่อไปนี้
.
1. สส. จากแต่ละพรรคการเมือง ควรยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15 เข้าสู่รัฐสภาโดยเร็ว ซึ่งไม่ควรเกินสัปดาห์หน้า เพื่อให้สามารถดําเนินการจัดทําประชามติรอบที่ 1 ได้ทัน พร้อมกับการเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้น จากการยุบสภาภายใน 4 เดือน หลัง ครม. ใหม่ เข้าปฏิบัติหน้าที่ ณ ปัจจุบัน ทาง ส.ส.พรรคประชาชน และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้ยื่นร่างต่อประธานรัฐสภา และถูกบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมรัฐสภามาก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้น พรรคภูมิใจไทยในฐานะพรรคแกนนํารัฐบาล ควรพิจารณารวบรวมเสียง ส.ส.รัฐบาล เพื่อยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15 ของตนเองเข้าสู่รัฐสภาโดยเร็ว ซึ่งควรมีเนื้อหาที่เป็นการเสนอให้มี สสร.ที่มาจากการเลือกตั้งตามข้อตกลง แม้ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่า รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง แต่เราเห็นว่าคําวินิจฉัยดังกล่าว อาจยังไม่ได้ปิดประตูต่อการมี สสร.ที่มาจากการเลือกตั้ง เนื่องจากรัฐสภา สามารถออกแบบกลไกให้ สสร. ส่งร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ สสร. จัดทํา มาที่รัฐสภา ก่อนส่งไปทําประชามติกับประชาชนได้ อย่างไรก็ตาม คงต้องรอดูรายละเอียดในคําวินิจฉัยฉบับเต็ม
.
2. ส.ส.จากแต่ละพรรคการเมือง ควรร่วมกันผลักดันให้มีการเปิดประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15 ในวาระที่ 1 ภายในเดือนกันยายนนี้ โดยไม่จําเป็นต้องรอการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา เนื่องจากเป็นกระบวนการของฝ่ายนิติบัญญัติ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับฝ่ายบริหารโดยตรง เพราะการดําเนินการดังกล่าว จะเป็นจุดเริ่มต้นสําคัญ ที่จะทําให้เป้าหมายในการจัดทําประชามติรอบที่ 1 พร้อมกับการเลือกตั้งทั่วไป ที่จะเกิดขึ้นจากการยุบสภาภายใน 4 เดือน หลัง ครม. ใหม่ เข้าปฏิบัติหน้าที่ เป็นจริงได้
.
สุดท้าย พรรคประชาชนยืนยันว่า เราจะทําหน้าที่เต็มที่ในฐานะพรรคฝ่ายค้าน เพื่อดําเนินการตรวจสอบเสนอแนะ และผลักดันรัฐบาลใหม่ ให้บริหารประเทศเพื่อประโยชน์ของประชาชน และเดินหน้าสู่การปลดล็อกการจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามที่ได้สัญญากับประชาชนไว้ในข้อตกลง
.
เมื่อถามว่า มติเช่นนี้ เหมือนกับการที่รัฐสภายื่นดาบอำนาจให้ศาลรัฐธรรมนูญในการตีความหรือไม่ นายณัฐพงษ์ มองว่า ไม่ได้เป็นการปิดทางมากขึ้นแต่อย่างไร แต่จะคำวินิจฉัยที่บอกว่าให้สามารถทำประชามติ 3 ครั้ง แต่ครั้งที่ 1 และ 2 พร้อม กันได้ ดังนั้น ในวันนี้จึงเป็นที่ชัดเจนว่าสามารถทำประชามติได้ 2 รอบ เพียงแต่รอบแรก ต้องมีการทำออกแบบคำถามอย่างไร เป็นเรื่องที่ต้องคุยกันในสภาต่อ
.
เมื่อถามถึงการที่ในข้อตกลงมีการเขียนไว้ 2 ข้อ แต่ในคำวินิฉัยมีเขียนไว้เฉพาะจำนวนการทำประชามติ และมีเรื่อง สสร. เข้ามาด้วย จะทำให้การเลือกตั้ง สสร. โดยประชาชน แท้งเลยหรือไม่ และได้มีการคุยกับพรรคภูมิใจไทยแล้วหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ยังไม่มีการพูดคุยกันเพิ่มเติม แต่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญค่อนข้างชัดเจน ที่ยังไม่ได้มีการปิดช่องว่า จะมี สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งได้ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ต่อไป เป็นสิ่งที่พวกเราต้องหารือกันในรัฐสภา เพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลง
.
ถามถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่รัฐสภาไม่สามารถให้ประชาชนเลือกผู้มาร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง มองว่าหมายความว่าไม่ได้ปิดกั้น สรร.ใช่หรือไม่นาย ณัฐพงษ์ ระบุว่า ยังมีขั้นตอนรายละเอียดอื่น ๆ เช่น การออกแบบกระบวนการที่เป็นไปได้ แม้แต่การตีความว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมานั้น วินิจฉัยในกรอบรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ก่อนการแก้ไขหมวด 15 ซึ่งไม่มีบทบัญญัติการแก้ไขที่เกี่ยวกับ สสร. ดังนั้น หน้าที่ของสภา คือการแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 15 ให้แล้วเสร็จใน 4 เดือน ส่วนรายละเอียดอื่นๆ เป็นหน้าที่ ส.ส.ทุกคน ที่ต้องตกผลึก
.
เมื่อถามว่า หากสมาชิกมองว่า ควรมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาให้เรียบร้อยก่อน จึงจะให้ดำเนินการ มีความเป็นไปได้หรือไม่ หรือกลัวไม่ทัน นายณัฐพงษ์ เห็นว่า การแก้ไขเพิ่มเติมในหมวด 15 เป็นหน้าที่โดยตรงฝ่ายนิติบัญญัติ จึงไม่มีความจำเป็นแต่อย่างใดที่ต้องรอการแถลงต่อรัฐสภา ยิ่งทอดเวลาออกไป ยิ่งเพิ่มความเสี่ยง ที่จะทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้ทันกรอบเวลา 4 เดือน
.
ถามถึงกรณีที่หากนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี อาจมีการระบุว่า 4 เดือนไม่ทัน ขอเวลามากกว่านี้ เพื่อให้กระบวนการเสร็จสิ้นโดยไม่มีข้อสงสัยนั้น นายณัฐพงษ์ ย้ำว่า ตนได้ชี้แจงไปหมดแล้วว่า สิ่งที่พรรคประชาชนออกมาแสดงความชัดเจน คือการดำเนินการต่อจากนี้ ควรจะต้องทำอย่างไร เช่น การแก้ไขหมวด 15 โดยเร็วทันที โดยไม่ต้องรอให้มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งถือเป็นทางออกแบบหนึ่ง เพื่อให้บรรลุตามข้อตกลง ส่วนพรรคภูมิใจไทยจะมีการดำเนินการหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถตอบแทนได้ เป็นสิ่งที่สื่อมวลชนต้องไปถามนายอนุทิน และพรรคภูมิใจไทย ตนยืนยันว่า การดำเนินการใดๆ ที่จะทำให้พวกเราเห็นว่า พรรคภูมิใจไทยไม่ได้ดำเนินการตามข้อตกลง เราพร้อมใช้เสียงที่มีในสภา กำกับรัฐบาลให้เป็นไปตามข้อตกลง
.
อย่างไรก็ดี ในขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับใครเลย รวมถึงพรรคภูมิใจไทยด้วย เพราะการพูดคุยกับพรรคภูมิใจไทย มีเพียงการพูดคุยผ่านวิปตามปกติ ย้ำว่า ตั้งแต่การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ไม่มีการต่อสายตรงหลังบ้าน ไม่เคยมีการสื่อสารใดๆ กับหัวหน้าพรรคการเมืองใด ที่ผ่านมา พวกเราพยายามทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายค้าน ที่ไม่มีอำนาจในการกำกับทิศทางฝ่ายบริหารโดยตรง
.
เมื่อถามว่า หากนายอนุทินไม่เห็นด้วยกับการตีความของพรรคประชาชน ทั้งเรื่อง สสร.และการจัดทำประชามติ จะทำอย่างไร นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ต้องรอพูดคุยแลกเปลี่ยนกันก่อน โดยสำนึกของวิญญูชน เราสามารถเห็นได้ว่า พรรคภูมิใจไทยมีความจริงใจมากน้อยแค่ไหน ในการเดินหน้าตามเจตนารมณ์ของข้อตกลง เพราะหากมีการบิดพลิ้ว เราก็พร้อมใช้ 143 เสียงล้มรัฐบาลทันที และกำกับทิศทางรัฐบาลให้เป็นไปตามข้อตกลงมากที่สุด
.
สำหรับกรณีที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า แสดงความเห็นว่า เมื่อกำหนดกรอบไว้มากขนาดนี้ ต่อให้ดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้จริงตามกระบวนการ แต่ก็อาจไม่ใช่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่แท้จริง เห็นด้วยหรือไม่ นายณัฐพงษ์ ระบุว่า เป็นหน้าที่ของ ส.ส.ทุกคน ที่ต้องผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของประชาชน ในฐานะผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญมากที่สุด
.
.
ณัฐพงษ์ ลุยตรวจสอบรัฐบาล หลังแถลงนโยบาย ปัดตอบ รมว.ยุติธรรม เป็นบุรีรัมย์คอนเนคชั่น
https://www.matichon.co.th/politics/news_5363174
.
‘ณัฐพงษ์’ ลั่น ตรวจสอบรัฐบาลแน่ แต่ขอรอแถลงนโยบายก่อน หวั่น แสดงความเห็นโฉมหน้า ครม.แล้ว ‘ภูมิใจไทย’ เปลี่ยนใจปรับทัพตาม ปิดปากเงียบ ไม่ตอบ รมต.ยุติธรรม เป็นบุรีรัมย์คอนเนคชัน บอกสื่อรอจับตาทำหน้าที่ ‘ฝ่ายค้าน’ เต็มตัว หลังถูกถามไม่วิจารณ์เท่ากับยอมรับหรือไม่
.
เมื่อเวลา 15.45 น. วันที่ 10 กันยายน ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดตัวนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ว่า ตนตอบคำถามเรื่องคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใหม่มาหลายครั้งแล้วว่าพร้อมทำหน้าที่ตรวจสอบในฐานะฝ่ายค้านทันทีที่มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ณ ตอนนี้ ถ้าให้ความเห็นไปในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน แล้วหากมีการปรับปรุงโฉมหน้า ครม.ไป ตามที่ตนให้ความเห็นก็จะกลายเป็นว่าพรรคปชน.ไปยุ่งเกี่ยวกับ ครม. ซึ่งเป็นเส้นแบ่งที่ไม่ถูกต้องที่เราพยายามสื่อสารกับสังคมมาโดยตลอด ดังนั้น ความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับการจัด ครม. ขอให้เป็นข้อคิดเห็นของสาธารณชน และ สส.ทุกคน แต่ในฐานะหัวหน้าพรรคขอรอให้เกิดความชัดเจนก่อน
.
เมื่อถามว่า มีการบ้านอะไรที่จะมอบให้รัฐมนตรีใหม่หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า กรอบเวลา 4 เดือนก็เป็นกรอบระยะเวลาสั้นๆ ที่ตนอยากให้รัฐบาลชุดใหม่ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ที่สุด และอย่าลืมคำนึงถึงผลผูกพัน เช่น การใช้จ่ายงบประมาณไปถึงรัฐบาลชุดหน้า สิ่งที่เราต้องการตอนนี้ คือรัฐบาลชุดใหม่ที่ประชาชนเลือกมาไปพร้อมกับการเปิดประตูแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก็คงไม่ฝากอะไรมากไปกว่าให้ทุกคนเดินหน้าไปตาม MOA ที่ทำมา
.
เมื่อถามว่า พรรคปชน.สามารถตรวจสอบว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นบุรีรัมย์คอนเนคชั่น และเป็นคนสนิทของ ส.ว.สีน้ำเงิน ได้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า พร้อมตรวจสอบทันที อยากให้จับตาการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาวันแรกที่นอกเหนือจากเนื้อหาที่จะแถลง ก็ยังมีความเหมาะสมของ ครม. ที่เราเตรียมเนื้อหาไว้อภิปรายเรียบร้อยแล้ว
.
เมื่อถามถึง กรณีที่มีการมองว่าเป็นความรับผิดชอบของนายณัฐพงษ์ที่ทำให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นบุรีรัมย์คอนเนคชั่น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า อย่างที่บอกไป ขอยังไม่ให้ความเห็นในส่วนนี้ รอการแต่งตั้งและทำหน้าที่อย่างเป็นทางการก่อนดีกว่า
.
“ผมพร้อมให้ความคิดเห็นอย่างเต็มที่เรื่อง ครม. แต่หากตนให้ความเห็นไปก่อน แล้วมีการปรับเปลี่ยน ครม. ก็แปลว่าตนไม่ได้ดำรงสภาพในพรรคฝ่ายค้าน” นายณัฐพงษ์ กล่าว
.
เมื่อถามถึง ตำแหน่งที่มีการยืนยันแล้ว เช่น นายกรัฐมนตรีจะควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยด้วย จะทำให้เกิดข้อครหาหรือไม่ หรือควรจะเป็นคนกลางหรือคนนอกมารับตำแหน่งนี้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ อาจจะยังมีการปรับเปลี่ยนได้ ตอนนี้ขออนุญาตจริงๆ ว่ายังไม่ให้ความเห็นในส่วนนี้